บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันศุกร์ที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

นายกรัฐมนตรีทำภารกิจที่ทำเนียบ

นายกรัฐมนตรี เดินทางออกจากบ้านพักแล้วเพื่อเข้าทำภารกิจที่ทำเนียบรัฐบาลก่อนเตรียมเดินทางไปประเทศลาวเพื่อแนะนำตัว

นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางออกจากบ้านพักภายใน ซอยนวมินทร์ 81 แล้วตั้งแต่ 06.50 น. ที่ผ่านมา ด้วยรถผู้ติดตามและเจ้าหน้าที่ตำรวจเพียง 2 คัน นำและปิดท้ายขบวน ซึ่งได้รับคำยืนยันจากคนภายในบ้านว่าเป็นปกติเหมือนกับทุกวันที่ผ่านมา ทั้งนี้ภายหลังจากพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เดินทางกลับสู่ประเทศไทยตั้งแต่เมื่อวานนี้ และมีหลายฝ่ายออกมาเริ่มตั้งขอสังเกตสงสัยถึงอำนาจการบริหารประเทศ รวมถึงอยากให้พิสูจน์ว่าประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรีเพียงหนึ่งเดียว

อย่างไรก็ตาม กำหนดการทำงานของนายกรัฐมนตรีในวันนี้เวลาประมาณ 08.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกาจะเข้าเยี่ยมคารวะ นายสมัคร สุนทรเวช และในเวลา 11.45 น. นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปเยือนประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เพื่อแนะนำตัวภายหลังเข้ารับตำแหน่งและจะเดินทางกลับในวันที่ 1 มี.ค.ที่จะถึงนี้


วันนี้ที่รอคอย (รวมภาพรับนายกทักษิณ)





















ดูภาพให้เต็มๆ http://saturdayvoice.com/dCode/index.php?showtopic=693

ขอบคุณ คุณ RedEarth

จาก admin1

ขี้หวิว

มีปากก็พูดกันไป
สำหรับคนไทยแล้ว...ต่างชาติเค้ามองเห็น
“จุดอ่อน” ที่ฝังอยู่ในตัวเราอยู่ “4 ขี้”
ขี้เกียจ
ขี้อิจฉาริษยา
ขี้โม้
ขี้โกง
ทั้งที่สิ่งดีๆ ซึ่งฝังอยู่ในสายเลือดของคนไทย
มีมากมายนับกันไม่หวาดไม่ไหว ทั้ง...ความกตัญญู ซื่อสัตย์ เอื้ออารี ให้เกียรติคนอื่น นับถือผู้อาวุโส ฯลฯ
แต่ก็อย่างว่า...ที่ต่างชาติเค้าพูดและวิจารณ์กัน มันก็ไม่ได้ไกลไปจากความเป็นจริงมากนัก
รายการทีวีที่มี “เรตติ้ง” สูงสุด คือ ละครหลังข่าว และต้องเป็นละคร “น้ำเน่า” ด้วย จึงจะเรียกและตรึงคนดูให้อยู่หน้าจอ
สั่งสมกันเข้าไป ตั้งแต่ผู้ใหญ่ วัยชรา เรื่อยลงมาถึงวัยเด็ก ที่พอจะดูละครทีวีรู้เรื่อง
ตลอดช่วงอายุ 50-60 ปีของคนไทย นับแต่
ดูละครเป็นจนถึงวันสิ้นอายุขัย ก็จมปลักอยู่กับ ละคร “น้ำเน่า” จึงทำให้คนไทยเรา...หนีไม่พ้น “ขี้ปาก” ของพวกฝรั่ง
หนีพ้นจาก “4 ขี้” ที่เค้ากล่าวหากันซะที่ไหน???
แล้วก็ไม่ใช่แค่เรื่องเล็กๆ อย่าง...ละคร “น้ำเน่า” ทางทีวี แม้แต่ ละคร “น้ำเน่า” ทางการเมือง...มันก็ไม่ต่างกัน
อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร จะกลับเมืองไทย เพื่อมาต่อสู้คดีตามที่มีผู้แจ้งความดำเนินคดี
ยังจะมีพวก “ปากบอน” วิจารณ์กันให้แซดว่า...เพราะ เจ้าของพรรคฯ ตัวจริง เกิดอาการ “ระแวง” ความเป็นตัวของตัวเอง...ของใครบางคน
ที่เคยประกาศตัวเป็น “นอมินี” แล้วไม่ยอมเป็น “นอมินี” จริงๆ
กระทั่ง ต้องเร่งเดินทางกลับเมืองไทย
เพื่อมาเคลียร์ทั้งคดีส่วนตัวและครอบครัว
รวมถึงเรื่องใหญ่ภายในพรรคฯ
ว่ากันเข้าไปนั่น!?!
เดือดร้อน...คุณสมัคร สุนทรเวช นายกฯ
ตัวจริง...เสียงจริง ต้องพลอยมาระแวงคนกันเอง ทั้งๆ ที่ทั้ง 2 ท่านก็ “ซินเซีย” กันดีอยู่
แต่เพราะ “ลูกยุ” นั่นแหละ อาจทำให้ต้องหมางใจกันได้
ไม่ว่า “ลูกยุ” จะมาจากทางไหน และมีความถี่มากน้อยเพียงใด แต่หากคนฟัง “หูหนัก” (หนักแน่น) เสียอย่าง
เดี๋ยวพวก “บ่าง” ก็จะหมดแรงกันไปเอง
แต่หาก “คนฟัง” ทำตัวเป็นพวก “หูเบา”
ล่ะก็...อีกหน่อยพวกฝรั่งต่างชาติ คงต้องให้ “ขี้ที่ 5” กับคนไทย
“ขี้หวิว” หรือ...พวก “หูเบา” ที่ไม่หนักแน่นต่อคำพูดยั่วยุจากคนรอบข้าง!!!
ไผ่สีทอง

ประเทศไทย (ก็) ของผม - ประเทศไทย (ก็) ของผม


นาทีต่อนาที วันแรกของทักษิณที่กลับมา

- 9.45 น. เครื่องบินเที่ยวบินที่ ทีจี.603 ลงพื้นแตะรันเวย์ โดยมี คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา พร้อมบุตรสาว และคณะรัฐมนตรีบางส่วน นำโดย ร้อยตำรวจเอกเฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ขึ้นไปต้อนรับถึงเครื่องบิน ท่ามกลางการดูแลอารักขาความปลอดภัยอย่างเต็มที่

- 10.05 น. พันตำรวจโททักษิณ เดินออกจากห้องพักรับรอง มายังด้านหน้าอาคาร พร้อมทรุดตัวก้มกราบธรณี ผืนแผ่นดินไทยเป็นครั้งแรกด้วยน้ำตาคลอ พร้อมทักทายกับประชาชน

- 10.30 น. พันตำรวจโททักษิณ เดินทางถึงศาลฎีกาเพื่อมอบตัวคดีตามหมายจับคดีการทุจริตจัดซื้อที่ดินย่านรัชดาภิเษก มูลค่า 772 ล้านบาท โดยศาลอนุญาติให้กันประกับตัวด้วยวงเงิน 8 ล้านและห้ามเดินทางออกนอกประเทศยกเว้นได้รับอนุญาตจากศาล

-11.15 น.เดินทางออกจากศาลฎีกา เพื่อไปสำนักงานอัยการสูงสุด โดยแวะพักที่กองกำกับการตำรวจปราบปราม เป็นเวลา 1 ชั่วโมง

- 12.05 น. เดินทางถึงสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาในคดีการปกปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้นในบริษัทเอสซี แอสเซท โดยอัยการอนุญาติให้ประกันตัวด้วยวงเงิน 1 ล้านบาท -12.35 น. พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางออกจากสำนักงานอัยการสูงสุด ไปยังบ้านพักภายในซอยจรัญสนิทวงศ์ 69 ซึ่งเป็นการกลับบ้านจันทร์ส่องหล้าเป็นครั้งแรก เพื่อดูสภาพบ้านที่กำลังซ่อมแซม

- 14.00 น. พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางออกจากบ้านพักเพื่อไปยังโรงแรมเพนนินซูล่าเพื่อเปิดแถลงข่าวกับผู้สื่อข่าว ซึ่งจะใช้เป็นที่พำนักชั่วคราวเพื่อความปลอดภัย

- 14.30 น.พ.ต.ท.ทักษิณเปิดแถลงข่าวยืนยันวางมือทางการเมือง

- 18.00 น.พ.ต.ท.ทักษิณจะเดินทางไปถวายสักการะพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยานิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์


บทพิสูจน์แรก

เขากลับมาแล้ว...
กลับมาสู่เมืองไทยบ้านเกิด หลังจากต้อง
ระหกระเหินในต่างประเทศนานถึง 16 เดือน จาก “กันยายน 2549” มาจนถึง 28 กุมภาพันธ์ 2551
การกลับสู่ประเทศไทยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่ากันอย่างไม่มีอะไรที่ซับซ้อน ก็ต้องถือเป็นเรื่องธรรมดา
เพราะคนไทยทุกคน มีสิทธิ์กลับประเทศที่เป็นบ้านเกิดเมืองนอนตามรัฐธรรมนูญ!!
แต่ที่ “ทักษิณ” ไม่กลับ เพราะกลับไม่ได้
ด้วยเหตุผลมากมายสารพัด ในช่วงที่ “รัฐบาลทหาร” ภายใต้การกำกับการแสดงโดย พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้าปฏิวัติ!!
วันนี้ของคุณทักษิณ จึงเป็นวันที่เขาจะต้องทำ
ทุกอย่างให้คนไทยทั้งที่รักและเกลียด เห็นว่าเขาคืออดีตผู้นำที่มีความถูกต้องมากกว่าความผิดพลาด
ผิดหรือถูก พิสูจน์กันในศาล!!
การกลับมาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2551 เป็นการกลับสู่มาตุภูมิที่พลิกความคาดหมายของคนบางหมู่เหล่า
คนที่คิดว่าทักษิณกลับมาแผ่นดินจะเดือด-
ลุกเป็นไฟ เพราะฝ่ายต่อต้านไม่พอใจและตั้งท่าจะออกมาโวยวาย แต่กลับกลายเป็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยและสงบ!!
เพื่อความเข้าใจใน “บางสิ่งบางอย่าง” ผม
ขออนุญาตนำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อ วันที่ 27 กันยายน 2549 หลังการปฏิวัติยึดอำนาจเสร็จใหม่ๆ มาให้อ่านกัน
ในวันนั้น...
27 กันยายน 2549 พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์
ที่ได้รับการทาบทามจากฝ่ายทหารให้เป็นนายกรัฐมนตรี ได้ออกมาพูดถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทั้งที่ยังไม่ได้รับตำแหน่งว่า...
ไม่อยากให้คุณทักษิณกลับเมืองไทย!!
“เพราะเราคงวาดภาพได้ว่าต้องชุลมุนกัน
พอสมควร ดังนั้น ถ้าสร้างความสมานฉันท์ได้ก็จะเป็นสิ่งดีและเป็นประโยชน์ ไม่อยากให้เหตุการณ์ไปถึงขั้นปะทะกัน”
“เคยพูดหลายครั้งแล้วว่า ไม่อยากเห็น
คนไทยฆ่ากันเอง อย่างไรก็ตาม ยังไม่ทราบว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะตัดสินใจอย่างไร เกี่ยวกับการ
เดินทางกลับประเทศไทย”
ถึงวันนี้ พล.อ.สุรยุทธ์ ยังพอจะจำคำพูดที่ท่านพูดถึงคุณทักษิณได้หรือไม่? โดยเฉพาะประโยคที่ฟังแล้วชวนสยดสยอง...
“ไม่แน่ใจว่าอะไรจะเกิดขึ้น แต่ถ้าเกิดปะทะกัน โอกาสที่คนไทยจะใช้อาวุธฆ่ากันเองก็จะเกิดขึ้นได้!!”
เมื่อคนระดับ “นายพลเอก” และกำลังจะก้าวขึ้นเป็น “นายกรัฐมนตรี” พูดอย่างนี้ พูดถึงเรื่อง
“คนไทยฆ่ากันเอง” คนไทยก็หวาดเสียว “ทักษิณก็
ไม่อยากกลับเมืองไทย”
ถึงวันนี้ พล.อ.สุรยุทธ์ คงได้ดูข่าว “ทักษิณ
กลับไทย” ทางทีวีที่มีทุกช่อง ท่านจะตอบตัวเองว่าอย่างไร? กับเหตุการณ์ที่ทักษิณกลับแล้วไม่มีอะไร
เลวร้าย หรือฆ่าฟันกันอย่างที่สมองท่านเคยคิด และปากท่านเคยพูด??
ที่ “เขายายเที่ยง” ก็คงมีทีวีให้ดู!!
สองคม

ผลัดกันเขียน เวียนกันคิด - ผลัดกันเขียน เวียนกันคิด


เรือใบสีฟ้า ฤดูกาลหน้า มีเซอร์ไพรส์

“ผมไม่มีความคิดล้างแค้นใคร มนุษย์คือเพื่อนร่วมโลกที่ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกัน ...แล้วยิ่งเป็นเพื่อนร่วมชาติ ..ยิ่งต้องรักกัน”เป็นคำกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เปิดใจกับรายการ “สถานีสนามเป้า” ทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5 ตอนเช้าวันเดียวกับที่อดีตนายกรัฐมนตรีผู้โด่งดังก้มลงกราบแผ่นดินแม่! ทันทีที่เดินทางกลับประเทศไทยวันแรก เมื่อวันที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมา“จักรพันธ์ ยมจินดา” ผู้ดำเนินรายการ ตั้งคำถาม “พ.ต.ท.ทักษิณ” หลายต่อหลายเรื่อง แต่ประเด็นที่เขาอยากเผยความในใจมากที่สุด เห็นจะเป็นเรื่อง การเทกโอเวอร์ ทีม“เรือใบสีฟ้า” หรือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้หลังจากเข้าไปเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ 75% ใช้เงินราว 81 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 5,600 ล้านบาท

แม้ว่าเรื่องนี้เคยตกเป็นข่าวเกรียวกราวไปทั่วโลกมาแล้ว แต่น้อยคนนักที่จะรู้ถึงแรงบันดาลใจ อันเป็นเบื้องหลังที่ “บิ๊กแม้ว” ตัดสินใจซื้อแมนฯ ซิตี้รวมถึงกระบวนการคิดอย่างเป็นระบบ ในมุมมองของนักธุรกิจแสนล้านที่ประสบความสำเร็จมาค่อนชีวิต ทั้งด้านการเมืองและหลากหลายธุรกิจที่เขาชักใยอยู่เบื้องหลัง“...ผมมาอังกฤษใหม่ๆ เป็นคนตกงาน ในฐานะที่เคยเป็นอดีตนายกฯ เลยอยากขอเท่หน่อย เพื่อนฝูงมาบอกว่ามีสโมสรฟุตบอลอังกฤษ 2-3 แห่งอยากขาย ก็เลยตัดสินใจ...”“...กลับเมืองไทยแล้ว ผมก็ยังคงต้องไปๆ มาๆ เพื่อดูแลทีมแมนฯ ซิตี้ เพื่อมุ่งมั่นให้ถึงแชมป์พรีเมียร์ ลีก..”“พ.ต.ท.ทักษิณ” บอก “จักรพันธ์” ผ่านทีวีช่อง 5 ไปถึงคนไทยทั้งประเทศ และขอให้รอดูความเปลี่ยนแปลงของทีมเรือใบสีฟ้า ซึ่งขณะนี้อยู่ในอันดับที่ 8 ของตารางพรีเมียร์ ลีก

“...ผมจะทำให้แมนฯ ซิตี้ เป็นทีมที่คนไทยภูมิใจ...ในฤดูกาลหน้า แมนฯ ซิตี้ จะเป็นอีกแมนฯ ซิตี้ หนึ่งที่ทุกคนประหลาดใจ...”ทั้งในแง่ของการผ่าทีมครั้งใหญ่ หลังจากฤดูกาลที่ผ่านมา สเวน โกรัน อีริคส์สัน กุนซือทีมแมนฯ ซิตี้ ทุ่มเงินเกือบ 100 ล้านปอนด์ ช้อปนักเตะชื่อดังมาเสริมทีมถึง 15 รายส่วนในแง่ของธุรกิจ ประธานสโมสรแมนฯ ซิตี้ จะขยายความนิยมกลุ่มแฟนคลับในเอเชียและอเมริกา โดยส่งทีมโค้ชไปฝึกสอนฟุตบอลในต่างประเทศ และแมวมองออกไปหาผู้เล่นใหม่ๆ

“...เราจะมีแมนฯ ซิตี้ไชน่า แมนฯ ซิตี้เจแปน และแมนฯ ซิตี้ยูเอสเอ ในอนาคต...”ในแง่ของการตลาด ทีมแมนฯ ซิตี้จัดเป็นแบรนด์ที่โด่งดังไปทั่วโลก การติดป้ายโฆษณาข้างสนามสามารถแลกเปลี่ยนเป็นรายได้จำนวนมหาศาลแต่เพื่อต้องการช่วยชาติ “พ.ต.ท.ทักษิณ” ขอให้มีแผ่นป้ายโฆษณาของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยติดอยู่ข้างสนามด้วยนอกเหนือจากป้ายโฆษณาเทิดทูนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ในวโรกาสที่สำคัญต่างๆ อันเป็นการสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของอดีตนายกรัฐมนตรีที่สำคัญ การเดินทางกลับบ้านครั้งนี้ของ “พ.ต.ท.ทักษิณ” ได้นำนักเตะดาวดังมาด้วย 2 คน คือ แคสเปอร์ ชไมเคิล นายทวารดาวรุ่ง กับเคลวิน เอตูฮู นักเตะผิวหมึกชาวไนจีเรีย เพื่อเปิดคลินิกสอนฟุตบอลให้กับเยาวชนไทย ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ในวันที่ 29 ก.พ.“…เด็กไทยตัวเล็ก นักเตะในยุโรปหลายๆ คนก็ตัวเล็ก ดังนั้น ร่างกายใหญ่หรือเล็กจึงไม่ใช่เรื่องหลัก การเปิดโรงเรียนสอนฟุตบอลที่เป็นมาตรฐานสากลหรืออะคาเดมี่ จะช่วยปูพื้นฐานให้เท่ากันและพัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ...”

การผลักดันทีมไทยให้ไปเล่นรอบสุดท้ายฟุตบอลโลก เป็นความหวังสูงสุดของสมาคมลูกหนังไทย โดยได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิดาวเทียมไทยคม ช่วยออกค่าใช้จ่ายในการส่งทีมชาติไทยไปฝึกซ้อมที่สโมสรเรือใบสีฟ้าถึง2 ครั้ง ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา“....จากนี้ไปผมขอวางมือจากการเมืองอย่างเด็ดขาด จะขอตีกอล์ฟและพร้อมสนับสนุนฟุตบอลไทยทุกๆ ด้าน...”เป็นคำสัญญาของประธานสโมสรแมนฯ ซิตี้ แห่งพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ!


กราบดิน

9 ก.ย.2549คือ...วันสุดท้ายที่อดีตนายกฯ ทักษิณชินวัตร ออกจากเมืองไทย เพื่อไปปฏิบัติภารกิจของชาติ แล้วก็ไม่ได้กลับเข้ามาอีกเลย537 วัน

คือ...ระยะเวลาที่อดีตนายกฯ ทักษิณต้องกลายเป็น “มหาเศรษฐีพเนจร” กินนอนอยู่ในต่างแดนอย่างเก่ง...ก็แค่เวียนวนอยู่รอบๆ ประเทศใกล้สุด สิงคโปร์ไกลอีกนิดก็ที่ฮ่องกงและมาเก๊าแต่ 28 ก.พ.2551 กลายเป็นอีกวันแห่งประวัติศาสตร์การเมืองไทย เมื่อเขาได้กลับมายังบ้านเกิดอีกครั้งภาพ “กราบดิน” ด้วยการก้มกราบแผ่นดินเกิดของอดีตนายกฯ ทักษิณ ได้กลายเป็นภาพแห่ง

ความทรงจำ และภาพประวัติศาสตร์ที่จะโจษขานกันไปอีกนับสิบนับร้อยปี
ไม่เฉพาะเมืองไทยแต่จะเป็นภาพที่ปรากฏเป็น “ภาพข่าว” ของสำนักข่าวต่างประเทศ ตั้งแต่ยักษ์ใหญ่สุดที่ทั่วโลกรู้จักและสำนักข่าวเล็กๆ ของประเทศที่ผู้คนอาจไม่คุ้นชื่อแม้อดีตนายกฯ ทักษิณ จะให้สัมภาษณ์ระหว่างอยู่บนเครื่องบินของการบินไทย ทีจี 603 ว่า...ใจจริงอยากจะกลับเมืองไทย นับแต่ที่รู้ข่าว 1 วันของการปฏิวัติ “19 ก.ย.”แต่เพราะถูก “ฉุดรั้ง” จากคนรอบข้าง จึงทำให้เป็น 537 วัน (9 ก.ย.49–28 ก.พ.51) แห่งความทุกข์ทรมานใจของอดีตนายกฯ คนนี้

นับหนึ่งจาก 537 วัน...จะเป็น “เริ่มต้น” แห่งการใช้ชีวิตในเมืองไทย อันเป็นบ้านเกิดเมืองนอนที่เขาถวิลหามาเนิ่นนานทุกๆ วันตลอด 537 วัน...เคยเป็นวันแห่งความเศร้าหมองแต่ 1 วันนับจากนี้และวันต่อๆ ไป จะเป็นวันแห่งความปีติยินดี ของอดีตนายกฯ ทักษิณ และครอบครัว “ชินวัตร”แม้คดีที่เขาและภรรยาตกเป็น “จำเลย” และ “ผู้ต้องหา” จะยังไม่สิ้นสุด!!!แต่ก็เป็นการ “เริ่มต้น” ของการแก้ข้อกล่าวหา ที่จะนำมาสู่แนวทางการสร้างความสมานฉันท์ภายในประเทศภาพ “กราบดิน” จะกลายเป็นภาพประวัติศาสตร์ และบันทึกความทรงจำที่คนไทยและอีกหลายคนทั่วโลก...จะต้องจดจำ


อดีตนายกฯทักษิณ กลับเข้าโรงแรมที่พักแล้ว


อดีตนายกฯทักษิณ พร้อมครอบครัว กลับจากพระบรมมหาราชวัง มุ่งหน้าเข้าโรงแรมที่พักทันที ภายหลังเข้าร่วม ฟังสวดพระอภิธรรม พระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ

สกู๊ป : เหตุเกิด...ที่ฮ่องกง


28 ก.พ.-24 ชั่วโมง ก่อนหน้านี้ ผู้สื่อข่าวไทยสำนักข่าวไทยได้ไปดูความเคลื่อนไหวพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรที่ฮ่องกง ก่อนจะเดินทางกลับมาสู่แผ่นดินเกิด ติดตามรายงานจากคุณอณัญญา ตั้งใจตรง.

ชมรายละเอียด สำนักข่าวไทย

อัพเดตเมื่อ 2008-02-28 19:17:51



กับดัก [29 ก.พ. 51 - 18:51]

ผมหนักใจกับปรากฏการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นในเวลานี้ เต็มไปด้วยกับดัก และ คลื่นใต้น้ำ สารพัด อยู่ที่ว่าจะปะทุขึ้นมาเมื่อไหร่เท่านั้น

จับตรงไหนก็มีปัญหา

แสดงว่า ความร้าวฉาน ทางการเมืองที่ผ่านมา ไม่ธรรมดา การเมืองถูกแทรกแซงจากอำนาจอื่นจนเละเทะไปหมด ผู้คนที่ต้องอยู่ในมรสุมครั้งนั้นต้องแบ่งขั้วแบ่งข้างกันอย่างถาวร

ชนิดตายไม่เผาผี

แต่ก็มีคนอีกส่วนหนึ่ง ที่เข้าร่วมแจมด้วย เพราะผลประโยชน์แอบแฝงอย่างอื่น บางพวกก็สะเทินน้ำสะเทินบก เปลี่ยนสีไปได้เรื่อย

ไม่รู้ว่ามีอาชีพเป็นสื่อมวลชน หรือ อาศัยสื่อมวลชนเลี้ยงชีพ วันหนึ่งก็มานั่งหน้าจอช่องนั้นช่องนี้ รับอาสาเป็นหน่วยกล้าตาย โจมตีขั้วอำนาจเก่า ด่าอดีตนายกฯ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ต่อต้านระบอบทักษิณ แทบจะอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้

วันดีคืนดีก็เห็นชื่อคนเหล่านั้น มานั่งเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีฉิบ

ทำไปได้อย่างไร การเมืองที่ไม่มีมิตรแท้และศัตรูที่ถาวรก็เป็นอีกเรื่อง แต่การเมืองที่ไม่มีอุดมการณ์ ไม่มีความอาย ผมว่าน่าเกลียดน่ากลัวกว่าเยอะ

ผลประโยชน์ทำให้คนหน้ามืดตามัวสิ้นศักดิ์ศรี

งานนี้ ผมว่าน่าอายทั้งคนถูกแต่งตั้งและคนที่แต่งตั้ง นั่นก็เป็นเรื่องของมนุษย์บางคน ที่เห็นจะต้องตามลุ้นก็เรื่องใบแดงของท่านประธานสภา ยงยุทธ ติยะไพรัช นี่แหละ

กกต.3 เสียงให้ใบแดง 1 เสียง ให้ยกเรื่อง อีก 1 เสียง งดออกเสียง ก็แปลว่า กกต.เสียงข้างมาก 3 ต่อ 1 มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ใบแดง

แต่โดยที่มีการประกาศรับรองไปแล้ว ขั้นตอนที่จะวินิจฉัยว่าเป็นใบแดงหรือไม่ อำนาจจึงอยู่ที่ศาลฎีกา ตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ถ้าศาลฎีการับไว้พิจารณาเมื่อไหร่ ก็ต้องยุติการปฏิบัติหน้าที่ทันที

พอดีท่านประธานยงยุทธแสดงสปิริตขอยุติการทำหน้าที่ชั่วคราวทันที จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย ก็เลยรอดพ้นการถูกวิจารณ์ว่า ขี้เหร่ ไป เพราะตอนนี้ใครจะทำอะไรก็ต้องระวังเรื่องกระแสความขี้เหร่

ก็คิดกันต่อไปอีกว่า สมมติคุณยงยุทธ ถูกคำวินิจฉัยใบแดงแล้วจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าจะเปรียบกับ ส.ส.แบบเขต ส.ส.พรรคไหนที่ได้ใบแดง พรรคนั้นก็จะถูกตัดสิทธิ และจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ แต่กรณีนี้เป็น ส.ส.แบบสัดส่วน กกต.จะจัดการอย่างไร ยังไม่มีคำตอบอย่างเป็นทางการ เฮ้อ แค่คิดก็มึนแล้ว

จากนั้น กกต.ก็จะต้องกลับมาพิจารณาอีกว่า ในฐานะคุณยงยุทธมีตำแหน่งผู้บริหารพรรคการเมืองจะเกี่ยวข้องกับพรรคอย่างไรหรือ ถ้าเห็นว่าพรรครู้เห็นเป็นใจด้วยก็จะส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคพลังประชาชน อีกกระทอก นี่แค่กับดัก บางส่วนเท่านั้น

การเมืองในอนาคตมีแต่ว้าเหว่.

หมัดเหล็ก

คอลัมน์ คาบลูกคาบดอก

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker