วันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2552

"นายกฯ"แก้โจทย์"ภาวะผู้นำ" "การเมือง"บนเส้นด้าย พิสูจน์ใจ"อภิสิทธิ์"

ที่มา มติชน

วิเคราะห์




ถามว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีกำลังทำอะไรอยู่

คำตอบก็คือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กำลังเรียกความเชื่อมั่นในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีกลับคืนมา

เป็นการเรียกความเชื่อมั่นในภาวะผู้นำ ภายหลังจากเหตุการณ์หลายๆ อย่างได้บั่นทอนความศักดิ์สิทธิ์ของตำแหน่งนายกรัฐมนตรีลงไปอย่างเห็นได้ชัด

ทั้งเหตุการณ์ความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงเพื่อทูลเกล้าฯถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และเหตุการณ์การแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

โดยเฉพาะเหตุการณ์การแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาตินั้น เป็นเหตุการณ์ที่สั่นสะเทือนตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมากที่สุด

เพราะในการประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ หรือ ก.ต.ช. ปรากฏว่ามีกรรมการเป็นเสียงข้างมาก ลงมติไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของนายกรัฐมนตรี ในประเด็นการเสนอชื่อ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ จเรตำรวจแห่งชาติ ขึ้นเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แทน พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ในเดือนกันยายนนี้

ทั้งๆ ที่คณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติที่มีฝ่ายการเมือง ฝ่ายข้าราชการประจำ เป็นกรรมการที่อยู่ในซีกฝั่งรัฐบาล

แต่เสียงส่วนใหญ่กลับโหวตคว่ำความเห็นของนายกรัฐมนตรี

ดังนั้น เมื่อปรากฏข่าวออกมาสู่สาธารณะ ย่อมส่งผลกระทบต่อภาวะผู้นำของนายอภิสิทธิ์

และกระทบต่อความศักดิ์สิทธิ์ของตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอย่างมิอาจปฏิเสธ

อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากเกิดเหตุการณ์ครั้งนั้น ปรากฏว่านายอภิสิทธิ์ได้พยายามกอบกู้ศักดิ์ศรีของความเป็น "นายกรัฐมนตรี"

ประการแรก คือ การพูดคุยกับแกนนำอย่างนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง การพูดคุยกับนายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี การพูดคุยกับนายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี และเป็นผู้ให้การสนับสนุนนายอภิสิทธิ์มาโดยตลอด

กระทั่งในที่สุดได้ปรากฏกระแสข่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติครั้งต่อไป คณะกรรมการจะมีความเห็นไปในทิศทางเดียวกับนายอภิสิทธิ์อย่างแน่นอน

เพียงแต่จะเป็น พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ จเรตำรวจแห่งชาติ หรือ พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือจะเป็นนายตำรวจระดับ พล.ต.อ.คนใดนั้น

วันนี้ยังไม่แน่นอน?

มีข่าวว่า ความแน่นอนจะเกิดขึ้นเมื่อนายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ กลับจากต่างประเทศ !

ทั้งนี้ หากนายอภิสิทธิ์ สามารถปรับความคิดกับคณะกรรมการ ก.ต.ช. จนเป็นไปในทิศทางเดียวกันได้

ศักดิ์ศรีความเป็นนายกรัฐมนตรีย่อมกลับคืน

แต่ถ้านายอภิสิทธิ์ยังดื้อเหมือนครั้งที่ผ่านมา โอกาสเกิดวิกฤตทางการเมืองย่อมมีสูง

ประการที่สอง คือ ผลการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดล่าสุด นายอภิสิทธิ์ได้แสดงภาวะผู้นำ ทั้งในเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับปลัดกระทรวง และการรักษาความสงบในช่วงการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มคนเสื้อแดง

โดยเฉพาะการรักษาความสงบในช่วงการประชุมใหญ่ของคนเสื้อแดง นายอภิสิทธิ์ตัดสินใจประกาศใช้พระราชบัญญัติรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรในช่วงปลายเดือนสิงหาคมถึงต้นเดือนกันยายน

ระหว่างวันที่ 29 สิงหาคม ถึง 1 กันยายน

ครอบคลุมวันที่ 30 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันที่กลุ่มคนเสื้อแดงประกาศชุมนุมใหญ่

พร้อมกันนั้นนายอภิสิทธิ์ได้มอบให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงเป็นผู้รักษาการตามพระราชบัญญัติ

เท่ากับว่า รายละเอียดการดำเนินการกับกลุ่มผู้ชุมนุมทั้งหมด มอบให้นายสุเทพเป็นผู้ดำเนินการ

ถือเป็นการแก้โจทย์เรื่องการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และโจทย์เรื่องการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงไปพร้อมๆ กัน

อย่างไรก็ตาม การกู้วิกฤตภาวะผู้นำที่นายอภิสิทธิ์กำลังดำเนินการอยู่นี้ จะเห็นผลชัดเจนก็ต่อเมื่อ

หนึ่ง การชุมนุมใหญ่ของกลุ่มคนเสื้อแดงผ่านพ้นไปอย่างสงบเรียบร้อย

และสอง การแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเป็นไปตามที่เหมาะที่ควร

แต่หากการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงรุนแรง ไม่สงบ นายอภิสิทธิ์คงจะต้องแก้โจทย์ที่ยากขึ้น

เช่นเดียวกับการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หากยังปรากฏว่า นายอภิสิทธิ์ในฐานะนายกรัฐมนตรียังไม่สามารถหาจุดลงตัวที่ดีได้ นายอภิสิทธิ์ก็จะดำรงอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีลำบาก

ในยามนี้จึงถือเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ นายอภิสิทธิ์คงต้องใช้เวลาอยู่กับตัวเอง รับฟังความรอบข้าง

คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศเป็นที่ตั้ง

คำนึงถึงผลประโยชน์ของคนส่วนใหญ่เป็นหลัก

เพราะในขณะนี้ไม่ใช่เฉพาะนายอภิสิทธิ์เท่านั้นที่ต้องรับผลกระทบจากการตัดสินของนายอภิสิทธิ์

หากแต่การเมืองไทยในขณะนี้กำลังแขวนอยู่บนเส้นด้าย

แขวนอยู่บนการตัดสินใจของคนที่ชื่อ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ"