วันพุธที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2552

หลอมใจสู่จุดเริ่มของชัยชนะการปฏิวัติประชาชน

ที่มา thaifreenews

เขียนโดย ปูนนก
วันอังคารที่ 23 มิถุนายน 2009 เวลา 01:27 น.

alt

ประชาชนไทยผู้รักประชาธิปไตยทั้งประเทศล้วนแต่ก็เป็นคนที่รักสงบ และมีความซื่อสัตย์จงรักภักดี มีความอดทนอดกลั้นต่อความ อยุติธรรมสูง ระยะเวลากว่า 3 ปีที่ผ่านมาหลังการรัฐประหารวันที่ 19 กันยายน 2549 ประเทศไทยพังทลายลงในทุก ๆ ภาคส่วน ทั้งในด้านสังคม, เศรษฐกิจ, และการเมือง คงไม่จำเป็นต้องกล่าวถึงในรายละเอียดว่าการพังทลายของสิ่งดังกล่าวนั้นมีอะไรบ้าง

อ่านเพิ่มเติมและแสดงความคิดเห็นได้ที่นี่


เมื่อการต่อสู้ระหว่างประชาชนผู้รักประชาธิปไตยกับอำนาจฝ่ายเผด็จการอมาตย์เริ่มขึ้นอย่างจริงจัง โดยในเบื้องต้นนั้นประชาชนก็ตกเป็นฝ่ายรับ, ถอยร่น และถูกโจมตีใส่ร้ายตลอดมา ฝ่ายประชาชนที่นำการต่อสู้นั้นก็มักจะ่ได้รับคำปลอบใจโดยคำพูดเสมอว่า “ไม่ต้องกังวลเพราะในที่สุดแล้วประชาธิปไตยจะต้องชนะเผด็จการอย่างแน่นอน” แต่ทว่าคำถามหนึ่งที่ “คาใจ” และเป็นคำถามที่ประชาชนผู้รักประชาธิปไตยทุกคนต้องการคำตอบก็คือ “เวลานั้นจะมาถึงเมื่อไร” และจะมีสิ่งใดเป็นสิ่งบอกเหตุว่าเผด็จการกำลัง “ล่มสลาย” และประชา่ชนกำลังจะเป็นฝ่ายชนะ

ชัยชนะการเลือกตั้งที่จังหวัดสกลนครเป็น “จุดเริ่มของชัยชนะโดยการปฏิวัติประชาชนอย่างแท้จริง” เป็นสงครามตัวแทนที่มีความสำคัุญยิ่งทั้งในเชิงยุทธวิธี และในเิชิงยุทธศาสตร์ การเลือกตั้งในครั้งนี้ไม่มีผลในการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองแม้แต่น้อย เพราะถึงอย่างไรรัฐบาลก็ยังคงเป็นของ ปชป. แต่สิ่งที่ปรากฏกลับกลายเป็นว่าผลการเลือกตั้งที่พรรคเพื่อไทย ได้รับเลือกนั้นกลับกลายเป็นสิ่งที่หลอมรวมจิตใจของคนไทยทั้งชาติที่คอย “เงี่ยหูฟัง” และติดตามอย่างใจจดจ่อ ชัยชนะของพรรคเพื่อไทยเพียงที่นั่งเดียวนี้มีผลทางการเมืองและยุทธศาสตร์การต่อสู้อย่างมหาศาล เพราะเป็นการแสดงผลการต่อสู้ในลักษณะสงครามตัวแทนที่ประจักษ์ชัดแล้ว

เสียงชัยโยโห่้ร้องแสดงความยินดีอย่างออกนอกหน้าของประชาชนไทยในแทบจะทุกจังหวัดของประเทศนี้ เมื่อได้ทราบผลการเลือกตั้งว่าพรรคเพื่อไทยได้รับชัยชนะนั้นเป็นสิ่งบอกเหตุที่สำแดงให้เห็นชัดแล้วว่า “พลังอำนาจของประชาชน” นั้นกำลังยิ่งใหญ่และเติบโตจนหลอมรวมความคิดของคนไทยผู้รักประชาธิปไตยทุก ๆ คนจนกลายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอย่างสมบูรณ์แล้ว.....

คนภาคใต้โห่ร้องยินดีเมื่อพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งที่จังหวัดสกลนคร....คนภาคเหนือโห่ร้ิองยินดีเมื่อพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งที่จังหวัดสกลนคร....คนภาคกลางโห่ร้ิองยินดีเมื่อพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งที่จังหวัดสกลนคร....และผู้รักประชาธิปไตยในทุก ๆ จังหวัดต่างก็โห่ร้ิองยินดีเมื่อพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งที่จังหวัดสกลนคร.... ทั้ง ๆ ที่ำพวกเขาเหล่านั้นต่างก็ไม่เคยรู้จักหน้าค่าตากันมาก่อน ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย แต่ทุก ๆ คนก็มีความรู้สึกร่วมเป็นหนึ่งเดียวกัน ร้องไห้ด้วยกัน ชื่นชมยินดีด้วยกัน นี่แหละคือพลังอันแท้จริงของประชาธิปไตย

กิโลเมตรแรกของจุดเริ่มต้นการ “ล่มสลาย” ของเผด็จการอมาตย์ได้เริ่มขึ้นแล้วที่ จังหวัดสกลนคร ประชาชนชาวรากหญ้าและผู้ที่เป็นฐานรากของประเทศไทยต่างก็ได้เรียนรู้แล้วว่า อำนาจอันแท้จริงของประชาชนอยู่ที่ใด และจะนำมาใช้ให้ได้ผลอย่างไร แน่นอนว่าเผด็จการอมาตย์ก็คงจะไม่ยอมแพ้ง่่าย ๆ ให้แก่อำนาจของประชาชน เพราะโครงสร้างอำนาจที่พวกเขายึดครองเอาไว้นั้น ยังคงแข็งแกร่งและมั่นคงเกินกว่าที่พวกเขาจะยอมรับความพ่ายแพ้ได้ ด้วยเหตุนี้สงครามตัวแทนที่เกิดขึ้นในการเลือกตั้งที่จังหวัดสกลนคร จึงเป็นสิ่งที่จะกำหนดยุทธศาสตร์การต่อสู้ของ “อำนาจเผด็จการอมาตย์และอำนาจของประชาชน” เพื่อเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองไปสู่ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ จะยังคงเกิดขึ้นอย่างรุนแรงในทุก ๆ ภาคส่วนของประเทศนี้

เมื่อประชาชนผู้อยู่ภายใต้การปกครองไม่ยอมรับอำนาจการปกครองนั้ัน สิ่งที่เกิดขึ้นติดตามมาอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ก็คือการเปลี่ยนแปลง หรือ People Revolution จะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ก็ได้แต่หวังว่าการเปลี่ยนแปลงไปสู่ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ของประเทศนี้ในครั้งนี้ คงจะไม่ทำให้พี่น้องประชาชนชาวไทยต้องสูญเสียชีวิตและเลือดเนื้อเพิ่มขึ้นอีก เพราะที่ผ่านมาหลายสิบปีประเทศนี้ได้สูญเสียชีวิตเลือดเนื้อของพี่น้องประชาชนไทยผู้เรียกร้องประชาธิปไตยไปแล้วมากมาย ด้วยบุคลิกพื้นฐานของประชาชนไทยที่เป็นคนมีความประนีประนอมสูง “ถ้า” ผู้ถืออำนาจของประเทศนี้ต้องการให้การเปลี่ยนผ่านเป็นไปอย่างสงบ และอยู่ร่วมกันอย่างสันติสิ่งเหล่านี้คงจะเกิดขึ้นได้ไม่ยากนัก

แต่ตรงกันข้ามถ้าอำมาตย์ผู้ถือครองอำนาจในประเทศนี้ไม่ต้องการเห็นการเปลี่ยนผ่านเป็นไปอย่างสงบ แต่กลับใช้อำนาจที่ตนเองถือครองอยู่กดขี่ข่มเหงและบีบบังคับประชาชนมากขึ้นโดยถือว่าตนเองมีอำนาจและบารมีนั้น การเปลี่ยนผ่านก็คงจะไม่เป็นไปอย่างสงบอย่างแน่นอน และถ้าอมาตย์เลือกอย่างนั้นการเปลี่ยนผ่านไปสู่การปกครองที่เป็นประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์ในครั้งนี้คงจะต้องนองเลือดกันอีกครั้งและครั้งนี้คงจะลุกลามไปทั่วทั้่งประเทศ ซึ่งในที่สุดแล้วดาบ, หอก, กระบอกปืน ก็คงจะหันกลับไปจ่อคอหอยฝ่ายอมาตย์เอง ถึงเวลานั้นพึงระลึกเอาไว้เถิดว่า “แม้แผ่นดินของประเทศนี้ก็อาจจะไม่มีกลบหน้าสำหรับผู้ที่ยอมตัวเป็นปฏิปักษ์ต่อประชาชน”

และสำหรับประชาชนผู้รักประชาธิปไตยทุก ๆ ท่านขอแสดงความชื่นชมยินดี และมอบความรู้สึกดี ๆ ที่จะเดินไปด้วยกันจนกว่าจะถึงวันที่เราได้รับประชาธิปไตยอย่างแท้จริงมาเป็นของประเทศนี้เพื่อลูกหลานและคนรุ่นต่อ ๆ ไป

***
มองแววตาทุกคนเปี่ยมสุขล้นระคนสุขสันต์..ยิ้มแย้มเข้าใจกันตาสบประสานไมตรีฉายมา
ดวงฤทัยทุกดวงถ่วงด้วยรักและแรงศรัทธา...ปรารถนาในสิ่งเดียวกัน
ความคลางแคลงหายไปโลกสดใสคืนมาอีกครา......ฟ้าหลังฝนงามตาความมืดโรยรามลายหายพลัน
มีแต่ความเข้าใจอุ่นไอรักไมตรีต่อกัน.....ผ่านมานั้นลืมมันลบไป

**ร้องเถิดร้องเพลงกันประสานรอยรักในใจ....รบรอยร้าวภายในอุรา
ร้องเถิดร้องเพลงกันจับมือกันไว้ดีกว่า.....หันหน้ามาเข้าใจกัน

อันคนเราทุกคนต่างเกิดมาควรพาพึ่งกัน....มีไมตรีสัมพันธ์โลกนั้นสดใส
จงมารวมพลังร่วมสร้างสรรค์จรรโลงฤทัย....จับมือกันเดินก้าวไปมุ่งสู่จุดหมายอนาคตเรา
**

ขอให้ประชาชนผู้รักประชาธิปไตยทุก ๆ ท่านจับมือกัน เราจะเดินไปด้วยกันสู่จุดหมายประชาธิปไตยเพื่อลูกหลานของเราครับ

ปูนนก