วันอาทิตย์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2552

รับไม่ได้จริงๆ

ที่มา ไทยรัฐ

หลังจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรอง ผอ.กอ.รมน. ออกมาประสานเสียงแฉเบื้องหลังการ ปฏิวัติยึดอำนาจ จากรัฐบาลทักษิณในอดีต โดยพุ่งเป้าเข้าใส่ ผู้หลักผู้ใหญ่หลายคนในบ้านเมือง ส่งผลให้สถานการณ์การเมือง ร้อนฉ่า ไปทั่วแผ่นดิน!!!............

เห่าไฟ บอกตามตรงว่า ไม่เคยมีอคติกับใคร พยายามทำใจให้ยอมรับการกระทำของ ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองมาตลอด เพื่อไม่ให้บ้านเมือง แตกแยก ไปมากกว่านี้ แต่หลังจากฟังข้อมูลทั้งหมดแล้ว บอกตามตรงว่า รับไม่ได้จริงๆ ที่ผู้หลักผู้ใหญ่บางคนมีใจไม่เป็นธรรม เอาแต่เชื่อบ่างช่างยุ จุดไฟในนาคร จนลุกลามไปทั่วประเทศ!!!............

เห่าไฟ เคยพูดไปแล้วว่า ทั้งสองฝ่ายต่างมีดีมีชั่วในตัวเอง ไม่มีใครดีไปเสียทั้งหมด และไม่มีใครชั่วไปเสียทั้งหมด ฉะนั้น การขุด ปมชั่ว ของแต่ละฝ่ายมาโจมตี มีแต่จะทำให้บ้านเมือง อ่อนแรงล่มจม เป็นที่อับอายขายหน้าและได้รับการสมน้ำหน้าจากประเทศคู่แข่งทางการค้ารอบบ้านเรา!!!............

ส่วนทางรอดของประเทศไทยนั้น เห่าไฟ เห็นอยู่วิธีเดียว นั่นก็คือ กองทัพ ต้องเลิกเข้ามายุ่งเกี่ยวกับ การเมือง อย่างเด็ดขาด เพราะภารกิจสำคัญสูงสุดของกองทัพ คือ ปกป้องสถาบันหลักของชาติให้อยู่เหนือการเมือง ไม่ให้ใครแอบอ้างดึงสถาบันลงมาเป็นเครื่องมือทำลายกันทางการเมืองอีกต่อไป!!!............

เห่าไฟ เชื่อว่า สถาบันหลักของชาติ จะเป็นเพียงกลไกเดียวที่เหลืออยู่ในการประสานทุกฝ่ายที่ ขัดแย้งแตกแยก ให้กลับมาร่วมใจกันได้อีกครั้ง เหมือนที่เคยเกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าในอดีต ฉะนั้น กองทัพต้องคิดทบทวนให้ดี ไม่ใช่เอาแต่ทำตามคำสั่งโดยไม่สนใจผลเสียหายที่จะตามมาภายหลัง ถ้าเป็นอย่างนั้น กองทัพก็ไม่ต่างจาก หุ่นยนต์ ไม่จำเป็นต้องพัฒนาบุคลากรให้ใช้ ความคิดอ่าน แต่อย่างใด!!!............

ทีนี้หันมาดูรัฐบาลที่ถูกอุปโลกน์โดยอำนาจอำมาตย์กันบ้าง จริงๆแล้ว เห่าไฟไม่เคยปฏิเสธอำนาจอำมาตย์ เพราะถ้านำมาใช้ถูกวิธีก็จะเป็นผลดีแก่บ้านเมืองเหมือนกัน ยกเว้น นำมาใช้มากเกินไป ไม่พอดี ไม่พอเพียง ก็จะวุ่นวายไม่จบไม่สิ้น โดยเฉพาะน่าสงสาร รัฐบาลตราเด็กสองคน ที่พยายามออกมาพูดว่า ประชาชนส่วนใหญ่ต้องการให้ประเทศเดินหน้า ไม่ต้องการให้มีความขัดแย้งเกิดขึ้น แต่ปัญหาก็คือ รัฐบาลตราเด็กสองคน เป็นตัวแทนของประชาชนส่วนใหญ่จริงๆน่ะหรือ ถึงได้ออกมาอ้างประชาชนส่วนใหญ่เช่นนั้น!!!............

เพราะถ้าตราบใดที่ยังไม่มีการ ยุบสภาเลือกตั้งใหม่ ก็ไม่มีวันรู้ได้เลยว่า รัฐบาลเสียงส่วนใหญ่ที่แท้จริงเป็นใคร ลำพังรัฐบาลอุปโลกน์ตราเด็กสองคน ถ้ายุบสภาไปแล้วจะได้กลับเท่าเดิมหรือไม่ยังเป็นปัญหา มิหนำซ้ำ พรรคอันดับ 1 อาจไม่ใช่ ประชาธิปัตย์ แต่อาจเป็น เพื่อไทย หรือ ภูมิใจไทย และถ้าม็อบเสื้อแดงแรงมากขึ้น ขั้วการเมืองก็จะพลิกผัน ประชาธิปัตย์อาจต้องกลับไปเป็น ฝ่ายค้านอีกรอบก็ได้!!!............

ถกเรื่องปัญหาเศรษฐกิจกันบ้าง หลังรัฐบาลระดมมาตรการกระตุ้นระลอก 2 ออกมาเป็นการใหญ่ พร้อมให้ นายกฯอภิสิทธิ์ และ ขุนคลัง กรณ์ จาติกวณิช ออกมาแจกแจงกันถี่ยิบ นัยว่า กลัวคนไม่เข้าใจว่า รัฐบาลจะเอาเงิน 1.5 ล้านล้านมาทำอะไร เกรงจะละเลงเล่นเสียเงินเปล่า แต่หลังฟังคำชี้แจงที่ดูดีแล้ว หลายคนอาจเคลิ้มตาม แต่ เห่าไฟเชื่อว่า คนที่เป็น นักบริหาร หรือ นักวิเคราะห์โครงการของสถาบันการเงิน คงต้อง ขมวดคิ้วนิ่วหน้า ไปตามๆกัน!!!............

เหตุผลก็เพราะรัฐบาลไม่สามารถอธิบาย ผลตอบแทน จากการใช้เงิน 1.5 ล้านล้านได้อย่างเป็น รูปธรรม แม้จะอ้างว่า เป็นการเอาไปลงทุน แต่บอกไม่ได้ว่า ผลตอบแทนที่เป็นรูปธรรมเป็นอย่างไร โดยเฉพาะแต่ละปัจจัยรายการที่มีผลโดยตรงต่อการเพิ่มขึ้นของจีดีพีนั้น ต้องแยกเป็นรายการที่จะเพิ่มขึ้นออกมาให้ชัดเจน เพื่อจะได้นำมาคำนวณว่า คุ้มค่ากับการลงทุนหรือไม่ หรือเป็นเพราะว่าผลตอบแทนจากการลงทุนนั้น มุ่งเน้นไปที่การเพิ่มขึ้นของ ตัวเลข ส.ส.พรรคใดพรรคหนึ่งเป็นหลัก ก็เลยไม่กล้าแจกแจงให้เห็นเป็นรูปธรรม!!!............

ส่วนใครก็ตามที่หาว่า เห่าไฟ อคติกับรัฐบาลตราเด็กสองคน ก็ลองรวบรวมโครงการของรัฐบาลที่จะใช้เงิน 1.5 ล้านล้านบาท ไปที่สถาบันการเงินใดก็ได้ แล้วยื่นเรื่องขอกู้เงินโดยไม่มี รัฐบาลค้ำประกัน จากนั้นลองฟังผลการพิจารณาจากสถาบันการเงินแต่ละแห่งดูว่า จะตอบตกลงหรือปฏิเสธ ถ้าตอบตกลงเป็นส่วนใหญ่ ก็ต้องกราบขออภัยที่วิจารณ์ผิด แต่ถ้าทุกแห่งปฏิเสธ ก็แสดงว่า เด็กสองคน กำลังเอา เงินหลวง ไปละเลงเล่นกันในแม่น้ำอีกแล้ว!!!............