วันจันทร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2552

ล่อจนเสือออกจากถ้ำ

ที่มา ไทยรัฐ

เปิดซองเฉลยกันแล้ว “ป๋าเปรม” พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ คือ “ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ”

และก็ไม่เหนียมกันอีกต่อไป

ในอารมณ์ของแกนนำม็อบเสื้อแดงเต็มตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปราศัยผ่านวีดิโอลิงค์ ส่งเสียงและภาพมาที่เวทีม็อบเสื้อแดงหน้าทำเนียบรัฐบาล

ปลุกระดมกองเชียร์ ออกมาชุมนุมให้มืดฟ้ามัวดิน

พร้อมกวักมือเรียกลูกน้องเก่า สมาชิกบ้านเลขที่ 111 อดีตลูกข่ายพรรคไทยรักไทย ให้โดดขึ้นเวทีคนเสื้อแดง สู้กับฝ่ายโค่นอำนาจ

ไม่ต้องกั๊ก ไม่ต้องเขินกันอีกต่อไป

ขนาดนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะน้องเขย ยังสลัดมาดนุ่มนิ่มขี้อาย ขึ้นเวทีร้องเพลง “คิดถึงเสมอ” ปลุกเร้าอารมณ์ผู้ชุมนุมเสื้อแดง


“ทักษิณ” เปิดหวูด ห้อตะบึงเต็มสตรีม

ภายใต้เดิมพันต้อง “เคลียร์” ให้จบภายใน 3 เดือน ตามหมากที่เซียนการเมืองอ่านกันว่า จุดพลิกผันจะเกิดขึ้นนับจากนี้ไปจนถึงเดือนมิถุนายน

ถ้าเลยจุดหักดิบ กองกำลังเสื้อแดงจะอ่อนล้าไปเอง

โดยเงื่อนไข ยังไงก็ต้องโหมโรงกันเต็มอัตราศึก

แต่ที่แน่ๆ โดยยุทธศาสตร์ดับเครื่องชนของ “ทักษิณ” ทลายกำแพง“ประเพณี”แบบไทยๆ รุกเข้าถึงกองบัญชาการใหญ่ของฝ่ายอำมาตยาธิปไตย

ปะฉะดะไม่เเลือกหน้า องคมนตรี ตุลาการ

เอาข้อมูล “ลับๆล่อๆ” ที่ลือกันปากต่อปาก มายืนยันออกอากาศ

ล่อเสือออกจากถ้ำจนได้

กับปริศนา พลเอก“ส”ก็เปิดตัวออกมาแล้ว พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี อดีตนายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า เคยไปบ้านของ “มิสเตอร์พี” นายปีย์ มาลากุล ณ อยุธยา แถวย่านสุขุมวิท และได้เจอกับ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรอง ผอ.กอ.รมน.จริง

แต่ไม่ได้วางแผนปฏิวัติ แค่การหารือถึงสถานการณ์ทางการเมือง

และก็เป็นนายปีย์ ที่ออกมาช่วยเคลียร์หน้าเสื่อ ยอมรับว่า เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2549 ก่อนเกิดเหตุการณ์รัฐประหาร 5 เดือน ได้มีการนัดบรรดาเพื่อนๆ ทั้งที่เป็นองคมนตรี ตุลาการ และ พล.อ.พัลลภ มารับประทานอาหารเย็นที่บ้านจริง

แต่คุยกันเรื่องตุลาการภิวัตน์ และสถานการณ์บ้านเมืองโดยทั่วไป ไม่ได้นัดหารือเพื่อวางแผนปฏิวัติโค่นล้มรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ และไม่ได้มีการเชิญผู้บัญชาการเหล่าทัพมาพูดคุยด้วย

เรื่องจริงทั้งหมดเป็นไปตามที่ พล.อ.สุรยุทธ์ให้สัมภาษณ์ ทุกประการ

เช่นเดียวกับนายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่ออกมายกเหตุผลหักล้าง ไม่มีใครจะทำการปฏิวัติ โดยเอาคนเป็นตุลาการที่ไม่ประสีประสาในเรื่องนี้เข้าไปร่วมด้วย

ตัวละครเปิดหน้าออกมาหมดแล้ว อยู่ที่คนดูจะให้น้ำหนักใครมากกว่า

ว่ากันว่า เบื้องหลังการหักเหลี่ยมสัญญาบนโต๊ะอาหารที่บ้านสุขุมวิท ยังมีอีกหลายช็อต

แต่ที่แน่ๆ ถ้าประเมินจากการที่ พล.อ.สุรยุทธ์ จำได้คลับคล้ายคลับคลาว่า การร่วมโต๊ะอาหารที่บ้านของนายปีย์ ประมาณต้นเดือนพฤษภาคม 2549 หลังเลือกตั้งเสร็จใหม่ๆ

มันก็สอดคล้องกับปมที่อดีตนายกฯทักษิณแฉเบื้องหลังวงสนทนา เกี่ยวโยงกับผลการเลือกตั้งพรรคไทยรักไทยชนะถล่มทลายได้ ส.ส. 377 เสียง ทิ้งขาดคู่แข่งอย่างพรรคประชาธิปัตย์ขาดลอย

พี่เลี้ยงเลยเห็นว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีทางสู้ “ทักษิณ” ได้ หากปล่อยไปตามกติกาในสนามเลือกตั้ง การเมืองยากจะพลิกข้าง

จึงต้องหาทางล้มโต๊ะด้วย “วิธีพิเศษ”

โดยเป้าหมายปลายทาง “ปูทาง” ประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลให้ได้ และก็เป็นอะไรที่ไม่น่าจะใช่เรื่องบังเอิญสอดรับพอดีกับปฏิกิริยาของคนที่มีส่วนได้ส่วนเสียตามท้องเรื่อง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ออกมาซัดโครมเลยว่า การโฟนอินพาดพิง “ป๋าเปรม” ของอดีตนายกฯทักษิณ ไม่เหมาะสม

รัฐบาลจะดูแล ดำเนินการกับการกระทำที่ผิดกฎหมาย

ขณะที่ “เทพเทือก” นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง รีบบลัฟตามสไตล์ การปราศรัยผ่านวีดิโอลิงค์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่สามารถเรียกเรตติ้งจากประชาชนได้

เนื่องจากพูดจาไม่เหมาะสม พาดพิงเบื้องสูงทำให้มีผู้ชุมนุมน้อยลง

“เด็กดี” ช่วยกันปัด ช่วยกันป้อง มือเป็นระวิงเลย.


ทีมข่าวการเมือง รายงาน