วันเสาร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2552

ครม.อนุมัติเงินเยียวยาผู้ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ 8-14 เม.ย.

ที่มา ประชาไท

(17 เม.ย. 52) นายวัชระ กรรณิการ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมครม.นัดพิเศษว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบหลักเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ความไม่สงบ ในระหว่างวันที่ 8-14 เม.ย. 2552 และเหตุการณ์ที่เกี่ยวเนื่อง เพื่อเป็นการเยียวยาผลกระทบที่เกิดขึ้น ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ โดยให้ใช้งบกลางประจำปี 52 และเงินสำรองจ่ายจากกรณีฉุกเฉินและจำเป็น

ทั้งนี้ มีหลักเกณฑ์ในการเยียวยา เช่นเดียวกับเหตุการณ์เจ้าหน้าที่สลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2551 ที่หน้าอาคารรัฐสภาที่ผ่านมา โดยมีการกำหนดมาตรการช่วยเหลือเป็น 2 ช่วง คือ 1.การช่วยเหลือเร่งด่วน กรณีความเสียหาย บาดเจ็บเล็กน้อย หมายถึงผู้ที่เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล แต่ไม่นอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาลเป็นผู้ป่วยใน ได้รับเงินช่วยเหลือ 20,000 บาท

กรณีบาดเจ็บคือการเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลและนอนพักรักษาตัวในฐานะผู้ป่วยในไม่เกิน 20 วัน ได้รับเงินช่วยเหลือ 60,000 บาท กรณีบาดเจ็บสาหัส คือ เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล และนอนพักรักษาตัวในฐานะผู้ป่วยในเกิน 20 วัน ได้รับเงินช่วยเหลือ 100,000 บาท


กรณีทุพพลภาพ คือไม่สามารถประกอบกิจการงานได้ตามปกติ ได้รับเงินช่วยเหลือ 200,000 บาท กรณีเสียชีวิต คือ ประชาชนเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ของรัฐที่ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่ ได้รับเงินช่วยเหลือรายละ 400,000 บาท

2.การช่วยเหลือต่อเนื่อง กรณีทุพพลภาพและทายาทผู้เสียชีวิต ในกรณีเกิดความเสียหายทุพพลภาพ ต้องเข้ารับการฟื้นฟูจะได้รับเงินช่วยเหลือในการฟื้นฟูสมรรถภาพ 200,000 บาท กรณีทุพพลภาพ จะให้เงินช่วยเหลือผู้พิการ จ่ายเป็นรายเดือนจนถึงแก่ความตาย รายละ 1,000-3,000 บาทท ตามระดับความพิการ

กรณีบุตร ผู้ได้รับความเสียหายที่เสียชีวิต หรือทุพพลภาพ จะได้รับเงินยังชีพรายเดือนจนจบการศึกษาระดับปริญญาตรี และได้รับเงินช่วยเหลือ อนุบาลถึงชั้นประถมทศึกษา 1,000 บาทต่อเดือน เด็กเล็ก กศน.มัธยมศึกษา 1,500 บาทต่อเดือน อุดมศึกษา 2,500 บาทต่อเดือน

ทั้งนี้ มาตรการเยียวทั้งหมด รัฐบาลจะปฏิบัติกับผู้เสียหายโดยไม่เลือกสี หรือเลือกค่ายว่า เป็นบุคคลกลุ่มไหน ไม่ตีกรอบว่า จะต้องเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือประชาชน แต่ต้องเป็นบุคคลที่ได้รับผลกระทบจริง ๆ ซึ่งจะมีตั้งศูนย์และคณะกรรมการเยียวยาฯ ที่กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยสามารถติดต่อได้ที่เบอร์โทร. 0-2659-6420-4 ตลอด 24 ชม.