เอแบคโพลล์ชี้ประชาชนส่วนใหญ่ให้การสนับสนุน 'สมัคร' เป็นนายกรัฐมนตรี คือ 44.3 ต่อ 38.4 ขณะเดียวกัน ต้องการให้รัฐบาลใหม่ ยกปัญหาราคาสินค้าเป็นวาระแห่งชาติ รองลงมาเป็นปัญหายาเสพติด
ศูนย์วิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ได้เปิดเผยผลการสำรวจความคิดเห็นประชาชนใน 27 จังหวัด จำนวน 3,506 คน เกี่ยวกับ ความหวัง/ความกลัวของประชาชนต่อสถานการณ์ของประเทศ และคนไทยกลุ่มไหนที่สนับสนุน / ไม่สนับสนุน นายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี ผลปรากฏว่า ปัญหาสำคัญที่ประชาชนต้องการให้รัฐบาลชุดใหม่ยกเป็นปัญหาหลักหรือที่เรียกว่า เป็นวาระแห่งชาติ คือ ปัญหาราคาสินค้าและบริการ ในชีวิตประจำวันที่สูงขึ้น ร้อยละ 75.4 รองลงมาเป็นปัญหายาเสพติดร้อยละ 68.3 ปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ร้อยละ 65.2 ตามลำดับ นอกจากนี้ ยังพบว่า ปัญหาทางการเมือง เช่น การนิรโทษกรรม 111 อดีตผู้บริหารพรรคไทยรักไทย และการแก้ไขรัฐธรรมนูญ กลับกลายเป็นปัญหาที่ประชาชนให้ความสนใจในอันดับท้ายๆ
ผลการสำรวจดังกล่าว ยังพบว่า คนไทยส่วนใหญ่หรือร้อยละ 55.4 ต้องการให้รัฐบาลชุดใหม่แก้ปัญหาทันที ในขณะที่ร้อยละ 13.4 ยังให้เวลาเตรียมตัว 1-3 เดือน ร้อยละ 19.6 ให้เวลา 3-6 เดือน และร้อยละ 11.6 เท่านั้น ที่ให้เวลารัฐบาลชุดใหม่เตรียมตัวเพื่อแก้ปัญหาต่างๆ มากกว่า 6 เดือนขึ้นไป
อย่างไรก็ตาม เมื่อสอบถามถึงระดับความเชื่อมั่นต่อประเด็นสำคัญของประเทศในรายละเอียด กลับพบว่าค่าคะแนนความเชื่อมั่นโดยเฉลี่ยไม่ถึงครึ่งของค่าคะแนนเต็ม 10 คะแนน โดยเฉพาะเรื่องความสงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้เพียง 3.10 คะแนน เรื่องปัญหายาเสพติดจะหมดไปได้เพียง 3.39 คะแนน เรื่องความซื่อสัตย์สุจริตของ กลุ่มนักการเมืองได้เพียง 3.43 คะแนน เรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ของประชาชนได้เพียง 4.11 คะแนน เรื่องรัฐบาลชุดใหม่จะอยู่จนครบวาระ ได้เพียง 4.22 คะแนน เป็นต้น
ส่วนประชาชนกลุ่มไหนที่สนับสนุนและไม่สนับสนุน นายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ผลสำรวจพบว่า ร้อยละ 44.3 ให้การสนับสนุน ในขณะที่ร้อยละ 38.4 ไม่ให้การสนับสนุน และร้อยละ 17.3 ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดหรือขออยู่ตรงกลาง ทั้งนี้ จากผลสำรวจพบว่า นายสมัคร ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่ม พ่อบ้าน แม่บ้าน กลุ่มผู้เกษียณอายุ และกลุ่มผู้รับจ้างทั่วไป สูงกว่ากลุ่มอาชีพอื่น และกลุ่มประชาชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือ ยังคงให้การสนับสนุน นายสมัครสูงกว่ากลุ่มประชาชนในภาคอื่นๆ คือ ร้อยละ 55.3 และร้อยละ 51.9 ในขณะที่ประชาชนในภาคใต้มีร้อยละ 18.1 ที่สนับสนุน นอกจากนี้ ยังพบว่าประชาชนเกือบครึ่งหนึ่ง หรือร้อยละ 48 ต้องการให้พรรคพลังประชาชนเป็นรัฐบาลนาน 3 ปีถึงจนครบวาระ มีเพียงร้อยละ 16.5 เท่านั้น ที่ต้องการให้เป็นรัฐบาลไม่เกิน 6 เดือน