ที่มา ไทยรัฐ
ยังไงเสียรัฐบาลก็หนีความรับผิดชอบไปไม่พ้น เพราะมีเสียงมากกว่าฝ่ายค้าน หากเข้าประชุมครบจำนวนแม้ฝ่ายค้านจะไม่เข้าประชุมก็ไม่มีปัญหา การประชุมล่มเมื่อวันพฤหัสฯที่ผ่านมาทำให้การพิจารณากฎหมายที่สำคัญต้องเสียเวลาไปโดยใช่เหตุ
ส.ส.รัฐบาลมี 254 คน ปรากฏว่าเข้าร่วมประชุมแค่ 219 คน หายไป 35 คน เมื่อมีการนับองค์ประชุมจึงไม่ถึงกึ่งหนึ่งคือ 228 คน ทั้งนี้ เพราะปรากฏว่าฝ่ายค้านก็เข้าประชุมไม่ครบ พรรคเพื่อไทยมี ส.ส. 183 คน ขาดไป 180 คน เข้าประชุมแค่ 3 คน พรรคประชาราช มี ส.ส. 9 คน ขาดประชุมไป 8 คน
นอกจากนั้น ส.ส.ที่ยังไม่สังกัดพรรคชัดเจนจาก 10 คน ขาดประชุมไป 9 คน
ประชาธิปัตย์พรรคแกนนำรัฐบาลซึ่งมี ส.ส. 171 คน ปรากฏว่าขาดประชุมไป 15 คน ว่ากันว่าในส่วนที่ขาดไปนั้นเป็น ส.ส.ที่ไม่ พอใจการแต่งตั้งรัฐมนตรีส่วนหนึ่ง จะเป็นเพราะเจตนาหรืออุบัติเหตุไม่ทราบได้ แต่ที่แน่นอนก็คือปัญหาลึกๆในพรรคนี้ยังไม่จบ
“สภาล่ม” ครั้งนี้แน่นอนว่าส่วนหนึ่งเป็นเกมของฝ่ายค้านที่ให้มีการนับองค์ประชุม เมื่อเห็นว่า ส.ส.ไม่น่าจะครบองค์ประชุม ทำให้การดำเนินการในสภาเกิดปัญหา แต่ทั้งหลายทั้งปวงอย่างที่ว่าไว้ หาก ส.ส.รัฐบาลมากันครบก็ไม่มีปัญหา
จริงๆแล้วประชาธิปัตย์จะเน้นงานในสภามาตลอด นายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรค ย้ำนักย้ำหนามาตลอดให้ ส.ส.มาประชุม ให้รัฐมนตรีเข้าประชุม แม้แต่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ก็ประกาศไว้เช่นกัน
แต่เมื่อมาเจอแบบนี้ก็เท่ากับเป็นการ “เสียหน้า” ที่ไม่สามารถควบคุม ส.ส.รัฐบาลทั้งประชาธิปัตย์และพรรคร่วมรัฐบาลได้
หลังสภาล่มครั้งนี้ดูเหมือนว่าประชาธิปัตย์จะกังวลมากที่สุด และกำลังหาวิธีจัดการกับปัญหานี้ด้วยการจัดเลี้ยง ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลเพื่อให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และยังจะตั้งทีม 35 คน เพื่อควบคุม ส.ส.รัฐบาลไม่ให้แตกแถวให้มาประชุมสภา
ถ้าว่าให้ถึงที่สุดแล้วน่าจะเป็นความประมาทของรัฐบาลมากกว่า และ ส.ส.ก็คงไม่คิดว่าจะเกิดปัญหา เพราะการพิจารณากฎหมายที่ไม่สำคัญนักและน่าจะผ่านไปได้ ถือโอกาสโดดประชุมกลับบ้านไปหาเสียงรับเทศกาลตรุษจีน ไม่คิดว่าฝ่ายค้านจะเล่นแรงแบบนี้
เป็นการขาดความรับผิดชอบที่ควรสำเหนียก
อย่างไรก็ดี การประชุมสภาในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติจึงควรให้ความสำคัญ เพราะนอกจากจะเป็นการพิจารณาผ่านร่างกฎหมายต่างๆซึ่งเป็นหน้าที่โดยตรง จึงต้องให้ความสำคัญ เพราะสภาเป็นเวทีที่จะแก้ปัญหาต่างๆได้
หากไม่ให้ความสำคัญก็จะเกิดปัญหาโดยเฉพาะเมื่อมีปัญหาการเมืองที่จะแก้กันตรงนี้ แต่เมื่อไม่ให้ความสำคัญอย่างที่ควรจะเป็น สภาก็เลยไร้ความหมายไปทันที โดยเฉพาะผู้นำประเทศที่ผ่านมาหลายคนจะให้ความสำคัญต่อสภาน้อยมาก
ถ้าไม่จำเป็นไม่ยอมมาร่วมประชุมสภา
ดังนั้น หากรัฐบาลไม่เร่งแก้ปัญหานี้ ไม่สร้างความเข้าใจ ไม่สร้างสำนึกร่วม โอกาสที่จะเกิดสภาล่มมีอีกแน่ ยิ่งถ้าไปเจอกฎหมายสำคัญๆมีสิทธิ์เจ๊งเอาได้ง่ายๆ
ฝ่ายค้านนั้นมีเป้าหมายชัดเจนเพื่อไม่ให้รัฐบาลทำงานได้สะดวก จึงต้องใช้รูปแบบและวิธีการต่างๆ และหากรัฐบาลเกิดสภาล่มบ่อยๆจนเดินหน้าไม่ได้ก็จะเข้าทางฝ่ายค้านที่เสนอให้
ยุบสภา เพราะเสียงสนับสนุนรัฐบาลปริ่มน้ำ ทำให้งานในสภาเกิดอุปสรรคเดินหน้าไปไม่ได้ เรียกว่าเข้าทาง คือไม่ชอบธรรม
เมื่อถึงจุดนี้ก็พอกันแหละครับ...รัฐบาลก็ขาดความรับผิดชอบ แต่ฝ่ายค้านก็เล่นเกมการเมืองเพื่อเอาชนะคะคานคับแค้นอยู่อย่างเดียว
แบบนี้ถ้าจะอยู่กันลำบากเสียแล้ว.
“สายล่อฟ้า”