วันอังคารที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2552

ปีแห่งการเผาจริง

ที่มา เดลินิวส์

ปีที่แล้วเผาหลอก ปีนี้เผาจริง วิกฤติเศรษฐกิจที่ไทยต้องเผชิญ จะเจอหลายเด้งมาก ทั้งในและนอก เทียบไม่ได้กับต้มยำกุ้งปี 40 เลย ตอนนั้นไทยเผยแพร่โรคก็จริง แต่สหรัฐ ยุโรป ก็ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก

จะเจ็บจะป่วย ก็อยู่ที่เรา คนอื่นไม่ได้ป่วยหนักไปกับเราด้วย ไม่เหมือนตอนนี้ ไทยป่วยหนัก ผู้นำโลกอย่างสหรัฐ ยุโรป ก็ดันป่วยหนักไปด้วย เพราะวิกฤติการเงินร้ายแรงสุดในรอบ 80 ปี

ปี 40 พอไทยออกจากไอซียูได้ เราก็วิ่งปร๋อ

มีตลาดอย่างสหรัฐ ยุโรป ให้ไทยส่งสินค้าไปขาย ตอนนี้ทั้ง 2 ทวีปเดี้ยงหนักไม่แพ้ไทย โดยเฉพาะสหรัฐ ที่เป็นตลาดส่งออกของไทยกว่า 20% กำลังซื้อหดหายโดยรวมส่งออกไทยเดือน พ.ย. ปี 51 ลด 18%

แล้วไทยจะผลิตสินค้าไปขายใคร ???

ปี 40 ธุรกิจท่องเที่ยวที่ไทยมีทุกอย่างพร้อม แค่ส่งเสริมหนัก ๆ อย่าง อะเมซิ่งไทยแลนด์ ก็มีนักท่องเที่ยวไหลมาเทมา แต่หลัง เหตุการณ์บุกยึดสนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินดอนเมืองนานถึง 8 วันเต็ม ราวกับการก่อการร้าย โดยทหาร ตำรวจ จงใจปล่อยมือ ให้ทำได้อย่างง่ายดาย

ความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวเหลือศูนย์ ปีนี้แหละ ที่คนในภาคท่องเที่ยว จะตกงานกันเป็นแสน ๆ คน ถ้าโชคดี คงราวไตรมาส 3 โน่นแหละที่นักท่องเที่ยวจะกลับเข้ามาเที่ยวใหม่

โดยที่รัฐบาลไทยจะต้องรับประกันว่า จะไม่มีการยึดสนามบินแบบบ้าเลือดอีก และต้องมีการเอาพวกยึดสนามบินมาลงโทษอย่างเด็ดขาด เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างอีกด้วย ถึงจะ เรียกความเชื่อมั่นกลับมาได้

ไม่เท่านั้น ยังมีเรื่องทำลายการลงทุนที่น่าห่วงที่สุด ผลพวงจากการปล่อย ม็อบมีเส้น ทำอะไรได้ตามใจชอบ ทั้งยึดทำเนียบฯ ยึดสนามบิน กลายเป็นการเลียนแบบ มีการต่อต้านเบียร์ช้างเข้าตลาดหุ้น นอกจากประท้วงที่ตลาดหลักทรัพย์แล้ว ไม่หนำใจ

ยังบุกไปพังรั้วบ้านเสี่ยเจริญ ศิริวัฒน ภักดี อีกด้วย

มันรุนแรงมากในสายตานักลงทุนต่างชาติ สื่อนอกเอาภาพพวกนี้ไปเผยแพร่ แล้วใครจะอยากเข้ามาลงทุนอีก เหมือนปลายปีที่แล้ว คนงานไม่ได้โบนัส ก็บุกยึดโรงงานมันซะเลย

ทั้งที่ควรจะพูดกันด้วยความเห็นใจ ทั้ง 2 ฝ่าย

เสน่ห์หนึ่งที่มัดใจนักลงทุนต่างชาติ ก็คือความเป็นคนมีน้ำใจของคนไทย มียิ้มสยามที่พิมพ์ใจ แต่ต้นทุนเหล่านี้กำลังถูกทำลายจนย่อยยับจากคนบางกลุ่ม ยังไม่รู้ต้องใช้เวลานานแค่ไหนถึงจะกู้ภาพลักษณ์คืนมา

วิกฤติเศรษฐกิจไทย โดนหลายเด้งจริง ๆ

นี่ยังไม่นับคำทำนายของธนาคารโลก ที่พยากรณ์ว่า ปี 52 นี้ ไทยจะขยายตัวในอัตราที่ต่ำสุดในรอบ 11 ปี โดยขยายตัวแค่ 2% เนื่องจากได้รับแรงกดดันอย่างต่อเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกและการค้าที่ ถดถอย รวมทั้งการเมืองภายในที่ไร้เสถียรภาพ

แม้จะเปลี่ยนขั้วกลับข้างรัฐบาลจนสำเร็จก็ตาม

ในด้านธนาคารพาณิชย์ จะมีการหดสินเชื่อปล่อยกู้ เพราะกลัวเป็นเอ็นพีแอล ปล่อยไปก็กลายเป็นหนี้เสีย อีกด้าน ธุรกิจก็ไม่กู้ ไม่รู้จะกู้ไปทำไม โรงงานแต่ละแห่งมีแต่จะลดการผลิต ไม่ใช่เพิ่มการผลิต

ที่บอกคนจะว่างงาน 7 แสน ตัวเลขเพิ่มไปเรื่อย เป็น 2 ล้านแล้ว นักศึกษาจบใหม่หนักสุด จะเตะฝุ่นเป็นแถว ก็ขนาดคนเก่ายังไม่รู้จะถูกโละเมื่อไหร่ พวกจบใหม่ และไร้ประสบการณ์จะไปเหลือหรือ น่าหนักใจมาก

เป็นปีที่ทุกคนต้องอดทน ประคอง ตัวกันให้ดี และใช้ชีวิตอยู่บนความไม่ประมาทโดยแท้.

ดาวประกายพรึก