วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2552

"พี่ชายนอกไส้" ท้ารบ "อภิสิทธิ์ชน" "พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร" กางบัญชีแค้นแทน "น้อง"

ที่มา ข่าวสด

สัมภาษณ์พิเศษ

โดย หทัยกาญจน์ ตรีสุวรรณ




"การแสดงความจงรักภักดีของไอ้พวกนี้ก็คือการโทษว่าผู้อื่นไม่จงรักภักดี มันพูดมาคำหนึ่งก็กระเทือนแล้ว ...คนจงรักภักดีต้องคนที่อยู่ใกล้ชิดหรือ ประชาชนธรรมดานี่ไม่จงรักภักดีใช่ไหม คุณต่างหากที่มากั้นไม่ให้พระองค์ใกล้ชิดกับประชาชน ทุกอย่างต้องมาผ่านคุณหมด แล้วคุณก็สร้างความสำคัญให้ตัวเองว่ากูนี่ใหญ่ สุดท้ายพอสู้ไม่ได้ก็อ้าง ประชาชนก็ต้องถอยเพราะรักและเทิดทูนพระองค์ท่าน มันก็เลยได้ใจใหญ่ นี่จริงๆ คุณนั่นแหละเป็นตัวนำพระราชอำนาจมาใช้ข่มขู่คนนั้น ข่มขู่คนนี้..."

"เขา" คือคนในตระกูล "ชินวัตร" ที่ห่างตัว-ห่างใจ "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี

แม้ "เขา" จะได้ขึ้นเป็นผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในยุคที่ "ผู้นำคนที่ 23" ครองเมือง แต่เขาก็ถูกผู้นำหมายเลขเดียวกันสั่งโยกไปเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) ในอีก 1 ปีให้หลัง ท่ามกลางเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่าเป็นรายการ "สั่งเก็บ" เพราะไม่ปลื้มฝีมือ?

หลังปลดระวางอำนาจนาน 3 ปี "เขา" ได้รับเทียบเชิญจาก "ยงยุทธ ติยะไพรัช" อดีตขุนพลคนสำคัญของ "พ.ต.ท.ทักษิณ" ให้เข้ามาเป็น "นอมินีรุ่น 2" ถือธงนำพรรคเพื่อไทย ในภาวะขาดหัว

ในวันนั้น "เขา" แอ่นอกรับคำเชิญอย่างเต็มภาคภูมิ โดยประกาศพร้อมรับใช้ชาติด้วยการเข้าสู่สนามการเมือง เพราะมองว่าเป็นแนวทางที่ดีที่สุดตามวิถีประชาธิปไตย

แต่สุดท้ายกลับไม่ปรากฏชื่อของ "บิ๊กตุ้ย พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร" ญาติผู้พี่ "พ.ต.ท.ทักษิณ" ในฐานะ "หัวหอกพรรคใหม่" ท่ามกลางเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่าถูกเขี่ยชื่อทิ้งเพราะ "นายไม่ปลื้ม" (อีกครั้งหนึ่ง)

หลังพลาดหวังจากการกระโจนสู่สนามการเมือง "บิ๊กตุ้ย" หันไปหาเลี้ยงชีพด้วยการทำธุรกิจ ทว่าด้วยนามสกุล "ชินวัตร" ทำให้ชื่อ "พล.อ.ชัยสิทธิ์" ยังปรากฏในหน้าข่าวการเมืองอยู่เนืองๆ

ครั้งหนึ่งมีการเปิดชื่อ "พล.อ.ชัยสิทธิ์" ในฐานะ "ประธานบริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์" หลังรถบรรทุกแก๊สแอลพีวีของบริษัทดังกล่าว ไปจอดจังก้าอยู่หน้าแฟลตดินแดง, บริษัท คิงเพาเวอร์ ซอยรางน้ำ และบริเวณหน้าโรงพยาบาลสงฆ์ ขณะที่ "กลุ่มคนเสื้อแดง" เปิดปฏิบัติการปิดกรุงเทพฯ ไล่รัฐบาล "อภิสิทธิ์" เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา

และครั้งนี้มีการปูดข่าวว่าบริษัทเอกชนที่มี "นายพล ช.ช้าง" เป็นประธานที่ปรึกษาบริษัท เกี่ยวข้องกับการเสนอขายปุ๋ยอินทรีย์ให้แก่ชุมชนต่างๆ ตามโครงการชุมชนพอเพียง

ในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา "พล.อ.ชัยสิทธิ์" ได้เปิดบ้านพักรับรองในกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร. 1 พัน 1 รอ.) ให้ "มติชน" ไปนั่งสนทนา เขาเปิดฉากระบายความในใจในแบบถึงลูกถึงคน...

"ทำไมต้องมาโยงใยผมด้วย มันไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับผมเลย คนนามสกุลเดียวกัน คนหนึ่งเล่นการเมือง อีกคนหนึ่งอยู่เฉยๆ เราทำมาหากินของเรา แต่ก็ถูกเอาไปโยงการเมืองตลอด"

คิดว่าเรื่องชุมชนพอเพียงเป็นประเด็นการเมืองล้วนๆ

ก็มันพยายามโยงเข้ามา เป็นสันดานของมัน แต่เราก็ไม่ว่าอะไร เพราะเรามันของจริง

ยืนยันหรือไม่ว่าบริษัท ฟุกเทียนกรุ๊ป จำกัด ที่ท่านเป็นประธานที่ปรึกษา ไม่เคยขายสินค้าให้ชุมชนไหนเลย

ไม่มี เราไม่เคยไปวิ่งเต้นขายปุ๋ยให้พวกนี้ ฝากบอกไปยังผู้อำนวยการสำนักงานชุมชนพอเพียง (นายสุมิท แช่มประสิทธิ์) ด้วย ถ้าแน่จริงมาออกทีวีแข่งกันไหม นี่มันรัฐบาลอะไร นี่มันพรรคประชาธิปัตย์ เขาไม่มีทางซื้อของผมอยู่แล้ว ไว้ชาติหน้าเหอะถึงจะขายได้ (หัวเราะ)

คุณธรรมยุทธ์ เจนพิชิตกุลชัย ประธานกรรมการในเครือบริษัท ฟุกเทียนกรุ๊ป บอกว่ามีความพยายามจะทำให้ท่านเป็น "แพะ"

ไม่มีอะไร ที่ผมไปเป็นประธานแก้จนก็เพราะตั้งใจจะช่วยชาวบ้าน ทำให้ราคาปุ๋ยถูกลง และทำให้ผลผลิตของเขาดีขึ้น ถ้าทำได้ ชาวบ้านก็อยู่ได้

เหตุที่ต้องใช้ "แพะตัวใหญ่" เป็นเพราะฝ่ายค้านเปิดประเด็น โดยหวังเอานายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี ออกจากตำแหน่งหรือเปล่า

มันเล่นการเมืองมากเกินไป พวกนี้มันถนัดจริงๆ ในการสร้างศัตรูเพิ่มขึ้นทุกวันๆ

ท่านจะไม่ยอมถูกบูชายัญในโครงการนี้แน่ๆ ใช่หรือไม่

ผมมันของจริงไง... ขอยืนยันว่าเราไม่เคยขายของให้ชุมชน ไม่เคยคิดแบบประชาธิปัตย์ สรุปแล้วมันจะไม่ให้คนทำความดีเลยหรือไง คนนามสกุล "ชินวัตร" นี่ทำความดีไม่ได้เลยใช่ไหม และมันไม่ใช่กระเทือนเฉพาะตระกูลชินวัตรนะ แต่บริษัทเขากระเทือนด้วย

สรุปแล้วเป็นความผิดที่เกิดมานามสกุล "ชินวัตร"

ก็ไม่รู้ ถ้าบริษัทเขาเกิดเดือดเนื้อร้อนใจ ผมจะให้เขาเคลมไปเลย บริษัททำกำไรต่อปีได้เท่าไร ก็ให้ฟ้องเรียกค่าเสียหายเท่านั้นไปเลย

ได้พูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณบ้างหรือไม่

ไม่ได้คุย แต่มีโทรศัพท์อวยพรวันเกิดเท่านั้นเอง

ระหว่างสุขภาพกาย กับสุขภาพจิต อันไหนทรุดโทรมกว่ากัน

ไม่รู้สิ แต่แหม! คนเราเคยอยู่เมืองไทย สุขที่สุดในโลกแล้ว ไปอยู่ที่อื่นถึงแม้จะสุขสบายก็จริง แต่มันสู้บ้านไม่ได้หรอก บ้านเกิดเมืองนอน

เคยสรุปบทเรียนหรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นกับ พ.ต.ท.ทักษิณ นับจากเหตุการณ์ปฏิวัติ 19 กันยายน 2549

จะเล่าให้ฟังก็ได้ เหตุเกิดเมื่อต้นเดือนธันวาคม 2548 นี่คือจุดแรกที่ทักษิณโดน เพราะโรคอิจฉา ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเขาจะออกไปเยี่ยม ทร. (กองทัพเรือ) ทอ. (กองทัพอากาศ) ทบ. (กองทัพบก) พวกโอลด์ โซลเยอร์ เนเวอร์ดายด์ (ทหารแก่ไม่มีวันตาย) แล้วก็จองล้างจองผลาญมาโดยตลอด สาเหตุหลักมาจากคำนั้นคำเดียว คล้ายๆ ว่าทักษิณมาแย่งความรักไปจากเขา เพราะว่าต้องเขาคนเดียว ไม่ใช่นายกฯ

มีเสียงวิจารณ์ว่าเหตุผลส่วนหนึ่งเป็นเพราะ พ.ต.ท.ทักษิณขาดศิลปะในการประสานงานกับชนชั้นสูง

คือ... ของจริงบางครั้งมันพูดไม่ได้ มีผู้เสียผลประโยชน์ พวกญาติโกโหติกา คนที่อิงข้างในทั้งหลาย ยังมีอีกเยอะที่นั่งกินนอนกิน พอทักษิณเข้ามา เขาก็จับมาเข้าระบบสากล ทำให้พวกนั้นทำมาหากินยากขึ้น ก็โกรธ ก็เกลียด เพราะมาจากคำว่าอิจฉาอีกเหมือนกัน และก็เสียผลประโยชน์ด้วย นี่คือความเป็นจริง แต่เราพูดไม่ได้ คือแตะต้องไม่ได้ มันไม่สากลน่ะ ถ้าเมืองนอกเนี่ย ความจริงคือความจริง แต่เมืองไทยไม่ได้ รู้ความจริงก็พูดไม่ได้ ถ้าพูดต้องโดน มันมีอภิสิทธิ์ชนเยอะมาก มีการอ้างกันด้วย ถ้าสู้ไม่ได้ก็อ้าง อันนี้ตายแน่ ใครโดนตรงนั้นก็ตาย แต่เดี๋ยวนี้ประชาชนเขามีความรู้มากขึ้นเรื่อยๆ พอถึงที่สุดแล้วมันห้ามไม่ได้ ทุกคนต้องรับความจริง

สถานะอดีตผู้นำเหล่าทัพของท่าน ไม่สามารถช่วยเคลียร์ข้อหาไม่จงรักภักดีให้ พ.ต.ท.ทักษิณได้เลยหรือ

การแสดงความจงรักภักดีของไอ้พวกนี้ก็คือการโทษว่าผู้อื่นไม่จงรักภักดี มันพูดมาคำหนึ่งก็กระเทือนแล้ว ทั้งที่ความจริงแล้วเป็นไปไม่ได้เลย อยู่ดีๆ จะมาบอกหนูไม่จงรักภักดีแล้วนะ ไอ้เราก็งงสิว่าเฮ้ย! กูไม่จงรักภักดีได้อย่างไร อ๋อ... คนจงรักภักดีเขาต้องคนที่อยู่ใกล้ชิดหรือ ประชาชนธรรมดานี่ไม่จงรักภักดีใช่ไหม มันไม่ใช่... (ลากเสียงยาว) คนไทยทุกคนรักพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รับรองได้เลย ไม่ว่าจะไปถามที่ไหนก็แล้วแต่ เพราะท่านทรงงานมาเยอะ ช่วยเหลือพสกนิกรไว้เยอะ คุณต่างหากที่มากั้นไม่ให้พระองค์ใกล้ชิดกับประชาชน คุณกั้นไว้ ทุกอย่างต้องมาผ่านคุณหมด แล้วคุณก็สร้างความสำคัญให้ตัวเองว่ากูนี่ใหญ่นะ มันไม่ใช่ไง สุดท้ายพอสู้ไม่ได้ก็อ้าง ประชาชนก็ต้องถอยเพราะรักและเทิดทูนพระองค์ท่าน มันก็เลยได้ใจใหญ่ นี่ต่างหากที่เขาได้เหลิงว่าตัวเองนี่สำคัญ จริงๆ คุณนั่นแหละเป็นตัวนำพระราชอำนาจมาใช้ข่มขู่คนนั้น ข่มขู่คนนี้ เรื่องพวกนี้ผมไม่อยากพูดหรอก ผมรู้เยอะ

การต่อสู้กับอภิสิทธิ์ชนของกลุ่มคนเสื้อแดง จะทำอย่างไรไม่ให้ไปกระทบกระเทือนกับบุคคลระดับสูง

ประวัติศาสตร์เขามีเยอะแยะ พูดไปก็แค่นั้นแหละ แต่ประชาชนไม่โง่หรอก

การที่ พ.ต.ท.ทักษิณเลือกใช้งานคนที่ถูกมองว่าเป็น "ฝ่ายซ้าย" ทำให้ข้อหาไม่จงรักภักดีมีน้ำหนักขึ้นมาหรือไม่

ไม่หรอก มันเข้าทางเขาพอดีเลย เพราะพวกนี้เป็นพวกนักต่อสู้ สู้เพื่อประชาธิปไตย สู้เพื่อความยุติธรรม ถ้าไม่ได้รับความยุติธรรมก็มีนักต่อสู้เหล่านี้ออกมา แต่บังเอิญพวกนี้เป็นคนที่เคยหัวเอียงซ้ายมาก่อน ข้อหาสมัยก่อนคือคอมมิวนิสต์ จริงๆ คอมมิวนิสต์มันเกี่ยวอะไร ไม่เกี่ยวเลย ไม่มีอะไรเลย

เชื่อว่าไม่มีพวกคอมมิวนิสต์หลงยุคในขณะนี้แล้ว

ไม่มี ไม่มีหรอก จะไปมีได้อย่างไร มีแต่ว่าคุณจะรักษาอำนาจไว้ให้นานที่สุด ใครจะมาใหญ่กว่าไม่ได้ เป็นโรคอิจฉาน่ะ คนที่รับกรรมก็คือทักษิณ

คิดว่าบริวารของ พ.ต.ท.ทักษิณที่ออกมาต่อสู้ในขณะนี้ ทำเพื่อนายจริงๆ หรือหวังในลาภ ยศ หญิง ตามที่มีการแฉกันเอง

ก็มีส่วน มันมองได้หลายรูปหลายแบบ ไม่เป็นไรหรอก สักพักเดี๋ยวธาตุแท้ก็ออกมา

ตอนนี้เริ่มเผยธาตุแท้กันบ้างแล้วใช่หรือไม่

เริ่มมาแล้ว เริ่มกัดกันแล้ว

ถ้าเช่นนั้น พ.ต.ท.ทักษิณมีมิตรแท้ทางการเมืองบ้างหรือไม่

การเมืองไม่มีมิตรแท้หรอก คนที่แท้ก็คือญาติ ญาติมันไม่ทรยศ แต่นักการเมืองมันเปลี่ยนไปได้ทุกวัน

แต่ที่ผ่านมามีข่าวเรื่องพี่น้อง "ชินวัตร" ชิงการนำในพรรคเพื่อไทย โดยปรากฏชื่อคุณพายัพ คุณยิ่งลักษณ์ และ พล.อ.ชัยสิทธิ์ เป็นแคนดิเดตหัวหน้าพรรค

ไม่มีหรอก ไม่มีใครแย่งหรอก ไม่มีใครอยากเป็น ลองคิดดูสิว่าเป็นหัวหน้าพรรคตอนนี้ลำบากขนาดไหน คุณรบกับใคร คุณรู้หรือเปล่า เราไม่สนใจการเมืองหรอก เราไม่อยากเป็นอยู่แล้ว ใครอยากเป็นก็ให้มันเป็น ถ้าเป็นมันต้องเหนื่อย เหนื่อยมาก (ลากเสียง) มากๆ เลย เรื่องอะไรจะเอาตัวเองไป... เขาเรียกว่ารบกับยักษ์น่ะ โอกาสสู้ยาก

แล้วจะหา "แจ๊ก" ได้จากไหน

ผมยังเชื่อว่าความไม่ถูกต้องอยู่ได้ไม่นานหรอก คุณก็รักษาของคุณไว้เหอะ รักษาไว้ให้ได้นะ ไม่นานหรอก ผมเชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่รักความยุติธรรมและขี้สงสาร ใครถูกรังแกมักจะเข้าทางนั้น โดยเฉพาะชาวบ้าน คนที่รักทักษิณก็เพราะรู้ว่าโดนรังแก ไม่อย่างนั้นจะเทคะแนนให้มาเป็นหมื่น เป็นแสน เป็นล้านได้ยังไง

พรรคเพื่อไทยกำลังขาดหัว ไม่คิดเข้าไปช่วยพยุงพรรคบ้างหรือ

(ส่ายหน้า)

ถ้าคุณยิ่งลักษณ์ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย จะไหวหรือไม่

(ยิ้ม) แล้วแต่เขา

เชื่อในคำว่า "โอลด์ โซลเยอร์ เนเวอร์ดายด์" (ทหารแก่ไม่มีวันตาย) หรือไม่

(พยักหน้า)

เหตุใด พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เกษียณไป 29 ปีแล้ว ยังมีบารมี ต่างจาก พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ที่เพิ่งเกษียณไป 2 ปี แต่บารมีดูหดหาย

ก็... มันอยู่ที่การกระทำของแต่ละบุคคล อย่างกรณี พล.อ.เปรมเขามียศ มีตำแหน่งอยู่ ไม่ใช่ว่าปลดเกษียณไปเลย มีตำแหน่งองคมนตรีอยู่ ท่านอยู่ 8 ปี ค้ำหัวกบาลอยู่ มันก็สบายอยู่แล้ว

หากอดีตนายทหารต้องการรักษาบารมีจำเป็นต้องเล่นการเมือง เพื่อขยายฐานอำนาจต่อหรือไม่

อ๋อใช่

แล้วท่านไม่สนใจลงเล่นการเมืองบ้างหรือ

การเมืองเมืองไทย ผมพูดหลายทีแล้วว่ามันสกปรก มีแต่สร้างศัตรู ไม่สร้างมิตร ผมชอบสร้างมิตร

ถ้าคิดว่าการเมืองสกปรก ทำไมถึงไม่บอกน้องชายให้เลิกเล่นการเมืองบ้าง

เขาก็คงอยากเลิกเหมือนกัน เพราะลูกเมียเขาก็อยากเลิก แต่ว่าไอ้นี่ไปบีบบังคับให้เขาสู้ บีบให้เขาตาย เมื่อเขาไม่ได้รับความยุติธรรม เขาก็ต้องเรียกร้อง ถามว่าจะเรียกร้องความยุติธรรมทางไหนได้ เขาก็ต้องเล่นการเมือง พ่อค้าจะสู้กับนักการเมือง มันไม่ได้หรอก ต้องสู้กันแบบการเมืองต่อการเมืองสู้กัน ในเมื่อจะห้ำหั่นกันแล้ว มันก็ต้องว่าไป ผมบอกหลายทีแล้วว่าถ้าผมเป็นพรรคประชาธิปัตย์ ผมจะใจกว้าง หามิตร หาทางออกที่เป็นมิตร ไม่ใช่ว่าคอยกระแนะกระแหนเขาตลอด แม้แต่นามสกุลเดียวกันก็ยังไปไล่กับเขาอยู่นั่นแหละ มันไม่เป็นเรื่องน่ะ แล้วมันจะเป็นผู้ใหญ่ได้อย่างไร จะเป็นรัฐบาลได้อย่างไร สร้างแต่ศัตรูทุกวัน

ก่อนจากกันในวันนั้น "คู่ขาทางธุรกิจ" ของ "พล.อ.ชัยสิทธิ์" ได้มอบ "สมุดฝากความดี" ที่มีชื่อของเขาเป็นประธานสมุดฝากความดีให้แก่ผู้สื่อข่าว พร้อมบรรยายสรรพคุณเสร็จสรรพ จึงมิวายถูกหยอดกลับไปว่าไม่กลัวฝ่ายตรงข้ามบอกให้ส่งไปให้ "คนที่แดนไกล" หรือ?

"ถ้าอย่างนั้นมันก็อันธพาลนี่ ถ้ามึงอันธพาลกับกู กูก็อันธพาลกับมึง โดยนิสัยจริงๆ ไม่อยากทำใคร แต่ถ้าลูกน้องมันโกรธ มันเกลียดขึ้นมา มันจะทำเนี่ย เราก็ห้ามมันไม่ได้ เพราะลูกน้องมีเป็นแสน"

คือวาทะทิ้งท้ายจาก "พี่ชายนอกไส้" สายเลือด "ชินวัตร"!!!