“Who are you”
กับคำถามที่แปลเป็นไทยว่า “คุณเป็นใคร” ที่นักท่องเที่ยวชาวสวีเดนทักนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ขณะเล่นบทพระยาน้อยชมตลาดโต้รุ่งหัวหิน ระหว่างรอการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน
“โอบามาร์ค” ยังดังไม่เข้าขั้น
เบื้องต้นเลย มันสะท้อนว่า นักท่องเที่ยวฝรั่งต่างชาติไม่ได้ให้ความสนใจ สปอตโฆษณามหกรรมประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่รัฐบาลไทยโหมประโคมกระแส โดยที่นายกฯอภิสิทธิ์เองก็รับเป็นพรีเซ็นเตอร์ กิตติมศักดิ์ เชิญแขกทั้งภาษาไทย ภาษาอังกฤษ
ตีปี๊บประชาสัมพันธ์กันทั้งทางโทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์
มันก็น่าฉุกคิด กับจุดคุ้มทุนในการทุ่มโหมโรง เทียบกับความสำเร็จที่ยังเห็นกันแค่ภาพนายกฯอภิสิทธิ์จับมือชูแขนผู้นำกลุ่มประเทศอาเซียน
เข้าเป้าสักแค่ไหน
แต่ที่ดังกว่า ร้อนแรงกว่า กลับเป็นประเด็นที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้คิวกล่าวสุนทรพจน์ต่อสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศที่ฮ่องกง ในวันที่ 2 มีนาคม
แค่เปิดโปรแกรมก็วิกแทบแตก
กับอาการนั่งไม่ติดของฝ่ายประชาธิปัตย์ ทันทีที่มีข่าวจากสำนักข่าวต่างประเทศ นายกฯอภิสิทธิ์รีบส่งซิกอัยการ ไล่บี้ตำรวจ สั่งการไปที่กระทรวงการต่างประเทศให้ต่อสายทางการจีน ในฐานะพี่ใหญ่ของฮ่องกง
ขึงขังประกาศ ต้องลากคอ “ทักษิณ” กลับมาลงโทษที่เมืองไทย
ในขณะที่หางเครื่องประชาธิปัตย์ออกมารับลูก ชี้เป้าให้ตำรวจเล่นงาน ส.ส.พรรคเพื่อไทยที่เดินทางไปพบอดีตนายกฯทักษิณที่ฮ่องกง
โทษฐานปิดบังที่อยู่ของคนหนีอาญาแผ่นดิน
เทกแอกชันกันถึงขนาดที่ว่า ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์จะสวมบท “ทีมไล่ล่า” ลงทุนบินไปควานที่อยู่ของอดีตนายกฯทักษิณที่ฮ่องกง เพื่อชี้เป้าให้ตำรวจสากลล็อกตัว
ตีปี๊บ รัวเกราะ เคาะไม้ ขู่ฮึ่มฮั่มๆ
คิวไล่ล่า “ทักษิณ” ดังโดยไม่ต้องโปรโมต แย่งพื้นที่ข่าวแข่งกับการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน
แต่ก็ยังไม่รู้ว่า “ใครกลัวใคร” มากกว่า ระหว่างอดีตนายกฯทักษิณ ที่ล่าสุดต้องยกเลิกคิวกล่าวสุนทรพจน์ต่อสมาคมนักข่าวต่างประเทศที่ฮ่องกงในวันที่ 2 มีนาคม
เพราะผวา กลัวถูกจับ
ตามที่นายกฯอภิสิทธิ์และหางเครื่องประชาธิปัตย์ออกมาคำรามฮึ่มๆ ตีปี๊บ โหมประโคมข่าวการไล่ล่าข้ามประเทศ บี้กันถึงขนาดจะส่งทีม ส.ส.ไปสืบหาที่อยู่เพื่อชี้เป้าให้ตำรวจสากลล็อกตัว อีกทางก็ประกาศลอยลมจะใช้มาตรการกดดันทางการทูต ล็อบบี้ทางการจีนในฐานะลูกพี่ใหญ่ของฮ่องกงให้จับกุมอดีตนายกฯทักษิณส่งตัวกลับมา
“ทักษิณ” ถอย เพราะโดนต้อนจนตรอกแล้ว
ในอารมณ์ของคนที่แห่ตามประชาธิปัตย์ก็ต้องเชื่อกันอย่างนั้น แต่อีกมุมหนึ่ง ถ้ามองอย่างคนที่รู้กฎหมาย ปกติไทยกับฮ่องกงไม่มีสนธิสัญญาการส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างกัน และก่อนหน้านั้นสื่อมวลชนในฮ่องกงก็รายงานความเห็นของคนระดับผู้บริหาร
เป็นเรื่องยากที่จะมีการจับ “ทักษิณ” ส่งกลับไทยแบบปุบปับ
ที่แน่ๆโดยเหตุผลที่ฝ่าย “ทักษิณ” อ้าง ไม่อยากให้ทางการจีนกับฮ่องกงอึดอัดกับการใช้สถานที่เคลื่อนไหวทางการเมือง
ปมเหตุจริงๆ มันน่าจะมีผลกับเรื่องวีซ่า
ประเด็นที่ “ทักษิณ” กลัวโดนจับ มันจึงตื้นไป
โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับอาการที่นายกฯอภิสิทธิ์และหางเครื่องประชาธิปัตย์ออกมาตีปีบข่าวไล่ล่า เพราะอ่านเกมว่า “ทักษิณ” ตั้งใจพูดเรื่องมุมมองวิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นทั่วโลก
โดยเป้ากระทบชิ่ง ต้องมีพาดพิงถึง “เด็กสองคน” ที่เมืองไทย
และบังเอิญก็พอดีกับข่าวที่นายกฯอภิสิทธิ์สั่งนายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ทำแผนกู้เงินต่างประเทศกว่า 70,000 ล้านบาท เสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี
เป็นไปตามที่ “สองกุมาร” ได้มีการแบะท่าออกตัวล่วงหน้าไว้แล้ว ถ้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไม่ได้ผล ก็จำเป็นต้องกู้เงินมาโปะงบประมาณ
ปมนี้ ถ้าโดนเขี่ยแล้วน่ากลัวกว่า.
ทีมข่าวการเมือง รายงาน