ที่มา thaifreenews
โดย Bugbunny
การ ปราบปรามประชาชนอย่างรุนแรงด้วยอาวุธสงครามในวันสงกรานต์ มีผลให้ความเกลียดชังของประชาชนต่อรัฐบาลและผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลังทั้ง หลายสูงขึ้นอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ต่อเนื่องจากกรณีงานศพ และความอยุติธรรมสารพัดรูปแบบอย่างไม่มียางอายที่กระทำต่อเนื่องกันมาตลอด ด้วยมือเท้าของพวกอมาตยาธิปไตย ทั้งทหาร ตำรวจ องค์กรอิสระ ขบวนการตุลาการวิบัติ ฯลฯ ตอนนี้คนจำนวนมากรับรู้ชัดเจนแล้วว่า ใครคือ Mastermind และใครคือตัวแทนหุ่นเชิด สภาพวิกฤตศรัทธาขยายวงกว้างไปทั่วทุกระดับชนชั้นในสังคม ขอเพียงแต่ให้เป็นคนที่มีจิตใจรักความเป็นธรรมบ้างเท่านั้น ถ้าไม่ใช่พวกสนับสนุนระบอบอมาตยาธิปไตยจนหน้ามืดตามัวหรือพวกเกาะอำมาตย์หา กินแล้ว ก็จะรู้ชัดว่า ภาคประชาชนและกลุ่มทุนนิยมก้าวหน้าทั้งหลายถูกกระทำย่ำยีอย่างไร้เหตุผล เพียงใดในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา
เคย มีคำถามว่าอมาตยาธิปไตยนั้น สมควรจะมีขอบเขตเพียงใด ก็ต้องหันไปศึกษาข้อเท็จจริงตามประวัติศาสตร์โลก แล้วจะพบว่า หลายประเทศทั่วโลกนั้นไม่ได้มีวิถีความเชื่อแบบเดียวกับญี่ปุ่นที่ถือว่าพระ จักรพรรดิจิมมู เทนโน ปฐมจักรพรรดิ ทรงสืบเชื้อสายมาจากเทพเจ้าอมาเตราสุ โอมิกามิ เทพแห่งดวงอาทิตย์ เป็นผู้มีชาติกำเนิดอันมิใช่สามัญชนทั่วไป จึงต้องยกพระองค์ไว้เหนือกว่าคนธรรมดา แม้ในช่วงที่โชกุนครองอำนาจทางการเมืองการบริหาร แต่สมเด็จพระจักรพรรดิก็ยังคงทรงพระเกียรติอยู่ในฐานะพระจักรพรรดิแต่ พระองค์เดียว โชกุนไม่อาจกระทำการใด ๆ ต่อความเป็นพระจักรพรรดิได้ แม้จะเคยมีความขัดแย้งกันระหว่างสองสถาบันในหลายยุคหลายสมัย เช่น ยุคเฮอัน ฯลฯ มาแล้วก็ตาม สิ่งที่โชกุนกระทำก็เป็นเพียงการผลักดันให้เชื้อสายของพระจักรพรรดิสายใดสาย หนึ่งที่ตนสนับสนุนขึ้นเป็นพระจักรพรรดิเท่านั้น ไม่มีการเปลี่ยนแปลงราชวงศ์แต่ประการใด
ในขณะที่อังกฤษ ประเทศสแกนดิเนเวีย รัสเซีย จีน ฯลฯ นั้น เปลี่ยนแปลงราชวงศ์มาหลายครั้ง โดยอำมาตย์ตระกูลใหม่ที่เคยเป็นคนธรรมดาเข้ามายกตนเองเป็นกษัตริย์หรือ จักรพรรดิ เมื่อมีชัยชนะต่ออำมาตย์กลุ่มเก่าที่เคยชนะอำมาตย์กลุ่มที่เก่ากว่าและขึ้น ครองอำนาจทางการเมืองมาก่อนหน้านี้เท่านั้น แล้วขึ้นครองราชย์ตั้งราชวงศ์ใหม่กันขึ้น การยกฐานะเป็นอภิมนุษย์จึงไม่มีอิทธิพลมากนักเมื่อระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ สิ้นสุดลงในประเทศเหล่านั้น บางประเทศก็ทรงเป็นพระมหากษัตริย์อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ บางประเทศก็กลายเป็นมหาชนรัฐ (คำที่ราชบัณฑิตยสถานบัญญัติแทน Republic นั้นคือสาธารณรัฐ แต่ผู้เขียนมองคำสาธารณะว่า ไม่น่าจะเหมาะกับการเป็นศัพท์การเมืองการปกครอง แต่เหมาะกับสภาพในทางสังคมหรือการใช้ชีวิตทั่วไปมากกว่า การใช้คำว่าสาธารณรัฐมีผลทำให้คำนี้ลดพลังทางการเมืองลงไปอย่างมาก)
ความ เป็นจริงก็คือ ประเทศเหล่านั้น ชนชั้นอำมาตย์ทั้งหลายต่างก็ผลัดเปลี่ยนกันขึ้นมาครองอำนาจและยกฐานะตนเอง ให้สูงขึ้นกว่าคนธรรมดาเท่านั้น ทั้งที่ก่อนหน้านั้นตนเองก็เป็นเพียงคนธรรมดาที่มีอำนาจอิทธิพลกว่าชาวบ้าน ไม่ได้สืบเชื้อสายจากเทพเหมือนอย่างความเชื่อของการเป็นจักรพรรดิในญี่ปุ่น แต่ประการใด ซึ่งภายหลังการพ่ายแพ้ในสงครามโลกครั้งที่สอง พระจักรพรรดิเองก็ทรงยินยอมตามรัฐธรรมนูญของผู้ยึดครองที่จะทรงประกาศว่า พระองค์มิได้สืบเชื้อสายมาจากเทพเจ้า แม้ศรัทธาดั้งเดิมของประชาชนจำนวนมากยังคงถือเช่นนั้น แต่คนญี่ปุ่นยุคใหม่อีกมากมายในวันนี้ก็เปลี่ยนความเชื่อนี้ไปแล้วเช่นกัน
เพราะ ความจริงที่ว่าอำมาตย์นั้นก็เป็นคนเหมือนกัน จึงน่าจะทำสิ่งที่คนทั้งหลายกระทำกันเป็นปกติ คนในสังคมนั้นมีภาระหน้าที่การงานอันแตกต่างกัน ใครทำหน้าที่ใดก็ทำไป เลิกกำหนดกันได้แล้วว่า ถ้าเป็นอำมาตย์ต้องเหนือกว่าคนธรรมดา คนมีเงินต้องเป็นมนุษย์มากกว่าคนจน ฯลฯ เรายอมรับว่ามนุษย์นั้นไม่เท่าเทียมกันในความสามารถ โอกาส และการปฏิบัติตน แต่พื้นฐานหลักนั้นเหมือนกันคือเป็นคนคนหนึ่ง เมื่อเกิดมาเป็นคนเหมือนกัน ก็ต้องให้โอกาสและให้เกียรติผู้อื่น มนุษย์มีภาระหน้าที่และความชำนาญคนละแบบเท่านั้น
ปัญหาของเมืองไทย วันนี้ก็คือ คนกลุ่มหนึ่งที่นิยมอำมาตย์หรือเป็นพวกอำมาตย์ ต่างพากันยึดมั่นถือมั่นว่าตนเองเป็นอภิมนุษย์ คนอื่นกระจอกกว่า อย่าบังอาจทำอะไรเกินหน้าเกินตาตนเองเป็นอันขาด ถือว่าไม่เจียมกะลาหัว เมื่อบังเอิญมีใครพิสูจน์หลักการที่ว่าสังคมย่อมเปลี่ยนแปลงไปและคลื่นลูก ใหม่ย่อมถมทับคลื่นลูกเก่าที่สูญสลายไปตามกาลเวลาก็รับไม่ได้ อยากเตือนว่าในอดีตนั้น พวกตนเองก็เคยเป็นคลื่นลูกใหม่ที่ซัดสาดคลื่นลูกเก่ามาก่อนเหมือนกัน วันนี้มันมาถึงช่วงที่ตัวเองกลายเป็นคลื่นลูกเก่าไปแล้ว อย่ามัวหลงละเมอว่าจะยืนยงคงทนเหมือนฟ้า แต่ต้องยอมรับว่าตนเองเป็นหนึ่งในพื้นดิน สภาพภูมิศาสตร์นั้นเปลี่ยนแปลงไปเสมอ เข้าป่าไปไม่กี่วันเดินกลับมาทางเก่าป่ามันก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว ไม่รู้จะดื้อดึงกันไปถึงไหน ไม่ยอมรับความเป็นอนิจจังของสังคมเอาเสียเลย