วันอาทิตย์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2554

ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ 10 ล้าน แด่วีรชนที่เสียชีวิตเพื่อประชาธิปไตย

ที่มา thaifreenews

โดย เสรีภาพ



เมื่อคืนผมได้ฟังจตุพรพูดปราศรัยบนเวทีที่อุดรธานีได้พูดถึงสิ่งที่ได้ปรึกษากับท่านทักษิณเรื่องเงินชดเชยให้ผู้ที่เสียชีวิตจากการชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตย ที่ถูกล้อมฆ่าอย่างโหดเหี้ยมโดยคำสั่งการภายใต้รัฐบาลมาร์ค ที่มี "อากงสั่งฆ่า อาม่าสั่งยิง" อยู่เบื้องหลัง

คำมั่นสัญญาว่าจำนวนเงิน 10 ล้านบาทและลูกหลานเรียนฟรีถ้าหากเพื่อไทยได้กลับมาเป็นรัฐบาลอาจจะมีการวิพากษ์วิจารณ์กันโดยทั่วไปว่ามากบ้างหรือน้อยบ้างอย่างไรก็ตามแต่ สำหรับผมแล้วทุกชีวิตที่สูญเสียไปเพื่อต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตยให้คนไทยทุกคนอยู่อย่างมีเกียรติ อยู่อย่างมีศักดิ์ศรีของความมนุษย์ที่เป็นเจ้าของร่วมกัน ที่บรรพบุรุษของทุกคนได้ร่วมกันปกป้องประเทศนี้มาด้วยกัน ทุกคนจึงควรที่ได้จะสิทธิ์อย่างเท่าเทียมกัน การตีความคุณค่าของอุดมการณ์ให้เป็นจำนวนเงินนั้น สำหรับผมแล้วมันประเมิณค่าเป็นตัวเงินไม่ได้เลยด้วยซ้ำไป

แต่สิ่งที่ผมได้มองย้อนกลับไปในอดีตนั้น ไม่เคยมีไพร่คนใดที่กล้าลุกขึ้นยืนสู้ท้าทายอำนาจรัฐอำมาตย์เผด็จการแล้วจะได้รับการชดเชยเป็นจำนวนเงินมากมายเพียงนี้ ส่วนใหญ่แล้วแทบจะไม่ได้รับการชดเชยเลยด้วยซ้ำไป ไม่ว่าจะเหตุการณ์ 14 ตค. 16 , 6 ตค. 19 , 17 พค.35 จนถึง 10 เมย.- 19 พค.53 มีแต่ฝ่ายอำมาตย์ที่ไล่ฆ่าประชาชนเท่านั้นที่ได้รับการปูนบำเหน็จเป็นอย่างดีเสมอมา

จึงทำให้ตัววีรชนและญาติวีรชนฝ่ายประชาธิปไตยต้องใช้ชีวิตอย่างอดอยากทุกข์ยากแสนเข็นเพราะเหตุต้องสูญเสียอาชีพ เสียโอกาส เสียอวัยวะและชีวิตไปกับการเรียกร้องประชาธิปไตยเช่นเดียวกับ นายเทิดศักดิ์ ฟุ้งกลิ่นจันทร์ ที่จบศึกษาระดับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร (อาจจะเป็นเหตุทำให้มีวีรชนบางส่วนทนทุกข์ยากไม่ไหวต้องหันกลับไปรับใช้อำมาตย์เพื่อให้ยังชีพอยู่ได้) แต่กลับได้รับเพียงแค่กระสุนปืนเป็นสิ่งตอบแทน

ที่ผมได้เขียนมาทั้งหมดเพื่ออยากจะบอกว่าอุดมการณ์ที่เป็น "นามธรรม" ไม่สามารถจะตีคุณค่าเป็นจำนวนเงินได้ แต่เงินก็ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยชดเชยเยียวยาสิ่งต่างๆดังกล่าวที่ต้องเสียไป ให้วีรชนและญาติท่านต่างๆเหล่านี้ได้มีชีวิตอยู่อย่างภาคภูมิในขณะที่ยังมีลมหายใจ ในฐานะลูกหลานวีรชนคนกล้าท้าสู้เผด็จการ
สิ่งที่สำคัญยิ่งเหนือสิ่งอื่นใดถ้ารัฐบาลเพื่อไทยทำได้จริง มันจะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่วีรชนฝ่ายประชาธิปไตยจะได้รับการเลี้ยวแลจากสังคมอย่างจริงจัง นำไปสู่การปลูกฝังให้อนุชนรุ่นหลังเอาแบบอย่าง เพื่อสร้างวัฒธรรมภูมิคุ้มกันต่อต้านการรัฐประหารสืบไป เป็นการฝังเก็บการรัฐประหารอย่างถาวร เพราะเมื่อใดที่ใครก็ตามจะใหญ่โตเพียงใด หาญกล้าจับอาวุธลากเศษเหล็กมายึดอำนาจอธิปไตยมันจะต้องเจอกับลูกหลานวีรชนประชาธิปไตยครับ

Re:

โดย Zs0

ข้อความของคุณเสรีภาพตรงนี้ ขอแสดงอาการคารวะ และอยากขอความกรุณาให้ ช่วยกันทำ

ทหาร ตำรวจ ข้าราชการได้รับการดูแล ยกย่อง ลูกหลานได้รับการอุ้มชู ทั้งที่ การจากไปของ
บางราย มีข้อครหา แต่ มองผ่านเสีย ให้เกียรติผู้ตาย

แต่กับประชาชนที่ เสียภาษีเป็นรายได้รัฐ ที่เป็น แกน ที่รัฐจะต้องเคารพและให้การดูแล
ถูกละเลย ต้องลุกขึ้นมาสู้ ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ตน แต่เพื่อคนส่วนใหญ่
เพื่อชื่อเสียงเกียรติภูมิ ของประเทศ
นอกจากเงินทอง ที่มอบให้ ทายาทหรือบุพการี เพื่อแสดงความรับผิดชอบที่สังคมจะแบกรับภาระ
แทน วีรชน ที่จากไป หรือ วีรชนที่ พิการ บาดเจ็บ วีรกรรมทั้งหลายจะต้อง บันทึก และจารึก เพื่อ
เป็นแบบอย่างให้คนรุ่นหลัง ได้ตระหนัก ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ทั้งหมด
จึงอยากเห็นอนุสรณ์สถาน ตามจังหวัดต่างๆ
ในอเมริกา เมืองที่มีลูกหลานอาสาไปรบ เมื่อกลับมาแต่ร่างจะทำ อนุสรณ์ ใจกลางเมือง
ไม่ต้อง มโหฬาร แค่ ให้ญาตมาวางดอกไม้ และมายืนคารวะได้ ก็พอใจแล้ว

ซึ่ง คนที่อยู่ จะพยายาม ทำให้เกิดขึ้น ให้ได้ 5fc0f220

Re:

โดย BBBBB

ผมว่า อย่างไรก็ตาม การเยียวยาก็เป็นเรื่องจำเป็นเพราะว่า

-หลายท่าน ทั้งที่เป็นวีรชนไปแล้ว ผู้บาดเจ็บจนพิการ แผ้ถูกคุมขังอย่างไม่เป็นธรรมด้วยการยัดเยียดข้อหาก่อการร้าย เป็นเสาหลักของบ้าน มีลูก เมีย และบุพการี ที่ได้รับความลำบากแสนสาหัสจากการขาดคนที่จะมาหาเงินมาจุนเจือข้าวปลาอาหารและปัจจัยสี่

-หลายท่านที่บาดเจ็บและทุพลภาพ นอกจากขาดรายได้แล้ว ยังไม่สามารถจะประกอบอาชีพเลี้ยงตัวเองแล้ว ยังต้องมีภาระค่ารักษาพยาบาล และ ค่าใช้จ่ายในการที่จะต้องเดินทางไปสถานพยาบาล

ตั้งหมดนี้ต้องใช้เงินทั้งสิ้น

และอัตราจะต้องเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นเงินก้อนหรือแม้แต่การต้องออกมาในลักษณะมูลนิธิที่ติดตามจ่ายรายเดือน(ป้องกันเงินที่ได้หมดก่อนถึงเวลาอันควร)

Re:

โดย Bell

เราต้องการ ระบบการปกครองที่เข้มแข็ง มีสิอทธิเท่าเทียมกัน ตรวจสอบได้ แตะได้..

Re:

โดย ลูกชาวนาไทย



ผมสนับสนุนครับ ในการให้การเยียวยาผู้ที่ได้รับบาดเจ็บหรือเสืยชีวิต คนตายให้ครอบครัวได้ัรับการชดเชย 10 ล้าน คงไม่มีปัญหาอะไร เพราะเิงินจำนวนนี้สำหรับประเทศขนาดกลางอย่างประเทศไทยไม่ใช่เงินมากมายอะไร เพราะหากใช้เงินเพื่อการเยียวยาทั้งหมดก็คงไม่เกิน 2,000 ล้านบาท (หมายถึงรวมถึงคนเจ็บที่พิการด้วย)

ส่วนลูกหลานก็ให้ทุนเรียนต่อไปจนถึงชั้นสูงสุดที่เขาจะเรียนได้ (เช่น ปริญญาเอก อาจไปไม่ถึงทุกคนก็ตามแต่สติปัญญา)

เราไม่จำเป็นต้องแคร์การวิจารณ์ของพวกเสื้อเหลือง เราถึงว่าคนที่ตายไป คือ วีรบุุรุษที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย

อาจมีเกีียรติภูมิสูงกว่าทหารผ่านศึกที่ผ่านมาด้วยซ้ำ เพราะพวกเขาอาสาเข้าสู้เอง และถือว่าเป็น "นักรบพิทักษ์เสรีชน" อย่างแท้จริง พวกเขามีใจกล้าหาญกว่าทหารผ่านศึก เพราะสู้กับ "ศัตรูของประชาชนด้วยมือเปล่า" สู้แม้จะรู้ว่าสู้ไม่ได้ ความกล้าหาญจึงเป็นที่น่ายกย่องอย่างแท้จริง

ปล. ไม่ต้องให้ทหารที่ตายจากการปราบประชาชนนะครับ ถือเป็นโจรก่อการร้ายด้วยซ้ำ เพราะพวกเขาืถืออาวุธสงครามเข้าห้ำหั่นประชาชนมือเปล่า เป็นผู้ก่อการร้ายตัวจริง

Long live the people !, long live democracy !