วันอังคารที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2552

"โลเล"ตัวแม่

ที่มา ข่าวสด

เหล็กใน




หลังคำสั่งศาลปกครองไม่คุ้มครองชั่วคราว นักเรียนชั้น ม.6 จำนวนหนึ่งที่ยื่นฟ้องขอสิทธิ์เข้าสอบ "เอเน็ต"

นักเรียนกลุ่มนี้จึงจำต้องหาหนทางเพื่อเรียนต่อระดับอุดมศึกษาเอาเอง

แม้การสอบเอเน็ตจะไม่ใช่เพียงหนทางเดียวที่จะเข้ามหา วิทยาลัย แต่มันก็เป็นหนทางที่สะดวกที่สุด

เพราะหากหนทางอื่นๆ ทำได้ง่ายๆ ภาครัฐคงไม่จำเป็นต้องจัดสอบ เอเน็ตขึ้นมา

คำสั่งของศาลปกครองนั้นคงต้องละไว้

แต่สิ่งที่ต้องตำหนิคือผู้ใหญ่ในภาครัฐที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการศึกษาของเด็กๆ โดยเฉพาะคนต้นคิดเรื่องสอบพิสดารพันลึก และเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาราวกับเป็นของเล่น

เริ่มตั้งแต่สอบโอเน็ต เอเน็ต ใช้คะแนนจีพีเอ จีแพ็ก ฯลฯ

ปีแรกให้ใช้สัดส่วนเท่านั้น เท่านั้น

ปีต่อมาก็ปรับเปลี่ยนเกณฑ์อีก

สักพักนึกสนุกก็ยกเลิกคะแนนส่วนนั้น ส่วนนี้

และนี่ปีหน้าก็จะเปลี่ยนรูปแบบการสอบใหม่อีกแล้ว

หากไม่ใช่คนที่ว่างจัด ก็ต้องเป็นพวก "โลเล" ตัวแม่เลยเชียว

ถามจริงๆ เถอะ ไม่ได้คิดล่วงหน้าหรือไง ว่าควรจะใช้ระบบการสอบแบบไหนเพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงสุด คิดถึงข้อดี ข้อเสียให้รอบด้าน

แล้วค่อยประกาศใช้อย่างเป็นทางการ

ถ้าแค่นี้ยังไม่มีปัญญาคิด ก็ขอย้ายไปทำหน้าที่อื่นดีกว่า

และพูดก็พูดเถอะตั้งแต่ปรับเปลี่ยนวิธีการสอบเข้าจากระบบ "เอ็น ทรานซ์" มาเป็นแบบใหม่ที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา เกิดปัญหาขึ้นได้ทุกปีเช่นกัน

ขณะระบบเอ็นทรานซ์แบบเก่าที่ใช้ต่อเนื่องกันมานานหลายสิบปี แทบไม่เคยเกิดปัญหาร้องเรียนเลยด้วยซ้ำ

ที่อ้างเรื่องแก้ปัญหาโรงเรียนกวดวิชา และต้องการให้นักเรียนตั้งใจเรียนในห้อง ถามจริงๆ เถอะ เคยประเมินผลที่ได้จากการสอบแบบใหม่นี้หรือไม่

เพราะนักเรียนยังไปเรียนกวดวิชาเหมือนเดิม แถมมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ

ที่น่าแปลกพวกต้นคิดวิธีการสอบแบบใหม่ ที่ออกมาอ้างว่าจะทำให้ได้เด็กที่มีความสามารถมากขึ้น แต่ผลกลับเป็นว่ามีเด็กถูกรีไทร์ออกจากมหาวิทยาลัยมากกว่าเก่า!!!

ล่าสุดคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ ออกมาระบุว่านิสิตที่เข้ามาเรียนตามเกณฑ์การสอบแบบใหม่ ถูกรีไทร์ ลาออก หรือขอพักการเรียนเกือบครึ่ง เนื่องจากเรียนไม่ไหว

ทำให้หลายมหาวิทยาลัยเริ่มไม่เชื่อความสามารถของเด็กที่ผ่านเกณฑ์การสอบแบบนี้เข้ามาเรียนต่อ

แม้ไม่พูดออกมาตรงๆ แต่มหาวิทยาลัยก็ใช้วิธีเพิ่มสัดส่วนการรับตรงมากขึ้น ซึ่งวิธีการคัดเลือกก็ใช้การสอบรูปแบบเดียวกับการเอ็นทรานซ์ในอดีตนั่นเอง

ถึงเวลาทบทวนกระบวนการสอบเข้าระดับอุดมศึกษาได้หรือยัง

หรือถ้าไม่ทบทวนก็ช่วยหาคนที่ "โลเล" น้อยกว่านี้มารับผิดชอบจะดีกว่าไหม!??