บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันพฤหัสบดีที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2551

ฟังคนในแวดวงทหารซุบซิบเรื่องในกองทัพ (ตอน 2)

24 มกราคม 2551

มีรายละเอียดจำนวนมากจาก
กระทู้ฮ็อตในเว็บบอร์ดพลเมืองภิวัฒน์ เราจึงขออนุญาตนำมาเรียบเรียงเพิ่มเติมต่อจากรายงานของเราตอนที่ 1 ในเรื่องราวลึกๆ ที่ประชาชนในแวดวงทหาร ได้พูดคุยเกี่ยวกับกองทัพ หลังหมดยุคคมช.

หลังจากการเปิดเผยข้อมูลผ่านทางอินเตอร์เน็ต ซึ่งทำให้สามารถอำพรางแหล่งที่มาของข่าวได้ในระดับหนึ่ง และทำให้ทหารกล้าที่จะเปิดเผยความไม่ชอบมาพากล หลายท่านได้บ่นถึงความน่ารังเกียจของกลุ่มทหารเล็กๆ ดังกล่าว ที่ได้สร้างความเสื่อมให้กับวงการทหารไปทั้งกลุ่ม "ผมเป็นทหารอีกคนหนึ่งที่ยอมรับว่ารังเกียจการกระทำของเตรียมทหารรุ่น 6 ที่ทำให้กองทัพต้องเสื่อมเสีย" คุณ ร้อย ลว.กล่าว ในขณะที่นายทหารอีกท่านกล่าวตัดพ้อว่า

"รุ่น 6 ไม่ต้องออกมาชี้แจงหรอก ที่ผ่านมาเกือบๆ 2 ปี แต่ละตัวได้แสดงผลงานเป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาประชาชนและรุ่นพี่ รุ่นน้องร่วมสถาบัน ให้ผลงานมันพิสูจน์การกระทำดีกว่า พวกเราที่อยู่ก็ช่วยกวาดขี้กวาดเยี่ยวกองทัพที่พวกมันทำไว้ดีกว่า ผมเป็นรุ่นน้องเคยเคารพแต่ตอนนี้แค่เห็นชื่อมันในหนังสือพิมพ์ยังจะอ้วก"

รุ่นน้องนายทหารใช้ชื่อว่า "มว.ใหม่" ได้แสดงความคิดเห็นติงการทำงานของนายทหารรุ่นพี่ และเรียกร้องให้มาสนใจการทำงาน แทนที่จะเสาะแสวงหาลาภและอำนาจ
"ผลงานของพวกรุ่นพี่ๆ ที่เริ่มจะไร้สมอง รร.จปร.ให้เรียนแบบลวกๆ ให้รีบจบ ยุบเหลือ 4 ปี ต้องเสียเวลาออกมาเรียนจู่โจม ทำให้ขาดโอกาสฝึกทหารใหม่ และฝึกเป็นหน่วยในระดับ ผบ.มว. อีก 1 ปี พี่ๆ เอาเวลากลับมาดูกองทัพเถอะ ภาคใต้หน้าที่พวกเราไม่ใช่หรือ อย่าเอาชีวิตพวกผม น้องๆ ที่เพิ่งจะเสียชีวิต (8 ศพ ) และลูกน้อง ไปตายรายวันเลย เลิกซักที เลิกเอาเวลาไปฝักใฝ่การเมือง จนเดี๋ยวนี้ ผบ.ร้อย. , ฝอ.3 และ ผบ.พัน. ไม่เคยดูแลใส่ใจหน่วยกันแล้ว โตกันทางลัด วัดใจกันว่าจะเอากำลังออกมาปฏิวัติเพื่อเงินรางวัล และตำแหน่งสูงขึ้นหรือเปล่า"

นายทหารระดับสูงนายหนึ่งที่เคยปฏิบัติหน้าที่ในติมอร์ จนสร้างเกียรติและชื่อเสียงให้กับกองทัพไทยเป็นที่ประจักษ์กับสายตาของนานาชาติ ได้เปิดเผยความในใจต่อ "พี่ตุ่น" หรือ พล.อ.วินัย ภัททิยกุล
"พี่ตุ่นสมัยที่ร่วมงานกับพี่ที่ติมอร์ ผมดูว่าพี่มีบุคลิกภาพที่ดีและเหมือนว่าจะรักครอบครัวเป็นอย่างมาก นับเป็นแบบอย่างที่ดีของน้อง แม้จะมีคนพูดถึงพี่ในแง่ไม่ดีมาก แต่ก็ไม่มีใครสนใจ หลังจากเหตุการณ์ 19 ก.ย. เมื่ออำนาจเข้าตา ความโลภและมักใหญ่ใฝ่สูงทำให้พี่เปลี่ยนไป ข่าวสารต่างๆ ที่น้องๆ ได้รับ ได้พิสูจน์ตัวตนของพี่ออกมาอย่างเต็มที่ คำพูดของนายทหารที่เคยใกล้ชิดพี่ ยังออกปากว่าธาตุแท้ในสายเลือดพี่ออกมาแล้ว สายเลือดที่ทรยศ โกงกินบ้านเมือง เล่นพรรคเล่นพวก และไม่ใส่ใจในเกียรติภูมิของกองทัพ"

ผมเสียดายวันเวลาที่อยู่กับพี่ ยิ่งเมื่อเห็นภาพลูกชายพี่ที่ลงสมัครรับเลือกตั้งในเขตทหาร คำสั่งที่คนใกล้ชิดของพี่ฝากมายังหน่วยต่างๆ ทำให้รู้ว่าพี่ทุเรศและไร้ยางอายขนาดไหน การเลื่อนตำแหน่งให้กับคนใกล้ชิดทั้งๆ ที่อาวุโสต่ำเป็นเหมือนการเหยียบยอดหน้าของนายทหารที่เหมาะสมและอาวุโสกว่าเป็นอย่างมาก"

"ผมเสียใจที่ครั้งหนึ่งผมได้เคยทำงานร่วมกับพี่ภายใต้หมวกสีฟ้าที่ผมภูมิใจ"

นายทหารคนเดิมยังได้เล่าถึงรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับภารกิจในติมอร์
"ทหารไทยที่เป็นระดับบังคับบัญชาไปสามคน คนแรงพี่ทรงกิตติ รุ่น 10 คนนี้ไปตอนสถานการณ์ยุ่งเหยิงต้องทำงานหนักวางระบบและรูปแบบทำให้ UN รู้ถึงความสามารถ จนประเทศไทยเป็นที่ยอมรับ คนต่อมาพี่สร้าง บุญสร้างรุ่น 1 สมองเป็นเลิศ นายร้อยสหรัฐ ส่วนคนสุดท้ายวินัย คนนี้ไปตอนสบายแล้ว ได้อานิสงค์จากสองคนแรก และในขณะนั้นตัวเองเป็นเจ้ากรมข่าวทหารก็ไปโดยตำแหน่ง"

คุณหัวหดเผยรายละเอียดวิธีการล็อบบี้ตำแหน่งรมว.กลาโหม
"ที่สำคัญวินัย ลูกเจ๊กกัง ยังเดินเกม วิ่งเต้น ในตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหม ตอนนี้เต้นผ่านทาง นายกอบชัย จิราธิวัฒน์ ซึ่งเป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งของบริษัทด้านอสังหาริมทรัพย์ที่มาขอร่วมบริจาคเงินให้ พปช. 1 ล้านบาท ก่อนการเลือกตั้ง ซึ่งนายกอบชัย เป็นญาติผู้น้องของนายสุทธิชาติ จิราธิวัฒน์ เพื่อนร่วมผลประโยชน์ของวินัย คนที่ยัดตำแหน่งประธานบิ๊กซีให้วินัย นั้นเอง"

"สำหรับเงื่อนไขหากวินัยได้เป็นรัฐมนตรีก็คือเรื่องเดิม เรื่องการเจรจาที่ดินการรถไฟให้ห้างเซ็นทรัล"

คุณเพียว ได้ปฏิญาณตนว่า จะนำข้อมูลมาแฉเพิ่มเติม
"ตอนนี้กำลังรวบรวมรายชื่อลิ่วล้อกวาดกระโถน ไอ้สนธิ ไอ้วินัย อยู่ มีไม่กี่ตัวที่เจริญข้ามหน้าข้ามตาทหารอาชีพไปเยอะ ไม่ว่าจะเป็นนายพลหญิงหน้าห้องวินัย นายพลชายหน้าห้องสนธิ น้องเมียไอ้วินัย ลูกชายไอ้สนธิ และอีกสองสามคน ไม่นานกูจะเอามาเผยให้ฟัง"

คุณทหารบำนาญเผยรายละเอียดในคืน 19 กันายา 49 รวมถึงได้ให้ข้อคิดแก่ "เพื่อนร่วมรั้วแดงกำแพงเหลือง"
"คนที่เหมาะจะเป็น รมว.กห.ที่สุดก็คือ พล.อ.เรืองโรจน์ นั่นแหละครับเพราะรู้อะไรดีที่สุดตอนที่เกิดการรัฐประหารวันที่ 19 ก.ย.49 และก็มารู้ทีหลังว่ากลุ่มผู้ก่อการนั้นแอบอ้างเบื้องบน จนทำให้ตนเองหลงเชื่อ แล้วยอมจำนนกับผู้ก่อการในคืนวันนั้น จนมารู้ความจริงทีหลังก็สายไปเสียแล้วและยังมีอีกหลายท่านที่อยู่กับพลังประชาชนไม่ว่าจะเป็นอดีต ผบ.นศพ.อีกหลายท่านที่เป็นนายเก่าของสนธิบัง หรืออดีตแม่ทัพภาค 3 ก็ยังมีดูทีสิว่าไอ้พวกน้องๆ ในกองทัพฯมันจะต่อต้านรุ่นพี่มันอย่างไร ในเมื่อพี่ๆ เขามาถูกต้องตามช่องทางในระบอบประชาธิปไตยที่พวกน้องๆ ไปแต่งตั้งให้คณะบุคคลคณะหนึ่งร่าง รธน.50 ฉบับนี้มาเองกับมือของตัวเอง แล้วตอนนี้จะมากลัวอะไรกันนักหนา อย่าให้รั้วแดงกำแพงเหลืองของเราต้องมัวหมองไปมากกว่านี้เลย สงสารเกียรติภูมิของรุ่นลูกรุ่นหลานที่จะจบออกมารับใช้ชาติ แล้วพวกเขาจะมองหน้าใครได้เต็มตาเล่าน้องเอ๋ย?"

และท้ายสุดคุณร่วมรบ ได้สรุปปิดท้าย และเตือนให้เพื่อนทหารอย่ายอมกรณีการแอบอ้างสถาบันของ คมช.

"อย่างไงก็น่าจะเป็นของพลังประชาชน ทหารหลายคนแม้กระทั้งผู้บังคับหน่วยและทหารชั้นผู้ใหญ่ที่เกษียณอายุราชการไปแล้ว ต่างก็รับไม่ได้กับการกระทำของ คมช. ในทุกๆด้าน ไม่นับว่าอดีตนายทหารชั้นผู้ใหญ่หลายท่าน รู้กำพืด สมาชิก คมช. ดีแต่ทหารที่ดีเขาไม่ทำร้ายรุ่นน้องไม่ทำร้ายกันเอง ที่ผ่านมาก็มีแต่รุ่น 6 ของ คมช. เท่านั้นที่ทำร้ายรุ่นพี่ ทำร้ายและทำลายรุ่น 10 ที่เป็นน้อง"

"มาถึงตอนนี้จะมาสมานฉันท์ ที่ผ่านมาทำอะไรใครไปบ้างไม่รู้ตัวหรือ และที่เหล่าทหารยอมไม่ได้ คือการแอบอ้างสถาบันที่มาถึงบัดนี้ทุกฝ่ายรับรู้ถึงความเห็นแก่ได้และขาดความเคารพยำเกรงต่อสถาบันของเหล่า สมาชิก คมช."

จาก Thai E-News

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker