โดย คุณกาหลิบ
ที่มา เวบไซต์ โลกวันนี้
15 มกราคม 2551
ข่าวในหน้า 2 ของหนังสือพิมพ์เดอะเนชั่น เมื่อวันอาทิตย์ที่ 13 มกราคม 2551 ระบุว่า คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติหรือ คมช. ได้เสนอปูนบำเหน็จความดีความชอบให้กับตัวเอง และนายทหารอีกนับร้อย เป็นการตกรางวัลที่ได้ช่วยทำรัฐประหารจนสำเร็จ และคณะรัฐมนตรีก็อนุมัติให้แล้วเรียบร้อย
ตกลงนายทหารใหญ่ทั้ง 6 คนของ คมช.เจ้าหน้าที่สำนักเลขาธิการ คมช.81 คน และนายทหารในหน่วยปฏิบัติการพิเศษอีก 355 คน รวมทั้งหมด 442 คน ล้วoได้รับการเลื่อนขั้นสองขั้นและเงินเดือนเพิ่มอีกคนละ 15% กันทุกคนไป โดยให้ใช้งบประมาณแผ่นดิน 2551
เหมือนยังเย้ยหยันกันไม่พอ ในเอกสารขออนุมัติยังแจงรายละเอียดด้วยว่าการขึ้นขั้นทีเดียว 2 ขั้นก็เพราะ “นายทหารเหล่านี้ปฏิบัติงานอย่างขยันขันแข็งและด้วยความอุตสาหะมาตลอดเวลาของการยึดอำนาจ”
บอกในอีกตอนหนึ่งว่า “นายทหารทั้งหมดได้ใช้สมองมาแก้ไขปัญหาของชาติ” และเป็นการ “ตอบแทนการทำงานที่ประสบความสำเร็จและเพื่อเป็นกำลังใจกับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเหล่านั้น”
ผมต้องอ่านซ้ำถึงสองเที่ยวเพื่อให้แน่ใจว่า เขาไม่ได้ลงข่าวผิดหรือสื่อความผิด ในที่สุดก็ไม่ผิดหรอกครับ เขาปูนบำเหน็จและเลื่อนขั้น 2 ขั้นให้นายทหารทุกคน ที่เกี่ยวข้องกับการยึดอำนาจการปกครองแผ่นดิน เมื่อวันอังคารที่ 19 กันยายน 2549 กันจริง ๆ เป็นมติคณะรัฐมนตรี และประกาศให้รับรู้ทั่วกันในราชกิจจานุเบกษาเช่นเดียวกับมติคณะรัฐมนตรีทั้งหลาย
ตกลงในเมืองไทยเรานี้มันบ้าหรือเมากันแน่? ลำพังการใช้อาวุธและกำลังทหารเข้ามาฉีกรัฐธรรมนูญ โค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง และเปลี่ยนแปลงการปกครองของประเทศเป็นระบอบเผด็จการทหาร ที่ทั่วโลกเขารังเกียจเดียดฉันท์ ก็เลวร้ายพอที่คนไทยจะมุดหัวลงดินด้วยความอับอายอยู่แล้ว
นี่ยังมีหน้ามาบอกว่า การกระทำเยี่ยงนั้นเป็นความดีความชอบอีกหรือนี่? มันจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
ถ้าการทำลายประชาธิปไตยกลายเป็นของปรกติธรรมดา และใครที่เข้ามาช่วยกระทืบประชาชนผู้รักในระบอบประชาธิปไตยกลับได้รางวัลอย่างงามเช่นนี้? ใครที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ผมว่าเข้าขั้นเสียสติแล้วนะครับ
นี่ว่ากันโดยไม่จำกัดความสูงความต่ำของสถานภาพทางสังคม ที่ล้วนแล้วแต่เป็นมายากันล่ะ ทำกันถึงขนาดนี้ การฟื้นฟูรัฐธรรมนูญขึ้นมาเป็นฉบับปี พ.ศ.2550 และเข็นจนมีการเลือกตั้งกันได้สำเร็จเมื่อวันอาทิตย์ที่ 23 ธันวาคม 2550 ก็น่าจะเป็นเรื่องตลก ในสายตาอันมืดบอดของคนบางคน
ประชาธิปไตยจะมีอนาคตได้อย่างไร หากวันนี้ออกมาสื่อความหมายกันโครม ๆ ว่าการทำรัฐประหารเป็นคุณความดี รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งต่อไปจากนี้ จะไปบอกใครได้ว่าปวงชนชาวไทยเป็นผู้มีอำนาจเต็มในการปกครองประเทศนี้และมอบอำนาจชั่วคราวมาให้ตนทำงานแทนให้ ก็เขาเห็นตำตาว่ามีคนที่ใหญ่กว่าประชาชน ถึงขนาดเอามือตบหลังให้กำลังใจกลุ่มบุคคลที่ล่วงละเมิดสิทธิ์ และทำลายศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของประชาชนได้
อย่างนี้ ทุกคนก็จะนั่งรอว่าเมื่อไหร่จะมีการรัฐประหารอีก เพราะมันคือผลประโยชน์อันใหญ่หลวงของคนที่ควบคุมประเทศนี้ไว้ในอุ้งมือ ก็น่าเข้าร่วมอยู่หรอก ฝ่ายประชาชนมีแต่จะเสียประโยชน์ และสูญสิ้นความเคารพตนเองลงไปทุกวัน
วันนี้เขาก็ปรับทุกข์กันทั่วประเทศอยู่แล้วว่า มันเกิดอะไรขึ้นกับเมืองไทยของเรา โดยเฉพาะคนที่ต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตยมาด้วยกัน ถ้าหูหนวกตาบอดกันนัก ขอย้ำตรงนี้ว่า
การขึ้นเงินเดือนให้กับคน 442 คนครั้งนี้ เป็นการตบหน้าคนไทยอย่างรุนแรงที่สุดอีกครั้งหนึ่ง
กระทำโดยคนที่ไม่รู้จักเกรงใจประชาชนเลย แม้แต่เท่าขี้เล็บ ที่สำคัญคือ เป็นการปูพื้นสำหรับการรัฐประหารคราวหน้าด้วย ไม่เชื่อลองย่องไปถามผู้คนในกองทัพภาคที่ 1 และกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ดูสิครับว่า เขาเตรียมการอะไรกันอยู่บ้างในบัดนี้ เหนื่อยกับการเต้นรำและเตรียมกำลังไปพร้อมกันจะแย่อยู่แล้ว วุ่นวายหัวใจด้วย ไม่รู้จะเล่นเพลงมาร์ชหรือวอลซ์ก่อนดี!
จาก Thai E-News
ที่มา เวบไซต์ โลกวันนี้
15 มกราคม 2551
ข่าวในหน้า 2 ของหนังสือพิมพ์เดอะเนชั่น เมื่อวันอาทิตย์ที่ 13 มกราคม 2551 ระบุว่า คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติหรือ คมช. ได้เสนอปูนบำเหน็จความดีความชอบให้กับตัวเอง และนายทหารอีกนับร้อย เป็นการตกรางวัลที่ได้ช่วยทำรัฐประหารจนสำเร็จ และคณะรัฐมนตรีก็อนุมัติให้แล้วเรียบร้อย
ตกลงนายทหารใหญ่ทั้ง 6 คนของ คมช.เจ้าหน้าที่สำนักเลขาธิการ คมช.81 คน และนายทหารในหน่วยปฏิบัติการพิเศษอีก 355 คน รวมทั้งหมด 442 คน ล้วoได้รับการเลื่อนขั้นสองขั้นและเงินเดือนเพิ่มอีกคนละ 15% กันทุกคนไป โดยให้ใช้งบประมาณแผ่นดิน 2551
เหมือนยังเย้ยหยันกันไม่พอ ในเอกสารขออนุมัติยังแจงรายละเอียดด้วยว่าการขึ้นขั้นทีเดียว 2 ขั้นก็เพราะ “นายทหารเหล่านี้ปฏิบัติงานอย่างขยันขันแข็งและด้วยความอุตสาหะมาตลอดเวลาของการยึดอำนาจ”
บอกในอีกตอนหนึ่งว่า “นายทหารทั้งหมดได้ใช้สมองมาแก้ไขปัญหาของชาติ” และเป็นการ “ตอบแทนการทำงานที่ประสบความสำเร็จและเพื่อเป็นกำลังใจกับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเหล่านั้น”
ผมต้องอ่านซ้ำถึงสองเที่ยวเพื่อให้แน่ใจว่า เขาไม่ได้ลงข่าวผิดหรือสื่อความผิด ในที่สุดก็ไม่ผิดหรอกครับ เขาปูนบำเหน็จและเลื่อนขั้น 2 ขั้นให้นายทหารทุกคน ที่เกี่ยวข้องกับการยึดอำนาจการปกครองแผ่นดิน เมื่อวันอังคารที่ 19 กันยายน 2549 กันจริง ๆ เป็นมติคณะรัฐมนตรี และประกาศให้รับรู้ทั่วกันในราชกิจจานุเบกษาเช่นเดียวกับมติคณะรัฐมนตรีทั้งหลาย
ตกลงในเมืองไทยเรานี้มันบ้าหรือเมากันแน่? ลำพังการใช้อาวุธและกำลังทหารเข้ามาฉีกรัฐธรรมนูญ โค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง และเปลี่ยนแปลงการปกครองของประเทศเป็นระบอบเผด็จการทหาร ที่ทั่วโลกเขารังเกียจเดียดฉันท์ ก็เลวร้ายพอที่คนไทยจะมุดหัวลงดินด้วยความอับอายอยู่แล้ว
นี่ยังมีหน้ามาบอกว่า การกระทำเยี่ยงนั้นเป็นความดีความชอบอีกหรือนี่? มันจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
ถ้าการทำลายประชาธิปไตยกลายเป็นของปรกติธรรมดา และใครที่เข้ามาช่วยกระทืบประชาชนผู้รักในระบอบประชาธิปไตยกลับได้รางวัลอย่างงามเช่นนี้? ใครที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ผมว่าเข้าขั้นเสียสติแล้วนะครับ
นี่ว่ากันโดยไม่จำกัดความสูงความต่ำของสถานภาพทางสังคม ที่ล้วนแล้วแต่เป็นมายากันล่ะ ทำกันถึงขนาดนี้ การฟื้นฟูรัฐธรรมนูญขึ้นมาเป็นฉบับปี พ.ศ.2550 และเข็นจนมีการเลือกตั้งกันได้สำเร็จเมื่อวันอาทิตย์ที่ 23 ธันวาคม 2550 ก็น่าจะเป็นเรื่องตลก ในสายตาอันมืดบอดของคนบางคน
ประชาธิปไตยจะมีอนาคตได้อย่างไร หากวันนี้ออกมาสื่อความหมายกันโครม ๆ ว่าการทำรัฐประหารเป็นคุณความดี รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งต่อไปจากนี้ จะไปบอกใครได้ว่าปวงชนชาวไทยเป็นผู้มีอำนาจเต็มในการปกครองประเทศนี้และมอบอำนาจชั่วคราวมาให้ตนทำงานแทนให้ ก็เขาเห็นตำตาว่ามีคนที่ใหญ่กว่าประชาชน ถึงขนาดเอามือตบหลังให้กำลังใจกลุ่มบุคคลที่ล่วงละเมิดสิทธิ์ และทำลายศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของประชาชนได้
อย่างนี้ ทุกคนก็จะนั่งรอว่าเมื่อไหร่จะมีการรัฐประหารอีก เพราะมันคือผลประโยชน์อันใหญ่หลวงของคนที่ควบคุมประเทศนี้ไว้ในอุ้งมือ ก็น่าเข้าร่วมอยู่หรอก ฝ่ายประชาชนมีแต่จะเสียประโยชน์ และสูญสิ้นความเคารพตนเองลงไปทุกวัน
วันนี้เขาก็ปรับทุกข์กันทั่วประเทศอยู่แล้วว่า มันเกิดอะไรขึ้นกับเมืองไทยของเรา โดยเฉพาะคนที่ต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตยมาด้วยกัน ถ้าหูหนวกตาบอดกันนัก ขอย้ำตรงนี้ว่า
การขึ้นเงินเดือนให้กับคน 442 คนครั้งนี้ เป็นการตบหน้าคนไทยอย่างรุนแรงที่สุดอีกครั้งหนึ่ง
กระทำโดยคนที่ไม่รู้จักเกรงใจประชาชนเลย แม้แต่เท่าขี้เล็บ ที่สำคัญคือ เป็นการปูพื้นสำหรับการรัฐประหารคราวหน้าด้วย ไม่เชื่อลองย่องไปถามผู้คนในกองทัพภาคที่ 1 และกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ดูสิครับว่า เขาเตรียมการอะไรกันอยู่บ้างในบัดนี้ เหนื่อยกับการเต้นรำและเตรียมกำลังไปพร้อมกันจะแย่อยู่แล้ว วุ่นวายหัวใจด้วย ไม่รู้จะเล่นเพลงมาร์ชหรือวอลซ์ก่อนดี!
จาก Thai E-News