“แก้วเป่าเรือสำเภา”
โดยความหมายแฝงมงคล กับสิ่งที่ “ปู่จิ้น” นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย ได้นำทีมเข้ามอบของที่ระลึกแก่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และ ครม.ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อโปรโมตงานโอทอปเฟสติวัล อินเดอะซิตี้ 2009
หมายถึงรัฐนาวา ที่ต้องการกัปตันที่มีความสามารถ ฝ่าคลื่นลมการเมืองอันแปรปรวน และพายุเศรษฐกิจที่โหมซัด ให้เข้าสู่ฝั่งด้วยความปลอดภัย เพื่อสวัสดิภาพของประชาชนชาวไทยทุกคน
อย่างน้อยก็ทันสถานการณ์ เข้ากับอารมณ์พอดี
กับน้ำเสียงปลงๆล่าสุดที่นายกฯอภิสิทธิ์ ยอมรับเลยว่า พรรคประชาธิปัตย์กำลังจะ เผชิญกับคดียุบพรรครอบสอง หลังจากรอดมาแล้วรอบหนึ่ง
ถ้าเป็นมวยก็ออกอาการ
เป็นสัญญาณต่อเนื่องจากบทคาใจข้อมูลลับๆปม “ไซฟ่อนเงิน” หลุดจากกรมสอบสวน คดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ไปอยู่ในมือของ “สารวัตรเหลิม” ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง หัวหน้าทีมเชือดฝ่ายค้าน พรรคเพื่อไทย
แฉกันจะจะ ไล่ต้อนเกือบจนมุมกลางสภา
โดยลีลาตีกรรเชียงหนีไม่ออก คนที่อยู่ในโพยต้องอาศัยสีข้างลากถูกันไป
ที่แน่ๆในอารมณ์ปลงของนายกฯอภิสิทธิ์ เป็นอาการที่เกิดขึ้นในวันเดียวกับคิวที่นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง ได้สั่งให้นำเรื่องที่ดีเอสไอส่งสำนวนให้ตรวจสอบปมเงิน 258 ล้านบาท ของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ได้รับสนับสนุนจากบริษัทเอกชน รวมถึงเงินกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ที่ได้รับจาก กกต.เข้าที่ประชุมใหญ่
ตั้งแท่นชงคดี “ยุบพรรค” อย่างเป็นการเป็นงาน
ในขณะที่นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ฝ่ายกิจการพรรคการเมือง เล่นบทขึงขังตั้งแง่เอกสารหลักฐานที่ดีเอสไอส่งให้ กกต.แจ้งไว้ 8 แฟ้ม แต่เหลือแค่ 7 แฟ้ม หายไป 1 แฟ้ม
โวยพิรุธ ดักคอเกมยึกยัก
ตีกันพวก “เสก” ข้อมูลล่องหน
และก็เป็นอะไรที่คนประชาธิปัตย์ต้องเสียวสันหลัง กับการโดดเข้าร่วมวงของ “มือล้มโต๊ะเฉพาะกิจ” อย่างนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา ในฐานะคนกันเอง ได้ทำหนังสือไล่บี้นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง เพื่อให้ตรวจสอบการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของผู้สมัครพรรคประชาธิปัตย์ที่ได้รับเงินสนับสนุนจากพรรค
เนื่องจากพบว่า ในปี 2550 พรรคประชาธิปัตย์ได้ระบุว่าจ่ายเงินสนับสนุนให้ผู้สมัคร ส.ส.เป็นเงิน 270,650,000 บาท แต่ไม่พบว่ามีการหักภาษี ณ ที่จ่ายจากเงินดังกล่าว
เอาเป็นว่า เมฆฝนตั้งเค้า
จากเขามาถึงคิวเรา พรรคประชาธิปัตย์เคยสร้างผลงานบี้จนยุบพรรคไทยรักไทยได้ราบคาบ พร้อมกับพันธนาการโซ่ตรวนนักเลือกตั้งอาชีพไว้ในบ้านเลขที่ 111
ดองเค็มคู่ต่อสู้ ขังคุกคู่แข่งทางการเมือง
ถ้าว่ากันตามท้องเรื่องของกฎแห่งกรรม ปริศนาธรรมของ “บิ๊กแอ้ด” พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เชื่อในเรื่องกฎแห่งกรรม
ผู้ที่ทำอย่างไรไปแล้ว มักจะได้รับผลตอบแทน
เป็นมุกปฏิเสธนิ่มๆ ไม่ได้อยู่เบื้องหลังวางแผนโค่นอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร
ขณะที่อีกฝ่ายย้อนทันควัน อดีตนายกฯทักษิณย้ำ ใครกล้าทำก็ต้องกล้ายอมรับ กรรมของคนบางคนก็ออนไลน์ บางคนชดใช้กรรมในชาตินี้ไม่ได้ก็ต้องใช้กรรมในชาติหน้า
สรุปว่า “ทักษิณ-สุรยุทธ์” เชื่อเหมือนกัน
กฎแห่งกรรมมีจริง
ในอดีตคนของค่ายไทยรักไทยเคยดาหน้าปฏิเสธ ไม่มีการตั้งพรรคสำรองเผื่อรองรับคดียุบพรรค โบ้ยเกมบลัฟของพรรคประชาธิปัตย์
แต่สุดท้ายก็ต้องอพยพหนีตายไปอยู่พรรคพลังประชาชน
วันนี้ก็เป็นนายกฯอภิสิทธิ์และลูกข่ายพรรคประชาธิปัตย์ที่ต้องออกมาบอกปัด ปฏิเสธข่าวการตั้งพรรคสำรอง เผื่อรองรับคดียุบพรรคจากคิวไซฟ่อนเงิน
กำลังเพลินกับอำนาจไม่เท่าไหร่
กรรมมาจ่อซะแล้ว.
ทีมข่าวการเมือง รายงาน