นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์
โฆษกเพื่อไทยจี้นายกฯ ทำตามเสียงส่วนใหญ่ที่สะท้อนผ่านโพล ไม่เห็นด้วยกับการตั้ง ส.ส.ร. หรือทำประชามติ ในการแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อซื้อเวลา ยุปรับ ครม. เด้ง รมว.คลัง-พาณิชย์..
เมื่อวันที่ 27 ก.ย. ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงกรณีนายกรัฐมนตรี ระบุต้องทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า หากนายกรัฐมนตรียังพยายามตั้ง ส.ส.ร. 3 และทำประชามติ ถือว่าซื้อเวลา หากต้องการลดวิกฤติขัดแย้งและสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประเทศ ต้องฟังเสียงสะท้อนของประชาชนที่ผ่านผลสำรวจของโพลที่ให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ 6 ประเด็นโดยไม่ต้องทำประชามติ หรือตั้ง ส.ส.ร. ตรงนี้จะเป็นบทพิสูจน์ความจริงใจของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ว่าปากเป็นประชาธิปไตย แต่หัวใจเป็นเผด็จการหรือไม่ ดังนั้นเมื่อกลับมาจากสหรัฐฯ ต้องรีบแก้ไขปัญหาตามเสียงสะท้อนของประชาชนทันที
นายพร้อมพงศ์ กล่าวด้วยว่า ในวันที่ 28 ก.ย.นี้ ทางพรรคจะไปยื่นหนังสือ กกต. ทวงถามความคืบหน้ากรณีการรับเงินบริจาคของพรรคประชาธิปัตย์ จำนวน 258 ล้านบาท จากบริษัททีพีไอโพลีน ขอให้ กกต.เร่งสรุปสำนวนและมีมติ ไม่ต้องเกรงใจรัฐบาลหรือเกรงกลัวอำนาจหรือบารมีของคนที่สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ นอกจากนี้กรณีบุกรุกที่ดินป่าสงวนแห่งชาติเขายายเที่ยง จ.นครราชสีมา ของพล.อ.สุรยุทธ จุลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรี และองคมนตรี ที่ได้ยื่นเรื่องให้นายกฯไปก็ไม่คืบหน้า หากนายกฯ ยังนิ่งเฉยไม่ยอมสั่งให้ผู้เกี่ยวข้องดำเนินการรื้อถอนบ้านของ พล .อ.สุรยุทธโดยเร็ว จะไปแจ้งความดำเนินคดีกับนายกฯ และผู้เกี่ยวข้องฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
ส่วนกรณีหลังการปฏิวัติวันที่ 19 ก.ย. 2549 มีกระแสข่าวว่าผู้นำการปฏิวัติบางคน และ พล.อ.บางคนร่ำรวยจากการปฏิวัตินั้น โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จะยื่นเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบและพิสูจน์ทรัพย์สินว่าได้มาอย่างไร ได้แจ้งบัญชีทรัพย์สินไว้ครบถ้วนถูกต้องตามเป็นจริงหรือไม่ หากแสดงที่มาของทรัพย์สินไม่ได้ ทรัพย์สินต้องตกเป็นของแผ่นดิน รวมถึง พล.อ.สนธิ บุญยรัตนกลิน อดีตประธาน คมช. สมควรต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน ดังนั้นขอให้ ป.ป.ช. ดำเนินการด้วยเช่นกัน เพราะหากพบว่าปฏิวัติแล้วรวยไม่ผิดกฎหมาย จะเป็นค่านิยมผิดๆ ให้นายทหารรุ่นหลังได้
โฆษกพรรคเพื่อไทย ยังกล่าวถึงการที่นายอภิสิทธิ์ ไปพูดในเวทีสหประชาชาติ ที่สหรัฐฯ ว่าเศรษฐกิจโลกต้องแก้ด้วยเศรษฐกิจพอเพียง ว่า นายกฯและรัฐบาลนี้เข้าใจเศรษฐกิจพอเพียงแค่ในเศษกระดาษและตัวหนังสือ เพราะ 9 เดือนที่ผ่านมารัฐบาลไม่เคยเข้าใจหลักเศรษฐกิจพอเพียงที่แท้จริง ไปกู้เงินให้คนไทยเป็นหนี้ถึง 9 แสนล้านบาท และยังพบว่ามีการทุจริตโครงการชุมชนพอเพียงในหลายพื้นที่ ล่าสุดที่ ต.ไม้ดัด อ.บางระจัน จ. สิงห์บุรี จำนวน 14 หมู่บ้าน จำนวนเงินกว่า 3 ล้านบาท รวมถึงกรณี ครม.ใช้เวลาแค่ 5 นาทีพิจารณาอนุมัติเงินจำนวน 11,000 ล้านบาท ให้กระทรวงกลาโหมเพื่อซื้ออาวุธ เรื่องนี้อาจขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 แต่การบริหารของรัฐบาลอภิสิทธิ์ชนทำอะไรก็ไม่ผิดกฎหมาย นอกจากนี้รัฐบาลแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจล้มเหลว ดังนั้นช่วงโค้งสุดท้ายของรัฐบาลถึงเวลาที่นายกฯต้องปรับครม.ที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจทั้งหมด ทั้งตำแหน่งรมว.คลัง รมว.พาณิชย์ เป็นต้น
วันอาทิตย์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2552
พท.จี้นายกฯ แก้รธน.เลยไม่ต้องตั้ง ส.ส.ร.-ประชามติ
ที่มา ไทยรัฐ