วันเสาร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

พรึบวันนี้"แดง-เหลือง" ชุมนุมใหญ่ ดอนเมือง-อุดรระทึก

ที่มา ข่าวสด


แบ่งเขต - นายอำนาจ ผการัตน์ ผวจ. อุดรฯ ดูแลความเรียบร้อยในสวนสาธารณะหนองประจักษ์ฯ เมื่อวันที่ 13 ก.พ. ก่อนการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตร โดยมีการสร้างรั้วกำแพงกั้นแยกกับกลุ่มคนเสื้อแดงที่ระดมพลมาต่อต้าน

ม็อบเสื้อแดงชุมนุมใหญ่วันนี้ที่วัดไผ่เขียว ดอนเมือง ตร.ระดม 4 พันรับสถานการณ์ แกนนำนปช.ยันแค่กินเลี้ยงโต๊ะจีนระดมทุนแล้วกลับบ้าน ไม่มีเคลื่อนไปไหน และ"แม้ว"ก็ไม่โฟนอินเข้ามาครั้งนี้ อุดรฯตึงเครียดพันธมิตรตั้งเวทีที่หนองประจักษ์ เตรียมปราศรัยการเมืองใหม่ 14 ก.พ. ผู้ว่าฯสั่งปิดหนองประจักษ์เพื่อความสะดวกในการรักษาความปลอดภัย "ขวัญชัย ไพรพนา"นัดรวมพลคนเสื้อแดงที่วิทยุชุมชน คุยมาเป็นหมื่นแต่ไม่ออกไปไหน ออกตัวถ้าถูกยั่วยุท้าทายก็ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้น จวกพันธมิตรรู้ทั้งรู้ว่าอุดรฯเป็นพื้นที่ต้องห้ามแต่ยังบุกมา ถือว่าท้าทายกัน "มาร์ค"ยอมรับการชุมนุมแต่ต้องไม่ทำผิดกฎหมาย ถ้าบุกทำเนียบ ยึดสถานที่ราชการต้องจับกุม ส่วนแก๊สน้ำตาเป็นมาตรการสุดท้าย

-"มาร์ค"เคารพม็อบแต่ต้องไม่ผิดกม.

เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 13 ก.พ. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการรับมือกลุ่มผู้ชุมนุมว่า เจ้าหน้าที่ต้องเตรียมรับมือไว้ ขณะเดียวกันต้องให้เกิดความเข้าใจว่ารัฐบาลเคารพในการใช้สิทธิเสรีภาพในการชุมนุม แต่รัฐบาลไม่ต้องการให้มีการกระทำผิดกฎหมาย เมื่อทั้งสองฝ่ายระบุว่าจะไม่มีการบุกรุกสถานที่ราชการ รัฐบาลจึงขอให้ชัดเจนว่ากรณีที่มีความพยายามจะบุกรุกสถานที่ราชการนั้นภาครัฐจำเป็นต้องใช้มาตรการใด ซึ่งยึดหลักการใช้ความนุ่มนวล และปฏิบัติตามมาตรฐานที่เราเคยเรียกร้องมาตลอด คือ ต้องเจรจา ประกาศล่วงหน้า ตรงนี้ต้องประกาศให้สาธารณชนรับทราบเพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดหากเกิดเหตุการณ์ใดที่อาจเป็นอุบัติเหตุเกิดขึ้นมา เพื่อทุกฝ่ายเข้าใจว่ารัฐบาลมีความตั้งใจอย่างไร

ผู้สื่อข่าวถามว่านายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ให้วางกำลังทหารในทำเนียบรัฐบาล จะยิ่งเป็นการยั่วยุหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าเหตุการณ์ในปีที่ผ่านมา บ่งบอกว่าตำรวจต้องการมีคนมาช่วยเสริม และการที่ทหารจะเข้ามาในสถานการณ์ที่ไม่ได้ประกาศภาวะฉุกเฉินนั้นเป็นไปในฐานะผู้ช่วยเจ้าพนักงาน โดยผ่านที่ประชุม และเป็นความเห็นร่วมกันว่าจำเป็นให้ทหารมาเป็นผู้ช่วยตำรวจได้

-ลั่นจับกุมแกนนำถ้าบุกทำเนียบ

เมื่อถามว่าจะถึงขั้นต้องประกาศใช้พ.ร.ก. ฉุกเฉินหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ยังไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์ขนาดนั้น เมื่อถามว่านายกฯมั่นใจหรือไม่ว่าจะรักษาพื้นที่ทำเนียบไว้ได้ โดยไม่ถูกยึดเหมือนอดีต นายกฯกล่าวว่า เป้าหมายเป็นเช่นนั้นและต้องทำให้ได้ตามเป้าหมายนั้น เมื่อถามว่าขณะนี้มีข่าวลือว่าจะจับกุมตัวแกนนำของกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดง นายกฯกล่าวว่า หากไม่ได้ทำผิดกฎหมายจะไปจับได้อย่างไร แต่ถ้าทำผิดกฎหมายย่อมต้องถูกจับเหมือนคนอื่น เมื่อถามว่าหากบุกรุกเข้าทำเนียบจะจับกุมหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า มีขั้นตอนวิธีปฏิบัติอยู่แล้ว ต่อข้อถามว่ามั่นใจว่ายังมีทำเนียบรัฐบาลทำงานหลังการชุมนุมใช่หรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ตั้งใจเช่นนั้นและต้องทำให้ได้ตามเป้าหมาย

-ใช้แก๊สน้ำตามาตรการสุดท้าย

ผู้สื่อข่าวถามว่ามีรายงานแจ้งว่าจะใช้แก๊สน้ำตาสลายผู้ชุมนุม นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า นั่นเป็นขั้นตอนสุดท้ายแล้ว หลังจากมีมาตรการอื่นๆ มาก่อน สมัยที่เป็นฝ่ายค้านและเมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นตนเคยบอกว่า แก๊สน้ำตานั้นทำได้ แต่ต้องทำตามมาตรฐานสากล อาทิ ต้องประกาศเตือน ดูแลว่าการใช้ การยิง ถูกต้องตามหลัก ไม่ใช่ยิงแล้วทำให้คนเสียชีวิต และกำชับว่าต้องตรวจสอบคุณภาพให้เรียบร้อยก่อน อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่รายงานมาเป็นระยะๆ ว่าได้ฝึกและเตรียมการอยู่แล้ว ทั้งนี้ไม่ต้องการให้เกิดปัญหาใดๆ ขึ้นเลย เพียงแต่ต้องมีความพร้อมและไม่ประมาท เพราะมีบทเรียนจากอดีตมาแล้ว และมีเวลาในการทำงานมาระยะหนึ่งแล้วด้วย ตนไม่ต้องการให้ใช้อาวุธใดๆ อยากให้ทุกคนสามารถใช้สิทธิของตัวเองและทุกอย่างเรียบร้อย

-"ณัฐวุฒิ"แจง"แม้ว"ไม่โฟนอิน

ที่พรรคเพื่อไทย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ คณะทำงานฝ่ายการเมืองของพรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำนปช. กล่าวถึงการจัดเลี้ยงโต๊ะจีนระดมทุนของกลุ่มคนเสื้อแดงวันที่ 14 ก.พ. ที่วัดไผ่เขียว ดอนเมือง ว่า ขณะนี้สถานที่พร้อมแล้ว รวมถึงการติดป้ายบอกทางเข้างานและทราบว่าฝ่ายติดต่อประสานงานได้จองโต๊ะจีนไว้แล้วกว่า 1,000 โต๊ะ ส่วนยอดระดมทุนครั้งนี้ ต้องรอประเมินต้นทุนค่าใช้จ่ายจัดงานเลี้ยง แต่ขอให้มั่นใจว่าเงินระดมทุนที่ได้จะนำไปใช้โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวครั้งสำคัญเพื่อไปทวงข้อเรียกร้อง 4 ข้อต่อรัฐบาลชุดนี้ ซึ่งวันที่ 14 ก.พ.จะครบ 15 วันที่กำหนดไว้ จะประกาศจุดยืนและแนวทางการเคลื่อนไหวต่อไป นัดวัน เวลาชุมนุมใหญ่เพื่อเคลื่อนไปยังทำเนียบรัฐบาลเพื่อทวงถามข้อเรียกร้องดังกล่าวด้วย

นายณัฐวุฒิกล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ จะไม่โฟนอินเข้ามาอย่างแน่นอน แต่ถือเป็นการพบปะสังสรรค์ พูดคุยทางการเมือง สิ่งสำคัญจะได้พบปะมีโอกาสทักทายกระชับความสัมพันธ์กับคนเสื้อแดงกันอย่างใกล้ชิดมากกว่าการร่วมชุมนุมที่ผ่านมา ส่วนการรักษาความปลอดภัยได้รับความร่วมมือจากอาสาสมัครในเขตดอนเมือง อปพร. ตำรวจบ้าน มาร่วมด้วย จึงเชื่อว่าไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วง แต่ทราบว่าสุเทพ เทือกสุบรรณ ถึงกลับเรียกผบ.ตร.และผบช.น.ไปประชุมกำหนดมาตรการเตรียมรับมือ ทั้งที่เรารวมตัวกันอย่างสงบ แต่ถ้ามองในแง่บวกก็ถือเป็นเรื่องดีที่ตำรวจมาอำนวยความสะดวกให้

-ห่วงเสื้อแดงอุดรโดนพธม.ท้าทาย

"คนเสื้อแดงจะไปกินโต๊ะจีน เสร็จแล้วก็เลิก แยกย้ายกันกลับบ้าน ไม่มีการเคลื่อนขบวนไปไหน ขอยืนยันว่าวันพรุ่งนี้คนเสื้อแดงกินเสร็จจะกลับบ้าน ไม่ไปยึดวัดไผ่เขียวหรือไปกดดันเจ้าอาวาส จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกันทุกคน" นายณัฐวุฒิ กล่าว

นายณัฐวุฒิกล่าวแสดงความเป็นห่วงถึงสถาน การณ์เผชิญหน้ากรณีกลุ่มพันธมิตรไปจัดงานที่ จ.อุดรฯว่า ทราบว่าคนเสื้อแดงที่อุดรฯไม่สบายใจอาจจัดชุมนุมเผชิญหน้ากัน เกรงว่าจะเกิดเหตุปะทะกัน จึงรู้สึกแปลกใจว่าก่อนนี้ทางจังหวัดและหน่วยงานด้านความมั่นคงประกาศปิดพื้นที่หนองประจักษ์ตั้งแต่วันที่ 13-15 ก.พ.นี้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหา แต่กลับเปิดให้พันธมิตรเข้าไปปักป้าย ตั้งเต็นท์ดำเนินกิจกรรมได้

"แม้ว่าการชุมนุมของประชาชนจะเป็นสิทธิโดยชอบมีกฎหมายรองรับ แต่ต้องคำนึงถึงข้อเท็จจริงด้วยว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรมีหลายเหตุการณ์ที่ออกนอกแนวทางประชาธิปไตย ซึ่งคงมีคนส่วนหนึ่งไม่พอใจและอาจแสดงอาการคัดค้าน ต่อต้าน ขอฝากไปยังชาวอุดรฯ ขอให้อยู่ในความสงบเรียบร้อย คำนึงถึงความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สินของทุกคนที่ร่วมต่อสู้ด้วย อีกทั้งอยากให้คำนึงด้วยว่ากลุ่มพันธมิตรก็เป็นคนไทยด้วยกัน หากพูดจาทำความเข้าใจกันได้ก็เป็นเรื่องที่ดี" นายณัฐวุฒิ กล่าว

นายณัฐวุฒิกล่าวว่า มองว่าการเคลื่อนไหวชุม นุมของกลุ่มพันธมิตรมีเจตนาต้องการท้าทายไปกระทบกระทั่งความรู้สึกของคนอุดรฯโดยเจตนา เหมือนต้องการไปปักธงประกาศศักดิ์ศรี ซึ่งท่าทีดังกล่าวยิ่งไปกระทบความรู้สึกคนอุดรฯ เราไม่อยากเห็นภาพเหตุการณ์ปะทะกันจนนองเลือด เพราะจะยิ่งทำให้สถานการณ์ตึงเครียดได้ ขอฝากไปยังรัฐบาลแทนที่รองนายกฯฝ่ายความมั่นคงจะมากังวลกับคนเสื้อแดงจัดโต๊ะจีนที่ดอนเมือง ควรจัดกำลังไปดูแลสถานการณ์ที่จ.อุดรฯ เพราะทุกคนรู้ว่าที่นั่นมีเสื้อแดงจำนวนมาก รวมกันเข้มแข็ง เป็นปึกแผ่นเหนียวแน่น อยู่ๆ อีกกลุ่มจะเข้าไปประกาศศักดาอย่างนั้น คิดว่าต้องระวังเรื่องการยั่วยุ และหากเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น หวังว่าคนเสื้อแดงจะได้รับการปฏบัติจากเจ้าหน้าที่ในมาตรฐานเดียวกัน แม้ว่าจะเป็นประชาชนที่ไม่มีเส้น

-แฉพิรุธงบลับ 2 พันล้าน

นายณัฐวุฒิกล่าวถึงผู้นำเหล่าทัพและฝ่ายความมั่นคงปฏิเสธเรื่องจัดงบลับ 2 พันล้านบาทในโครง การมุ่งสลายเสื้อแดงว่า การปฏิเสธของทางกองทัพ เป็นสิ่งที่ทำได้ซึ่งจะนำเสนอข้อมูลออกมาอย่างไร แต่ความคลางแคลงสงสัยจากตนยังมีอยู่ ไม่ได้หมดไป และทราบมาว่าข้อมูลที่ได้รับรู้ไม่ได้มีเพียงเท่านั้น ยังเตรียมการและกำหนดเป้าหมายเป็นคนเสื้อแดงซึ่งงบประมาณก็มากกว่านี้ซึ่งเรื่องนี้มีข้อสังเกตมากมาย และยังมีข้อมูลอยู่อีกบางส่วน หลังเสร็จสิ้นการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงแล้ว คงจะได้สอบถามตรวจสอบกันต่อไป

นายณัฐวุฒิยังตั้งข้อสังเกตว่า 1.ในช่วงแรกที่ตนปิดเผยข้อมูลงบประมาณ 2 พันล้านบาทที่จะจัดการกับคนเสื้อแดง โฆษกกองทัพบกปฏิเสธว่าไม่จริง จริงๆ ใช้เพียง 520 ล้านบาท หลังจากนั้น 2 วัน ออกมาแถลงชี้แจงใหม่ บอกว่าจริงๆ แล้วใช้ไป 650 ล้านบาท ภายหลังทราบว่าพูดถึงตัวเลข 1,000 ล้านบาท ที่เกี่ยวข้องกับโครงการนี้ 2.การที่ระบุว่าจะจัดสรรกำลังพลไปเพื่อปฏิบัติการนี้ หมู่บ้านละ 6-8 นาย จากข้อมูล 74,427 หมู่บ้าน ตนให้ไปเลยหมู่บ้าน 7 คน คำนวณแล้วประมาณ 5 แสนกว่าคน ซึ่งยังไม่นับรวมชุมนุมอีก 1,856 ชุมนุม กองทัพไม่ได้พูดทั้งๆ ที่ในแผนยังมีอยู่ เพราะเกรงว่าจะเกินงบประมาณพันล้าน ขณะที่กำลังพลที่จัดลงไป 5 แสนคน มีกำลังจริงหรือเปล่า เท่าที่ทราบ 3 เหล่าทัพ มีกำลังทั้งหมด 2 แสนนาย กองทัพบกมีนายทหารชั้นสัญญาบัตร 6,000 นาย ชั้นประทวน 1.3 แสนนาย เป็นกำลังหลัก 5 หมื่นนาย และปฏิบัติภารกิจในภาคใต้ 3 หมื่นนาย ที่เหลืออยู่ตามชายแดน แสดงว่ามีกำลังเหลืออีกไม่กี่หมื่นนาย

"อยากถามว่ากำลังส่วนไหนจะไปทำหน้าที่โครงการนี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะลงพื้นที่พร้อมกัน 7 หมื่นหมู่บ้านพร้อมกันทั่วประเทศและทำเสร็จภายใน 6 เดือน แต่ที่เป็นไปได้มากที่สุด คือเป็น การเลือกลงเฉพาะบางพื้นที่ บางหมู่บ้าน บางตำบลที่เป็นเป้าหมายหลัก ถ้าเป็นเช่นนั้น เรื่องคนกับเงินถึงจะมีความเป็นไปได้ และการที่รมว.กลาโหมระบุว่าเป็นโครงการงบของกอ.รมน. จากที่ตรวจสอบแผนงานของกอ.รมน.ก็ไม่มีอยู่ มีเพียงโครง การเศรษฐกิจแก้วิกฤตให้ประชาชน งบเพียง 91 ล้านบาท ไม่ถึง 650 ล้านบาท เพราะยิ่งชี้แจงก็ยิ่งยุ่ง เพราะไม่ได้เริ่มต้นจากฐานความเป็นจริง ดังนั้นเรื่องนี้จะรอดูท่าทีของกองทัพและรัฐบาล ซึ่งผมมีคำถามและประเด็นจะได้สอบถามต่อไป" นายณัฐวุฒิกล่าว

-"เหวง"ยื่น"อนุพงษ์"แจงข้อเท็จจริง

ก่อนหน้านั้นเวลา 10.00 น. ที่บก.ทบ. น.พ. เหวง โตจิราการ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ยื่นหนังสือถึงพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. เพื่อขอทราบข้อมูลกรณีที่ปรากฏเป็นข่าวว่า ฝ่ายยุทธการ ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก จัดทำโครงการโดยใช้งบประมาณเกือบ 2 พันล้านบาท และใช้กำลังพลของทุกเหล่าทัพปฏิบัติงานในพื้นที่ 74,474 หมู่บ้าน โดยมีกลุ่มเป้าหมายหลักคือกลุ่มเสื้อแดง

น.พ.เหวงกล่าวว่า ทางกลุ่มมีความไม่สบายใจต่อบทบาทของผู้นำบางคนในกองทัพไทย โดยเฉพาะกองทัพบก ซึ่งมีส่วนสำคัญในการยึดอำนาจล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 19 ก.ย.2549 และมีบทบาทขัดขวางกระบวนการประชาธิปไตยมิให้ดำเนินการไปตามวิถีทางอย่างราบรื่น เช่น บทบาทของผบ.ทบ. ที่กดดันรัฐบาลประชาธิปไตยให้ยุบสภาหรือลาออก รวมถึงการวางเฉยของผู้นำบางคนในกองทัพ ในการจัดการกับผู้ก่อการร้าย ยึดสนามบิน และทำเนียบรัฐบาล ตลอดจนแทรกแซงการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งไม่ใช่หน้าที่ของกองทัพ

"หากข่าวสารที่ปรากฏในสื่อเป็นความจริงย่อมแน่ชัดว่า มิใช่เพียงคนเสื้อแดงที่ตกเป็นเป้าหมายของการทำลายล้างทางการเมือง โดยอาศัยข้ออ้างในการปกป้องเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ และความสมานฉันท์ของคนในชาติ แต่หมายถึงระบอบประชาธิปไตยกำลังถูกคุกคามอีกครั้งหนึ่ง โดยกองทัพใช้งบประมาณจากเงินภาษีของประชา ชนทั้งประเทศ ซึ่งขัดแย้งกับคำขวัญโฆษณาชวน เชื่อของกองทัพ ที่ว่าเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชน ทางกลุ่มจึงขอใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 มาตรา 56 ว่า บุคคลย่อมมีสิทธิได้รับทราบและเข้าถึงข้อมูลข่าวสารสาธารณะ ในครอบครองของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐและ พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของทางราชการ พ.ศ.2540 มาตรา 11 ว่าถ้าบุคคลใดขอข้อมูลข่าวสารอันใดของราชการ และคำขอนั้นระบุข้อมูลข่าวสารที่ต้องการในลักษณะที่จะเข้าใจได้ตามสมควรให้หน่วยงานของรัฐรับผิดชอบ จัดหาข้อมูล ข่าวสารนั้น ให้แก่ผู้ขอภายในเวลาอันควร ทางเราจึงขอให้กองทัพเปิดเผยข้อมูลเหล่านี้ด้วย" น.พ.เหวง กล่าว

-ผบช.น.ระดมปจ.26กองร้อย

วันเดียวกัน พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น. มีหนังสือศปก.น. ด่วนที่สุดถึงผู้ปฏิบัติ ผบช.ภาค 1, 2, 3, 6, 7, ตชด., บช.ก., ผบก.ป., ผบก.น.1-9, ตปพ., จร. และอก. ตามที่ปรากฏสถานการณ์ด้านการข่าวกรณีกลุ่มนปช. มีแนวโน้มรวมตัวปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลและสถานที่อื่นที่เกี่ยวข้อง แต่ยังไม่ทราบวันเวลาที่แน่ชัด อาจเป็นวันที่ 16-17 หรือ 23-24 ก.พ. ซึ่งจะได้สืบสวนหาข่าวอย่างใกล้ชิดต่อไปนั้น เนื่องจากรัฐบาลและผู้บังคับบัญชาระดับตร. มีนโยบายให้จัดวางกำลังรักษาความปลอดภัยป้องกันมิให้กลุ่มผู้ชุมนุมยึดทำเนียบรัฐบาลเป็นอันขาด ดังนั้นเพื่อให้การปฏิบัติภารกิจเป็นไปด้วยความเรียบร้อยจึงเรียนมาเพื่อขอความร่วมมือดำเนินการดังนี้ ภาค 1, 2, 3, 6 และ 7 จัดกำลังปจ.หน่วยละ 2 กองร้อยต่อผลัด บช.ตชด.จำนวน 4 กองร้อยต่อผลัด(รวม ตชด.หญิง) บช.ก.(บก.ป.) จำนวน 1 กองร้อยต่อผลัด บก.น. 1-9 จำนวนหน่วยละ 1 กองร้อยต่อผลัด บก.ตปพ. จำนวน 2 กองร้อยต่อผลัด (รวมกำลัง ปจ.ทั้งสิ้น 26 กองร้อย จำนวน 3,900 นายต่อผลัด) กำหนดให้สับเปลี่ยนกำลังผลัดละ 24 ช.ม. ดังนั้นกำลังที่ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติภารกิจต้องเตรียมการเกี่ยวกับเรื่องการส่งกำลังบำรุง อุปกรณ์เสื้อผ้า ของใช้ส่วนตัว หน้ากากกันแก๊สน้ำตา(หากมีการใช้ อาจใช้แว่นตาสำหรับว่ายน้ำและผ้าปิดจมูกแทน) และเสื้อเกราะกันกระสุน เป็นต้น

หน่วยปฏิบัติให้แจ้งรายชื่อ รองผบก. และผบ. ร้อยผู้ควบคุมกำลัง พร้อมหมายเลขโทรศัพท์ติดต่อ รายงานบช.น. ภายในวันจันทร์ที่ 16 ก.พ. ก่อนเวลา 12.00 น. กรณีสถานการณ์การชุมนุมยืดเยื้อ ให้แต่ละหน่วยจัดเตรียมกำลังกำลังชุดที่ 2 รอสับเปลี่ยน แจ้งมาเพื่อทราบและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

-ผวจ.อุดรฯตรวจหนองประจักษ์

วันเดียวกันเวลา 14.00 น. นายอำนาจ ผการัตน์ ผวจ.อุดรธานี ไปตรวจความเรียบร้อยบริเวณสวนสาธารณะหนองประจักษ์ศิลปาคม พบกลุ่มพันธมิตรกำลังจัดแต่งสถานที่ ได้สอบถามแกนนำโดยขอให้ควบคุมไม่ให้นำเครื่องของมึนเมามาภายใน ทางแกนนำพันธมิตรรับรองจะไม่มีการนำสุราเข้ามาในงาน จากนั้นผวจ.อุดรฯออกมาเดินตรวจริมกำแพงซึ่งเมื่อปีที่แล้วม็อบชมรมคนรักอุดรใช้ปีนเข้าไปทำร้ายกลุ่มพันธมิตร โดยครั้งนี้เจ้าหน้าที่ทำรั้วลวดหนามมากั้นเสริมเพิ่มเติม

จากนั้นนายอำนาจไปตรวจเยี่ยมสถานีวิทยุชมรมคนรักอุดร ซอยบ้านหนองเหล็ก ต.หมากแข้ง อ.เมือง นายขวัญชัย สารคำ หรือพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดรฯ นำสมาชิกมาต้อนรับ โดยรับปากว่าวันพรุ่งนี้จะนำสมาชิกมาชุมนุมกันที่ลานข้างสถานีของชมรมเท่านั้น จะไม่นำสมาชิกไปสวนสาธารณะหนองประจักษ์อย่างแน่นอน เพื่อความสงบเรียบร้อยของจังหวัด จากนั้นนายอำนาจเข้าไปพูดออกอากาศเป็นภาษาอีสาน ขอร้องประชา ชนชาวอุดรฯในวันที่ 14 ก.พ.นี้ไม่ให้ออกไปปะทะกับกลุ่มพันธมิตร โดยขอให้เห็นแก่บ้านเมืองด้วย

ต่อมาเวลา 16.00 น. นายอำนาจไปเป็นประธานเดินรณรงค์ "พลังรัก พลังสามัคคี อุดรธานีร่วมมือ" ที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัด เพื่อสร้างความปรองดองสมานฉันท์ของคนในชาติ และสร้างจิตสำนึกร่วมของคนในชาติให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน โดยมีนายสมบัติ ตรีวัฒน์สุวรรณ รองผวจ.อุดรฯ นำคณะข้าราชการ ทหาร ตำรวจ พ่อค้า ประชาชน นักเรียน นักศึกษานับหมื่นคน เข้าร่วมเดินรณรงค์ไปตามถนนในเขตเทศบาลนครอุดรธานี

-พธม.อุดรฯฟุ้งมากันเป็นหมื่น

นายเจริญ หมู่ขจรพันธ์ แกนนำพันธมิตรอุดรธานี กล่าวว่าขณะนี้เตรียมงานที่สวนสาธารณะหนองประจักษ์เกือบ 100% คาดว่าจะมีประชาชนทั่วประเทศมารับฟังการเมืองใหม่นับหมื่นคน สำหรับการรักษาความปลอดภัยเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ ส่วนเราจะมีเจ้าหน้าที่อาสาความปลอดภัย แต่ไม่ใช่เรื่องสำคัญในการเตรียมการอะไรมากนัก ซึ่งการชุมนุมครั้งนี้อยู่ภายใต้กฎหมาย และเชื่อว่าจะไม่มีการเคลื่อนไหวออกมาต่อต้านในรูปขบวนการก็มีเพียงแค่การกระทำของส่วนบุคคล เช่น มีการท้าทายหรือโห่ร้องเท่านั้น ส่วนการรักษาความปลอดภัยเวลาตอนกลางคืนวันนี้ ได้รับการประสานงานจากผบช.ภาค 4 จะส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารมาเฝ้ารักษาความปลอดภัยรอบพื้นที่ ซึ่งทางจังหวัดสั่งปิดการใช้สวนสาธารณะหนองประจักษ์แล้ว ทำให้การรักษาความปลอดภัยดูแลได้ทั่วถึง

-"ขวัญชัย"ขออยู่ในที่ตั้งแต่อย่ามายั่ว

ที่สถานีวิทยุชุมชนคนรักอุดร นายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร คนเสื้อแดง กล่าวว่าช่วงเช้าของวันที่ 14 ก.พ.ชมรมมีกิจกรรมทำบุญเลี้ยงพระ ในการได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้น 4 เพื่อเป็นสิริมงคลให้กับตนเองและวงศ์ตระกูล พวกเราเองจะใช้ความอดทนให้มากที่สุด ถึงแม้จะถูกยั่วยุหลายๆเรื่อง เมื่อก่อนพวกเราหลงทางจากเหตุ การณ์วันที่ 24 ก.ค.51 นำคน 2,000 คนไปสวนสาธารณะหนองประจักษ์ แล้วมีการทำร้ายกัน เกิดเหตุการณ์ชุลมุนขึ้นมาทำให้เป็นคดีความในตอนนี้

ประธานชมรมคนรักอุดรกล่าวอีกว่า วันพรุ่งนี้พวกเราจะอยู่ในที่ตั้ง โดยเสื้อแดงจะมารวมกันอย่างต่ำหมื่นคนขึ้นไป และอย่ามายั่วยุ แต่ถ้าหากเข้ามาใกล้ชายคาเมื่อไร พวกเราทำอะไรไปแล้วอย่ามาโทษเรา รัฐบาลต้องรับผิดชอบ เพราะให้ความร่วมมือกับส่วนราชการว่าจะอยู่ในที่ตั้ง ซึ่งตอนนี้คนเสื้อแดงจากหนองบัวลำภู หนองคาย และอีกหลายจังหวัดกำลังทยอยเข้ามาจ.อุดรฯ เป็นภาพลักษณ์ที่ดีหรือที่ระดมเจ้าหน้ามารักษาความปลอด ภัย ควรเป็นวันแห่งความรักรับดอกกุหลาบและรอยยิ้มต่อกัน แต่ต้องมาเคร่งเครียดในเรื่องนี้ อุดรฯกลายเป็นเมืองโหดร้ายแล้วหรือ ตนเป็นคนของสังคม ทำประโยชน์ให้กับส่วนรวม แต่วันนี้กลุ่ม พันธมิตรมาระบายสีตีไข่ ทำให้คนอื่นมองเป็นคนก้าวร้าว โหดร้าย ป่าเถื่อน นี้คือสิ่งที่ยอมไม่ได้

-แฉมือที่ 3 เตรียมสร้างสถานการณ์

นายขวัญชัยกล่าวอีกว่า คนเสื้อแดงทั้งหมดจะอยู่ที่นี้ ถ้ามีคนจำนวนมากเกินไปจะนำคนเสื้อแดงไปกราบกรมประจักษ์ศิลปาคมในวันพรุ่งนี้ และยืนยันว่าจะอยู่ในที่ตั้งตามที่นายกฯต้องการความสมานฉันท์ พวกเราไม่ใช่คนเริ่มต้น พวกคุณเป็นฝ่ายเริ่มต้นที่เข้ามาในพื้นที่อันตรายที่มีการต่อต้านอยู่แล้ว แต่ยังดื้อดึงเข้ามา และยังปลุกระดมคนทั่วประเทศเข้ามาจ.อุดรฯ ทำเพื่ออะไร ส่วนมือที่ 3 นั้นทางเจ้าหน้าที่สืบเชิงรุกคงรู้เอง แต่ถ้าพวกเราไม่เคลื่อนไหวก็จะมีการสร้างสถานการณ์ขึ้นมาเอง แบบเดียวกันกับแถวทำเนียบรัฐบาล ที่มีการยอมเสียเบี้ยเพื่อหวังผล ซึ่งพวกเขาเตรียมนักข่าวมาเยอะก็ขอให้เจ้าหน้าที่หรือนักข่าวมาบันทึกภาพกิจกรรมการชุมนุมของคนรักอุดรฯว่ามีการเคลื่อนไหวหรือไม่ และถ้าใครมาสวมรอยเป็นมือที่ 3 ประชาชนทั้งประเทศและทั้งโลกจะตัดสินเอง

-รวมพลที่ขอนแก่นก่อนมาอุดรฯ

เวลา 18.30 น. สถาบันเสื้อแดงขอนแก่น นำโดยนายยงยุทธ คงปฏิมากร ประธานกลุ่มนปช. ขอนแก่น เปิดเวทีปราศรัยในสนามกีฬาต้านยาเสพติด ริมบึงแก่นนคร เทศบาลนครขอนแก่น ซึ่งห่างจากบ้านนายประจักษ์ แกล้วกล้าหาญ รมช.คมนา คม กลุ่มเพื่อนเนวินประมาณ 300 เมตร โดยมีสมาชิกคนเสื้อแดง 100 คนเข้าร่วมชุมนุม และมี สมาชิกคนเสื้อแดงจากอำเภอต่างๆในจ.ขอนแก่น พร้อมคนเสื้อแดงจ.มหาสารคาม กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด นครราชสีมา มุกดาหาร ทยอยมาร่วมชุมนุม และเตรียมเคลื่อนพลจากจ.ขอนแก่นไปร่วมกับคนเสื้อแดงที่จ.อุดรธานี โดยมีพ.ต.อ.ฉลอง ภาคย์ภิญโญ รองผบก.ภ.จว.ขอนแก่น พ.ต.อ.สุจินต์ นิจพานิช ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น พ.ต.ท.วุฒิศักดิ์ รองเมือง สวป.สภ.เมืองขอนแก่น ตำรวจชุดเฉพาะกิจภ.จว. ขอนแก่นประมาณ 200 นาย มาคอยดูแลความ สงบเรียบร้อย และกันไม่ให้มีมือที่ 3 เข้ามาสอดแทรก นอกจากนี้มีกำลังทหารสังกัดในค่ายศรีพัชรินทร์ จ.ขอนแก่น ประมาณ 50 นายมาดูแลความสงบเรียบร้อย

นายยงยุทธกล่าวว่าคนเสื้อแดงขอนแก่นรวมพลังกับคนเสื้อแดงหลายจังหวัดภาคอีสาน เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมและประชาธิปไตยกลับคืนมา เพราะรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ทำให้ประชาชนผิดหวังอย่างมาก และคนไทยกำลังเป็นหนี้ต่างประเทศ คนเสื้อแดงจึงต้องออกมารวมพลัง ซึ่งจะไม่ใช้ความรุนแรง ไม่ปะทะกับใคร แต่จะใช้ปัญญาและวาทศิลป์เรียกร้องความเป็นธรรมต่อสู้เพื่อให้มีประชาธิปไตย เช่นเดียวกับสมัยพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกฯ

-เสื้อแดงโคราชไล่"บุญจง"

เมื่อเวลา 13.30 น.ที่โรงแรมสีมาธานี จ.นคร ราชสีมา นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย เป็นประธานเปิดอบรมสัมมนาโครงการเสริมสร้างศักยภาพและประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของผู้นำท้องถิ่นประจำปี 2552 โดยมีประธานชมรมกำนัน ผู้ใหญ่บ้านจากทุกอำเภอ ทั้ง 19 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือเข้าร่วม 322 คน ก่อนงานจะเริ่มมีกลุ่มคนเสื้อแดงมารวมตัวประท้วงนายบุญจงบริเวณชั้นล่างของโรงแรม พร้อมตะโกนขับไล่และถือป้ายด่าทอ ทั้งนี้นายประหยัด เจริญศรี รองผู้ว่าฯนครราชสีมา พร้อมกำลังตำรวจกว่า 10 นายเข้ามาพูดคุยขอร้องให้ผู้ชุมนุมออกจากโรงแรม ทางแกนนำกลุ่มจึงฝากข้อความไปยังนายบุญจงว่า ทำไมทรยศต่อประชาชน ก่อนสลายการชุมนุม