วันพุธที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

เป้าจริง-เป้าลวง

ที่มา มติชน

คอลัมน์ เหยี่ยวถลาลม



เหลือเวลาอีก 2 เดือน พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ก็จะเกษียณอายุราชการจากตำแหน่ง "ผบ.ตร."

เวลาที่เหลือเพียง 2 เดือน ไม่ควรเกิดอาการสะดุด

"ปลด" แล้วได้ประโยชน์ยิ่งใหญ่มหาศาลอะไรแก่องค์กรตำรวจ

หรือประโยชน์ไปตกที่ใคร

ยังมีผู้คนจำนวนไม่น้อย ไม่เข้าใจว่าจะปลดไปทำไม

"ปลด" เพื่อความสะใจแก่ผู้ที่ไม่ชอบ ถูกใจผู้ที่ได้รับผลด้านลบจากการดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร.ของ พล.ต.อ.พัชรวาท

"ปลด" เพื่อตั้งคนใหม่ ที่คาดว่าสามารถสนองตอบความต้องการในเชิงบริหารจัดการ และการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจในเวลาถัดไป

ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่จะ "ปลด" เพื่อเกิดความโล่งปลอดโปร่ง คดียิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล จะดำเนินไปได้โดยราบรื่น

เนื่องจากในสภาพความเป็นจริงของ "คดี" การทำลายพยานหลักฐานของกลุ่มมือสังหาร นับเป็นความปกติที่เกิดขึ้นทุกคดี ยากที่ใครจะยับยั้ง

อุปสรรคของการสืบสวนสอบสวนคดียิงนายสนธิ จึงย่อมไม่ใช่ พล.ต.อ.พัชรวาท ซึ่งนั่งเก้าอี้ ผบ.ตร.

เพียงแต่ถ้าเอา พล.ต.อ.พัชรวาทออกจากเก้าอี้ "ผบ.ตร." อาจจะเกิดประโยชน์ทางอ้อมแก่คดีอื่นๆ ที่ พล.ต.อ.พัชรวาทออกอาการแข็งขืน

ว่าไปแล้ว จนถึงบัดนี้แม้ในทางสืบสวน เจ้าพนักงานผู้ช่ำชองจะมั่นใจในแนวทางการสืบสวน ซึ่งผู้ถูกออกหมายจับต่างพากันหลบหนี แต่ถ้าถามว่า เมื่อต้องสู้คดีกันในชั้นศาลแล้ว จะไปรอดหรือไม่

ไม่รับประกัน !

ไม่มีตำรวจคนไหนรับประกัน ต่อให้ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร.ที่คนบางกลุ่มจุดพลุก่อกระแส "ต่ออายุราชการ" ก็ไม่อาจรับประกัน

การหยิบเอาประเด็น "ปลด ผบ.ตร." ขึ้นมายึดโยงกับปัญหาอุปสรรคการสืบสวนสอบสวนคดียิงนายสนธิในยามนี้ จึงเป็นเพียง "ข้ออ้าง"

เข้าทำนอง ข่มขู่คุกคาม เพื่อจุดประสงค์ซ่อนเร้น

ถามว่า ในนาทีนี้ จุดประสงค์อะไรจะมีความหมายเท่า "การแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ"

ทุกพรรคการเมืองที่เป็นรัฐบาล ทุกยุคสมัยที่ผ่านมาล้วนมุ่งใช้ตำรวจเป็น "เครื่องมือทางการเมือง" !?!!