บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันเสาร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2552

ลิงแก้แห

ที่มา เดลินิวส์

กรณีปลากระป๋องเน่า แจกคนพัทลุง ยิ่งแก้ตัว ยิ่งเหมือนลิงแก้แห จากที่บอก เอกชนจัดซื้อ เอาของไม่ตรงสเปกส่งมอบ กลายเป็นของบริจาค โดย นายวิเชน สมมาต

ตอนแรกก็รับสมอ้าง บริจาคจริง แต่แค่ 1,500 ชุด ไม่ใช่ 2 หมื่นชุด หลัง ๆ บอกเป็นแพะ

ล่าสุดของล่าสุด สื่อลงข่าววิเชน สมมาต ไม่มีชื่ออยู่ในทะเบียนราษฎร อ้าว เป็นผี แล้วสิ แล้ว วิฑูรย์ นามบุตร รมว.การพัฒนาสังคมฯ จะมีเรื่องอะไรออกมาเล่าขานอีกละเนี่ย

คนไทย ไม่ได้กินแกลบหรอกนะ

อีกกรณี บุญจง วงศ์ไตรรัตน์ มท.3 กลุ่มเพื่อนเนวิน เอาเงินจาก กระทรวงของวิทูรย์ แจกเบี้ยยังชีพคนชราคนละ 500 บาท ณ บ้านพักตัวเอง ที่โคราช

มีอธิบดีกรมการปกครอง นายอำเภอโชคชัย เป็นสักขีพยาน

มีอดีต ส.จ.ภริยาที่กำลังจะลงเลือกตั้งร่วมแจก พร้อมแจกนามบัตร มท. 3 ด้วย

เพื่อไทย ยื่น ป.ป.ช.สอบทันทีทั้งให้ถอดถอน-ผิดอาญา ธรรมดา เป็นฝ่ายค้าน แต่ ส.ว.ลากตั้ง เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ยื่น กกต.สอบซ้ำว่า ผิดตามรธน.266 ทำให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงหรือไม่ นี่สิ น่าสน

เพราะหาก กกต.เห็นว่า ใช่ ก็จะส่งต่อให้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัย อีกครั้ง

จะออกหัวออกก้อยไม่รู้ แต่ สมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี ก็ตกเก้าอี้ เพราะไปทำอาหารโชว์ในทีวี แล้วถูก เรืองไกร นี่แหละยื่นเรื่องให้สอบ

ศาลรัฐธรรมนูญ อ้าง “พจนานุกรม” ด้วย วินิจฉัยว่า การทำอาหารโชว์เป็น ลูกจ้าง สมัคร ไปทันที

กรณีบุญจงโจ่งครึ่มกว่าเยอะเลย เงินที่แจกก็ภาษีทั้งดุ้น แต่ดันไปแจกที่บ้านตัวเอง นี่ก็น่าเกลียดพอแล้ว ที่แก้ตัวไม่ออก ทำไมต้องแนบนามบัตรด้วย

จะน้ำขุ่น ๆ ว่า แจกนามบัตรเป็นปกติ ฟังยังไง ก็ฟังไม่ขึ้นน่ะ !!!

นอกจาก เป็นการซื้อเสียงล่วงหน้า โดยเอาเงินภาษีของประชาชนไปแจกเอง

ดูยังไง ก็เข้าข่าย ม.266 ห้าม ส.ส. ส.ว. ก้าวก่ายแทรกแซงการปฏิบัติงานของข้าราชการประจำ (อธิบดีกรมการปกครองและนายอำเภอโชคชัย ถือเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา) เพื่อผลประโยชน์ตัวเองทั้งทางตรงและทางอ้อม

แต่นั่นละ ถ้าบุญจง ยังอยู่ขั้วเพื่อไทย คงตายแน่ แต่เมื่อพลิกขั้ว ก็ไม่แน่ หรอกนะ

ในเมื่อที่ผ่านมา ซีกหนึ่งดำปี๋ ผิดทุกเรื่อง อีกซีก ขาวจั๊วะ รอดทุกเรื่อง ไม่ใช่หรือ

ฟังเจ๊สด สดศรี สัตยธรรม กกต. ก็งง ๆ ตอนแรกบอก การแจกนามบัตรไม่ถือเป็นสิ่งของและทรัพย์สิน การแจกนามบัตรอาจเป็นการแนะนำตัวแทนคำพูด และในรัฐธรรมนูญไม่ได้บัญญัติความผิด

อย่างนี้รอดแหง ๆ แต่ล่าสุด บอก ถ้าผิดจริงถึงขั้นยุบ พรรคภูมิใจไทย ได้เลย เอาเข้าแล้วสิ

แต่ขอเรียกร้อง ส.ว.ลากตั้ง ประสาร มฤคพิทักษ์ ที่เรียกหาธรรมาภิบาลทุกลมหายใจ ไม่สนจะสอบว่าเป็น “บูรณาโกง” บ้างหรือ เพื่อให้ทุกอย่างโปร่งใสไง !!!

เห็นมีแต่ ส.ว.ลากตั้ง เรืองไกร นี่ล่ะ ไม่เข้าใคร ออกใคร ของจริง เลยจะถูกถอดถอน....นี่แหละ.

ดาวประกายพรึก

หลุมดำ

ที่มา ไทยรัฐ

นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พร้อมคณะเดินทางไปประชุมเศรษฐกิจโลกหรือ WORLD ECON OMIC FORUM ที่เมือง ดาวอส สวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งถือว่าเป็นเวทีใหญ่ระดับโลกที่มีผู้นำประเทศต่างๆ ผู้ที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจทั่วโลก

ยิ่งภาวะเศรษฐกิจโลกที่ถดถอยเกิดปัญหาไปทุกประเทศ เวทีนี้ จึงมีความหมายและนำไปสู่การแก้ไขปัญหาด้วยแนวคิดใหม่ๆ ด้วยวิธีการใหม่ที่จะนำไปใช้ในการแก้ไขปัญหาและเป็นแนวทางเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจโลก

ทุนนิยมสมัยใหม่ที่เคยเบ่งบาน วันนี้กำลังเกิดปัญหาอย่างที่สหรัฐฯ ประสบอยู่เมื่อทุกคนมุ่งไปสู่ผลกำไร มุ่งไปสู่ความโลภ การเอารัดเอาเปรียบ การแก่งแย่ง สร้างมูลค่าเกินความจริง สุดท้ายก็เกิด ฟองสบู่แตกบริษัทยักษ์ใหญ่ สถาบันการเงินก็เลยเจ๊งอย่างไม่เป็นท่า

ไทยนั้นนอกเหนือจากต้องเจอปัญหาเศรษฐกิจเหมือนประเทศอื่นๆแล้ว ยังมีปัญหาการเมืองที่ทำให้ภาพพจน์ของประเทศเสียหายในสายตาของนานาประเทศ

เรียกว่าไทยเจอ 2 เด้งในคราวเดียวกัน

แน่นอนว่าการเดินทางไปร่วมประชุมของนายกฯนั้น นอกเหนือจากจะได้เสนอแนวคิดเสนอไอเดียต่อเวทีโลก ซึ่งจะเป็นตัวชี้วัดเช่นกันว่าจะมีภูมิปัญญามากน้อยแค่ไหน จะมีทางออกต่อระบบเศรษฐกิจโลกอย่างไร และยังเป็นเวทีที่จะอธิบายให้ชาวโลกรู้ว่าไทยมีแนวทางแก้ไข ปัญหาเศรษฐกิจอย่างไร

ที่สำคัญน่าจะอยู่ที่ว่าทำอย่างไรจะทำให้ประเทศต่างๆเข้าใจไทยในด้านการเมือง ในด้านความเชื่อมั่นและยืนยันว่าเมืองไทยอยู่ ภาวะปกติมีความปลอดภัย 100% ไม่ต้องหวาดหวั่นหวาดกลัวกันแล้ว

ครับ...หากนายกฯสามารถโน้มน้าวและสร้างความเชื่อมั่นเชื่อถือได้ก็จะเป็นผลดีต่อประเทศทั้งระยะสั่นและระยะยาว โดยเฉพาะความเชื่อมั่นจากนักลงทุนที่จะต้องทำให้เห็นว่าเมืองไทยนั้นลงทุนและมาตรการ เอื้อต่อการลงทุนระยะสั้นและระยะยาว

การท่องเที่ยวซึ่งเป็นจุดแข็งและเป็นรายได้หลักของประเทศ ซึ่งจริงๆแล้วเมืองไทยนั้นมีแหล่งท่องเที่ยวและได้รับความนิยมจากชาวต่างประเทศอยู่แล้ว

เพียงแต่ต้องเรียกความรู้สึกเดิมๆให้คืนกลับมาให้ได้ เชื่อว่าอีกไม่นาน นักท่องเที่ยวก็จะกลับมาอีก โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่เคยมาแล้วและนิยมชมชอบคนไทย

นอกจากนั้นยังมีเวทีที่จะกระจายข่าวสารไปสู่ทุกมุมโลกก็คือหนังสือพิมพ์ชั้นนำระดับโลก สถานีโทรทัศน์อย่างซีเอ็นเอ็น บีบีซีที่ นายกฯจะให้สัมภาษณ์แบบเปิดใจไทยแลนด์

ก่อนหน้านี้อดีตนายกฯทักษิณเคยไปร่วมประชุมและแจ้งเกิดในเวทีระดับโลกนี้มาแล้ว แต่วันนี้ต้องระหกระเหินเพราะหนีคดีจาก เมืองไทย แต่ก็ยังใช้จุดแข็งที่พยายามจะบอกว่าเขาไม่ผิด แต่เพราะไม่ได้รับความเป็นธรรมจากกลุ่มอำนาจการเมืองในขณะนี้

คือกองทัพ ศาล และยังพาดพิงไปถึงองคมนตรีด้วย

แน่นอนว่านายกฯอภิสิทธิ์ นอกจากจะต้องแสดงวิสัยทัศน์ให้ ปรากฏและนั่นก็หมายความเป็นการพิสูจน์ตัวตนของนายกฯมือใหม่หัดขับว่าจะแน่สักแค่ไหน จะสร้างความเชื่อมั่นและประทับใจได้หรือไม่ จะเหนือชั้นหรืออ่อนชั้นกว่าอดีตนายกฯทักษิณ

เช่นกันปัญหาการเมืองในประเทศซึ่งก็คงจะต้องได้รับคำตอบและย่อมสัมพันธ์กับคนชื่อ ทักษิณ ชินวัตรอย่างแยกไม่ออก

จะแก้ต่างอย่างไรเพื่อให้เข้าใจการเมืองไทย จะแก้ต่างอย่างไรในบทบาทของ พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ที่ว่าจะคมพอให้เกิดความเชื่อถือมาก น้อยแค่ไหน

ถ้าทำการบ้านดีๆ เวทีโลกแห่งนี้น่าจะช่วยให้ประเทศไทยผ่อนคลาย ลงไปจากสายตาของต่างชาติที่มองไทยอย่างขาดความเชื่อมั่น

และนั่นอาจจะทำให้ไทยหลุดจาก หลุมดำ การเมืองได้เร็วขึ้น.

สายล่อฟ้า

ไฟต์บังคับแค่ 'อภิสิทธิ์'

ที่มา ไทยรัฐ

“ปฏิเสธไม่ได้ว่าความเสียหายมันเกิดขึ้นกับประชาชนที่เดือดร้อนอยู่”

โดยน้ำเสียงที่เย็นเฉียบของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ส่งสัญญาณจะมีการพิจารณาปรับคณะรัฐมนตรี หลังเดินทางกลับจากประชุมเวทีเศรษฐกิจโลกที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในวันอาทิตย์ที่ 1 กุมภาพันธ์

อย่างช้าไม่เกิน 2-3 วัน

จึงไม่แปลกที่จะได้ยินน้ำเสียงที่สั่นเครือของนายวิฑูรย์ นามบุตร รมว.การพัฒนาสังคมฯ ที่กำลังเกิดอาการอาหารเป็นพิษจากฤทธิ์ปลากระป๋องเน่า

ประกาศกลางสภาฯ เรื่องนี้ไม่ต้องการให้นายกฯลำบากใจ

“หากมีผลออกมาชัดเจนว่าผมผิด ผมพร้อมจะรับผิดชอบทางการเมือง ผมจะลาออก และผมจะเลิกเล่นการเมืองตลอดชีวิต”

เหมือนอัดอั้นกับชะตากรรมที่รู้ตัวล่วงหน้า

แน่นอน แม้ว่าทางคดีต้องว่ากันอีกยาว และโดยหลักฐานก็ยากจะสาวถึง “ไอ้โม่ง”

แต่โดยกระแสทางการเมือง อารมณ์ความรู้สึกของสังคม มันก็อย่างที่นายกฯอภิสิทธิ์ยังไม่กล้าปฏิเสธว่า ความเสียหายมันเกิดขึ้นกับประชาชนคนยากคนจนที่เดือดร้อนอยู่

มันยิ่งหนักเป็นสองเด้ง

แม้แต่แกนนำในพรรคประชาธิปัตย์เอง จับน้ำเสียงจากรุ่นใหญ่สุดอย่างอดีตนายกฯชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค จอมเก๋าที่เชี่ยวกระแสกว่าใคร

คิวนี้ไม่กล้าเสี่ยงเอาต้นทุนหน้าตักมาอุ้มรัฐมนตรีของพรรค

นายชวนออกตัวนิ่มๆแค่ว่า รัฐบาลชุดปัจจุบัน นายกฯอภิสิทธิ์ประกาศไว้ชัดเจนว่า สนับสนุนการตรวจสอบการทำงานที่โปร่งใส โดยเฉพาะเรื่องของความซื่อสัตย์สุจริต ดังนั้น สิ่งเหล่านี้ก็อยู่ในสายตาของนายกรัฐมนตรี

ปล่อยให้ว่ากันตามธรรมชาติ

จับอาการ “ชวน-อภิสิทธิ์” คนต้นทุนหน้าตักหนาของประชาธิปัตย์ พร้อมใจกันเล่นบทตีกรรเชียง ไม่กล้าเสี่ยงกับของเหม็น “ปลากระป๋องเน่า”

เห็นมีก็แค่ฝ่ายหน้าตักติดลบอย่าง “เทพเทือก” นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ในฐานะลูกพี่ใหญ่สายตรงของนายวิฑูรย์เท่านั้น ที่ยังออกมากางปีกป้องลูกน้องรัก

ยื้อให้พิสูจน์ผิดถูกตามหลักฐาน

แต่ทั้งหมดทั้งปวง โดยเงื่อนไขที่มากกว่าการท้าทายกระแสสังคม ในอารมณ์ของแม่ทัพใหญ่ที่ไม่ต้องการรับศึกหลายด้าน ประเมินจากการที่นายกฯอภิสิทธิ์รีบส่งสัญญาณจะพิจารณาปรับ ครม.หลังบินกลับจากเมืองดาวอส

วางมัดจำล่วงหน้า

เบื้องต้นมองได้ว่า มันคือการชิงจังหวะดับไฟ ไม่ให้เงื่อนไขเข้าทางการนัดรวมพลใหญ่ม็อบเสื้อแดงในวันที่ 31 มกราคม

เพราะถ้าปล่อยให้ม็อบเสื้อแดงจุดติด พร้อมๆกับเงื่อนไขที่สังคมเอะใจในพฤติกรรมความไม่โปร่งใสของรัฐบาลที่นำโดยพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งคิวหว่านประชานิยมแบบโฉ่งฉ่าง ไม่กลัวเงินหลวงรั่วไหลรายทาง โดยเฉพาะคิวปลากระป๋องเน่าซ้ำเติมชาวบ้านที่เดือดร้อน

หางโผล่ตั้งแต่ไก่โห่

เข้าทางฝ่ายตรงข้ามที่จะประจานให้สังคมเห็นภาพ “ไอ้เสือหิว” ที่อดอยากปากแห้งมานาน ต้องเร่งตุนเสบียงเตรียมเลือกตั้ง พฤติกรรมแย่ยิ่งกว่าที่ด่า “ทักษิณ” ซะอีก

ต้นทุน “เด็กดี” ที่ “อภิสิทธิ์” สะสมไว้ก็จะมลายหายไปในเวลาอันรวดเร็ว

และนั่นก็หมายถึงการปิดตำนาน ปิดหนทางพรรคประชาธิปัตย์ที่วางโปรแกรมจะหวนกลับมาครองอำนาจอีกวาระหนึ่งแบบโปร่งใส ไร้ข้อครหาฉกชิงวิ่งราว

โดยเงื่อนไข เดิมพันของ “อภิสิทธิ์” สูงกว่าใคร

แต่ปัญหาก็คือ ฝ่ายที่ต้นทุนติดลบ ไม่ได้รู้ร้อนรู้หนาวด้วยซะเมื่อไหร่ ล่าสุดนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย ในคาถาพ่อมดเขมร ก็ยังปากกล้า พร้อมจะเปิดบ้านแจกเงินให้ชาวบ้านอีกถ้ามีโอกาส

ไม่สนใจปมเงินหลวงแนบนามบัตร ฉาวได้ก็ฉาวไป

และก็ให้ท้ายกันซึ่งๆหน้า นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย ในฐานะว่าที่หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย แอ่นอกการันตีให้เลยว่า นายบุญจงไม่มีความผิดกรณีการแจกเงินพร้อมนามบัตร

ส่วนกระแสข่าวที่นายกฯอาจตัดสินใจการปรับนายบุญจงพ้น ครม. จากกรณีปัญหาดังกล่าวนั้น ในเมื่อนายบุญจงไม่ได้มีความผิดอะไร ก็คงจะเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก หากจะมีการปรับพ้นจาก ครม.

ยัดของเน่าใส่มือ “อภิสิทธิ์” ตื๊อให้อุ้มต่อไป.

ทีมข่าวการเมือง รายงาน

เวทีนปช.คึก นครบาลประเมินคน 2-3 หมื่น

ที่มา ไทยรัฐ

วันนี้ (31 ม.ค.) เมื่อเวลา 20.00 น. พล.ต.ท. สุชาติ เหมือนแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ให้สัมภาษณ์ก่อนออกตรวจที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ว่า ขณะนี้มีกลุ่มผู้ชุมนุมแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ประมาณ 2-3 หมื่นคน ซึ่งยังไม่ได้เจราจากับแกนนำนปช.ถึงการชุมนุมในวันนี้ แต่เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้ออกมาประกาศเตือนว่า สามารถที่จะชุมนุมได้ด้วยความสงบ ห้ามทำความเสียหาย หรือสร้างความเดือนร้อนต่อประชาชน หากมีการกระทำความผิด จะดำเนินการตามกฎหมายทันที

นอกจากนี้ ผบช.น. กล่าวด้วยว่า หลังจากนี้จะออกไปตรวจยังจุดสะพานมัฆวานรังสรรค์ และอื่นๆ เพราะทราบว่า เรื่องรถน้ำดับเพลิง และรถส่องแสงไฟยังไม่เรียบร้อย ขณะนี้มีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจราจลจำนวน 5 กองร้อย 750 นายดูแลรักษาความปลอดภัยโดยรอบทำเนียบฯ

ด้านผู้สื่อข่าวรายงาน ว่าการชุมนุมที่ท้องสนามหลวง แกนนำนปช.ทั้งหมด ประกอบด้วย นายวีระ มุสิกพงษ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายจักรภพ เพ็ญแข นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท นพ.เหวง โตจิราการ นายชินวัฒน์ หาบุญพาด ได้ผลัดกันขึ้นเวทีปราศรัยเรียกขวัญกำลังใจให้แก่ผู้ชุมนุมเพื่อให้มีการฮึกเหิมพร้อมจะเดินขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาลในเวลา 21.00น. นอกจากนี้ยังโจมตีรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ และกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยกันอย่างเผ็ดร้อน

กมธ.งบประมาณฯ ผงะเงินเกลี้ยงคลัง

ที่มา ไทยรัฐ

ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 30 ม.ค. ได้มีการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ประจำปี 2552 โดยมีนายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยเป็นการพิจารณาในส่วนของงบประมาณกระทรวงการคลัง ซึ่งนายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ปลัดกระทรวงการคลังและคณะเข้าชี้แจง โดยนายศุภรัตน์กล่าวว่า จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องอัดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ให้ทันในเดือน ก.พ.และ มี.ค.นี้ เพื่อให้มีเงินหมุนเวียนในระบบ มิเช่นนั้น เศรษฐกิจไทยอาจติดลบถึง 3% ได้ ทั้งนี้ ในช่วง 3 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2552 พบว่ารัฐจัดเก็บรายได้ต่ำกว่าเป้าหมายประมาณ 16% ซึ่งกระทรวงการคลังคาดการณ์รายได้ตลอดปี 52 จะอยู่ที่ 132,000 ล้านบาท มีการเบิกจ่ายงบลงทุนไปได้เพียง 7.9% มีการตั้งรายจ่ายเพื่อชดเชยเงินคงคลังสำหรับงบกลางปีไว้จำนวน 12,900 ล้านบาท มาจากรายได้ที่จะได้จากการขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมัน และรายได้จากผลของการกระตุ้นเศรษฐกิจ

เหลือพอจ่ายเงินเดือนอีกแค่เดือนครึ่ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้น กรรมาธิการฯ ทั้งจากรัฐบาลและฝ่ายค้าน ต่างรุมซักถามถึงสาเหตุของการเบิกจ่ายงบประมาณล่าช้า ที่เชื่อว่าจะส่งผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างแน่นอน จนนายพิเชษฐ์ พันธุ์วิชาติกุล ส.ส. กระบี่ กรรมาธิการจากพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า อยากให้กระทรวงการคลังนำความจริงมาพูดให้ทุกคนรู้ ว่าความจริงขณะนี้ประเทศไทยมีเงินคงคลังจำนวนเท่าใดกันแน่ นายศุภรัตน์กล่าวยอมรับว่า มีเม็ดเงินไหลออกมากกว่าเม็ดเงินไหลเข้า การบริหารเงินคงคลังต้องทำด้วยความละมุนละม่อม ทั้งนี้ สิ้นเดือนธันวาคมปี 2551 มีเงินคงคลังอยู่ 52,000 ล้านบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อนายศุภรัตน์กล่าวจบ นายพิเชษฐ์ถึงกับกล่าวอย่างตกใจว่า เหตุใดเงินคงคลังจึงมีมากกว่ารายจ่ายประจำไม่ถึง 2 เดือน นายศุภรัตน์จึงกล่าวตอบว่า ยังมีเงินพอที่จะจ่ายเป็นเงินเดือนประจำประมาณ 1 เดือนครึ่ง เนื่องจากต้องจ่ายเงินเดือนประจำ เดือนละ 32,000 ล้านบาท เหตุที่เงินคงคลังเหลืออยู่ไม่มาก เนื่องจากที่ผ่านมาได้ลดการกู้ยืมเงินจากต่างประเทศ เพื่อเป็นการลดภาระการจ่ายดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม หากตัวเลขต่างๆไม่เพียงพอ ก็ยังสามารถกู้เงินจากต่างประเทศได้อีก โดยกรอบการกู้ยืมเงินมีกฎเกณฑ์ไว้ชัดเจนอยู่แล้ว แต่อาจต้องใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมาใช้ให้เร็วกว่าเดิม ขณะนี้ การขาดดุลงบประมาณทั้งประจำปีและกลางปี มีจำนวน 340,000 กว่าล้านบาท

ฝ่ายค้านรุมถล่มงบซื้อชุดนักเรียน

ต่อมาเมื่อเวลา 13.30 น. คณะกรรมาธิการฯ ได้พิจารณางบประมาณในโครงการสนับสนุนการจัดการศึกษา โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย 15 ปี ของกระทรวงศึกษาธิการ โดยกรรมาธิการจากซีกฝ่ายค้านได้รุมซักถามอย่างหนัก โดยเฉพาะวิธีการจัดซื้อเครื่องแบบนักเรียน ที่ยังไม่มีรายละเอียดว่าจะจัดซื้ออย่างไร

คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ชี้แจงว่า สำหรับเครื่องแบบนักเรียนจะไม่มีการจัดซื้อที่กระทรวงศึกษาหรือส่วนกลาง ตลอดจนเขตพื้นที่ แต่จะให้ซื้อกันที่โรงเรียน เบื้องต้นกำลังพิจารณาว่า จะให้เงินผู้ปกครองหรือแจกเป็นคูปอง ส่วนการกำหนดสเปกของ มอก.นั้นความจริงไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตามก็ได้ โดยอาจจะใช้หลักให้ผู้ปกครองเห็นสมควร

นายวิทยา บุรณศิริ ส.ส.อยุธยา กมธ.จากพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ส่วนตัวติดใจในงบประมาณจัดซื้อเครื่องแบบนักเรียนกว่า 2,600 ล้านบาท เนื่องจากไม่เกี่ยวข้องกับนโยบายเรียนฟรี หากเป็นอุปกรณ์การเรียนและหนังสือเรียนยังพอรับได้ ดังนั้นจึงขอตัดงบส่วนนี้ทั้งหมด และได้สงวนคำแปรญัตติ เพื่อนำไปอภิปรายในสภา

มึน “บุญจง” แจกเงินพร้อมใบสมัคร

ที่มา ไทยรัฐ

หลังจากที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ระบุถึงทิศทางในการปรับ ครม.ว่า กำลังดูข้อมูลทั้งหมด และจะมีจุดยืนที่ชัดเจน หลังเดินทางกลับจากประชุมอิโคโนมิคฟอรั่ม ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ แล้ว 2-3 วัน

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 30 ม.ค. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวถึงกรณีที่นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย แจกเงินสงเคราะห์ผู้ด้อยโอกาส ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ให้กับชาวบ้านใน จ.นครราชสีมา พร้อมแนบนามบัตรและใบสมัคร สมาชิกพรรคภูมิใจไทยไปด้วยว่า กรณีนายบุญจงยังไม่ชัดเจน สิ่งที่ฝ่ายค้านพูดยังห่างจากข้อเท็จจริงที่นายบุญจงออกมายืนยัน แต่เมื่อมีการยื่นเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบ ก็เป็นการดีที่สุด เพราะเป็นองค์กรอิสระที่เป็นกลาง ผู้สื่อข่าวถามว่าฝ่ายค้านระบุว่า นอกจากนายบุญจงจะมอบเงินพร้อมนามบัตรแล้ว ยังมีการแจกใบสมัครพรรคภูมิใจไทยแนบไปด้วย เพื่อ เป็นการจูงใจให้สมัครเป็นสมาชิกพรรค นายสุเทพตอบว่า เพิ่งทราบเรื่องนี้ ก่อนหน้านี้นายบุญจงไม่เคยอธิบายเรื่องใบสมัคร เพิ่งได้ยินเรื่องนี้

ปัดใช้งบรัฐสร้างความนิยมให้ตัวเอง

เมื่อถามว่าการมอบเงินให้ชาวบ้านของนายบุญจง เป็นการนำงบประมาณของรัฐไปสร้างความนิยมให้ตัวเอง หรือไม่ นายสุเทพตอบว่า ไม่น่าเป็นเช่นนั้น ส่วนตัวเห็นว่า กระบวนการซื้อของไปแจกให้ประชาชนควรยกเลิก ถ้าจะช่วยเหลือประชาชนที่ประสบความเดือดร้อนกรณีต่างๆ ควรช่วยเหลือเป็นเงิน จะได้นำเงินไปซื้อหาสิ่งที่เป็นความ จำเป็น และไม่เกิดการรั่วไหล อย่างไรก็ตามการช่วยเหลือเป็นเงิน ก็ต้องมีผู้นำไปมอบหรือโอนเงินให้ จะนำมาเป็น ข้อกล่าวหาว่า สร้างความนิยมให้ตัวเองคงไม่ได้ เมื่อถามว่าต่อไปรัฐบาลจะเปลี่ยนการช่วยเหลือให้เป็นเงินแทนสิ่งของใช่หรือไม่ นายสุเทพตอบว่า เป็นความเห็นส่วนตัวของตนและเพื่อน ส.ส. คงต้องนำมาหารือกับรัฐบาลก่อน

“สรอรรถ” ดอดถกการเมือง “สุเทพ”

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า บ่ายวันเดียวกัน นายสรอรรถ กลิ่นประทุม และนายบุญลือ ประเสริฐโสภา แกนนำกลุ่มภาคกลาง พรรคภูมิใจไทย ได้เดินทางเข้าพบหารือกับนายสุเทพ ที่ทำเนียบฯ ทั้งนี้นายบุญลือกล่าวหลังเข้าพบว่า นายสรอรรถและตนได้มาหารือเรื่องงาน ส่วนตัวกับนายสุเทพ นอกจากนี้ ยังได้หารือเรื่องงานทางการเมือง โดยได้แจ้งให้ทราบว่าทางกลุ่มภาคกลางของเรา มีรัฐมนตรีในสังกัดอยู่ด้วยคือนายชาติชาย พุคยาภรณ์ รมช.เกษตรฯ ซึ่งก็ไปร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทยด้วย หากมีอะไรก็ให้ประสานงานกันมาได้ ทางกลุ่มเรามี ส.ส. ที่ตามไปอยู่กับพรรคภูมิใจไทยแล้ว 2 คน และยังมีสมาชิกกลุ่มที่ยังอยู่ในพรรคฝ่ายค้านอีก 3-4 คน รวมทั้งยังมีอดีต ส.ส.ลพบุรีและราชบุรี ที่เตรียมเข้ามาอยู่ด้วยกันอีก เมื่อถามว่ามีการพูดคุยถึงเรื่องกระแสการปรับ ครม. ด้วยหรือไม่ นายบุญลือตอบว่า ไม่ได้คุยเรื่องนี้ และนาย สุเทพก็ไม่ได้แจ้งเรื่องการปรับ ครม. ภายหลังนายกฯเดินทาง กลับจากดาวอส แต่ถ้าจะมีการปรับจริงก็ต้องมาคุยกัน

“บุญจง” ปลอบใจท้อแต่อย่าถอย

ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงมหาดไทยว่า บ่ายวันเดียวกัน นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย ได้เป็นประธานประชุมคณะกรรมการตรวจสอบสถานบริการ ของกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาทางป้องกันอุบัติภัยในสถานบริการ หลังเกิดเหตุเพลิงไหม้สถานบันเทิงซานติก้าผับ จากนั้นได้กล่าวถึงกรณีที่ ป.ป.ช.จะตรวจสอบเรื่องการแจกเงินสงเคราะห์ให้กับประชาชนใน อ.โชคชัย พร้อมแนบนามบัตร ที่บ้านพักใน จ.นครราชสีมา โดยทันทีที่ผู้สื่อข่าวถาม นายบุญจงได้ลุกจากเก้าอี้ และยกมือไหว้ขอบคุณผู้สื่อข่าว โดยกล่าวแต่เพียงว่า ขณะนี้เรื่องอยู่ในกระบวนการตามกฎหมายแล้ว ตนมีหน้าที่เพียงแค่รอชี้แจงกับ ป.ป.ช. เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยระบุว่ามีการแจกใบสมัครสมาชิกพรรคภูมิใจไทยด้วยจริงหรือไม่ นายบุญจงตอบว่า ไม่จริง เมื่อถามว่าเท่ากับว่าพรรคเพื่อไทยใช้เอกสารเท็จหรือไม่ นายบุญจงตอบว่า ไม่ทราบ จากนั้นเดินเข้าห้องทำงานทันที ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในวันเดียวกันได้มีการนำแผ่นสติกเกอร์ ข้อความว่า “ท้อได้แต่อย่าถอย” มาติดที่หน้าประตูห้องของนายบุญจงด้วย

เชื่อ “บุญจง” ชี้แจงข้อกล่าวหาได้

ที่โรงแรมสิริภิญโญ นายศุภชัย โพธิ์สุ ส.ส.นครพนม พรรคภูมิใจไทย กล่าวภายหลังการประชุมพรรคว่า การประชุมพรรควันนี้ มีนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว. มหาดไทย เป็นประธาน ซึ่งที่ประชุมได้มีการหารือถึงการประชุมวิสามัญใหญ่พรรค ในวันที่ 14 ก.พ.นี้ ที่สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง เพื่อทำการเลือกหัวหน้า รองหัวหน้า เลขาธิการและกรรมการบริหารพรรค โดยจะมีสมาชิกพรรคทั่วประเทศเข้าร่วมประชุมกว่า 1 หมื่นคน นอกจากนี้ที่ประชุมได้เปิดโอกาสให้นายบุญจงชี้แจงเหตุการณ์ ซึ่งทุกคนไม่ได้วิตกในเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด แม้

ฝ่ายค้านหรือ ส.ว.จะยื่นเรื่องแจ้งข้อกล่าวหาต่อ ป.ป.ช. และ กกต. แต่ก็เชื่อว่านายบุญจงสามารถชี้แจงได้ “บังเอิญว่านายบุญจงเป็น ส.ส.ในพื้นที่ สิ่งที่นายบุญจงทำนั้น เป็นกิจกรรมที่ต้องพบกับประชาชนอยู่แล้ว หน่วยงานที่รับผิดชอบก็เชิญนายบุญจง ในฐานะที่เป็นตัวแทนรัฐบาล ส่วนข่าวที่ออกมาว่าแนบนามบัตรนั้น ข้อเท็จจริงคือ ส.ส.ที่มอบทุกคน เมื่อพบกับชาวบ้านก็ให้ เบอร์โทรศัพท์ไว้ เผื่อมีปัญหาประชาชนก็ติดต่อได้” นายศุภชัยกล่าว

“ชวรัตน์” ยกเป็นอุทาหรณ์เตือน ส.ส.

เมื่อถามว่าทางพรรคประชาธิปัตย์ได้ส่งสัญญาณอะไรมาหรือไม่ นายศุภชัยตอบว่า ไม่มีสัญญาณอะไร เมื่อถามต่อว่านายเนวิน ชิดชอบ อดีต กก.บห.ไทยรักไทย แกนนำกลุ่มเพื่อนเนวิน เป็นห่วงหรือให้คำปรึกษาหรือไม่ นายศุภชัยตอบว่า นายเนวินไม่ได้แสดงความห่วงใยอะไร นายเนวินเป็นแค่คนให้คำปรึกษาเท่านั้น เมื่อถามว่า ข้อกล่าวหานายบุญจงจะส่งผลให้พรรคถูกยุบหรือไม่ นายศุภชัยตอบว่า จากการหารือกันมั่นใจว่า กระทำของนายบุญจงไม่น่าที่จะผิดกฎหมายของ กกต. เรื่องดังกล่าวไม่น่าจะมีความผิดถึงขั้นที่ต้องยุบพรรค ทั้งนี้นายชวรัตน์ ได้กำชับให้สมาชิกและ ส.ส.ของพรรค ดูกรณีนายบุญจงมาเป็นอุทาหรณ์ว่า ต่อไปจะดำเนินการอะไร ให้ดูกฎหมายอย่างละเอียด และอย่าทำอะไรที่หมิ่นเหม่ต่อข้อกฎหมาย

พท.ไล่บี้ “พีระพันธุ์-โสภณ-เกื้อกูล”

ที่รัฐสภา นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคมและนายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร รมช.คมนาคม ที่ลงมติรับหลักการร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปี งบประมาณ 2552 เมื่อวันที่ 28 ม.ค. เข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 177 วรรค 2 ที่ระบุว่า ห้ามรัฐมนตรีลงมติใดๆ ใน เรื่องที่ตนเองมีส่วนได้ส่วนเสีย โดยนายสุรพงษ์กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นคงเกิดจากที่รัฐมนตรีใหม่ 3 ท่านรู้เท่าไม่ ถึงการณ์ อ่านรัฐธรรมนูญไม่รู้เรื่อง โดยเฉพาะนายพีระ-พันธุ์ที่แสดงความคิดนุ่มนิ่ม อ่อนหัด ขนาดเป็นมือกฎหมายของพรรคประชาธิปัตย์ กลับชี้แจงว่าเครื่องกดบัตรในที่ประชุมสภาฯเสีย เป็นการปฏิเสธความผิดแบบเด็กๆ แบบนี้ตายอย่างเขียด และที่ผ่านมานายกฯพร่ำพูดถึงกฎ 9 ข้อ มีข้อหนึ่งที่ระบุให้รัฐมนตรีต้องมีความรับผิด ชอบทางการเมืองสูงกว่าความรับผิดชอบทางกฎหมาย ดังนั้น ขอให้รัฐมนตรี 3 คน ได้คิดทบทวนในวันเสาร์-อาทิตย์นี้ ก่อนแสดงความรับผิดชอบโดยลาออกจากตำแหน่ง

ยุให้ปรับ “วิฑูรย์-บุญจง” พ้นตำแหน่ง

นายสุรพงษ์กล่าวว่า ขอให้นายกฯอย่ากลืนน้ำลายตัวเอง เมื่อกลับจากต่างประเทศจะต้องปรับรัฐมนตรี 3 คน ออกจากตำแหน่งทันที รวมถึงต้องปรับนายวิฑูรย์ นามบุตร รมว.การพัฒนาสังคมฯ กรณีปลากระป๋องเน่า นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย กรณีแจกเงินสดในโครงการช่วยเหลือคนจน ของกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ พร้อมแนบนามบัตรของตัวเอง ให้ออกจากตำแหน่งด้วย วันนี้เวรกรรมมีจริง พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคเก่าแก่ ชอบอ้างว่ารู้กฎหมายยึดมั่นรัฐธรรมนูญ จึงต้องรับผิดชอบในเรื่องที่เกิดขึ้น และเชื่อว่ารัฐบาลนี้จะอยู่ไม่ได้แน่นอน อย่างไรก็ตาม หากนายกฯยังไม่ดำเนินการอะไร หรือรัฐมนตรีที่มีปัญหายังไม่ลาออก ก็จะไปยื่นศาลรัฐธรรมนูญ ตรงนี้จะเป็นการพิสูจน์กระบวนการยุติธรรมอีกครั้ง ถ้าศาลไม่เอียงเชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ จะกลับประเทศไทยมาสู้คดีแน่นอน

พท.ยื่นหลักฐานเพิ่มมัด “บุญจง”

บ่ายวันเดียวกัน ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายคารม พลทะกลาง คณะทำงานกฎหมาย พรรคเพื่อไทย เดินทางมายื่นหลักฐานเพิ่มเติมต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อให้ ไต่สวนนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย ข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามมาตรา 157 ตามประมวลกฎหมายอาญา กรณีนำงบประมาณของกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ มาแจกชาวบ้าน ต.ด่านเกวียน อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา โดยมิชอบ นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า หลักฐานที่นำมายื่นเพิ่ม เติมเป็นซีดีการแจกเงินให้ชาวบ้าน มีภาพชัดเจนว่านายบุญจงแจกเงิน ผ่าห่ม และมีภาพภริยานายบุญจงที่ไม่มี หน้าที่เกี่ยวข้อง ยืนช่วยกันแจกเงินด้วย นอกจากนี้ ยังมีบุคคลที่พร้อมเป็นพยานให้การในคดีนี้ด้วย แต่ยังไม่ สามารถเปิดเผยตัวได้ หลักฐานทั้งหมดเอาผิดนายบุญจงได้แน่นอน เป็นการกระทำที่เรียกว่าประชานิยมแบบอภิ-สิทธิ์ เป็นวงจรอุบาทว์ทางการเมือง เอาเงินหลวงไปแจก เพื่อหวังผลการเลือกตั้ง ขณะนี้พรรคเพื่อไทยกำลังทำหนังสือขอรายชื่อประชาชน 200 คน ที่ได้รับแจกเงินในวันดังกล่าวจากกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ เนื่องจากได้รับการร้องเรียนว่าส่วนใหญ่ผู้ได้รับแจกเงินเป็นหัวคะแนนนายบุญจง ถือเป็นการเอื้อประโยชน์ให้ฐานเสียง หัวคะแนน แทนที่จะแจกให้กับประชาชนที่ลำบากจริงๆ

ปธ.วุฒิสภาออกรับแทน ครม.ไม่ผิด

ที่รัฐสภา นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา กล่าวถึงกรณีที่ ส.ส.ฝ่ายค้าน จะยื่นถอดถอนรัฐมนตรีที่ลงมติรับร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปี 2552 ที่อาจขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 177 เพราะถือว่าเป็นผู้มีส่วนได้เสียว่า เป็นคนละเรื่องกัน ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกันโดยตรง อย่างมีคนเอาหนังสติ๊กไปยิงไก่ แล้วเกิดไก่วิ่งไปชนหม้อแกงหกจนไม่สามารถกินได้ อย่างนี้จะไปโทษคนยิงไก่ได้อย่างไร แต่หาก ส.ส.ยื่นเรื่องมา ตนก็ต้องตรวจสอบความถูกต้อง ทั้งเรื่องรายชื่อและข้อหา แล้วส่ง ไปให้ ป.ป.ช.หรือศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยชี้ขาด จะได้เป็นบรรทัดฐานต่อไป ที่ผ่านมาเคยมีรัฐมนตรีลงมติในลักษณะเดียวกันนี้ เมื่อมีการเสนอร่างกฎหมายเข้ามา ส.ส.มีหน้าที่ผ่านกฎหมาย ถ้าไม่ทำหน้าที่หรือไม่เข้าประชุม จะถูกกล่าวหาว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ได้ เมื่อถามว่ามองคำว่า มีส่วนได้เสียอย่างไร นายประสพสุขตอบว่า การได้เสียในเรื่องนี้หมายความว่างบประมาณที่ลงไปอยู่ในโครงการแล้ว ส.ส.มีส่วนได้เสียโดยตรง แต่งบประมาณกว่าแสนล้านบาทที่จะนำไปใช้กับประชาชนทั่วประเทศอย่างนี้ ก็ต้องดูว่าโดยตรงหรือไม่ เมื่อถามว่าถ้างบประมาณลงไปในส่วนของกระทรวงคมนาคมและกระทรวงยุติธรรมถือว่าเข้าข่ายหรือไม่ นายประสพสุขตอบว่า ไม่น่าจะแยกกันได้ เพราะรวมอยู่ในงบก้อนเดียวกัน

“เรืองไกร” เชื่อเข้าข่ายขัดมาตรา 177

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า เท่าที่ดูน่าจะเข้าข่ายขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 177 วรรค 3 ซึ่ง ส.ส.สามารถใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 270 เพื่อยื่นต่อ ป.ป.ช. หรือยื่นตามมาตรา 275 ต่อศาลฎีกาแผนกคดีผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หากศาลรับคำร้องรัฐมนตรีก็ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ เรื่องนี้ไม่ว่า ส.ส. รัฐมนตรี หรือ ส.ว. จะต้องระมัดระวังให้มากขึ้นในการใช้กรอบอำนาจ อย่าปฏิบัติขัดรัฐธรรมนูญ ซึ่งในเรื่องจริยธรรมต้องอยู่สูงกว่ากฎหมาย และบังเอิญว่าเป็น ครม. ที่มีคนมองว่ามีมาตรฐานทางจริยธรรมสูง เมื่อถามถึงกรณีที่ กกต.บางคน ระบุว่าไม่มีอำนาจหน้าที่ตรวจสอบกรณีของ นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย ที่แจกเงินพร้อมนามบัตร นายเรืองไกรตอบว่า ขณะนี้ กกต.แต่ละคนยังเห็นไม่สอดคล้องกัน แต่อยู่ที่การตีความ คำว่า “โดยทางตรงหรือทางอ้อม”

“สุรพงษ์” ยื่นเอกสาร “มาร์ค-เนวิน”

วันเดียวกัน ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อ ไทย เดินทางมายื่นเอกสารเพิ่มเติมกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายเนวิน ชิดชอบ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย กอดกันและตกลงร่วมจัดตั้งรัฐบาล ต่อคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงของ กกต. โดยนายสุรพงษ์กล่าวว่า วันนี้ได้นำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2552 ที่เพิ่งผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภามาส่งให้คณะอนุกรรมการใช้ประกอบการพิจารณา เนื่องจากเนื้อหาของร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว มีการระบุให้รัฐบาลอภิสิทธิ์ต้องดำเนินนโยบายเดิม 4 ประการของรัฐบาลชุดก่อน และวันนี้เรื่องนโยบายประชานิยม กับการต่อมาตรการ 6 เดือนรัฐบาลก็ได้ทำแล้วตามที่นายเนวินเสนอให้ทำ จึงเท่ากับเป็นการยอมรับว่า สิ่งต่างๆที่สัญญาว่าจะเป็นรัฐบาลร่วมกันตามข้อตกลงนั้น ได้ดำเนินการตามข้อตกลงทั้งหมดแล้ว จึงได้นำหลักฐานมาส่งให้คณะอนุกรรมการใช้ประกอบการพิจารณาดังกล่าว

รอส่งหลักฐานฮั้วเลือกตั้งซ่อมอีก

นายสุรพงษ์กล่าวว่า ถ้าหากหลักฐานชัดเจนขนาดนี้ ความเป็นธรรมยังไม่เกิดขึ้น ก็ไม่รู้ว่าบ้านเมืองจะอยู่ ไปได้อย่างไร ทั้งนี้อยากฝากถึงนายอภิสิทธิ์ว่า ท่านเป็นคนหนุ่มอนาคตไกล ดังนั้น ต้องพิจารณาเรื่องนี้ให้รอบคอบ อย่าคิดสั้นฆ่าตัวเองทางการเมืองจะดีกว่า

นายสุรพงษ์กล่าวถึงกรณีที่ กกต.สั่งตั้งอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ตามที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว. สรรหา ขอให้ตรวจสอบกรณีพรรคการเมืองฮั้วสมัครลงเลือกตั้งว่า กรณีนี้ได้เคยยื่นขอให้ กกต.ตั้งอนุกรรมการสอบเช่นกัน เชื่อว่าทาง กกต.คงจะสั่งให้รวมพิจารณาเป็นสำนวนเดียวกันได้ และจะเรียกมาชี้แจง ในเร็ววันนี้จะได้นำหลักฐานเอกสารต่างๆที่มีอยู่นำส่งให้ทางอนุกรรมการใช้ประกอบการพิจารณาต่อไป

กลุ่มประชาฯปลุกผีพรรคราษฎร

ส่วนความขัดแย้งภายในพรรคเพื่อแผ่นดินนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อแผ่นดิน ได้มอบหมายให้ทีมกฎหมายยื่นฟ้องนางกุสุมาลวตี ศิริโกมุท กรรมการบริหารพรรคเพื่อแผ่นดิน ที่ได้ลงสมัคร ส.ส.มหาสารคาม ในการเลือกตั้งซ่อมที่ผ่านมาว่า แอบอ้างชื่อตนไปใช้ในการหาเสียง จนเป็นเหตุให้ประชาชนหลงเชื่อและเกิดความเข้าใจผิด ซึ่งมีโทษถึงขั้นยุบพรรค ขณะเดียวกัน กลุ่มของ พล.ต.อ.ประชา ที่จับมือกับกลุ่มปากน้ำของนายวัฒนา อัศวเหม ก็ได้รื้อฟื้นพรรคราษฎร ขึ้นมารองรับกลุ่มของตัวเองแล้วเช่นกัน เพราะมั่นใจว่าในที่สุดพรรคเพื่อแผ่นดินจะถูกยุบพรรคในที่สุด โดยให้ ส.ส.กลุ่มวาดะห์ 3 คน ได้แก่นายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ ส.ส.สัดส่วน นายนัจมุจดีน อูมา ส.ส.นราธิวาส และนางฟารีดา สุไลมาน

ส.ส.สุรินทร์ ได้ย้ายไปสังกัดพรรคราษฎรแล้ว นายอารีเพ็ญกล่าวว่า เป็นห่วงว่าปัญหาในพรรคเพื่อแผ่นดิน อาจจะส่งผลให้ไม่สามารถเข้าสังกัดได้ทันภายใน 60 วัน จึงเห็นว่าควรมาสังกัดกับพรรคราษฎรก่อน เพราะเป็นพรรคการเมืองที่เป็นกลาง ไม่ได้อยู่กับฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ตรงกับแนวทางที่ไม่ต้องการเป็นศัตรูกับขั้วการเมือง

"สดศรี"ปูด"สุเทพ"ชะตาเดียวกับ"บุญจง"กกต.เคยลงมติผิดอาญา พท.เล็งยกเป็นญัตติตรวจสอบกกต.ฟันมท.2 ล่าช้า

ที่มา มติชนออนไลน์

กกต.ปัดช่วย-รับเร่งฟัน มท.2 อ้างไม่มีเหตุจูงใจจงใจช่วยจริงคงไม่เอาผิด กกต.โคราชยังรอเรื่องจากส่วนกลาง "สดศรี" ปูดมติกกต.ชี้ "สุเทพ"ผิดอาญาเหมือน"บุญจง" พท.เล็งยกเป็นญัตติตรวจสอบกกต.หารือใน กมธ.ดำเนินการล่าช้า รมช.มหาดไทยปฏิเสธข่าวซื้อใบแดง

คลิกอ่าน - เปิดหลักฐาน มัด กกต.หมกเม็ดแจกใบแดง-ดองคดีอาญาอุ้ม"บุญจง วงศ์ไตรรัตน์" ?

จากกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติให้ดำเนินคดีอาญากับนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กรณีใส่ร้ายป้ายสีคู่แข่งเมื่อตอนเลือกตั้งซ่อมครั้งที่ผ่านมา แต่ นับแต่วันที่ 3 เมษายน 2551 จนถึงปัจจุบันเป็นเวลาประมาณ 10 เดือน กกต.ยังมิได้ดำเนินการใดๆแก่นายบุญจงตามที่มีมติแต่อย่างใด

"สดศรี" ปูดมติกกต.สุเทพผิดอาญา


นางสดศรี สัตยธรรม กกต.กล่าวเมื่อวันที่ 31 มกราคม ว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เคยมีมติให้ดำเนินคดีอาญากับนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย จริง ซึ่งตามขั้นตอนแล้ว เมื่อ กกต.มีมติให้ดำเนินคดีอาญา สำนักวินิจฉัยและคดี ของ กกต.จะต้องจัดทำความเห็นและร่างคำวินิจฉัย เพื่อส่งไปยัง กกต.จว. อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ไม่ทราบว่าเรื่องของนายบุญจงไปถึงไหนแล้ว เพราะ กกต.มีหน้าที่เพียงวินิจฉัยเท่านั้น ส่วนงานด้านธุรการจะเป็นทางสำนักวินิจฉัยและคดีเป็นผู้รับผิดชอบ เพราะจะให้ กกต.ไปนั่งดูแลทั้งหมดคงไม่ได้ แต่ถ้าดูจากกรอบระยะเวลาเรื่องน่าจะอยู่ที่ กกต.จว.แล้ว ส่วนการที่ กกต.ไม่ได้แจกใบแดง (เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง) ให้กับนายบุญจงนั้น เพราะพยานหลักฐานการสืบสวนไปไม่ถึง จึงเอาผิดได้เพียงให้ดำเนินคดีอาญา


"นอกจากนายบุญจงแล้ว กกต.ยังมีมติในลักษณะเดียวกัน คือเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2551 กกต.ให้ดำเนินคดีอาญากับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ (ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์) รองนายกรัฐมนตรี และพวกเช่นเดียวกัน โดยนายสุเทพเคยไปช่วยหาเสียงสนับสนุนแจกทุนการศึกษาในช่วงเลือกตั้งให้กับนายธานี เทือกสุบรรณ (น้องชายนายสุเทพ) ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ ในการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งขณะนี้เรื่องน่าจะอยู่ที่สำนักวินิจฉัยและคดีเป็นผู้ดำเนินการต่อ" นางสดศรีกล่าว


กกต.โคราชยังรอเรื่องจากส่วนกลาง


พล.อ.วีรวุธ ส่งสาย ประธาน กกต.จังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า จำเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้เพราะ จ.นครราชสีมา เป็นจังหวัดใหญ่ มีเรื่องสืบสวนสอบสวนมาก โดยในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ได้นัดให้ฝ่ายสืบสวนสอบสวน ให้นำเรื่องทั้งหมดมาทบทวนและตรวจสอบดูว่าเป็นอย่างไร ดำเนินการถึงขั้นตอนไหนแล้ว


"ขอยืนยันว่า หลังได้รับเรื่องร้องเรียนของนายบุญจง ทาง กกต.นครราชสีมา ได้สอบสวนพยานและรวบรวมหลักฐานส่งไปให้ กกต.กลางพิจารณาวินิจฉัยหมดแล้ว ส่วน กกต.กลางจะส่งเรื่องกลับมาหรือยังนั้น ต้องตรวจสอบดูหนังสือที่เข้ามายัง กกต.นครราชสีมา ก่อน " ประธาน กกต.นครราชสีมากล่าว


นายกนก ศิริเพ็ญโสภา หัวหน้างานสืบสวน กกต.นครราชสีมา กล่าวว่า กกต.นครราชสีมา ได้ส่งเรื่องร้องเรียนพร้อมสรุปสำนวนแนบพยานหลักฐาน และ กกต.จังหวัดทั้ง 5 คน ลงมติส่งให้ กกต.กลางพิจารณาไปแล้ว แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีเรื่องตีกลับมาจาก กกต.กลางอย่างใด ซึ่งตนในฐานะฝ่ายสืบสวนของ กกต.จังหวัดนครราชสีมา ก็รอเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน เรื่องทุกอย่างยังคงอยู่ที่ กกต.กลาง


กกต.ปัดช่วย-รับเร่งฟัน"บุญจง"


นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชี้แจงกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า กกต. ไม่ยอมดำเนินคดีอาญากับนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ ในฐานะอดีตผู้สมัคร ส.ส.นครราชสีมา พรรคพลังประชาชน (พปช.) ทั้งที่มีมติ กกต. เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2551 ว่านายบุญจงกระทำการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2550 ในเรื่องที่นายพลพีร์ สุวรรณฉวี ผู้สมัคร ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อแผ่นดิน (พผ.) ร้องเรียนว่า หลัง กกต.มีมติว่านายบุญจงมีความผิดตามมาตรา 53 สำนักเลขาธิการ กกต.ได้มอบหมายให้ฝ่ายกิจการสืบสวนส่งเรื่องให้สำนักวินิจฉัยคดีดำเนินการต่อ แต่เหตุที่ล่าช้าเพราะสำนักดังกล่าวเป็นหน่วยงานที่ตั้งขึ้นใหม่ ขณะที่เรื่องร้องเรียนมีเข้ามามาก เฉพาะการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2551 ก็มีสำนวนกว่า 700 เรื่องแล้ว ซึ่ง กกต.ได้ดำเนินการเสร็จสิ้นหมดแล้ว ล่าสุดทราบว่าการยกร่างคำวินิจฉัยและสำนวนในคดีนายบุญจงเสร็จแล้ว และเสนอให้ กกต.ชุดใหญ่ลงนามแล้ว ดังนั้น จะเร่งดำเนินคดีอาญาต่อไปแน่ ซึ่งคดีอาญามีอายุความถึง 10 ปี


"ขอยืนยันว่า กกต.ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ไม่เคยคิดช่วยเหลือคุณบุญจง เพราะเรื่องนี้เกิดขึ้นในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2550 ซึ่งคุณบุญจงได้ลงสมัครในนามพลังประชาชน กกต.เองถูกวิจารณ์มากว่าจ้องแจกใบแดงเฉพาะผู้สมัครจากพลังประชาชน ดังนั้น จึงไม่มีมูลเหตุจูงใจให้ กกต.ต้องเข้าไปโอบอุ้มคุณบุญจงเลย กกต.ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคุณบุญจงเป็นใคร และจะได้เข้ามาเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดปัจจุบัน ดังนั้น อยากขอความเป็นธรรมให้ กกต.ด้วย" เลขาธิการ กกต.กล่าว


อ้างเหตุไม่ส่งศาลเพิกถอนสิทธิฯ


ส่วนกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า กกต.ไม่ยอมยื่นคำร้องต่อศาลฎีกา เพื่อพิจารณาเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งนายบุญจง ตามมาตรา 111 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.นั้น นายสุทธิพลกล่าวว่า การมีความผิดตามมาตรา 53 ไม่ได้หมายความว่าต้องถูกเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้งตามมาตรา 111 ทุกกรณีไป แต่ขึ้นอยู่กับการใช้ดุลพินิจของ กกต. ถ้าเห็นว่ามีระดับความร้ายแรง ทำให้การเลือกตั้งที่ไม่สุจริตเที่ยงธรรม ก็จะเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ที่ผ่านมามีตัวอย่างเทียบเคียงในหลายกรณีที่ กกต.มีมติว่าผู้สมัครรับเลือกตั้งที่ไม่ได้รับเลือก มีความผิดตามมาตรา 53 แต่ไม่ได้ยื่นคำร้องให้ศาลฎีกาเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งตามมาตรา 111 อาทิ 1.การประชุม กกต. ครั้งที่ 61/2551 เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2551 กกต. ให้ยกคำร้องคัดค้าน แต่ให้ดำเนินดคีอาญากับผู้สมัคร ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อแผ่นดิน 3 คน 2.การประชุม กกต. ครั้งที่ 81/2551 เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2551 กกต.ให้ยกคำร้องคัดค้านผู้สมัคร ส.ส.พะเยา พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา และผู้สมัคร ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคประชาราช แต่ให้ดำเนินดคีอาญา 3.การประชุม กกต. ครั้งที่ 139/2551 เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2551 กกต.ให้ยกคำร้องคัดค้านผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาราช แต่ให้ดำเนินคดีอาญา


จงใจช่วยจริงคงไม่เอาผิดอาญา


"เท่าที่ตรวจสอบมติ กกต. เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2551 พบว่า กกต. 4 คน มีมติให้ดำเนินคดีอาญากับคุณบุญจงเพราะเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 53 แต่มีเพียง 1 คน ที่เห็นควรสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งตามมาตรา 111 ด้วย ดังนั้น เมื่อไม่ใช้เสียงข้างมาก ก็ไม่สามารถดำเนินการได้ เวลาลงมติกรรมการแต่ละคนก็ต่างคนต่างติ๊ก ไม่มีการซูเอี๋ยกัน ดังนั้น ถ้า กกต.จงใจช่วยคุณบุญจงจริง คงไม่ดำเนินคดีอาญากับเขา เพราะความผิดตามมาตรา 53 จะได้รับโทษคือ จำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี ปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งสูงสุดถึง 10 ปี" นายสุทธิพลกล่าว


พท.เล็งยกเป็นญัตติตรวจสอบกกต.


นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ในฐานะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ในสัปดาห์หน้า จะหยิบยกกรณี กกต.ดำเนินการกับนายบุญจงล่าช้าเป็นญัตติด่วนขึ้นมาหารือใน กมธ. ก่อนที่จะเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง เพื่อให้ประชาชนคลายความสับสนในประเด็นนี้ อย่างไรก็ตาม ดูจากเอกสารแล้วเห็นว่ามีหลักฐานชัดเจน โดย กกต.จะต้องตอบคำถามในเรื่องดังกล่าวเพราะเป็นกระบวนการภายในของ กกต.ที่จะต้องจัดการกันเอง


ขณะที่นายบุญจงปฏิเสธให้สัมภาษณ์ ในเรื่องนี้ กล่าวเพียงกล่าวสั้นๆ ว่า "ไม่ทราบ และขณะนี้อยู่ในพื้นที่ไม่ขอตอบคำถามใดๆ ทั้งสิ้น" เช่นเดียวกันกับนายศุภชัย โพธิ์สุ ส.ส.นครพนม พรรคภูมิใจไทย ที่กล่าวว่า เป็นเรื่องภายในของ กกต. พรรคภูมิใจไทยไม่มีความเห็น


"บุญจง" ปฏิเสธข่าวซื้อใบแดง


สำหรับนายบุญจงนั้น ได้ลงพื้นที่เป็นประธานเปิดงานรวมใจอาสาพัฒนาชุมชน เนื่องในวาระครบรอบ 40 ปี โครงการพัฒนาผู้นำอาสาพัฒนาชุมชน ภายในศูนย์ช่วยเหลือทางวิชาการพัฒนาชุมชน เขต 11 ต.หนองหัวแรด อ.หนองบุญมาก จ.นครราชสีมา ในโอกาสนี้นายบุญจงมอบประกาศเกียรติคุณให้อาสาพัฒนาชุมชนดีเด่น และปฏิเสธตอบคำถามเกี่ยวกับมติ กกต.โดยกล่าวว่า "เรื่องนี้ผมไม่ทราบและไม่ขอตอบ" ผู้สื่อข่าวถามว่า มีกระแสข่าวออกมาว่า เป็นการซื้อใบแดง นายบุญจงกล่าวว่า ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร นายบุญจงตอบว่า "ไม่มี ผมไม่ทราบ เรื่องนี้ผมไม่ตอบ แค่นี้พอ"

"เสื้อแดง"มาชุมนุมต่อต้านรัฐบาล

ที่มา มติชนออนไลน์






ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มคนเสื้อแดงเริ่มเดินทางมารวมตัวกันชุมนุมต่อต้านรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เกือบเต็มพื้นที่ตั้งเวทีปราศัยโจมตีรัฐบาล ในวันที่ 31 มกราคม ที่ท้องสนามหลวง

Alienet เผยกลเนวิน เกมย้ายข้าง ชุบตัว และทำลายทักษิณ

ที่มา Thai E-News

ทีมข่าวไทยอีนิวส์
31 มกราคม 2552

Alienet หนึ่งในสายข่าวเจ้าประจำของเราเปิดเผยผ่านเว็บบอร์ดชมรมฟ้าใหม่แจ้งถึงยุทธวิธีที่นายเนวิน ชิดชอบ ใช้ในการประสานผลประโยชน์ของฝ่ายต่างๆและดำเนินการเพื่อผลประโยชน์ตัวเองอย่างสูงสุด

Alienet ได้เผยถึงข่าวที่ตนเองได้รับมา โดยอธิบายว่า นายเนวินจำต้องปั้นหน้าสามแบบกับคนสามกลุ่มเพื่อประคองและสานผลประโยชน์

ด้วยการกลืนตัวเิองเข้ากับฝ่ายอำมาตยาธิปไตย นายเนวินก็วางแผนร่วมมือกันทำลายนโยบายประชานิยมด้วยการทำนโยบายซุปเปอร์ซานตาคลอส

แต่เพื่อการพรางตัวเองกับกลุ่มส.ส.ที่ยังสนับสนุนคุณทักษิณ นายเนวินก็อ้างว่าจำเป็นต้องย้ายข้างเพื่อทักษิณจะได้ไม่ต้องถูกจัดการ และท้ายที่สุดได้รับการปราณี

ส่วนด้านประชาชน นายเนวินก็จะทำการหลอกลวงกับประชาชนว่าได้รักษานโยบายประชานิยมของทักษิณไว้ ทั้งๆที่ตนเองกำลังทำลายทักษิณชนิดที่แนบเนียนที่สุด

ท่านสามารถติดตามรายละเอียดจาก Alienet ทั้งหมดได้ดังนี้

ในการประชุมแกนนำหรือวอร์รูมระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับกลุ่มเพื่อนเนวินที่เซฟเฮ้าส์หรูซอยรางน้ำร่วมกับตัวแทนพระเจ้าหงอกขันที

นายเนวิน ชิดชอบได้ให้สัญญาว่าจะใช้เวลา 6 เดือนเพื่อทำลาย"นโยบายประชานิยม"ของทักษิณ ด้วยยุทธวิธี "ซุปเปอร์ซานตาคลอส" ให้ประชานิยมที่มากกว่า และจะใช้เวลา 2 ปีเพื่อลบบารมีของทักษิณในคนรากหญ้าให้หมดสิ้น

หัวหน้าอำมาตย์กำลังใช้ยุทธวิธี "เกลือจิ้มเกลือ" ให้ "เนวินทำลายทักษิณ" ใช้ "เสื้อแดงทำลายเสื้อแดง" เพื่อแลกเปลี่ยนประโยชน์ในการฟอกตระกรูล "ชิดชอบ" ให้เป็นสีน้ำเงินเข้ม

ในขณะที่นายเนวิน ใช้ความกะล่อนอ้างกับเพื่อนส.ส.ว่า "เป็นการย้ายขั้วเพื่อช่วยนาย" นายจะได้ไม่ถูกเด็ดหัว นายจะได้รับการปราณีในเวลาต่อมา

อ้างกับหัวคะแนนและมวลชนรากหญ้าว่า "ทำเพื่อรักษานโยบายประชานิยมของนายกทักษิณไว้" อันจะทำให้ประชาชนยังคงได้รับประโยชน์แม้ไม่มีนายกทักษิณ เพื่อรอให้กลับมาในที่สุด

จึงแจ้งข่าวล่ามากับ"ยุง"ที่แอบเกาะหัวเหม็นๆ ของพวกนี้มาให้ทราบ

การ์ตูนมะนาว:วันนี้แดงทั้งแผ่นดิน

ที่มา Thai E-News



รายงานภาพข่าวงานชุมนุมคนเสื้อแดงวันนี้ 31 ม.ค.

ที่มา Thai E-News

31 ม.ค. 2552

ความเคลื่อนไหวบริเวณทำเนียบ เวลา 15.00 น.



บรรยากาศบริเวณสนามหลวงช่วงเวลา 15.00 น



ภาพจากสนามหลวงโดย "กล่องออมสิน"

http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P7478167/P7478167.html

แดงข้ามทวีป นปช.อเมริกาบุกสถานทูตนานาชาติคว่ำบาตรรัฐบาลโจร

ที่มา Thai E-News


โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
ที่มา คุณsonnyบอร์ดประชาไท
31 มกราคม 2552

แดงข้ามทวีปผนึกพลังแดงทั้งแผ่นดิน นปช.อเมริการวมตัวยื่นหนังสือสถานทูตต่างๆในนิวยอร์ก ให้คว่ำบาตรงดสังฆกรรมกับระบอบปกครองโจรไฮแจ็คจัดประชุมอาเซียนซัมมิตในไทย



คุณsonnyเปิดเผยว่าในวันนี้ กลุ่มนปช.เสื้อแดงในนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกาก็ได้เคลื่อนไหวสอดประสานกับการที่คนเสื้อแดงในไทยชุมนุมใหญ่ที่ท้องสนามหลวง โดยได้รวมตัวกันไปยื่นหนังสือตามสถานเอกอัคราชทูตประเทศต่างๆขอให้ไม่ให้การสนับสนุนการประชุมอาเซียนซัมมิต เนื่องจากระบอบปกครองอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีที่มาไม่ถูกต้องชอบธรรมจากการเลือกตั้งของประชาชนเสียงส่วนใหญ่ แต่จัดตั้งระบอบปกครองนี้ขึ้นมาภายหลังมีพฤติการณ์ก่อการร้ายยึดสนามบินของพันธมิตร และรัฐมนตรีต่างประเทศนายกษิต ภิรมย์ ก็เป็นแกนนำคนสำคัญของผู้ก่อการร้ายด้วย(อ่านหนังสือแนบ)

January 30, 2009

Ambassador of..................,

Your great nation is a vital ingredient to the ASEAN framework, andthe current chairmanship of Thailand depends on it. We thus appreciateyour taking time to realize a political reality of Thailand today: theThai government, the so-called Royal Thai Government led by Mr.Abhisit Vejjajiva, does not democratically represent the great peopleof Thailand. At the outlook, his coalition resembles the one withlegitimate majority and seems politically qualified, but the veryconception of such government can not be remotely considereddemocratic. A democratically-elected government, as you arewell-aware, must be led by the party with majority, which in turnreflects the will of the people. \\\"The Abhisit government\\\" came intoexistence only because of the heavy maneuvering of undemocraticexternal forces, the ones that disregard the true will of the peopleand their rights for self-determination. Furthermore, the appointmentof Kasit Piromya as Foreign Minister is an unbelievable act ofrecognizing a personality Thai people view as a terrorist, as he was aconstant contributor to the seizure of both international airports ofThailand quite recently. In the eyes of most Thais, this government ispolitically handicapped. Such state of leadership should not beallowed to tamper with ASEAN\\\'s good works especially as its Chair.

Therefore, we would like to officially address the problem to you, therespectable ASEAN partner, that the current Thai government is notwell-regarded and not generally accepted by the people of the land.What to do and what gesture to be made are entirely up to you. Ourcivil duty is to confirm you most directly of the democratizing Thaicitizens. We will continue to support the ASEAN frame work. But wefound it is impossible to let a group of ill-conceived politicalappointees represent us in there. We the Thai people have full trust in your judgment. Thank you dearlyfor your kind attention.

Respectfully,

Norporchor U.S.A.

ไอเอ็มเอฟ อีกแล้ว

ที่มา thaifreenews
ice angel ชวนอ่านบทวิพากษ์ของเจ้าของโนเบลเศรษฐศาสตร์ปี 2544


โจเซฟ สติกลิตซ์" เจ้าของโนเบลเศรษฐศาสตร์ปี 2544 วิพากษ์นโยบายการเงินไอเอ็มเอฟช่วยไอซ์แลนด์-ปากีสถาน-ยูเครน จะยิ่งฉุดเศรษฐกิจ 3 ชาติหดตัวจนไม่สามารถหาเงินใช้หนี้คืนได้ ซ้ำรอยแผนช่วยเหลือเอเชียรวมไทยผิดพลาดเมื่อ 12 ปีก่อน สถาบันการเงินระหว่างประเทศ (ไอไอเอฟ) ซึ่งเป็นสมาคมรวมกลุ่มสถาบันการเงินชั้นนำของโลกให้ข้อมูลผ่านสำนักข่าวเอเอฟพีว่า

ความวุ่นวายจากวิกฤติการเงินโลกปัจจุบัน อาจส่งผลกระทบต่อเอเชียรุนแรงและหนักกว่าผลกระทบที่ได้รับช่วงวิกฤติการเงินปี 2540-2541
ไอไอเอฟย้ำว่าผลจากวิกฤติปัจจุบัน ทำให้การเติบโตของเศรษฐกิจในภูมิภาค ได้รับผลกระทบรุนแรงจากความต้องการสินค้าทั่วโลกมลายหายไป และผลจากความตกต่ำของผลผลิตทางอุตสาหกรรมนั้นมีมากขึ้นและเร็วขึ้นกว่าที่เคยเกิดในช่วงปี 2540-2541
โดยความตกต่ำอย่างรุนแรงเกิดจากองค์ประกอบต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับอุปสงค์ย่ำแย่ลงและลุกลามเป็นวงกว้าง อุปสงค์ในประเทศและโดยเฉพาะอย่างยิ่งในต่างประเทศดิ่งลงช่วงนี้ และความตกต่ำที่ขยายวงกว้างเชิงภูมิศาสตร์ทำให้การเติบโตแย่ลง และจีนซึ่งทั่วโลกให้ความสนใจมากที่สุด ยังได้รับผลกระทบจากวิกฤติปัจจุบัน มากกว่าวิกฤติปี 2540-2541
"ผู้ผลิตในเอเชียได้รับผลกระทบหนักกว่า และมากกว่าช่วงที่อุปสงค์ทั่วโลกลดลงในเวลาที่เอเชียจมอยู่กับวิกฤติการเงินปี 2540-2541 แต่ระบบการเงินของแต่ละประเทศในเอเชียช่วงที่ผ่านมา เข้ารูปเข้ารอยดีกว่าที่เคยเป็นมาในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา เป็นความแตกต่างจากปี 2540 อย่างมาก หากดูจากสถานะการเงินในต่างประเทศของเอเชียยังค่อนข้างแข็งแกร่ง ทุนสำรองสกุลเงินต่างประเทศมีมากมาย และสถาบันการเงินในประเทศยืดหยุ่นมากขึ้น" ไอไอเอฟระบุในแถลงการณ์ที่กรุงวอชิงตัน
ทั้งนี้ไอไอเอฟ เพิ่มเติมว่า มีเพียงเกาหลีใต้ประเทศเดียวในเอเชีย ที่เผชิญปัญหาตึงเครียดทางการเงินในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ทั้งๆ ที่เกาหลีใต้มีทุนสำรองของทางการอยู่มากมายมหาศาล และมีภาระหนี้ระยะสั้นของธนาคารในต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น นั่นหมายถึงปัญหาท้าทายบางอย่างรอเกาหลีใต้ให้แก้ไข
ในช่วงท้ายไอไอเอฟยังให้ข้อมูล เป็นการคาดการณ์ว่าความวุ่นวายในตลาดเงินทั่วโลก จะทำให้กระแสเงินทุนหมุนเวียนของเอกชนไหลเข้าตลาดเกิดใหม่ หายไปมากกว่า 60% ปีนี้ จากระดับสูงสุด 9.29 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2550 และจากเดิม 4.66 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2551 เหลือเพียง 1.65 แสนล้านดอลลาร์ต้นปีนี้
สำหรับตลาดเกิดใหม่ในเอเชีย กระแสเงินทุนไหลเข้าจะลดลงเหลือ 6.5 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีนี้ จากเดิมที่เคยไหลเข้า 9.6 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2551 และ 3.15 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2550 และการปล่อยกู้ของธนาคารในตลาดเกิดใหม่ คาดว่าจะเข้มงวดได้ผลกระทบหนัก จากภาวะกระแสเงินทุนหมุนเวียนเหือดหายไป
"ผลจากคาดการณ์กระแสเงินทุนไหลเข้าตลาดเกิดใหม่ลดลง ยังส่งผลต่อเนื่องให้คาดการณ์การเติบโตของจีดีพีกลุ่มตลาดเกิดใหม่ลดลง จากระดับสูงสุด 6.9% ในปี 2550 เหลือเพียง 1.1% ปีนี้" ไอไอเอฟสรุปช่วงท้าย ขณะเดียวกันนายโจเซฟ สติกลิตซ์ นักเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์ในปี 2544 กล่าววิจารณ์กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ผ่านเอเอฟพี ว่า
โปรแกรมการช่วยเหลือของไอเอ็มเอฟ แลกกับเงินกู้ให้ 3 ประเทศที่ได้รับผลกระทบขาดสภาพคล่องเพราะวิกฤติการเงินโลก ประกอบด้วยไอซ์แลนด์ ปากีสถาน และยูเครน จะเป็นการซ้ำรอยความผิดพลาดที่เคยทำไว้ในการช่วยเหลือกลุ่มประเทศเอเชียรวมไทยในช่วงวิกฤติการเงินปี 2540
"ไอเอ็มเอฟกำลังทำผิดพลาดเหมือนอย่างที่เคยทำไว้ช่วงปี 2540 ดอกเบี้ยคิดจากเงินกู้ที่ไอเอ็มเอฟปล่อยให้ 3 ประเทศ ที่ประสบปัญหาวิกฤติการเงินโลกตอนนี้สูงเกินไป และนโยบายการเงินนำไปใช้ช่วยเหลือบรรดาประเทศที่ได้ผลกระทบจากวิกฤติ จะทำให้เศรษฐกิจของประเทศเหล่านั้นหดตัว ซึ่งตรงข้ามกับการนำนโยบายการเงินหนุนเศรษฐกิจขยายตัวมาใช้ในอังกฤษหรือฝรั่งเศส"
นายสติกลิตซ์ให้ความเห็น อดีตหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารโลก ยังกล่าวถึงนโยบายการเงินที่ไอเอ็มเอฟวางไว้ให้ไอซ์แลนด์ ปากีสถาน และยูเครนนั้น ภายใต้ภาวะแวดล้อมทำให้เศรษฐกิจหดตัว อาจจะทำให้ฐานะของประเทศแย่ลงอีก และท้ายที่สุดทั้ง 3 ประเทศประสบความยากลำบาก ในการชำระคืนหนี้หรือเงินกู้ที่ยืมมาจากไอเอ็มเอฟ
นายสติกลิตซ์ซึ่งเดินทางไปที่กรุงปารีสของฝรั่งเศส เพื่อประชาสัมพันธ์สารคดีใหม่ของเขาเรื่อง "เดินทางรอบโลกกับโจเซฟ สติกลิตซ์" ยังเน้นเตือนนโยบายของไอเอ็มเอฟที่ใช้กับปากีสถาน อาจเป็นการสนับสนุนนักรบตาลีบันมากขึ้น และชี้ว่าสถาบันการต่างชาติได้ทำร้ายเป็นภัยคุกคามประชาธิปไตย จากการจำกัดบทบาทรัฐบาลด้วยเม็ดเงินที่ปล่อยกู้ให้
เอเอฟพีให้ข้อมูลว่าช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ไอเอ็มเอฟจัดสรรเงินกู้ช่วยยูเครนไปแล้ว 1.64 หมื่นล้านดอลลาร์ ปากีสถานได้ 7.6 พันล้านดอลลาร์ และไอซ์แลนด์ได้ 2.1 พันล้านดอลลาร์ เพื่อช่วยทั้ง 3 ประเทศรับมือผลกระทบ อันเนื่องมาจากวิกฤติเศรษฐกิจลุกลามขยายวงไปทั่วโลก

สายข่าว แมวอ้วนอ้วน Ice Angel รายงาน 19.05 น. คนเกินครึ่งสนามหลวงแล้ว

ที่มา thaifreenews

โดย : ลูกชาวนาไทย
เมื่อครู่นี้ คุณ Ice Angel และคุณแมวอ้วนอ้วน นักข่าวกลุ่่มสื่อประชาชน รายงานมาว่า บรรยากาศการชุมนุมต่อต้านรัฐบาลโจรก่อการร้ายยึดสนามบิน มีคนมาชุมนุมกันเกินครึ่งหนึ่งของสนามหลวงแล้ว

ซึ่งจากการประมาณการณ์ของพื้นที่สนามหลวงที่มี 66 ไร่ ครึ่งหนึ่งก็ประมาณ 30 ไร่ ซึ่งคาดการณ์ได้่ว่าจำนวนคนเสื้อแดงที่มาชุมนุมครั้งนี้เกิน 50,000 คน คุณ Ice Angel ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า คุณแป๊ก2007 ให้ความเห็นว่า จำนวนคนที่มาชุมนุมในวันนี้ ณช่วงเวลา 6 โมงเย็น มีัคนมากกว่าในช่วงการชุมนุมเมื่อวันที่ 28-30 ธันวาคม 2551 อีก

บนเวทีปราศรัยได้เขียนข้อความว่า "แดงทั่วแผ่นดิน" ซึ่งผู้คนทีมา ก็มีมาจากต่างจังหวัด และคนใน กทม.เอง และคาดการณ์ว่าคืนนี้จะมีการเดินไปชุมนุมต่อที่หน้าทำเนียบรัฐบาล

คุณแมวอ้วนอ้วนให้ความเห็นว่า คนที่่มาในวันนี้จะทราบอยู่แล้วว่า จะมีการเดินทางไปที่ทำเนียบรัฐบาล

วันศุกร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2552

พิษภัยรัฐธรรมนูญปี 50 ถึงคราว ปชป.ได้รู้รสซะบ้าง สมน้ำหน้า

ที่มา thaifreenews

โดย : คนบางมด

พท.บี้3รมต.โหวตรับร่างพ.ร.บ.งบเพิ่มเติมให้ลาออก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (30 ม.ค.) จากกรณีที่ฝ่ายค้านทักท้วงว่า 3 รัฐมนตรี ประกอบด้วยนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม และนายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร รมช.คมนาคม ลงมติรับหลักการร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ 2552 เมื่อวันที่ 28 ม.ค.ที่ผ่านมา อาจเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 177 ที่บัญญัติว่า ห้ามรัฐมนตรีลงมติใด ๆ ในเรื่องที่ตนเองมีส่วนได้ส่วยเสีย

เมื่อเวลา 11.15 น. ที่รัฐสภา นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พร้อมด้วยนายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ร่วมกันแถลงเรียกร้องให้ 3 รัฐมนตรี และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แสดงความรับผิดชอบทางการเมือง โดยนายสุรพงษ์ กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้น ด้วยความที่ทั้ง 3 คน เป็นรัฐมนตรีใหม่ รู้เท่าไม่ถึงการณ์ อ่านรัฐธรรมนูญไม่รู้เรื่อง จึงไปลงมติเห็นด้วยนั้น ตนขอเรียกร้องให้แสดงความรับผิดชอบทางการเมืองด้วยการลาออก ทั้งนี้ รัฐมนตรีบางคนอย่างนายพีระพันธุ์ ยังแสดงความคิดนุ่มนิ่ม อ่อนหัด ขนาดเป็นมือกฎหมายของพรรค แต่ชี้แจงในที่ประชุมว่า เครื่องเสีย เป็นการปฏิเสธความผิดแบบเด็ก ๆ สีหน้าส่อพิรุธ ทั้งนี้ รัฐมนตรีคนอื่น ๆ กว่า 10 คน กดปุ่มไม่ออกเสียง จึงขอให้ทั้ง 3 คน ที่ลงมติเห็นชอบ ใช้เวลา 2 วันเสาร์ – อาทิตย์ ทบทวนตัวเอง และลาออกในวันที่ 2 ก.พ.นี้ วันนี้เวรกรรมมีจริง พรรคประชาธิปัตย์ เป็นพรรคเก่าแก่ ชอบอ้างว่ารู้กฎหมายยึดมั่นรัฐธรรมนูญ จึงต้องรับผิดชอบ

“วันนี้จะเป็นการพิสูจน์กระบวนการยุติธรรมว่า จะสร้างความเชื่อมั่นให้คนไทยทุกฝ่ายได้หรือไม่ ทั้งนี้ มาตรา 177 ระบุชัด แต่ยังมีการมาแก้ตัวแทน เช่น นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกฯ หรือผู้ร่างรัฐธรรมนูญ มาบอกว่า ใช้เฉพาะกรณีอภิปรายไม่ไว้วางใจ ถ้าคนเหล่านี้อ่านกฎหมายรัฐธรรมนูญไม่เข้าใจ บ้านเมืองไปไมได้ โดยเฉพาะ รมว.ยุติธรรม เป็นคนหนุ่มมีอนาคต ถ้าอ่านกฎหมายไม่เข้าใจ จะรักษาความยุติธรรมได้อย่างไร จึงขอให้ลาออกโดยไม่ต้องรอพวกผมยื่นศาลรัฐธรรมนูญถอดถอน เพราะถ้ารอถึงตอนนั้นอนาคตทางการเมืองจะหมดสิ้น ประกอบกับ นายกฯ พูดกฎเหล็ก 9 ข้อ ที่รัฐมนตรีต้องมีความรับผิดชอบทางการเมืองสูงกว่าความรับผิดชอบทางกฎหมาย นายกฯ จึงต้องรับผิดชอบด้วย อย่ากลืนน้ำลายตัวเอง วันจันทร์กลับมา กระซิบ 3 รัฐมนตรี รวมถึงรัฐมนตรีกรณีปลากระป๋องเน่าและ แจกผ้าห่มบวกเงิน 500 บาท รวมเป็น 5 คน นี้ ให้ออกไป เพื่อพิสูจน์ธาตุแท้ของความรับผิดชอบทางการเมืองรัฐบาลนี้” นายสุรพงษ์ กล่าว

นายสุรพงษ์ กล่าวด้วยว่า หากนายกฯ ยังไม่ดำเนินการอะไร หรือรัฐมนตรีที่มีปัญหายังไม่ลาออก พวกตนจะไปยื่นศาลรัฐธรรมนูญโดยตรง ตรงนี้จะเป็นการพิสูจน์กระบวนการยุติธรรมอีกครั้ง ตนเชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ จะกลับมาสู้คดีแน่นอน

ด้านนายประชา กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้นายกฯ แสดงความรับผิดชอบ อาจออกมาขอโทษ ลาออก หรือยุบสภา ปรับ ครม. ซึ่งไม่เป็นการเสียหน้า หากนายอภิสิทธิ์ ลาออก ยังมีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ วันนี้ความปรองดองเกิดไม่ได้ถ้ารัฐบาลเหยียบรอยเท้าเดิม เป็นรัฐบาลไม่กี่วัน น้ำลดตอผุด พบกลิ่นทุจริต และอยากฝากพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยว่า ไปอยู่ที่ไหนไม่ออกมาเรียกร้อง เพราะมีทั้งกรณีปลากระป๋องเน่า จัดซื้อชุดนักเรียนและตำรา และทำขัดรัฐธรรมนูญ.

วันพฤหัสบดีที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2552

กกต.ชี้พฤติกรรมแจกเงิน บุญจง ไม่เข้าข่ายซื้อเสียงเลือกตั้ง

ที่มา MCOT News

นครราชสีมา 29 ม.ค.- นายสมชัย จึงประเสริฐ กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เห็นว่า กกต.ไม่มีอำนาจตรวจสอบกรณีที่นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย แจกเงินงบประมาณของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พร้อมนามบัตรให้ประชาชนในจังหวัดนครราชสีมา เนื่องจากพฤติกรรมดังกล่าวไม่น่าเป็นการซื้อเสียงเลือกตั้งล่วงหน้า และในกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.และ ส.ว. ไม่ได้กำหนดเรื่องการห้ามดำเนินการในลักษณะเช่นนี้ก่อนมีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง 60 วัน

กกต. กล่าวว่า การตรวจสอบฝ่ายบริหารควรเป็นหน้าที่ของสภา หรือคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ไม่ใช่หน้าที่ของ กกต. แต่เมื่อมีผู้ยื่นเรื่องร้องเข้ามา ก็คงต้องมีการดำเนินการเบื้องต้น กกต.คงต้องตั้งอนุกรรมการขึ้นมาสอบสวนก่อนที่จะวินิจฉัย.-สำนักข่าวไทย


อัพเดตเมื่อ 2009-01-29 10:34:30

บทเรียน กัมพูชา คำพูด กับ การลงมือทำ รัฐบาล "อภิสิทธิ์"

ที่มา ข่าวสด

หักทองขวาง


หากฟังจากปากของ นายกษิต ภิรมย์ ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชาก็ราบรื่นเหมือนกับยืนอยู่บนยอดเขา

เพราะ สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรี ก็รับปาก

เพราะ นายฮอร์ นัมฮง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ก็รับปาก

การเดินทางไปเยือนกัมพูชาของ นายกษิต ภิรมย์ ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จึงประสบความสำเร็จอย่างงดงาม

งดงามเหมือนกับการบุกเข้ายึดทำเนียบรัฐบาลเมื่อเดือนสิงหาคม 2551

งดงามเหมือนกับการบุกเข้ายึดสนามบินดอนเมืองแล้วรุกคืบไปยังสนามบินสุวรรณภูมิเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2551

เป็นความงดงามบนพื้นฐานแห่ง อาหารอร่อย ดนตรีเพราะ

กระนั้น หากพิจารณาจากการเดินทางเข้ายื่นหนังสือของเครือข่ายประชาชนชาวไทยต่อนายกรัฐมนตรี ณ ทำเนียบรัฐบาลเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2552 เน้นประเด็นลงไปยังสถานะของปราสาทพระวิหารอันเป็นมรดก

ก็ไม่แน่ใจเท่าใดนักว่าจะสามารถประเมินความสำเร็จในการไปเยือนกัมพูชาของ นายกษิต ภิรมย์ ว่าเป็นอย่างไร



น่าสนใจก็ตรงที่ข้อเสนอซึ่งเครือข่ายประชาชนชาวไทยยื่นต่อนายกรัฐมนตรี

(1) อย่าขึ้นทะเบียนร่วมกับกัมพูชาไม่ว่ากรณีใดๆ หากการปักหลักเขตแดนของ 2 ประเทศบริเวณปราสาทพระวิหารยังไม่แล้วเสร็จ

(2) ห้ามหน่วยราชการใดๆ ให้ความร่วมมือ หรือจัดหาเอกสารแผนบริหารจัดการบริหารปราสาทพระวิหารเพื่อส่งมอบให้กัมพูชา คือ

2.1 เขตอนุรักษ์ (Buffer Zone)

2.2 แผนพัฒนา (Development Zone)

2.3 แผนบริหารจัดการ (Management Plan) ตามมติคณะกรรมการมรดกโลก

(3) ขอให้หลีกเลี่ยงการเจรจาใดๆ ที่เข้าข่ายตามข้อ (2)

(4) ให้ปลด นายปองพล อดิเรกสาร คณะกรรมการมรดกโลกฝ่ายไทย ออกจากตำแหน่ง

(5) เสนอคณะกรรมการมรดกโลกสากลผ่านองค์กรยูเนสโกเพื่อพิจารณาระงับและเพิกถอนการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก

น่าสนใจก็ตรงกับที่พรรคประชาธิปัตย์และ นายกษิต ภิรมย์ ก็เคยตั้งประเด็นเอาไว้



ถึงอย่างไร พรรคประชาธิปัตย์ และ นายกษิต ภิรมย์ ก็มิอาจหลีกพ้นไปจากสิ่งที่ตนเคยกระทำเคยเคลื่อนไหวในกาลอดีต

ไม่ว่าจะเป็นอดีตซึ่งพรรคประชาธิปัตย์อยู่ในฐานะฝ่ายค้าน

ไม่ว่าจะเป็นอดีตซึ่ง นายกษิต ภิรมย์ เคยขึ้นปราศรัยบนเวทีของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

หรือที่ นายกษิต ภิรมย์ เคยเสนอความเห็นผ่านสื่อหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์

เป็นอดีตที่พรรคประชาธิปัตย์และ นายกษิต ภิรมย์ เห็นตรงกันว่า ปราสาทพระวิหาร เป็นของไทย

บรรยากาศที่ปรากฏเมื่อเดือนมิถุนายน 2551 เป็นบรรยากาศแห่งแนวคิดชาตินิยม เป็นบรรยากาศอย่างเดียวกับที่ปรากฏผ่านคำปราศรัยและแถลงการณ์ของรัฐบาล จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์

เลือดรักชาติระอุร้อน แสดงความพร้อมกระทั่งจะทวงคืนเอาปราสาทพระวิหารคืนมาจากกัมพูชา

ตรงนี้เองที่เครือข่ายประชาชนสำแดงออกอย่างสอดรับกับความรู้สึกในอดีต

อดีตแห่งความร้อนแรงไม่ว่าของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าของ นายกษิต ภิรมย์ เช่นนี้อย่าคิดว่าจะจางหายไปจากความรู้สึกของคนไทย และความรู้สึกของกัมพูชา



อย่าลืมเป็นอันขาดของเอกภาพระหว่างคำพูดกับการกระทำ เพราะหากลืมก็เท่ากับพล่อยพูด

เมื่อเป็นฝ่ายค้านพรรคประชาธิปัตย์เคยพูดอย่างไร เมื่อปราศรัยบนเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นายกษิต ภิรมย์ แสดงอารมณ์และความต้องการทางการเมืองเยี่ยงไร

เมื่อท่านพูด ประชาชนจะฟัง เมื่อท่านลงมือทำตามที่พูด ประชาชนจะเชื่อถือ

พท.ลั่นมีหลักฐานเด็ดแฉ"ป๋องเน่า-แจงเงิน" "สดศรี" ชี้พิสูจน์ได้"บุญจง"ผิดจริงภูมิใจไทยอาจถูกยุบพรรค

ที่มา มติชนออนไลน์

ปธ.วิปฝ่ายค้าน โวมีหลักฐานเด็ดเล่นงานปลากระป๋องเน่าและแจกเงิน "สดศรี" เผยถ้าพิสูจน์ได้ว่า "บุญจง" ผิดจริง อาจถึงขั้นเสนอยุบพรรคภูมิใจไทย รมช.มท.รับท้อแต่ไม่ถอย โทษสื่อบิดเบือน "สุทัศน์" ปฏิเสธเลื่อยเก้าอี้ "วิฑูรย์" กระหน่ำฝ่ายค้านเสี้ยมให้แตกกัน

"สุทัศน์"ปัดเลื่อยเก้าอี้"วิฑูรย์" ซัดฝ่ายค้านเสี้ยมให้แตก

นายสุทัศน์ เงินหมื่น ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงข่าวการให้ข้อมูลการทุจริตแจกถุงยังชีพของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อต้องการเลื่อยขาเก้าอี้นายวิฑูรย์ นามบุตร รัฐมนตรีกระทรวง พม.ว่า ไม่เป็นความจริง เชื่อว่าฝ่ายค้านต้องการเสี้ยมให้เกิดความแตกแยกภายในรัฐบาลและพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งนี้ ในทางตรงกันข้าม ตนพร้อมกับ ส.ส.อีสาน พรรคประชาธิปัตย์ กำลังหาทางช่วยแก้ข้อกล่าวหาของนายวิฑูรย์ เพราะตนเป็นผู้ผลักดันให้นายวิฑูรย์นั่งเก้าอี้รัฐมนตรี ในกลุ่ม ส.ส.อีสาน มีมติว่า แนวทางการแก้ไขที่ดีที่สุด คือ นายวิฑูรย์ต้องชี้แจงข้อสงสัยให้กระจ่าง หากการตรวจสอบของฝ่ายค้านพบว่า นายวิฑูรย์ทุจริตจริง พรรคก็มีมาตรการลงโทษตามระเบียบของพรรค


นายสุทัศน์ กล่าวด้วยว่า ประเด็นดังกล่าวจะส่งผลให้นายวิฑูรย์ถูกปรับออกจากคณะรัฐมนตรีหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบเพราะไม่มีอำนาจในเรื่องนี้ ขณะเดียวกันยังไม่ได้เตรียมใครไว้รองรับหากมีการปรับคณะรัฐมนตรี เพราะตำแหน่งนี้ไม่ใช่โควต้าของ ส.ส.อีสาน แต่ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของพรรค

ปธ.วิปค้านลั่นมีหลักฐานเด็ด แฉ"ป๋องเน่า-แจกเงิน"วันนี้


นายวิทยา บุรณศิริ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน)พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ฝ่ายค้านมีหลักฐานเด็ดเตรียมมาเปิดเผยในการยื่นกระทู้ถามสดกรณีการแจกปลากระป๋องเน่า ของนายวิฑูรย์ นามบุตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกรณีการแจกเงินของนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในการประชุมสภาวันที่ 29 มกราคมนี้ ทั้งนี้ ส.ส.ฝ่ายค้านทุกคนจะเข้าร่วมประชุมสภาแน่นอน แม้ว่า ส.ส.บางส่วนจะเกิดความไม่พอใจ จากกรณีเกิดเหตุวุ่นวาย จนต้องมีการวอล์กเอาท์ออกจากห้องประชุม ในช่วงที่มีการอภิปรายงบประมาณเมื่อวันที่ 28 มกราคมที่ผ่านมา


"สดศรี"ชี้ถ้าพิสูจน์ได้ "บุญจง" ผิดจริง อาจถึงขั้นยุบพรรค

นางสดศรี สัตยธรรม คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวว่า การที่นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย เตรียมยื่นเรื่องให้ กกต.ตรวจสอบ กรณีนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย แจกเงินพร้อมกับนามบัตรให้ชาวบ้านนั้น เบื้องต้นเมื่อมีการยื่นเรื่องมา ซึ่งกกต.ต้องตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาตรวจสอบและกฎหมายเลือกตั้ง หากพรรคเพื่อไทยสามารถพิสูจน์ให้เห็นได้ว่า การกระทำดังกล่าวเป็นเรื่องจริง มีพยานหลักฐานชัดเจน ตามกฎหมายพรรคภูมิใจไทยอาจถูกเสนอให้ยุบพรรคได้


ส่วนการที่พรรคเพื่อไทยหยิบประเด็นนี้ขึ้นมาโจมตี กกต.นั้น นางสดศรี กล่าวว่า ไม่หวั่นว่าจะตกเป็นเครื่องมือของพรรคเพื่อไทยเพื่อใช้ทำลายพรรคภูมิใจไทย เพราะทุกขั้นตอนการทำงานต้องมีการตรวจสอบให้ละเอียด ก่อนเสนอให้ยุบพรรค

กกต.เผยเร่งสรุปเรื่อง"บุญจง"แจกเงิน เพื่อนำเข้าที่ประชุม

นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง ( กกต. ) กล่าวถึงความคืบหน้าการนำเรื่องนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาไทย เข้าสู่การพิจารณา ตามที่มีผู้ร้องเรียนเกี่ยวกับการแจกเงิน ภายใต้โครงการของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยที่มีการแนบนามบัตรไปด้วยว่า เรื่องที่ได้รับมานั้นเข้าสู่กระบวนการของสำนักกฎหมายและคดีไปแล้ว ซึ่งอยู่ระหว่างการสรุปเรื่องเพื่อนำเสนอต่อที่ประชุม ซึ่งยังไม่ชัดเจนว่า จะสามารถทำเสร็จและนำเรื่องเข้าที่ประชุมได้ทันภายในวันที่ 29 มกราคมนี้หรือไม่

กกต.นัดถกปม"บุญจง"29ม.ค.


นายสุเมธ อุปนิสากร คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการการมีส่วนร่วม เตรียมนำเรื่องกรณีนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นำเงินงบประมาณของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) พร้อมนามบัตร แจกจ่ายให้กับราษฎรซึ่งอาจเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 266 เข้าสู่วาระการประชุม กกต. หลังจากนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา ยื่นหนังสือร้องต่อ กกต.เพื่อให้ตรวจสอบ


ทั้งนี้ นายสุเมธให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 28 มกราคม ว่า คำร้องดังกล่าวเข้าใจว่าน่าจะนำเข้าสู่วาระการประชุม กกต.ในวันที่ 29 มกราคม เพื่อให้ที่ประชุมพิจารณาตั้งอนุกรรมการเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง เพราะเป็นเรื่องที่หลายฝ่ายให้ความสนใจ ส่วนกรอบเวลาการสอบขึ้นอยู่ที่ประชุม กกต.จะพิจารณา ทั้งนี้ พฤติกรรมของนายบุญจงที่ไปแจกนามบัตรและแจกเงินของ พม. จะเป็นการทำเพื่อประโยชน์ของพรรคการเมืองหรือไม่นั้นไม่ขอให้ความเห็น ควรรอให้มีการวินิจฉัยก่อนจะดีกว่า


"สดศรี" เทียบนายกฯแจก2พัน


นางสดศรี สัตยธรรม กกต. กล่าวถึงกรณีนายบุญจงว่า การพิจารณาต้องดูว่าการนำงบประมาณแผ่นดินที่นำไปให้ประชาชน เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลหรือไม่ เหมือนกับกรณีของนายกรัฐมนตรีที่แจกเงินจำนวน 2 พันบาท ให้กับประชาชนที่มีรายได้น้อย หรือการให้ประชาชนได้ใช้น้ำใช้ไฟฟรี ทั้งที่เป็นหน้าที่ของการประปาและการไฟฟ้า จึงมีประเด็นว่า การที่นายกฯทำแบบนี้ถือเป็นการแทรกแซงก้าวก่ายองค์กรอื่นหรือไม่ รวมทั้งนโยบายที่รัฐบาลจัดให้ประชาชนนั้น เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีหรือไม่ หรือเป็นนักการเมืองที่ก้าวก่ายการทำงานของข้าราชการหรือไม่


นางสดศรีกล่าวว่า ต้องพิจารณาว่านายบุญจงแจกเงินในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย หรือแจกในฐานะ ส.ส.คนหนึ่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่นายบุญจงต้องอธิบายให้ได้ว่า การแจกเงินนั้นทำในฐานะอะไร และไปเกี่ยวกับกระทรวงอื่นอย่างไร หรือทำในฐานะส่วนตัว ยังแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ไม่ได้ว่านายบุญจงผิดจริงหรือไม่ ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ชัดเจนก่อน


"บุญจง" ท้อแต่ไม่ถอย-โทษสื่อ


ที่ทำเนียบรัฐบาล นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทยยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้สอบเอาผิดว่า พร้อมเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบของทุกองค์กร ยืนยันว่าไม่ได้ทำผิด ที่บอกว่ามีการเย็บเงินติดกับนามบัตรนั้น เป็นการบิดเบือนของสื่อบางฉบับ เพราะแจกเงินก่อน ถึงให้นามบัตร ปกติก็แจกเบอร์ให้กับประชาชนอยู่แล้ว เป็นเบอร์เดิมที่ใช้มาตั้งแต่เริ่มลงการเมือง คนในพื้นที่เป็นพยานรับรองได้ เพื่อให้คนที่มีความเดือดร้อนมาร้องเรียน ถ้าดูในนามบัตรจะเห็นเบอร์โทรศัพท์ใหญ่ที่สุด


นายบุญจงกล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ท้อใจแต่ไม่หวั่นไหวและพร้อมเดินหน้าทำงานต่อไป ส่วนที่สงสัยว่านำเงินจาก พม.มาแจกได้อย่างไร จะงบฯไหนไม่สำคัญ เพราะเป็นภาษีประชาชน และ พม.ก็มีหน้าที่ดูแลอยู่แล้ว เมื่อถามว่าขอคำปรึกษาจากนายเนวิน ชิดชอบ หัวหน้ากลุ่มเพื่อนเนวินแล้วหรือไม่ นายบุญจงกล่าวว่า ไม่จำเป็น ไม่มีอะไร ทุกอย่างทำไปตามกฎหมาย


"สุเทพ" ตักเตือนแล้วให้ระวัง


ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้ตักเตือนนายบุญจงไปแล้วว่าต้องระมัดระวัง และขอให้ชี้แจงให้ได้ ส่วนที่รัฐมนตรีในรัฐบาลถูกโจมตีจะส่งผลต่อเสถียรภาพหรือไม่นั้น ไม่ว่าใครที่เป็นรัฐมนตรีก็ต้องดูแลตัวเอง วันนี้เข้ามาเป็นบุคคลสาธารณะต้องยอมรับการตรวจสอบจากองค์กรอิสระ สภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา หรือสื่อมวลชน ส่วนจะมีการปรับรัฐมนตรีที่มีปัญหาหรือไม่นั้น นายสุเทพกล่าวว่า ต้องให้เจ้าตัวชี้แจงและแสดงก่อนว่าผ่านการตรวจสอบของฝ่ายต่างๆ หรือไม่ รัฐบาลจะไม่ปรับ ครม.เพื่อมุ่งรักษาเสถียรภาพของรัฐบาลโดยไม่คำนึงถึงความเป็นจริง ต้องคำนึงถึงความเป็นจริงและความถูกต้องเป็นสำคัญ


ด้านนายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ไม่เชื่อว่านายบุญจงจะเป็นจุดอ่อนของรัฐบาลนี้ ขอให้ใจเย็นๆ การปรับหรือไม่ขึ้นกับนายกฯ ส่วนตัวเห็นว่านายบุญจงยังทำงานได้ เป็นคนขยันตั้งใจทำงานดีมาก ส่วนจะสง่างามหรือไม่เป็นอีกเรื่อง


"เพื่อนเนวิน" ป้องยกม.268คุ้มครอง


ด้านนายปัญญา ศรีปัญญา ส.ส.ขอนแก่น พรรคภูมิใจไทย กลุ่มเพื่อนเนวิน กล่าวว่า ยืนยันได้ว่านายบุญจงไม่ได้กระทำผิดตามมาตรา 266 เนื่องจากรัฐธรรมนูญมาตรา 268 ระบุไว้ว่า นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีจะกระทำการใดที่บัญญัติไว้ในมาตรา 266 มิได้ เว้นแต่เป็นการทำตามอำนาจหน้าที่ในการบริหารราชการตามนโยบายที่ได้แถลงต่อรัฐสภาหรือตามที่กฎหมายบัญญัติ ซึ่งสอดคล้องกับพฤติกรรมของนายนายบุญจง ที่เป็นการกระทำตามอำนาจหน้าที่การดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย


"สาเหตุที่มีการใช้บ้านพักนายบุญจงเป็นสถานที่แจกเงินสงเคราะห์นั้นเพราะส่วนราชการทำหนังสือมายังสำนักงานของนายบุญจงขอใช้สถานที่ นายบุญจงก็อนุญาต แต่ไม่มีการแนบนามบัตรนายบุญจงไปกับเงินสงเคราะห์แต่อย่างใด เพียงแต่เลขานุการส่วนตัวของนายบุญจงมอบให้กับประชาชนที่ต้องการติดต่อนายบุญจงเท่านั้น และไม่ได้แจกให้กับทุกคน"


แฉกลับพท.แจก2แสนในบ้าน


นายปัญญากล่าวอีกว่า เห็นว่ามีพฤติกรรมของนายสุรชัย เบ้าจรรยา ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทยเข้าข่ายการกระทำความผิดมาตรา 266 มากกว่ากรณีของนายบุญจง เนื่องจากไปของบประมาณจากกระทรวง พม. จำนวน 200,000 บาท โดยอ้างว่าจะนำไปสงเคราะห์ให้กับผู้ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุอุทกภัย ซึ่งนายสุรชัยได้ใช้บ้านพักของตัวเองเป็นที่แจกจ่ายเงินดังกล่าว โดยมีการหาเสียงให้ชาวบ้านที่มารับเงินสนับสนุนผู้สมัครสมาชิกสภาเทศบาล ต.บ้านต้น อ.พระยืน จ.ขอนแก่น รายหนึ่งซึ่งเป็นผู้ใกล้ชิดนายสุรชัยด้วย


"ประชาชนที่รับเงินไม่ใช่ชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนจากน้ำท่วม แต่ส่วนใหญ่เป็นคนที่อยู่ในเขตเทศบาลที่มีการแข่งขันเลือกตั้งสมาชิกเทศบาลในขณะนั้น เรื่องนี้ผมมีหลักฐานเป็นวีซีดีบันทึกภาพเคลื่อนไหวอย่างชัดเจน อยู่ระหว่างการสอบสวนของตำรวจและ กกต.จังหวัดขอนแก่น"
นายปัญญากล่าวอีกว่า ทั้งนี้หาก กกต.จังหวัดขอนแก่นมีมติว่านายสุรชัยกระทำความผิดจริง ตัวแทนกลุ่มเพื่อนเนวินจะดำเนินการยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช.ไต่สวนหาข้อเท็จจริง


ปชป.ส่งนักกม.ช่วย "เนวิน"หัวเราะ


นายปัญญากล่าวว่า กลุ่มเพื่อนเนวินจะสนับสนุนให้นายบุญจงทำหน้าที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการมหาดไทยต่อไปจนครบวาระ และจะมั่นคงทำงานช่วยรัฐบาลต่อไป กรณีนี้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เข้าใจดี ไม่มีปัญหา ทั้งนี้พรรคประชาธิปัตย์ได้ให้นักกฎหมายของพรรคมาช่วยให้คำปรึกษาด้านกฎหมายในกรณีดังกล่าวกับกลุ่มเพื่อนเนวินด้วย สำหรับนายเนวินไม่ได้วิตกอะไร แต่หัวเราะเล็กน้อย เพราะทุกคนเข้าใจว่าพรรคฝ่ายค้านจะต้องหาเหตุไปเรื่อยๆ


"เฉลิม"แกนนำล่าชื่อถอด "บุญจง"


ขณะที่นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงความคืบหน้าการรวบรวมรายชื่อ ส.ส.เพื่อถอดถอนนายบุญจงว่า ทาง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย และประธาน ส.ส.ในสภา และนายวิทยา บุรณศิริ ส.ส.พระนครศรีอยุธยา และประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) รับไปดำเนินการ ล่าสุดพูดคุยกับนายวิทยา ยืนยันว่าเรื่องจำนวน ส.ส.ที่จะเข้าชื่อนั้นไม่มีปัญหา และจะสามารถยื่นต่อประธานสภาได้ในเร็วๆ นี้


นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า ในวันที่ 29 มกราคม เวลา 10.00 น. พรรคเพื่อไทยจะเข้ายื่นหนังสือและหลักฐานต่อ กกต.ในกรณีดังกล่าว เพราะการกระทำของนายบุญจงเข้าข่ายการการทำความผิดมาตรา 266 ด้วย ซึ่งหาก กกต.มีมติว่านายบุญจงมีความผิดจริงจะส่งผลให้หมดสมาชิกภาพการเป็น ส.ส. มีความมั่นใจว่าหลักฐานใหม่ที่พรรคได้รับมาจากประชาชนผู้หวังดีมีรายละเอียดที่ชัดเจนเอาผิดได้อย่างแน่นอน


"วิฑูรย์" หน้าซีดขู่ฟ้องฝ่ายค้าน


ที่ทำเนียบรัฐบาล เวลา 09.00 น. นายวิฑูรย์ นามบุตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวก่อนประชุมคณะรัฐมนตรี ชี้แจงกรณีมอบถุงยังชีพข้างในมีปลากระป๋องเน่าให้ผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่ จ.พัทลุง เป็นครั้งแรกหลังพยายามหลบหน้าสื่อมาหลายวันว่า ยืนยันพร้อมรับการตรวจสอบจาก ป.ป.ช.หากพรรคเพื่อไทยร้องเรียนไป เพราะเชื่อว่าไม่ได้ทำอะไรผิด ก่อนหน้านี้แสดงความบริสุทธิ์ใจด้วยการตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 2 ชุด ให้ตรวจสอบคุณภาพของที่นำมาบริจาค และให้หาที่มาว่าของที่นำไปแจกที่ จ.พัทลุง มาอย่างไร และยังยื่นหนังสือให้คณะกรรมาธิการของสภารวมถึงสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และสำนักงบประมาณเข้ามาตรวจสอบในเรื่องนี้ด้วย เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน


นายวิฑูรย์กล่าวด้วยสีหน้าซีดเซียวว่า สาเหตุที่ไม่ออกมาให้ข่าวก่อนหน้านี้เพราะไม่อยากให้ประชาชนเกิดความสับสน เพราะขณะนี้มีการบิดเบือนข้อมูลด้วยการเอาอักษรย่อของชื่อมาพูด ซึ่งถ้าพูดเท็จตนจะหาช่องทางฟ้องร้อง ทั้งนี้ เตรียมข้อมูลที่จะนำไปชี้แจงในสภาหากฝ่ายค้านสงสัยแล้ว มีหลักฐานเอกสารยืนยันข้อมูล ผู้สื่อถามว่า ฝ่ายค้านระบุว่า นายวิเชน สมมาต ที่เคยอ้างว่าเป็นผู้บริจาคปลากระป๋องไม่มีตัวตน นายวิฑูรย์กล่าวว่า ให้เวลาคณะกรรมการตรวจสอบ ทุกอย่างจะกระจ่าง


ไม่เชื่อ "สุทัศน์" ให้ข้อมูลโจมตี


เมื่อถามถึงเงินของกระทรวงที่นายบุญจงนำไปแจกประชาชนในพื้นที่ นายวิฑูรย์กล่าวว่า ให้เจ้าหน้าที่หาข้อมูลว่าที่ผ่านมามีการแจกเงินให้ประชาชนไปกี่จังหวัด ใช้งบฯเท่าไหร่ ใช้จ่ายอย่างไร ทั้งก่อนและหลังตนเข้ารับตำแหน่ง โดยให้รายงานกลับมาในวันที่ 29 มกราคมเพื่อเอาไว้ชี้แจงถ้าฝ่ายค้านอภิปราย
ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทยให้ข่าวว่า นายสุทัศน์ เงินหมื่น ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ให้ข้อมูลกับฝ่ายค้านเพื่อใช้อภิปรายไม่ไว้วางใจ เนื่องจากมีความขัดแย้งกันนั้น นายวิฑูรย์กล่าวว่า ไม่ได้ขัดแย้งกับนายสุทัศน์และไม่เชื่อว่าจะมีคนในพรรคนำข้อมูลไปให้กับฝ่ายค้านนำมาอภิปรายโจมตีคนในพรรคเดียวกันเอง


"สุทัศน์" ซัดพท.ตอกลิ่มขัดแย้ง


ด้านนายสุทัศน์ เงินหมื่น กล่าวว่า เป็นการตอกลิ่มเพื่อให้เกิดความขัดแย้ง ยืนยันว่าตนกับนายวิฑูรย์ไม่ได้มีความขัดแย้งกัน วันที่ 27 มกราคมยังคุยกันอยู่เลย ส.ส.ข้าวเหนียวพรรคนี้ปั้นแน่น ไม่มีทางแตกแน่นอน นอกจากนี้ เรื่องปลากระป๋อง พรรคเพื่อไทยยังเปิดประเด็นเองและเหตุเกิดใน จ.พัทลุง จะไปมีข้อมูลได้อย่างไร แล้วถ้านายวิฑูรย์หลุดจากตำแหน่งตนจะได้อะไร เพราะไม่หวังตำแหน่งรัฐมนตรีหรือผลักดันให้คนอื่นขึ้นเป็นรัฐมนตรีอยู่แล้ว


นายสุทัศน์กล่าวว่า พรรคไม่ได้ลอยแพนายวิฑูรย์ วันก่อน ยังเชิญ ส.ส.อีสาน ทั้งนายวิฑูรย์ นายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ ส.ส.สัดส่วน นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.สัดส่วน นายอิสสระ สมชัย ส.ส.อุบลราชธานี มาพูดคุยเรื่องนี้แต่ที่ไม่ออกมาชี้แจงแทนเพราะเห็นว่ารัฐมนตรีน่าจะรู้เรื่องนี้ดีที่สุด พร้อมแนะนำว่าถ้าสื่อลงข่าวไม่ถูกต้องก็น่าจะฟ้องร้องได้
"เรื่องนี้ถ้าโปร่งใส ส.ส.อีสานก็พร้อมชี้แจงร่วมกับนายวิฑูรย์ แต่ถ้ามีการทุจริตเกิดขึ้น เชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์คงไม่เอาไว้แน่" นายสุทัศน์กล่าว


ปชป.อักษร "จ." ปฏิเสธวุ่น


ส่วนกรณีที่มีข่าวว่า ส.ส.ปชป.ชื่อย่อ "จ." มีโรงงานปลากระป๋องอยู่ใน จ.สมุทรสาคร โดยให้เพื่อนสนิทชื่อ "ชาตรี" เป็นเจ้าของแทน และยังมี ส.ส.หญิง ภาคอีสาน ปชป.อักษรย่อ "ร." ที่เข้าไปเป็นเจ้าแม่ พม. เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวด้วยนั้น นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวปฏิเสธว่า "จ." ไม่น่าจะหมายถึงตน เพราะไม่เคยมีบ้านในจังหวัดสมุทรสาคร และ จ.ที่พรรคเพื่อไทยพูดถึงน่าจะเป็น จ. ที่อยู่ในสงขลามากกว่า
ด้านนายเจือ ราชสีห์ ส.ส.สงขลา ปชป.ปฏิเสธสั้นๆ ว่า ไม่มีโรงงานปลากระป๋อง และตนก็ไม่มีเพื่อนสนิทชื่อชาตรี ที่จริงตนไม่อยากร้อนตัวเป็นข่าวเพื่อให้ พท.ใช้ปั่นกระแสเล่น เพียงแต่ตั้งข้อสังเกตว่าถ้า พท.มีข้อมูลคงพูดชื่อจริงนามสกุลจริงไปนานแล้ว


พท.แฉอีกแจกหมูหยอง3จว.ใต้


วันเดียวกัน นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย เปิดเผยถึงความไม่ชอบมาพากลกรณีถุงยังชีพของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์อีกว่า ได้ตรวจสอบพบว่า ถุงยังชีพที่กระทรวง พม. จัดส่งไปช่วยเหลือชาวบ้านที่ ต.ชัยบุรี อ.เมือง จ.พัทลุง ล็อตแรก 1,500 ชุด และล็อตที่สองอีก 3,500 ชุด นอกจากมีปลากระป๋องเน่ายี่ห้อ "ชาวดอย" ยังพบว่ามีหมูหยองรวมอยู่ด้วย แต่เมื่อตกเป็นข่าวตั้งแต่ล็อตแรกจึงรีบแก้ไขนำออกจากถุงยังชีพล็อตที่สอง ซึ่งรวมถึงอีก 15,000 ชุดที่เตรียมส่งช่วยเหลือประชาชน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จังหวัดละ 5,000 ชุด ก็มีหมูหยองด้วย แต่ได้มีการระงับและรีบแก้ไขนำออกจากถุงยังชีพและจัดส่งหมูหยองไปช่วยเหลือชาวบ้านที่ จ.อุบลราชธานี และ จ.ยโสธร ซึ่งเป็นพื้นที่หาเสียงแทน


เชื่อเลี่ยงให้แต่ละจว.ซื้อวิธีพิเศษ


นายพร้อมพงศ์กล่าวด้วยว่า สำหรับร่องรอยของปลากระป๋องเน่า "ชาวดอย" ที่อ้างว่าส่งคืนกลับกระทรวงการพัฒนาสังคมฯนั้น ยังไม่ทราบว่าสิ่งของทั้งหมดอยู่ที่ไหน เท่าที่ทราบจำนวน 15,000 ชุดที่เตรียมนำไปแจกประชาชนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และนำหมูหยองออกนั้น แหล่งข่าวแจ้งว่า ถูกนำไปไว้ที่ จ.ราชบุรี แต่ไม่สามารถระบุสถานที่ชัดเจนได้ เพื่อป้องกันไม่ให้ของกลางถูกเคลื่อนย้ายออกไปอีก


"ถุงยังชีพของกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ที่นายวิฑูรย์อ้างว่า รับบริจาคมานั้น น่าจะเป็นการจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีพิเศษ โดยแยกย่อยให้แต่ละจังหวัดจัดซื้อด้วยวิธีพิเศษ ซึ่งการแยกย่อยรายจังหวัดทำให้ตัวเลขงบประมาณดูไม่สูง ดำเนินการได้โดยไม่ต้องมีการประมูล กรณีที่นายวิฑูรย์ได้ยื่นข้อมูลให้ ป.ป.ช.สภาผู้แทนราษฎร ตรวจสอบ กรรมการก็มีคนของพรรคประชาธิปัตย์ร่วมอยู่ด้วย เป็นการฟอกช่วยเหลือไม่ให้รัฐบาลได้รับผลกระทบมากกว่า" นายพร้อมพงศ์กล่าว


โอ่มีหลักฐานเด็ดยื่นป.ป.ช.


นายพร้อมพงศ์ยังกล่าวถึงกรณีที่นายวิฑูรย์จะฟ้องร้องการเปิดชื่อย่อว่า ขอท้ากลับไปยังนายวิฑูรย์ให้ฟ้องร้องตนได้ทันที เพื่อที่จะได้เปิดชื่อผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดในชั้นศาล ขณะนี้ พท.มีหลักฐานพร้อมยื่นต่อ ป.ป.ช.เพื่อไตร่สวนเอาผิดนายวิฑูรย์ โดยการยื่นหนังสือต่อ ป.ป.ช.หลังจากกรณีที่นายวิฑูรย์ชี้แจงข้อเท็จจริงเรื่องปลากระป๋องเน่า รวมไปถึงเจ้าแม่กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ที่ชื่อเล่น "บ.ใบไม้"และเป็น ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ไปก้าวก่ายโดยใช้อำนาจไปหาประโยชน์ซึ่งถือเป็นการทำความผิดตามมาตรา 266 ซึ่ง พท.เอาผิดกราวรูดกับคนที่เกี่ยวข้องทั้งหมดรวมไปถึงข้าราชการที่ให้ความช่วยเหลือนักการเมืองอย่างผิดๆ ด้วย


ปลัดพม.ชิ่งสื่ออ้างติดประชุม


ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อสอบถามพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดพัทลุง ถึงปลากระป๋องเน่าที่ชาวบ้านนำมาคืน ได้รับแจ้งว่า มีบริษัทเอกชนเป็นผู้รับไป แต่ไม่สามารถเปิดเผยชื่อได้ และไม่รู้ว่าของกลางถูกนำกลับไปคืนไว้ที่ใดแน่ ขณะที่หน่วยงานในส่วนกลางก็ไม่มีผู้ใดกล้าออกมาให้รายละเอียดถึงปลากระป๋องเน่าว่าถูกนำไปเก็บไว้ที่ใด


ผู้สื่อข่าวพยายามติดต่อขอสัมภาษณ์นายวัลลภ พลอยทับทิม ปลัดกระทรวง พม. ถึงข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างและการรับบริจาคของช่วยเหลือชาวบ้านย้อนหลัง 3 ปี ตามที่นายวิฑูรย์สั่งให้รวบรวม แต่ได้รับการปฏิเสธ โดยอ้างว่ากำลังติดประชุม เช่นเดียวกับนางพนิตา กำภู ณ อยุธยา อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ซึ่งถูกระบุว่าเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบนำกระเป๋านักเรียนวันเด็กไปแจกรวมถึงเงินสงเคราะห์สวัสดิการช่วยเหลือชาวบ้าน ได้ปิดโทรศัพท์ไม่สามารถติดต่อได้


แจ้งความรง.ปลากระป๋อง "ชาวดอย"


นายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า เบื้องต้นให้เจ้าหน้าที่ สธ.เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษบริษัท ทองกิ่งแก้ว ฟู้ด ผู้ผลิตปลากระป๋อง"ชาวดอย" และเจ้าของบริษัท ในข้อหาปลอมแปลงอาหาร และผลิตอาหารที่ไม่มีคุณภาพ นอกจากนี้ พบว่าบริษัทดังกล่าวจดทะเบียนผลิตอาหารกระป๋องไว้อีก 15 ฉลาก สธ.กำลังตรวจสอบว่า ทั้ง 15 ฉลากผลิตและจำหน่ายไปจำนวนเท่าไหร่ และให้เจ้าหน้าที่เรียกเก็บสินค้าทั้ง 15 ฉลากออกจากร้านค้าทั้งหมด รวมถึงให้หยุดผลิต และตรวจสอบที่มาของการผลิตอีกด้วย

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker