วันอาทิตย์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

รัฐบาลระวัง รถเมล์มรณะ

ที่มา ข่าวสด



การเมืองเรื่องปรับครม.

เป็นอันว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ กับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้จัดการรัฐบาล

สามารถสยบคลื่นใต้น้ำภายในพรรคประชาธิปัตย์ลงได้

โดยจำกัดขอบเขตไว้ที่รมช. เกษตรฯ ของพรรคภูมิใจไทยเพียงตำแหน่งเดียว

ซึ่งได้มีการผลักดัน นายศุภชัย โพธิ์สุ เข้ามาเสียบแทน นายชาติชาย พุคยาภรณ์ เป็นผลสำเร็จเรียบร้อยโรงเรียนเนวินไปแล้ว

อย่างไรก็ตามถึง"อภิสิทธิ์-สุเทพ" จะคลี่คลายปัญหาในพรรคตัวเองได้

แต่ที่กำลังเป็นปมปัญหาใหญ่และไม่รู้ว่าจะมีบทลงเอยอย่างไร คือปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างพรรคแกนนำประชาธิปัตย์ กับพรรคร่วมรัฐบาลภูมิใจไทย

อันมีเชื้อไฟมาจากโครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4 พันคัน 7.8 หมื่นล้านบาทของกระทรวงคมนาคม กับการเปิดประมูล สต๊อกข้าว ข้าวโพด และสินค้าเกษตรหลายพันล้านของกระทรวงพาณิชย์

เฉพาะมูลค่าโครงการก็เพียงพอจะ เป็นประเด็นให้สังคมต้องสนใจจับ ตาถึงความสุจริตโปร่งใส ว่าจะมีมากน้อยขนาดไหน

ขณะเดียวกันในทางการเมือง บทสรุปต่อทั้ง 2 โครงการ

ยังจะส่งผลเชื่อมโยงถึงเสถียร ภาพของรัฐบาลโดยตรงอีกด้วย

จากผลสำรวจสำนักวิจัยเอแบคโพล

เกี่ยวกับการจัด 10 รัฐมนตรีที่โลกลืม และ 10 รัฐมนตรีที่ประชาชนพอใจในผลงานช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา แม้ส่วนใหญ่ไม่ผิดจากความรู้สึกของประชาชนทั่วไป

แต่ตัวเลขที่รัฐบาลไม่ควรมองข้าม

คือมากกว่าร้อยละ 80 เชื่อว่ามีบุคคล ในรัฐบาล เรียกรับผลประโยชน์จากกลุ่มนายทุนและทุจริตคอร์รัปชั่น ซึ่งถือเป็นเปอร์เซ็นต์ที่สูงมาก

ทั้งยังสะท้อนว่า ถึงแม้ประชาชนจะยอมรับ ในความเป็น"คุณชายมือสะอาด"ของนายอภิสิทธิ์

แต่กับภาพรวมของรัฐบาลแล้วถือเป็นคนละเรื่อง



ที่ มีการตั้งข้อสังเกตกันก็คือโพลดังกล่าว 5 สำรวจในช่วงที่ประชาชนในสังคมกำลังเพ่งมอง ไปที่โครงการเช่ารถเมล์เอ็น จีวี 4 พันคันของกระทรวงคมนาคม และการประมูลสต๊อกสินค้าเกษตรของกระทรวงพาณิชย์

ซึ่งทั้ง 2 กระทรวงอยู่ในความดูแลของพรรคภูมิใจไทย

ความสำคัญของพรรคภูมิใจไทย ที่แม้แต่แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ยังยอมรับก็คือการมีฐานะเป็นเสาหลักค้ำยันรัฐบาล ดังนั้น ถ้ามีอะไรมากระทบเสาหลักนี้

นั่นหมายถึงเสถียรภาพรัฐบาลต้องโงนเงนตามไปด้วย

จุดอ่อนของรัฐบาลชุดนี้คือการมีรูปแบบเป็นรัฐบาลผสม

เคล็ดลับการอยู่รอดของรัฐบาลประเภทนี้ คือแต่ ละพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลจำเป็นต้องถนอมน้ำใจ พึ่งพาอาศัยกันและกัน หนักนิดเบาหน่อยก็ควรยอมๆ กันไป

นอกจากนั้นแล้วรัฐบาลชุดนี้ยังถือเป็นรัฐบาลรวมการเฉพาะกิจ กำเนิดขึ้นมาท่ามกลางการแก้ไขวิกฤตการเมืองเฉพาะหน้า

เป้าหมายคือเข้ามาปูทางสะสมเสบียงกรัง

กระทั่งพร้อมเมื่อไหร่หัวหน้าพรรคแกนนำรัฐบาลที่เป็นนายกรัฐมนตรี ก็จะอาศัยอำนาจช่วงชิงความได้เปรียบประกาศยุบสภาเลือกตั้งใหม่

กะเวลากันไว้ว่าอาจจะเป็นปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า

หลังการแบ่งเค้กงบประมาณ อัดฉีดเม็ดเงินลงไปในโครงการต่างๆ ตลอดจนการกระชับกลไกความได้เปรียบผ่านการโยกย้ายข้าราชการเป็นที่เรียบร้อย

สิ่งเหล่านี้เป็นที่รู้กันดีในหมู่พรรคร่วมรัฐบาล

ด้วยเหตุผลดังกล่าวข้างต้น ทำให้ปฏิบัติการขวางคอหอยดึงอ้อยจากปากช้าง กรณีการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี และกรณีการประมูลระบาย สต๊อกสินค้าเกษตร

ถูกมองแยกออกเป็นหลายด้าน



ด้านดีสุดคือมองว่า นายอภิสิทธิ์ต้องการจะรักษาภาพลักษณ์นายกฯมือสะอาด ถือเอาผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง

โดยไม่แคร์อาการหัวฟัดหัวเหวี่ยงของพรรคร่วมเจ้าของโปรเจ็กต์

สำหรับมุมมองอย่างเป็นกลางๆ คือนายอภิสิทธิ์ ยังยึดมั่นในกฎเหล็ก 9 ข้อในการเป็นรัฐบาลผสม ที่รัฐมนตรีทุกพรรคต้องรับผิดชอบการทำงานร่วมกัน

ส่วนด้านที่ถูกมองอย่างเลวร้ายที่สุด

เป็นด้านที่คนในพรรคภูมิใจไทยสะท้อนว่าสาเหตุที่พรรคประชาธิ ปัตย์ขัดขวางทั้ง 2 โครงการ เพราะต้องการเข้าไปมีชื่อร่วมผลักดันโครง การเพื่อใช้เป็นผลงานหาเสียง

วิธีการคือสร้างกระแสทุจริต ขึ้นมา และพรรคประชาธิปัตย์ก็เข้ามา อ้างว่าทำให้เกิดความโปร่ง ใส แล้วฉกฉวยผลงานไปเป็นของตัวเอง

บรรยากาศคุกรุ่นมากขึ้นไปอีก เมื่อ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ร่วมมือกับ ส.ส.พรรคเพื่อไทย เดินเกมตรวจสอบ 2 โครงการดังกล่าว ผ่านกลไกของสภา ในนามคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริต

ขณะที่พรรคภูมิใจไทยส่งนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ประธานคณะทำงานรมว.มหาดไทย ออกมาขัดขวางนโยบายจัดสรรที่ดินให้คน จนเช่า ไร่ละ 10 บาท

ในความรับผิดชอบของนายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย จากพรรคประชาธิปัตย์

ระบุว่าอาจเป็นโครงการที่เอื้อประโยชน์ให้นายทุนสวนยางและสวนปาล์มภาคใต้ ซ้ำรอยการแจก ส.ป.ก. 4-01 ที่เป็นตราบาปติดตัวพรรคประชาธิ ปัตย์มาจนถึงทุกวันนี้

จังหวะเดียวกัน นายศุภชัย ใจสมุทร โฆษกพรรคภูมิใจไทย ยังประกาศให้รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ยอมรับการตรวจสอบในทุกโครง การเพื่อความแฟร์

การที่นายศักดิ์สยาม น้องชายนายเนวิน ชิดชอบ ออกมาดับเครื่องชนพรรรคประชาธิปัตย์ด้วยตัวเอง อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าศึกครั้งนี้ไม่ธรรมดา

ยกเว้นเสียแต่ว่าทั้ง 2 พรรค จะเล่นเกมลับ ลวง พราง

หลอกตบตาประชาชนได้แบบเนียนๆ

โดยไม่ใส่ใจต่อคำเตือนของใครต่อใครที่เป็นห่วง

ว่ารถเมล์ทั้ง 4 พันคัน อาจเป็นยานพาหนะนำพารัฐบาลพุ่งลงเหวโดยไม่รู้ตัว