วันเสาร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ฎีกาจะถึงหรือโดนตัดตอนไม่สำคัญ ที่สำคัญคือ คนไม่ต่ำกว่า 5.4 ล้านคน ส่งเสียงออกมาแล้ว

ที่มา Thai E-News

โดย คุณ ลูกชาวนาไทย
ที่มา เวบไซต์ thaifreenews
1 สิงหาคม 2552


เมื่อเห็นภาพการเข้าร่วมชุมนุม เพื่อปิดรับฎีกาของคนเสื้อแดงที่สนามหลวงเมื่อคืนนี้ ที่มีคนประมาณไว้ว่า มีคนเข้าร่วมชุมนุม 80,000-100,000 คน หรืออาจกว่านั้น จากคนเข้าไปร่วมการชุมนุมครั้งนี้ประมาณการ

เมื่อคืนมีแฟนคลับบทความของผม ที่อ่านจากในไทยฟรีนิวส์ และประชาไท และเคยถ่ายเอกสารบทความแจกไปตามชาวบ้านสี่ห้าร้อยชุดก็มี พี่คนนี้โทรเข้ามาหาผม โดยผ่านทางคุณแป๊ก เขาบอกว่า เขาและพรรคพวก มาจากอุบลราชธานี โดยเช่ารถบัสมาสองคัน 100 กว่าคน ต้องเรี่ยไรเงินออกกันเอง รวมทั้งเรี่ยไรเงินสนับสนุนจากคนเสื้อแดง และแกนนำในจังหวัดอุบลฯ หมดเงินค่าจ้างรถบัสไปกว่า 80,000 บาท โดยไม่ได้รับการช่วยเหลือจาก สส.ในจังหวัดอุบลฯ เท่าไหร่นัก

เครือข่ายของพี่คนนี้สามารถล่ารายชื่อได้กว่า 20,000 ชื่อ ไม่รวมเครือข่ายคนเสื้อแดงในจังหวัดอุบลฯอื่นๆ ที่น่าจะรวมกันได้มากกว่าแสนรายชื่อ

นี่คือตัวอย่างเชิงลึก ให้เห็นองค์ประกอบว่า คนเสื้อแดงมาจากที่ใดบ้าง มีความเป็นมาอย่างไร

สถานการณ์ทางการเมืองในตอนนี้ของเหตุการณ์ การล่ารายชื่อถวายฎีกาคือ ประชาชนรากหญ้า และคนชั้นกลางก้าวหน้าในเมือง ไม่ต่ำกว่า 5.4 ล้านคน ได้ส่งเสียงของพวกเขาออกมาแล้ว อย่างดังและหนักแน่นครับ

ใครจะสนใจ จะแคร์หรือไม่แคร์ ไม่มีความหมายอะไรอีกต่อไป คนเสื้อแดงที่ลงนามในฎีกาเหล่านี้ เป็นเสียงที่มีสติ และผ่านกระบวนการใคร่ครวญ ไตร่ตรองของพวกเขาออกมาแล้ว ก่อนลงนาม เพราะพวกเขาลงนามท่ามกลางการชี้แจง ต่อต้านจากเครือข่ายนักวิชาการอำมาตย์ องคมนตรี ภาครัฐ รวมทั้งสื่อต่างๆ

มีการต่อต้านจากอำนาจรัฐศักดินาเดิม คือ กระทรวงมหาดไทยที่สั่งการลงไปโดยตรง ให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นายอำเภอ ผู้ว่าฯ ต่อต้านการล่ารายชื่อลงนามครั้งนี้ แต่ก็มีคนลงนามถึงกว่า 5 ล้านคนในเวลาเพียงเดือนเดียว

นัยยะทางการเมืองครั้งนี้ หากอำมาตยาธิปไตยทั้งหลาย ฟังพวกเขา สงครามการเมืองก็สงบ ประเทศไทยก็สามารถเดินหน้าต่อไปได้

หากไม่ฟังพวกเขา ก็คงรบกันต่อไปจนถึงจุดสุดท้าย ความขัดแย้งทางการเมืองจะยังไม่จบ และการต่อสู้กันทางการเมือง จะเข้มข้นขึ้น และผมไม่เชื่อว่า คน 5.4 ล้านคน จะสามารถโดนปราบได้หมด หรือแพ้ หรือถอดใจ กลายเป็นพวกสีเหลือง ยอมก้มหัวกราบกรานพวก "ศักดินาอำมาตย์" อีกต่อไป

นี่คือ "สาระสำคัญ" ให้โอกาสอำมาตย์และสังคมทั้งหลาย ยุติสงครามกลางเมือง

ผมวิเคราะห์ได้อย่างนั้นครับ จะหาว่าขู่หรือไม่ขู่ มันไม่มีความหมายอะไร ที่จะต้องโวยวาย เพราะนัยยะทางการเมืองมันเป็นเช่นนั้น จะแปรเป็นอย่างอื่น ก็คงไม่มีใครว่าอะไร แต่กำลังคนขนาดนี้ ย่อมไม่ไร้น้ำยา

ผมวิเคราะห์ได้อีกอย่างว่า สิ่งที่ซ่อนอยู่ในการล่ารายชื่อ ฎีกาครั้งนี้ อย่างน่าตระหนกสำหรับ "ศักดินาอำมาตย์" แต่น่าดีใจสำหรับคนเสื้อแดงคือ

"เครือข่ายของคนเสื้อแดงใหญ่โตและมีประสิทธิภาพสูง" โยงใยครอบคลุมสังคม และเชื่อมโยงกันอย่างมีระบบ การเกิดขึ้นของเครือข่ายนี้ มาจากการต่อสู้ทางการเมืองอันยาวนานไม่ต่ำกว่าสามปี ซึ่งได้พัฒนาแกนนำ โครงสร้าง ช่องทางการสื่อสารที่ไม่เป็นทางการขึ้น

ไม่มีอำนาจใดของระบบราชการ หรือ กอ.รมน.จะสามารถเจาะทะลวง หรือทะลายเครือข่ายอันมหึมานี้ได้ มันใหญ่โตและมีประสิทธิภาพสูง เกินกำลังคนของระบบราชการ และที่สำคัญ "เป็นอิสระจากสื่อกระแสหลัก" อย่างสิ้นเชิง

นี่คือ เครือข่าย และช่องทางสื่อสารอิสระ เป็นเอกเทศ ปลอดจากการควบคุมหรือแทรกแซงจากอำนาจรัฐใด ๆ ทั้งสิ้น

รัฐไม่มีช่องทางใดเข้าไปสอดแทรกเครือข่ายการสื่อสารของคนเสื้อแดงที่เกิดขึ้นแล้วนี้ได้

ผมคาดว่าเครือข่ายเหล่านี้ เกิดขึ้นจากการชุมนุมหลายสิบครั้งของคนเสื้อแดง ทั้งในภูมิภาค กทม.และที่อื่นๆ บวกอินเตอร์เน็ต และเครื่องมืออื่นๆ เช่น มือถือ อีเมล์ เว็บไซต์ อีเอ็มเอส เป็นต้น พวกเขาผ่านการเจ็บปวด โดนไล่ฆ่าด้วยอาวุธสงคราม โดนกระทำโดยอำนาจรัฐ ผ่านสงคราม เป็นสหายศึกกันมาอย่างยาวนาน จึงเกิดการเชื่อมโยง แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร การติดต่อกันขึ้น

ผมถือว่า "กองทัพคนเสื้อแดงพร้อมแล้ว" มีแม่ทัพนายกอง หัวหน้าหมู่ พลทหารที่สมบูรณ์แล้ว ระบบบังคับบัญชา เป็นแบบเครือข่าย ไม่มีนาย ไม่มีจุดวิกฤติให้ตัดตอนได้

ที่สำคัญ พวกเราพร้อมทางด้านอุดมการณ์ และจิตสำนึกของการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยแล้ว

หากอำมาตย์จะรบต่อ ก็เชิญครับ คนเสื้อแดงพร้อมทุกอย่างแล้ว ทั้งด้านกำลังคน การสื่อสาร ทรัพยากร และสื่อของคนเสื้อแดงเองด้วย

เราพร้อมแล้วกับสงครามในยกต่อไป แม้จะเป็นสงครามยืดเยื้อและยาวนานก็ตาม พวกเราไม่แพ้อย่างแน่นอน

แต่พวกท่านหากแพ้ครั้งเดียวก็ม้วนเสื่อกลับบ้านเก่าไปได้เลย