บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันเสาร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

ต้องหยุดการก่อการร้ายของแกนนำพันธมิตรก่อนชาติจะล่มจมมากกว่านี้


ไม่ว่าแกนนำพันธมิตรฯจะใช้ข้ออ้างใดในการบุกยึดสถานที่ราชการหรือปิดถนนก็ตาม จะเห็นว่าการกระทำต่างๆ ล้วนแล้วแต่ละเมิดหลักการขั้นพื้นฐานของรัฐธรรมนูญที่ไปละเมิดสิทธิบุคคลอื่นทั้งสิ้น แต่ที่รุนแรงและรับไม่ได้เลยก็คือการยึดสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิและดอนเมือง ซึ่งผมเห็นว่า น่าจะเข้าข่ายการก่อการร้ายแล้วตามคำอธิบายของศูนย์ศึกษาการก่อการร้าย (Terrorism Studies Center) ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ Thai E-News ซึ่งได้อรรถาธิบายไว้ว่า



ก.การก่อการร้ายสากล


-ความหมายของคำว่าการก่อการร้ายสากล
ในการประชุมสมัชชาองค์การสหประชาชาติ เมื่อเดือนธันวาคม ๒๕๑๕ คณะกรรมการร่างกฎหมายองค์การสหประชาชาติกำหนดว่า “การก่อการร้ายสากล” เป็นการกระทำที่


๑) มุ่งกระทำต่อบุคคลซึ่งอยู่ภายใต้ความคุ้มครองของกฎหมายระหว่างประเทศ เช่น ผู้นำของรัฐ หรือ

นักการทูต
๒) เป็นสลัดอากาศกระทำต่อเครื่องบินโดยสารพลเรือน
๓) ส่งผู้ก่อการร้ายไปปฏิบัติการนอกประเทศ
๔) ใช้ชีวิตมนุษย์ผู้บริสุทธิ์เป็นเครื่องมือของการก่อการร้าย


รัฐบาลไทยกำหนดนิยามคำว่าการก่อการร้ายสากลไว้ในนโยบายการแก้ปัญหาการก่อการร้ายสากลว่า เป็นการปฏิบัติการคุกคาม หรือใช้ความรุนแรงของบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่มุ่งหวังผลตามเงื่อนไขข้อเรียกร้องทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ซึ่งส่วนใหญ่จะปฏิบัติการล่วงล้ำเขตแดนหรือเกี่ยวพันกับชาติอื่น การกระทำนั้นอาจเป็นไปโดยเอกเทศปราศจากการสนับสนุนจากรัฐใด หรือมีรัฐใดรัฐหนึ่งสนับสนุนรู้เห็นก็ได้ เมื่อเกิดขึ้นย่อมมีผลกระทบโดยตรงต่อผลประโยชน์ของชาติ พันธกรณีระหว่างประเทศ นโยบายของชาติด้านการเมือง การป้องกันประเทศ เศรษฐกิจ สังคม จิตวิทยา ชื่อเสียง และเกียรติภูมิของชาติ


ข.ลักษณะพิเศษของการก่อการร้ายสากล
๑) ผู้ก่อการร้ายอาจไม่เคยมีความบาดหมางและไม่เคยมีความสัมพันธ์มาก่อนกับฝ่ายปราบปรามหรือรัฐที่ทำการปราบปราม แต่ต้องการให้รัฐนั้นปฏิบัติตามหรือจัดให้มีการปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ตนต้องการ เงื่อนไขดังกล่าวอาจมีผลกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐนั้นหรือความสัมพันธ์กับรัฐอื่น หรือทำให้ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ชื่อเสียง และเกียรติภูมิของชาติเสียหาย


๒) การก่อการร้ายจะทำให้เกิดการตื่นตระหนกจนควบคุมสถานการณ์ได้ยาก อาจมีการใช้เด็กและผู้หญิงเป็นตัวประกัน ถ้าไม่ยอมทำตามข้อเรียกร้องอาจเกิดอันตรายแก่ตัวประกัน แต่ถ้ายอมทำตามข้อเรียกร้องอาจขัดต่อนโยบายของชาติ และกระทบกระเทือนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ การใช้กำลังเข้าปราบปรามอาจเกิดความผิดพลาด ทำให้เสียชีวิตผู้บริสุทธิ์ สื่อมวลชนจะประโคมข่าวโจมตีปฏิบัติการปราบปราม จนอาจทำให้เจ้าหน้าที่ผู้ปราบปรามต้องโทษถูกจำคุก


๓) ผู้ก่อการร้ายจะกระทำต่อเป้าหมายด้วยวิธีการที่ตนต้องการโดยไม่คำนึงว่าประชาชนผู้บริสุทธิ์เป็นชนชาติใดและทรัพย์สินเป็นของชาติใด เช่น การปล้นยึดอากาศยานจะมีหลายชาติเกี่ยวข้องด้วย ไม่ว่าจะเป็นลูกเรือ ผู้โดยสาร เครื่องบิน สนามบินที่แวะเติมเชื้อเพลิง สนามบินที่จี้ไปลง ฯลฯ ประชาชนผู้บริสุทธิ์มีความผิดเพียงสถานเดียวคืออยู่ผิดสถานที่และเวลา


๔) การแก้ไขสถานการณ์การก่อการร้ายสากลมีกฎหมายเข้าเกี่ยวข้องมากมาย ตั้งแต่กฎหมายภายในประเทศ กฎหมายระหว่างประเทศ ความตกลงทวิภาคี ไปจนถึงความตกลงพหุภาคี

การแก้ไขวิกฤตการณ์จึงต้องให้หัวหน้ารัฐบาลเป็นผู้ตัดสินใจสั่งการ


๕) ในวิกฤตการณ์การก่อการร้ายสากลจะมีสื่อมวลชนจำนวนมากและทุกแขนงมาชุมนุมกันทำข่าว และจะหาวิธีเข้าไปใกล้เหตุการณ์ให้มากที่สุด ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการปราบปราม และในทางตรงกันข้ามจะเกื้อกูลต่อฝ่ายผู้ก่อการร้าย โดยผู้ก่อการร้ายสามารถสดับตรับฟังความเคลื่อนไหวและเห็นภาพการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ประการหนึ่ง และอีกประการหนึ่งผู้ก่อการร้ายย่อมปรารถนาจะให้สื่อมวลชนกระจายข่าวการกระทำ ข้อเรียกร้องและอุดมการณ์ของกลุ่มไปสู่ชาวโลก


๖) การแก้ไขวิกฤตการณ์การก่อการร้ายสากลต้องการความมีเอกภาพในการตัดสินใจและสั่งการเป็นที่สุด ผู้รับผิดชอบแก้ไขการณ์จะต้องมีเสรีในการตัดสินใจโดยไม่ถูกแทรกแซงจากผู้อื่นหรือหน่วยงานอื่น มิฉะนั้นจะเกิดการลังเลใจ การเสียเวลา และการพลาดจังหวะจัดการขั้นเด็ดขาดเมื่อโอกาสมาถึง


ค. วัตถุประสงค์การก่อการร้าย
ค.๑ วัตถุประสงค์ในระยะสั้น (Immediate goals)
ค.๑.๑ สร้างการยอมรับของการกระทำในระดับท้องถิ่น ระดับชาติ หรือนานาชาติ
ค.๑.๒ สร้างสถานการณ์ให้รัฐบาลตอบโต้ กระทำรุนแรงเกินเหตุ และกำหนดข้อจำกัดต่าง ๆ
ซึ่งจะนำไปสู่ความไม่พอใจของสาธารณชน
ค.๑.๓ รบกวน ทำให้อ่อนกำลังหรือสร้างความอับอายให้รัฐบาล กำลังทหารหรือหน่วยรักษาความ

ปลอดภัยอื่น ๆ
ค.๑.๔ แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลขาดความสามารถในการปกป้องพลเมือง นักการทูตหรือชาวต่างชาติ
ค.๑.๕ รวบรวมเงินทุนและยุทโธปกรณ์
ค.๑.๖ ขัดขวางและทำลายระบบสื่อสารคมนาคม
ค.๑.๗ แสดงพลังและภัยคุกคามที่น่ากลัว
ค.๑.๘ ขัดขวาง หรือก่อให้เสียเวลาในการตัดสินใจในระดับรัฐบาล ระดับชาติ
ค.๑.๙ ก่อให้เกิดการนัดหยุดงาน หรือทำงานให้ช้าลง
ค.๑.๑๐ ทำให้การลงทุนหรือการช่วยเหลือจากต่างชาติหยุดชะงัก
ค.๑.๑๑ สร้างอิทธิพลต่อการเลือกตั้ง
ค.๑.๑๒ ปลดปล่อยนักโทษ
ค.๑.๑๓ สนองแรงจูงใจในการแก้แค้น


ค.๒ วัตถุประสงค์ระยะยาว (Long-range goals)
ค.๒.๑ ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างสำคัญในระดับรัฐบาล เช่นการปฏิวัติ สงครามกลางเมืองหรือ

สงครามระหว่างชาติ
ค.๒.๒ ให้มีอิทธิพลในท้องถิ่น ระดับชาติ หรือระหว่างชาติ ในการตัดสินใจนโยบายสำคัญ ๆ และ

ประชามติ
ค.๒.๓ ให้ได้รับการยอมรับในทางการเมือง ในฐานะผู้แทนที่ชอบธรรมของกลุ่มชนของชาติหรือกลุ่ม

การเมือง


ง.ขั้นตอนของการก่อการร้ายสากล
การก่อการร้ายสากลส่วนใหญ่ มักจะเป็นการกระทำเพื่อบีบบังคับรัฐบาลของประเทศใดประเทศหนึ่งให้ปฏิบัติตามความต้องการของตนโดยพฤติการณ์ต่างๆ เช่น การจี้เครื่องบิน, การก่อวินาศกรรม, การลอบสังหาร และการลักพาตัว เป็นต้น แต่สิ่งที่ผู้ก่อการร้ายจะต้องกำหนดไว้ในขั้นต้น คือ เป้าหมายของการก่อการร้ายซึ่งจะเป็นเครื่องบังคับหรือต่อรองให้ได้ผลมากที่สุด


จ.เป้าหมายในการก่อการร้าย อาจแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ
1. เป้าหมายที่ดำเนินการแล้วเกิดผลกระทบรุนแรง อาทิ สถานที่ราชการ, บุคคลที่สำคัญของรัฐ และบุคคลสำคัญต่างชาติที่พำนักอยู่ในประเทศหรือเดินทางผ่าน


2.เป้าหมายที่ดำเนินการแล้วเกิดผลกระทบเล็กน้อยแต่มีผลทำให้มวลชนเสื่อมศรัทธาต่อรัฐที่ไม่สามารถให้ความคุ้มครองได้ อาทิ สถานีตำรวจ, กิจการขนส่งมวลชน, คลังสินค้า เป็นต้น


ฉ. เป้าหมายผู้ก่อการร้าย
๑. เป้าหมายทางทหาร ได้แก่ ทหาร, ที่ตั้งทางทหาร, อาวุธ, กระสุน/วัตถุระเบิด, ศูนย์เครือข่ายคอมพิวเตอร์, สถานที่พักผ่อน รถโรงเรียน เป็นต้น


๒. เป้าหมายทางพลเรือน ได้แก่ ระบบพลังงานและวิศวกรรม (เขื่อน, โรงไฟฟ้า, บ่อขุดเจาะน้ำมัน, ท่อส่งน้ำมัน/ก๊าซ, โรงน้ำมัน ฯลฯ) ระบบคมนาคม (เส้นทางรถไฟ, ท่ารถ, ท่าเรือ, สนามบิน ฯลฯ) ระบบการติดต่อสื่อสาร (เครื่องมือ/อุปกรณ์การติดต่อสื่อสาร, ศูนย์คอมพิวเตอร์ ฯลฯ) และบุคคลสำคัญ (จนท.รัฐ/สถานทูต, ตำรวจ, จนท.ติดต่อประสานงาน ฯลฯ)


ช. เครื่องมือต่อต้านลัทธิการก่อการร้าย
การโจมตีทางทหารนับเป็นมาตรการต่อต้านการก่อการร้ายที่มีความศักดิ์สิทธิ์ที่สุด และเป็นวิธีที่แสดงถึงความมุ่งมั่นในการเอาชนะผู้ก่อการร้ายมากที่สุด




จากที่กล่าวมาทั้งหมดนี้จะเห็นได้ว่าการกระทำของพันธมิตรนั้นเข้าข่ายของการกระทำที่เป็นการก่อการร้ายแล้ว และวิธีการที่หยุดยั้งการก่อการร้ายที่ว่านี้ ต้องใช้ยุทธวิธีทางทหารเท่านั้น และต้องเป็นยุทธวิธีทางทหารที่ชอบด้วยกฎหมาย มิใช่การปฏิวัติรัฐประหารซึ่งเป็นวิธีการที่ผิดกฎหมาย


ไม่ว่านายกรัฐมนตรีจะชื่อสมชาย ทักษิณ สนธิ หรือจำลอง หรือไม่ก็ตาม เมื่อเหตุการณ์ถึงขั้นยึดสนามบินนานาชาติสร้างความพินาศย่อยยับให้กับประเทศชาติอย่างประเมินค่ามิได้ ผู้ที่เป็นหัวหน้ารัฐบาลและเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจ ซึ่งถือว่าเป็นกลไกของรัฐในฐานะพนักงานเจ้าหน้าที่จะนิ่งเฉยดูดายปล่อยให้ประเทศย่อยยับไปกับตาต่อไปไม่ได้แล้ว


มิฉะนั้นแล้วตราบาปก็จะติดตัวท่านตลอดไปในฐานที่ปล่อยให้ประเทศล่มจมด้วยการ ละเว้นต่อการปฏิบัติหน้าที่ของท่านนั่นเอง

ที่มา ประชาไท http://www.prachatai.com/05web/th/home/14643
จาก thaifreenews

Exclusive: Thaksin on today's Thai crisis

ข่าวจาก มติชนออนไลน์

ชีวิตเหมือนฝัน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศ เตือนหากทำรัฐประหารจะเกิดเหตุนองเลือดและสถานการณ์ร้ายกว่าที่ผ่านมา บอกบางทีชีวิตก็เหมือนฝันไป มีเรื่องแปลกประหลาดเกิดขึ้นมากมาย เมื่อวันที่ 28 พ.ย.

http://www.youtube.com/watch?v=WjZh1rhNpbk





"ทักษิณ"เปิดฉากให้ตัวเองอีกระลอก ให้สัมภาษณ์สื่อเทศ กรณีม็อบพันธมิตรฯบุกยึดพื้นที่สองสรามบินหลัก เรียกร้องให้ทุกฝ่ายเคารพกฎหมาย ระบุถ้าทำรัฐประหาร จะนองเลือดกว่าที่ผ่านมา การรักษาประชาธิปไตยอาจต้องเจ็บปวดเช่นตัวเอง

ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศอีกครั้ง สำหรับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัต อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งขณะนี้ต้องคดีและหลบหนีไปอยู่ต่างประเทศ โดยเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน นายโธมัส แครมป์ตัน อดีตผู้สื่อข่าวของหนังสือพิมพ์อินเตอร์เนชันแนล เฮรัลด์ ทริบูน (ไอเอชที) และนิวยอร์กไทม์ส ระบุว่าได้สัมภาษณ์พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรและได้โพสต์คลิปวิดีโอดังกล่าวไว้ที่เว็บไซต์ของเขาคือ http://www.thomascrampton.com

ใน การสัมภาษณ์ของ นายโธมัส แครมป์ตัน ซึ่งเกิดขึ้น คาดว่าน่าจะเป็นในโรงแรมแห่งหนึ่งในกรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน เนื่องจากอดีตผู้สื่อข่าวคนดังกล่าว ปฏิบัติงานศูนย์ข่าวประจำกรุงปักกิ่ง โดยการสัมภาษณ์ มีใจความว่า

พ.ต.ท.ทักษิณได้ออกมาเตือนกลุ่มผู้ ชุมนุมประท้วงที่ปิดสนามบินดอนเมืองและสนามบินสุวรรณภูมิว่าให้ย้ายออกไป หรือไม่ก็ต้องเตรียมพบกับผลที่จะตามมา



อดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ยังเตือนว่าหากทหารจะทำรัฐประหาร ครั้งนี้จะเกิดการนองเลือดมากกว่าคราวที่แล้ว แครมป์ตัน ระบุว่าพ.ต.ท.ทักษิณกลัดกลุ้มมากกับเหตุการณ์หลายอย่างที่เกิดขึ้นในเมือง ไทยและเขายังเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด



โดยแครมป์ตันบอกไว้ในเว็บไซต์ของเขาว่าระหว่างที่เขาคุยกับพ.ต.ท.ทักษิณนั้น พ.ต.ท.ทักษิณได้รับโทรศัพท์สอบถามถึงสถานการณ์ในเมืองไทยจากนายกรัฐมนตรีของ ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 2 คนซึ่งไม่ได้ระบุว่าเป็นใคร



ในคลิปวิดีโอ พ.ต.ท.ทักษิณได้ออกมาเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเคารพกฏหมายและเตือนว่าการพยายามทำ รัฐประหารครั้งนี้จะไม่เหมือนครั้งก่อนๆและจะทำให้สถานการณ์ออกมาเลวร้ายมาก



พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า "สนามบินจะต้องเปิดใช้อีกครั้งและกลุ่มผู้ประท้วงจะต้องไม่เพียงแต่เคารพ กฏหมายเท่านั้นแต่รวมถึงประชาชนชาวไทยด้วย หากไม่มีใครเคารพกฏหมายแล้ว จะต้องมีการบังคับใช้อย่างจริงจังตามมา นี่เป็นอันตรายมากสำหรับประเทศและจะมีผลกระทบในระยะยาวหากคนไทยไม่สามัคคี กัน กลุ่มผู้ประท้วงต้องออกจากสนามบิน และผู้ที่ไม่เคารพกฏหมายจะต้องถูกลงโทษ"



อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า "หากเกิดการรัฐประหารขึ้น จะต้องมีการนองเลือด ครั้งนี้จะไม่ง่ายเหมือนในอดีต ประชาชนชาวไทยตอนนี้พบกับความยากลำบากมากตั้งแต่เผด็จการเข้ามา"



พ.ต.ท.ทักษิณยังได้เรียกร้องให้กลุ่มผู้สนับสนุนเขา "ปกป้องประชาธิปไตย" โดยเขากล่าวว่า "หากคุณปกป้องประชาธิปไตย คุณอาจจะเจ็บปวดเป็นบางครั้ง แต่ถ้าคุณยินยอมให้เผด็จการเข้าครอบครองประเทศคุณจะต้องพบกับฝันร้ายตลอด ชีวิต"



พ.ต.ท.ทักษิณยังพูดถึงกองทัพว่า "พวกเขาเป็นเจ้าหน้าที่ที่ได้รับเงินเดือนจากภาษีของประชาชน ดังนั้นพวกเขาจะต้องทำในสิ่งที่ประชาชนทั้งประเทศต้องการ ไม่ใช่เพื่อคนกลุ่มเล็กๆ พวกเขาจะต้องเคารพประชาธิปไตย จะต้องเคารพกติกา เป็นกลางหมายถึงคุณจะต้องทำตามกฏหมาย"


พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวอีกว่า "ชีวิตผมบางทีก็เหมือนฝันไป" เขาบอกว่าเช้าวันหนึ่งเคยอยู่ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองในอังกฤษและได้รับ โทรศัพท์จากนักการเมืองไทยขอร้องให้ช่วยสนับสนุนเพื่อให้ได้ตำแหน่งทางการ เมือง ไม่กี่วันถัดมาขณะที่อยู่นอกประเทศอังกฤษ เขาก็พบว่าไม่สามารถกลับไปที่นั่นได้อีกแล้ว " บางครั้งชีวิตผมก็มีเรื่องแปลกประหลาดเกิดขึ้นมากมาย" พ.ต.ท.ทักษิณกล่าว

ยึดสุวรรณภูมิไปทำอะไร (ภาพมันฟ้อง)

เครดิต คุณมาร์ค http://www.democraticthai.com

คุณ Mapaw post ต่อที่ pantip http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E7262621/E7262621.html

รูปเพิ่มเติมดูที่ http://sites.google.com/site/lmphanthmitr/khlang-phaph




"ปะโถ่ !! อยากได้ที่ตีแบต ดูทีวี ชาร์จมือถือ ก็ไม่บอก
มาหลังบ้านอาก็ได้ ไม่ต้องไปถึงสุวรรภูมิหรอกไอ่หนู
มันเสียหายหลายแสนล้านนะเว้ย"

ด่วน !! นัดรวมพลคนเสื้อแดง ที่สนามหลวง อาทิตย์ 30 พย.51

thaienews

ที่มา รายการ ความจริงวันนี้ ทาง NBT
28 พฤศจิกายน 2551

คุณวีระ มุสิกพงศ์ ผู้ดำเนินรายการ ความจริงวันนี้
ประกาศนัดรวมพลคนเสื้อแดง
ร่วมกันปกป้องประชาธิปไตย
ที่ท้องสนามหลวง

วันอาทิตย์ที่ 30 พฤศจิกายน 2551
พร้อมกันตั้งแต่ 16.00 น. เป็นต้นไป

(ปล.อาจมีการชุมนุมยืดเยื้อ ขอให้เตรียมเสื้อผ้ามาเผื่อผลัดเปลี่ยนด้วย)

ข่าวรัฐประหารไม่ได้ทำให้กังวลกันอีกแล้ว

thaifreenews

บทความ โดย Bugbunny

ถ้ามันทำจริง พวกเราพร้อมออกมาต้านแน่นอนไหมพี่?

มิตรสหายฝ่ายทหารประชาธิปไตยผู้มียศระดับสูง แต่วัยยังหนุ่มมากคนหนึ่งโทร.ถามผม เขาเป็นหนึ่งในหลายสิบสายที่พูดคุยกับผมทางโทรศัพท์ตลอดวันที่ 26 พฤศจิกายน 2551 ที่ข่าวเรื่องรัฐประหารกระฉ่อนไปทั่ว รวมทั้งการนำรถถังออกมาเพ่นพ่านบนถนน ก่อนนายพันไก่อูจะออกมาปฏิเสธว่า แค่นำมาสาธิตให้นักเรียนเสธ.ดูเท่านั้น (เป็นข้อแก้ตัวที่น่าขบขันที่สุดอีกข้อหนึ่งของอดีตโฆษก คมช. เพราะถ้าจะดูการสาธิตปฏิบัติการของรถถังนั้น นักเรียนเสธ.ต้องไปดูที่กรมทหารม้า มันกว้างขวาง มีสนามซ้อมสนามฝึก ไม่ใช่มาดูที่วิทยาลัยเสนาธิการที่มีแต่ตึกเรียน ก็ไม่ว่ากัน)

จำได้ว่าตอบมิตรสหายผู้นั้นไปทำนองที่ว่า การไปรวมตัวกันสองสามที่ ใน กทม ช่วงเย็นและหัวค่ำนั้นเป็นแต่ซ้อมใหญ่แซมเปิ้ล ส่วนของจริงนั้นน่าจะทั่วประเทศ

ดีพี่ พวกเราออกมาเยอะ ๆ จะได้ส่งพวกซ่าแม่งเข้าตึกดินให้หมด ไอ้พวกหัวหน้ารับรองอยู่เมืองไทยไม่ได้

คือคำตอบของมิตรสหายผู้นั้น เขาชี้ว่าในทางสงครามนั้น อาวุธที่ผู้ใช้ไร้พลังศรัทธาและความเชื่อมั่นต่อภารกิจ ก็จะเป็นเพียงท่อนเหล็กท่อนหนึ่งเท่านั้น

ที่น่าสนใจก็คือ ความรู้สึกของผู้คนที่โทร.มาพูดคุยกับผม การสนทนาของคนรอบข้างและจากการสังเกตไปทั่วหลายแห่งที่ฝ่ายประชาธิปไตยยืนหยัดอยู่นั้น ผมไม่เห็นความกังวลต่อพลังอาวุธที่จะออกมาทำรัฐประหารแต่ประการใด มีแต่บรรยากาศสู้รบและพลังต่อต้านสอดประสานเป็นเสียงเดียวกันไปหมด ไม่มีใครกังวลเลยว่าจะมีการรัฐประหาร ทุกคนรับรู้ว่ามันเป็นเป้าหมายของพวกเครือข่ายเผด็จการศักดินาอำมาตย์แน่นอนที่จะใช้ยึดอำนาจรัฐ ต่างก็ร่วมใจช่วยกันนำเสนอแนวทางและยุทธวิธีสารพัดที่จะต่อสู้ บางคนเตรียมอาวุธแล้ว และทุกคนพร้อมที่จะออกไปชุมนุมต่อต้านในที่ต่าง ๆ มันผิดจากครั้งก่อน ที่แทบทุกคนไม่พูดถึงการต่อสู้ แค่แสดงอาการเซ็งและเคียดแค้นเท่านั้น ถึงวันนี้ หลังการต่อสู้กับพวก คมช. มาเป็นปี ก็ทำให้เลิกกังวลการรัฐประหารกันหมดแล้ว คิดกันแต่เพียงว่าจะตอบโต้และเอาคืนอย่างไรให้สาสมแทนต่างหาก

นี่คือสิ่งหนึ่งที่พวกอยากทำรัฐประหารห่วงอย่างมาก นอกเหนือไปจากกำลังไฟในทหารส่วนที่ไม่ใช่พวกพ้องที่อาจทำให้การต้องถล่มกันด้วยอาวุธหนักเกิดขึ้นได้ด้วย เพราะที่จริงนั้น ทหารเสือราชินีไม่ใช่หน่วยที่ทหารอื่นพอใจนัก พวกนี้เจริญก้าวหน้าแบบข้ามหัวข้ามหู ข้ามความสามารถและอาวุโส ไปเป็นใหญ่เป็นโตด้วย เส้นใหญ่ ไปตาม ๆ กัน ทหารหน่วยอื่นได้แต่น้ำท่วมปากกันมาเป็นเวลานานแล้ว นี่คือความจริงในกองทัพ

ข้อมูลเบื้องลึกก็คือ อดีตทหารเสือราชินีที่ตอนนี้มีตำแหน่งใหญ่อยู่ในกองทัพ เป็นผู้ใช้วิธีโทร.เป็นส่วนตัวไปตามลูกน้องสายตรงให้เตรียมการยึดอำนาจ อ้างว่าเพื่อต่อต้านการที่ ผบ.ทบ.จะถูกปลด และให้รอคำสั่งตอน 16.00 น. ซึ่งปรากฏว่าต่อมาก็โทร.ไปยกเลิกคำสั่ง เนื่องจากประเมินแล้วว่าจะแพ้แน่ถ้าขืนทำ

แต่สิ่งที่ฝ่ายรัฐบาลจะต้องรุกกลับทันที ก็คือจัดการกับพวกกระด้างกระเดื่องในกองทัพ ที่ชัดเจนที่สุดก็คือคนที่ออกคำสั่งให้นำเครื่องบิน C 130 ที่จะนำ ครม.ไปประชุมที่เชียงใหม่กลับมา บน.6 คน ๆ นี้มีหลักฐานว่าเป็นระดับ รองผู้บัญชาการกองทัพ ที่เอาวิธีอารยะขัดขืนของอธิการบดี คมช. ที่ยุยงให้ข้าราชการไม่ยอมทำตามคำสั่งรัฐบาลมาใช้ เขาจะต้องได้รับโทษไม่ว่าด้วยระดับใด กี่วันกี่เดือนก็ไม่ช้าเกินไปที่จะจัดการ พวกรับใช้เผด็จการศักดินาอำมาตย์แบบนี้ ส่วนอธิการบดี คมช.นั้น เรียกร้องให้ชาวธรรมศาสตร์ทั้งอดีตและปัจจุบันร่วมกันขับไล่ออกไปให้พ้นมหาวิทยาลัย รวมไปถึงกรรมการสภามหาวิทยาลัยชุดนี้ และนายปริญญาด้วย อธิการบดีชาติหมาผู้นี้หน้าด้านขนาดที่เอาความเห็นและวิธีการของตนในการอารยะขัดขืนขึ้นไปประกาศแถลงต่อสาธารณะ ทั้ง ๆ ที่เป็นความเห็นของตนคนเดียว ผู้เข้าร่วมประชุมคนอื่นไม่เอาด้วยสักคน ขนาดปลัดกระทรวงมหาดไทยที่เป็นระดับปริญญาเอกเหมือนกัน รุ่นใกล้กัน เรียนเก่งกว่า ได้ทุนสำคัญกว่าก็ไม่เห็นด้วย ยังออกมาให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนในทางตรงกันข้าม

ตอนนี้ในด้านอำนาจและคำสั่งนั้น ครั้งนี้เป็นข้อพิสูจน์ว่า คำสั่งที่เคยไม่มีใครกล้าปฏิเสธจากคนเอาแต่ใจตัวเองคนนั้นได้ถูกท้าทายและปฏิเสธแล้ว ไม่สามารถเคลื่อนให้เป็นไปได้ดั่งใจอย่างเมื่อก่อนอีก ผลของมันมาจากการกระทำที่ไร้สติของตนเอง รัฐบาลและประชาชนได้ปฏิเสธอำนาจนอกระบบอย่างชัดแจ้ง สถานีโทรทัศน์และวิทยุถ่ายทอดการแถลงของนายกรัฐมนตรีทุกสถานี อำนาจรัฐตอนนี้จะต้องรุกคืบเข้าไปจัดการกับพวกผู้ก่อการร้ายให้สิ้นซาก เพราะพวกอยากทำรัฐประหารตามคำสั่งนั้นมุกแป้ก ไม่มีปัญญาทำ เพราะประชาชนและทหารที่ไม่เห็นด้วยต่อต้านรุนแรงแน่

วันนี้ประชาชนไม่ได้กังวลข่าวรัฐประหารอีกแล้ว มีแต่ท้าทายว่ารีบ ๆ ออกมาเสีย จะได้ปิดจ๊อบเก็บเงินกันให้ทั่วทุกระดับทุกตัวการ หมดเรื่องหมดราวกันไปเสียที

The Civil War & The Patriot

thaifreenew

ความขัดแย้งและการต่อสู้ที่เกิดขึ้นแทบจะทุกครั้งนั้น ล้วนแล้วแต่มีจุดกำเนิดมาจากการถูกกดขี่ข่มเหงและบีบบังคับจนสุดที่จะทานทนได้ และการต่อสู้เพื่อรักษาสิทธิของความเป็นคนของตนเองก็จะต้องเกิดขึ้นอย่างเต็มกำลัง ไม่ใช่เพราะความก้าวร้าวหรือการฝักใฝ่ในความรุนแรง แต่เป็นเพราะการต้องการมีชีวิตอยู่อย่างมีอิสระและเต็มบริบูรณ์ของความเป็นคนต่างหาก

หลายปีที่ผ่านมาได้เกิดการปกครองที่เรียกว่า 2 มาตรฐานขึ้นภายในประเทศไทย โดยประชาชนกลุ่มหนึ่งจะถูกปกครองโดยกฎหมายอย่างเคร่งครัดและบีบบังคับจนแทบจะกระดิกตัวทำอะไรไม่ได้ แต่ในขณะที่ประชาชนอีกกลุ่มหนึ่งกลับถูกปล่อยปละละเลยไม่ได้รับการปกครองด้วยกฎหมายในลักษณะเดียวกัน ทำให้เกิดความเป็นอภิสิทธิ์ชนขึ้น ความขัดแย้งนี้ได้บ่มเพาะและฟักตัวจนกลายเป็นแรงกดดันที่บีบบังคับให้ประชาชนฝ่ายที่ถูกกดดันด้วยกฎหมายนั้นรู้สึกว่าตนเองไม่ได้รับความเป็นธรรมและถูกกดขี่

การเข้ายึดสนามบินสุวรรณภูมิ และดอนเมืองของเหล่า พธม. ในเวลานี้ คือบทสรุปของความเป็นอภิสิทธิ์ชนที่คนกลุ่มหนึ่งที่ได้รับมาตลอดมา จนเหตุการณ์ได้บานปลายมาจนถึงขนาดนี้ การกระทำนี้ได้สร้างความเดือดร้อนอย่างรุนแรงให้กับประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศอย่างไม่มีสิ่งใดเปรียบได้ และความเดือดร้อนนี้ได้กลับกลายเป็นความโกรธแค้นที่มีต่อเหล่า พธม. ที่กระทำการอุกอาจดังนี้......กระแสความโกรธขึ้งที่รุนแรงดังนี้มีหรือว่าแกนนำและผู้อยู่เบื้องหลัง พธม. จะไม่รู้ ไม่เห็นในสิ่งที่เกิดขึ้น

แล้วคำถามก็คือว่า ทำไมแกนนำ พธม. จึงยังคงปล่อยให้ประชาชนยึดสนามบินต่อไป เหตุผลเดียวก็คือว่า แกนนำ พธม. โดยเฉพาะ สนธิ ลิ้มทองกุล และ จำลอง ศรีเมือง พยายามอย่างยิ่งที่จะให้เกิดความรุนแรงถึงขั้นเข้าปะทะและสูญเสียเลือดเนื้อ และชีวิตของประชาชนที่เป็นคนไทยด้วยกัน ความพยายามยั่วยุและหาเหตุทุกวิถีทางเพื่อให้เกิดสิ่งนี้ขึ้นก็เพราะว่า..... คนเหล่านั้นคิดไม่เหมือนกับที่คนไทยทั่ว ๆ ไปคิดกัน

ขณะนี้ประเทศไทยกำลังอยู่ในสภาวะสงครามประชาชน และในการสงครามนั้นเป้าหมายมีเพียงประการเดียวก็คือ ต้องเอาชนะให้ได้ แกนนำและผู้อยู่เบื้องหลัง พธม. จึงทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะเอาชนะในสงครามครั้งนี้ให้ได้ในทุกวิธี ดังนั้นประชาชนคนไทยที่หลงเชื่อและกลายเป็นผู้ชุมนุม พธม. นั้น ในสายตาของแกนนำและผู้อยู่เบื้องหลัง พธม. พวกเขาเหล่านั้นไม่ใช่คนไทย, ทำเนียบรัฐบาลไม่ใช่โบราญสถานอันน่าภูมิใจของชาติไทย, สนามบินสุวรรณภูมิไม่ใช่ทรัพย์สมบัติของประเทศไทย, ฯลฯ แต่สิ่งเหล่านี้ในสายตาของแกนนำและผู้สนับสนุน พธม. เป็นเพียง อุปกรณ์ หรือ เครื่องมือ ที่จะนำให้พวกเขาขึ้นสู่บัลลังก์แห่งอำนาจโดยการรัฐประหารเท่านั้น

ด้วยเหตุนี้พวกเขาพร้อมที่จะเผาทำลายสถานที่อันสูงค่าเหล่านั้น พวกเขาพร้อมที่จะสังหารประชาชนคนไทยด้วยกันในม๊อบ พธม. แล้วโยนความผิดทั้งหมดให้กับรัฐบาล หรือ กลุ่มคนเสื้อแดงผู้ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย.... แกนนำหรือผู้อยู่เบื้องหลัง พธม. คิดต่างไปจากคนไทยโดยทั่ว ๆ ไปอย่างสิ้นเชิง เป้าหมายในสงครามนั้นคือการต่อสู้เพื่อเอาชนะ พวกเขาสามารถสังเวยสิ่งสูงค่าเหล่านี้รวมทั้งชีวิตของคนไทยด้วยกันได้โดยไม่ต้องหยุดคิดด้วยซ้ำ ในขณะที่ฝ่ายรัฐบาลหรือประชาชนทั่วไปกลับคิดในความรู้สึกของความเป็นคนไทยด้วยกันจึงพยายามหลีกเลี่ยงการปะทะ และประนีประนอมตลอดมา โดยเห็นแก่ความเป็นชาติ และความเป็นพี่น้องในชาติ ซึ่งเป็นความคิดที่ตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง.....

มีภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่โด่งดังเมื่อหลายปีก่อนชื่อเรื่อง The patriot นำแสดงโดย Mel Gibson ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้แสดงให้เห็นถึงบทบาทความรู้สึกที่เป็นความขัดแย้งกันทั้งสองด้านคือ ความรักชาติรักความเป็นอิสระ กับ ความต้องการมีชีวิตอยู่อย่างสุขสงบ ตัวเอกของเรื่องคือ เบนจามิน มาร์ติน เป็นวีรบุรุษสงคราม แต่หลังจากที่เขาได้เห็นถึงความโหดร้ายของสงครามที่เขาได้เข้าไปมีส่วนด้วย ทำให้ความคิดในเรื่องความขัดแย้งจนนำไปสู่สงครามนั้นหยุดลง ความรู้สึกหนึ่งก็คือ สงครามที่กำลังจะเกิดขึ้นในครั้งนี้จะไม่ใช่สงครามที่เกิดขึ้นที่ชายแดน แต่จะเกิดขึ้นที่หน้าบ้านของเราเอง ลูกหลานของเราจะได้สัมผัสกับความโหดร้ายของสงครามในครั้งนี้

การสงครามในครั้งนี้เป็นสงครามของประชาชนที่กำลังต่อสู้กันระหว่างเผด็จการอมาตย์ กับ ฝ่ายเรียกร้องประชาธิปไตย สงครามการเข่นฆ่ากันที่กำลังจะเกิดขึ้นและพัฒนาการไปในขณะนี้ จะไม่ใช่การต่อสู้ที่จำกัดวงอยู่เพียงแค่ถนนราชดำเนิน หรือ บริเวณท้องสนามหลวงเหมือนสมัย 14 ต.ค. 16, 6 ต.ค. 19, หรือ พฤษภาทมิฬ ปี 35 อีกต่อไปอีกแล้ว แต่จะแพร่ขยายและกระจายไปอยู่จนทั่วหัวแระแหงของประเทศนี้ โดยมีการปลุกระดมเป็นกระบวนการโดยใช้สื่อ ASTV, TPBS และสื่อสิ่งพิมพ์อื่น ๆ ที่สนับสนุนแนวทางเผด็จการอมาตยาธิปไตยเป็นตัวเร่งเร้าให้เกิดขึ้น

เมื่อเราเป็นผู้ที่ต้องการความสุขสงบ แต่สถานการณ์ได้บีบบังคับให้จำเป็นต้องลุกขึ้นสู้และเข้าร่วมในภาวะสงครามนี้อย่างไม่มีทางเลือก เราก็จะต้องมีจุดมุ่งหมายเพื่อชัยชนะเท่านั้น และในสงครามต้องไม่มีคำว่า ปราณี นอกจากการนำไปสู่เป้าหมายให้ได้ แกนนำ และผู้อยู่เบื้องหลัง พธม. พวกเขาไม่เคยมองว่าประชาชนที่ต่อสู้กับพวกเขาคือ คนไทย ด้วยกัน (เพราะถ้ามีความห่วงใยในความเป็นคนไทยด้วยกันอยู่บ้าง จะไม่เกิดกรณีคาร์บอม สมัยท่านนายกทักษิณ ที่มีรัศมีทำลายล้างประชาชนและทรัพย์สินนับเป็นกิโลเมตร, คุณณรงค์ศักดิ์ กรอบไธสง ที่ถูกตีจนตาย, กรณีโบว์ ปิงปอง ที่หิ้วระเบิดปิงปองเพื่อจะไปโจมตีตำรวจ, กรณีสารวัตรจ๊าบ ที่ขนระเบิดใส่รถไปเพื่อเตรียมไปทำลายฝ่ายตรงข้าม)

ด้วยเหตุนี้ในสงครามประชาชน (The Civil War) จะต้องมีผู้ที่รักชาติ (The Patriot) ที่จะลุกขึ้นมาต่อสู้ในทุกทางเพื่อให้ได้รับชัยชนะให้จงได้ และในสงครามนั้นไม่มีคำว่า ปราณี เวลานี้คนไทยทุกคนกำลังเข้าสู่ภาวะสงครามอย่างเรียบร้อยแล้ว สนามรบจะเกิดขึ้นที่หน้าบ้านของท่าน จะเกิดขึ้นอยู่รอบตัวของท่าน

แต่อย่างไรก็ตามหลังจากความเจ็บปวดรวดร้าวอย่างที่สุด จวนเจียนจะขาดใจตายของผู้หญิงที่จะคลอดบุตรนั้นมันเป็นความทุกข์ยากแสนสาหัสที่ไม่มีผู้ใดต้องการพบ แต่หลังจากบุตรนั้นได้คลอดออกมาแล้วความเจ็บปวดที่ผ่านไปนั้นก็หายไปจนหมดสิ้น เหลือแต่ความสุขใจ และความชื่นชมยินดีอย่างที่สุดที่ได้เห็นหน้าของบุตรที่รัก การต่อสู้ระหว่างอมาตยาธิปไตย กับ ประชาธิปไตยในครั้งนี้นั้น เหมือนกับหญิงที่กำลังจะคลอดบุตรที่จะต้องผ่านความทุกข์ยาก เจ็บปวดแสนสาหัส จวนเจียนจะขาดใจตาย แต่เมื่อความทุกข์ยากนี้ผ่านไปแล้ว ก็จะมีแต่ความชื่นชมยินดีอย่างที่สุดที่จะตามมาอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ นั่นก็คือ ประเทศไทยจะได้รับประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบกลับมาอีกครั้งหนึ่ง แล้วจึงค่อยกลับมาเยียวยารักษาบาดแผลของกันและกัน และกลับมาอยู่กันอย่างสุขสงบฉันท์พี่น้องร่วมชาติอีกครั้งหนึ่ง ก็ยังไม่สายเกินไป

ปูนนก

อนุภาพเงินตราสร้างความแตกแยกในไทย!!!!

จาก thaifreenews

อนุภาพเงินตราสร้างความแตกแยกในไทย!!!!


โดย : ป้าพลอย

วันศุกร์ที่ 28 เดือน พฤศจิกายน พ.ศ.2551

อนุภาพเงินตราสร้างความเดือดร้อนไปทั่วประเทศไทย แถมยังเดือดร้อนไปถึงนักท่องเที่ยวที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ต้องพลอยติดรั่งแหไปด้วย เงินนี่มันมีอาถรร์และมีอนุภาพทำให้คนดีกลายเป็นคนชั่วคน ชั่วกลับยิ่งทำชั่วซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็เพราะอำนาจเงินนี่เอง สาวกผู้การร้ายพันธมิตรเข้าไปเสี่ยงตายก็เพราะเห็นแก่เงิน หัวหน้าผู้ก่อการร้ายที่รับจ๊อบของเจ้าของม๊อบก็เพราะเงิน

ผู้สนับสนุนที่เป็นสปรอน์เซ่อร์ก็เพราะหวังเงินออกผล นักการเมืองที่ร่วมด้วยก็เพราะหวังเมื่อได้เป็นรัฐบาลจะได้กอบโกยเงินในคลังในระบบอนุมัติซื้อนั่นซื้อนี่และคอร์รัปชั่นก็เห็นแก่เงิน ตัดไม้ทำลายป่าจนเตียนโล่งเอาไม้ไปขายให้โรงเลื่อยก็เพราะต้องการเงิน ภูเขาทั้งภูเขาถูกทำลายก็เพราะถูกจ้างใช้เงินทำลาย อำนาจเงินแพร่กระจายไปทุกๆองค์กรของไทยที่ใช้เงินซื้อได้ทั้งนั้น แม้แต่ซื้อความยุติธรรมก็ยังต้องใช้เงินซื้อจากความยุติธรรมกลายมาเป็นอยุติธรรมก็เพราะเงิน สารพัดชนิดที่ในประเทศไทยซื้อกันด้วยเงินทั้งสิ้น ข้าราชการบางคนอยู่ได้เพราะมีคนยื่นเงินใต้โต๊ะให้ ลูกคนรากหญ้าเข้ามหาวิทยาลัยที่ไม่มีเส้นมีสายช่วยเหลือฝากเข้าทั้งที่เด็กหัวดีฉลาดกว่าลูกผู้ดีมีสกุล รากหญ้าต้องสอดใต้โต๊ะให้ผู้ใหญ่ที่ฝากเข้าเป็นหมื่นบาทก็เงิน

ระบบของไทยเป็นระบบหน้าเงินแทบทั้งสิ้นหรือใครจะเถียง? เป็นระบบเห็นแก่ตัว แม้แต่ข้าราชการก็ยังแบมือรับสินบนทั้งที่มีเงินเดือนประจำอยู่แล้ว ลองไม่มีเงินคนแต่งตัวปอนๆเข้าไปติดต่อพวกเขามองคนต่ำต้อยมั๊ย? แม้แต่โรงพยาบาลของรัฐขนาดคนโดนยิงบาดเจ็บกำลังจะตายยังต้องรอให้คนไข้เข้าคิวทำบัตรกลัวจะไม่มีเงินจ่าย หลานชายเล่าให้ฟังที่เพื่อนโดนยิงถูกที่ท้องเลือดไหลไม่หยุดพาส่งโรงพยาบาลต้องคอยเป็นชั่วโมงทำบัตรก่อน ทำไมไม่เอาคนไข้ไปรักษาก่อนแล้วค่อยมาทำบัตรทีหลัง ฟังหลานชายเล่ามันช่างทุเรศสิ้นดี ชีวิตมนุษย์ไม่นึกถึงคิดถึงแต่เงินกันอย่างเดียว ต่างประเทศเขาช่วยเหลือชีวิตเพื่อนมนุษย์ก่อนอื่นเรื่องค่าใช้จ่ายเดี๋ยวพูดกันทีหลัง

เงินในต่างประเทศมันไม่ได้มีความหมายไปเสียทุกอย่าง ต่างประเทศเขาอยู่ร่วมกันด้วยน้ำใจอาศัยพึ่งพากันไม่คอร์รัปชั่นไม่ว่าจะเป็นข้าราชการหรือคนทำงานทุกประเภท พ่อแม่ที่ส่งลูกเข้าเรียนก็ไม่ต้องเสียเงินเสียเพียงค่าหนังสือเรียนไม่ว่าจะเข้ามหาวิทยาลัยลูกต้องใช้สมองสอบเข้าเอง ไม่มีการอุดเงินเข้าไปเพราะระบบนี้ต่างประเทศไม่ใช้ เขาใช้ความสามารถของสมองเด็กเขาวัดกันตรงนี้ ฉะนั้นประเทศเขาจึงเจริญกว่าบ้านเรามากเพราะเขาได้เด็กฉลาดๆหัวดีมาเป็นผู้นำและผู้ทำงาน ไม่เหมือนบ้านเราเด็กหัวดีแทบจะไม่มีโอกาสเพราะถูกผู้รากมากดีเอาลูกหัวโง่ๆเข้าไปจนเต็มไม่มีที่ให้เด็กที่หัวดีแต่ไม่มีทุนทรัพย์เข้าเรียนบ้านเมืองมันถึงได้เละอย่างนี้ เรียนจบกันมาจากเมืองนอกเมืองนาแต่ความคิดก็อยู่แต่ในกะลาดังที่เห็นๆ เห็นเงินตาโตกันทุกคน แม่แบบที่ไปเรียนมาขว้างทิ้งถังขยะซะเอาของไทยนี่แหละข้าคนไทยนี่หว่าจะไปเอาแบบอย่างฝรั่งมันทำไม ทุกคนเมื่อคิดอย่างนี้เมืองไทยก็ไม่หมดคนที่เห็นแก่เงินแน่ มันเป็นกรรมพันธุ์สืบทอดกันไปเรื่อยๆ

ฉะนั้นการเมืองไทยอย่าหวังว่าจะสิ้นคนคอร์รัปชั่นประเทศ เพราะอำนาจเงินมันหวานหอมเหมือนดั่งน้ำผึ้งที่พวกมดทั้งหลายจ้องจะเขมือบดูดกินทุกวิถีทางที่มันจะหาหนปีนป่ายไต่ขึ้นบนขวดน้ำผึ้งขวดนั้นให้ได้ หากเมืองไทยหันมาใช้ระบบสุจริตธรรมเช่นต่างประเทศคือตั้งหน้าตั้งตาพัฒนาประเทศโดยไม่มีอำนาจเงินเข้ามาเกี่ยวข้องชาติก็จะเจริญกว่านี้ เพราะเงินตัวเดียวที่ทำให้ชาติต้องพังพินาศ ประชาชนคนไทยต้องแตกแยกกันเข่นฆ่ากันก็เพราะเงินนี่เองสงครามแย่งเงินกันคงไม่มีวันจบสิ้นแน่ เพราะทุกคนจ้องกันอยู่ที่เงินอย่างเดียว แม่จะฆ่าลูกก็เพราะอยากได้เงินลูกมาครอบครอง แม้จะสั่งให้ฆ่าลูกของตัวเองก็ยังยอมทำเพราะหวังเงินของลูกกิเลสของแม่อันชั่วช้านี้คนเป็นลูกคงให้อภัยแม่ไม่ได้ดังนั้นแม่ต้องได้รับกรรมที่ก่อใว้.........

ป้าพลอย

วันศุกร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

พธม.ยึดสุวรรณภูมิ สังคมออนไลน์ร่ำไห้

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
[28 พ.ย. 51 - 14:17]

“เกือบต้องตกค้าง...อยู่สุวรรณภูมิแล้วครับ”

เสียงหนึ่ง...นามว่า “bananaku” ห้องราชดำเนิน เว็บไซต์ www.pantip.com โพสต์เปิดกระทู้ไว้ตอนตีสี่ครึ่ง วันที่ 26 พฤศจิกายน 2551

ตารางนัดหลังเสร็จการประชุมที่กรุงเทพฯ ต้องกลับภูเก็ตวันอังคารที่ 25 จอง Air asia เที่ยวบิน FD 3027 เครื่องออกเวลา 21.10 น.

“ห้าโมงครึ่ง โชคดีแฟนโทร.มาบอกว่า พันธมิตรฯกำลังจะปิดสนามบินสุวรรณภูมิ ให้รีบไปด่วน ผมนั่งแท็กซี่ขึ้นทางด่วนพระรามเก้า อีก 3 กิโลเมตร จะถึงสนามบิน ก็เห็นขบวนรถติดแหง็ก...ไม่คิดว่าจะทำกันขนาดนี้”

บรรยากาศบนทางยกระดับ มีรถจอด 3 เลนซ้าย พอจะขยับคลานไปได้บ้าง 3 เลนขวา แล้วค่อยๆบีบเหลือ 1 เลน...บังคับให้ลงข้างล่างฝั่งซ้ายสุด แต่ไม่ให้ตรงไปอาคารผู้โดยสาร เพราะข้างหน้ามีขบวนรถกั้นไว้เต็ม แถมยังมีบังเกอร์...ลวดหนาม

ผู้คนบนรถที่กำลังมุ่งหน้าไปสนามบิน หน้าเครียด มองซ้าย มองขวา สีหน้ากังวลชัดเจน มองไปที่การ์ดพันธมิตรฯ แต่งตัวเหมือนที่เราเคยเห็น...ใส่ชุดดำ หมวกไหมพรมหรือไม่ก็มีผ้าปิดหน้าตา พร้อมหน้ากาก แว่นกันแก๊สเกือบทุกคน

จุดสะดุดตา...แต่ละคนมีกระเป๋าคาดไหล่เล็กๆ มือคอยซุก จับกระเป๋าไว้ตลอดเวลา ส่วนใหญ่จะนั่งยองๆ ไม่เดินไปมา สายตามองออกไปนอกทางยกระดับ ท่าทีลุกลี้ลุกลน

“นึกในใจ จะเกิดเรื่องไหมเนี่ย...น่ากลัวจัง”

ที่ทำให้รู้สึกแปลกมากๆ...การ์ดบางคนเดินถือไม้ยาวประมาณเมตรกว่า เดินตรวจไปมารอบๆรถที่ติดมากๆ เพื่อดูลาดเลา หรือดูว่ารถคันไหนมาก่อกวนหรือเปล่า

“สายตาที่มองมา ราวกับเป็นเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ตั้งด่านตรวจหาคนร้าย”

ประมาณทุ่มครึ่ง เช็กอินเรียบร้อย ทานข้าวรองท้องเสร็จ...สองทุ่มสิบห้านาที เตรียมขึ้นเครื่อง เริ่มเห็นความวุ่นวาย...ตำรวจสลายม็อบเดินกันเต็มชั้นผู้โดยสารขาออก

เครื่องบินขาเข้าเทียบงวงช้าง ปกติต้องรอให้ผู้โดยสารออกมาหมดก่อน แล้วพักเครื่องแป๊บนึง แต่วันนี้...เรียกขึ้นเครื่องรอไว้เลย ทันทีที่ผู้โดยสารออกมาจากเครื่องหมดก็ปล่อยผู้โดยสารขาออกเข้าเครื่องทันที

ได้ยินเสียงจากวิทยุภายในคุยกันว่า...“ให้รีบนำผู้โดยสารทุกคน ขึ้นเครื่องโดยเร็วที่สุด เพราะพันธมิตรฯเข้ามาในสนามบินได้แล้ว”

ถึงภูเก็ต...เห็นภาพข่าวพันธมิตรฯเข้าไปยึดในสนามบินได้เรียบร้อย พร้อมกับภาพทำร้ายเจ้าหน้าที่สนามบิน...

“ผมรู้สึกสงสารประเทศไทย ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย โปรดช่วยคุ้มครองประเทศไทยด้วยเถอะครับ อย่าให้มีใครต้องเสียเลือดเสียเนื้ออีกเลย”

หลาย ความเห็นบอกว่าอ่านกระทู้แล้วเศร้าใจ อยากร้องไห้ บางคนก็ขออนุญาตระบายทุกข์ว่า การปิดสนามบินทำให้ธุรกิจเสียหาย เพราะไม่สามารถส่งของสดไปต่างประเทศได้ภายใน 6 ชั่วโมง

ผลที่จะตามมาอีกระลอก...ผู้ค้าต้องเปลี่ยนไปซื้อของเจ้าอื่น หนำซ้ำยังต้องโดนฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย...ก็ได้แต่หวังว่าต่างประเทศจะ เข้าใจ

เจ้าของกระทู้รายนี้ โพสต์ไว้ตอนตีห้า ออกตัวว่า ไม่ยุ่งการเมือง เพราะไม่อยากเป็นเหยื่อ ไม่ว่าฝ่ายเหลือง...ฝ่ายแดง

“การลากสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นเส้นเลือดใหญ่อีกเส้นของเศรษฐกิจประเทศเข้ามาเพื่อกดดันรัฐบาล แล้วบอกว่า...ต้องรับสภาพ ขอถามจริงๆว่า...ใครเป็นคนทำลายเศรษฐกิจไทยกันแน่”

บางเสียงก็โพสต์ปลอบ... “พวกเขาไม่สนใจ เราจะเสียหายอย่างไร ประเทศจะถอยหลังหมดความเชื่อถือในสายตาจากต่างประเทศ...ขอให้นึกทางพระเข้า ข่ม เราเคยทำกรรมอะไรไว้เมื่อชาติก่อน”

เสริมด้วย คุณขยะแห้ง ตั้งกระทู้ลอยๆไว้ว่า...เมื่อใด? ที่มีการกบฏยึดอำนาจ กลุ่มที่ทำ...สามารถมาบริหารประเทศได้ ไม่มีความผิด การบังคับกฎหมาย ก็จะไม่มีผล ในประเทศที่ว่าเป็นประชาธิปไตย

“ความวุ่นวาย จะไม่รู้จบ อย่าบอกว่าม้วนเดียวจบเลย...ยี่สิบม้วนก็ไม่จบ เพราะระบอบประชาธิปไตย บอกว่า เราเท่าเทียมกัน”

คุณขยะแห้งยังโพสต์โยงถึงความเห็นของ สมศักดิ เจียมธีรสกุล นักวิชาการรัฐศาสตร์ ที่ชี้ยุทธวิธีของพันธมิตรฯขณะนี้ชัดเจน

“พยายามสร้างความรู้สึกที่ว่า เกิดภาวะ civil disorder คือ ความวุ่นวายทางสังคม ความไม่มีระเบียบ จัดการไม่ได้...เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล”

การปิดสุวรรณภูมิ...มีผลกระทบต่อธุรกิจท่องเที่ยวมาก เพราะเป็นช่วงไฮซีซัน

วิเคราะห์กันไปต่างๆนานา ต้องมาสะดุดกับคำว่า สปอนเซอร์ใหม่?

คุณ PageOne อธิบายสั้นๆว่า ปิดสุวรรณภูมิ ก็ตรงตามเจตนารมณ์ รัฐบาล...หลังการปฏิวัติรัฐประหาร 19 กันยายน 2549

“สุวรรณภูมิมีปัญหา...เครื่องบินทุกสายต้องไปลงที่สิงคโปร์ ไม่แน่ว่า...ครั้งนี้ อาจมีตังค์ทอนอีกโข”

วันนี้...ทั่วโลกกำลังมีปัญหาด้านเศรษฐกิจ แถบยุโรปเริ่มมีคนตกงาน มากขึ้น คนที่ทำงานแบบเช้าชามเย็นชาม...ก็เริ่มถูกปลดออกจากงาน

นักวิชาการประเมินว่า กว่าจะฟื้นตัวเหมือนเดิม อาจใช้เวลาถึงปี 2555...นาน 4 ปีเต็ม

“เยอรมันมีตัวเลขคนตกงานเกิน 700,000 คนเข้าไปแล้ว... แต่บ้านเรา ยังคงตั้งหน้าตั้งตาเผาป่าเพื่อกำจัดโรบินฮูด...คนเดียว”

นานาทรรศนะกรณีพันธมิตรฯยึดสนามบินสุวรรณภูมิ พูดกันแตกแขนงแยกย่อยหลากหลายประเด็น บางคนบอกตรงๆ ยังไม่เชื่อว่า...เมืองไทยจะมาถึงจุดนี้ได้จริงๆ

“คนที่อยู่ตรงกลางไม่มีที่ยืนแล้ว ตัวลีบลงทุกวันๆ จะพูดคุยกับใครก็ระแวงไปหมด ไม่เห็นด้วยก็ถูกเหมาว่าเป็นอีกฝ่ายโดยอัตโนมัติ”

คุณ Giggs ย้ำว่า ตัวเองก็แทบจะพึ่งไม่ได้แล้ว...ทุกวันนี้ตื่นมาตอนเช้าไม่รู้ว่าจะถูกเลย์ออ ฟเมื่อไร ไม่รู้ว่าแต่ละวันจะทำอะไรกินดี ที่ประหยัดและอิ่มท้องที่สุด

เมื่อถามถึงทางออก ท่ามกลางความวุ่นวายที่เกิดขึ้น คุณ seifiros ดูท่าว่าจะเป็นอีกคนที่ติดตามสถานการณ์มาโดยตลอด โพสต์ไว้ตอนตีสองกว่าๆ ฟันธงว่า “สงครามครั้งสุดท้ายของสุดท้าย พธม.พ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิง”

“ผมเชื่อว่า...หลังที่ทุกคนได้เห็นเหตุการณ์วันนี้แล้ว คนที่เป็นกลาง หรือแม้แต่คนที่เชียร์พันธมิตรฯจำนวนไม่น้อย จะหันไปเข้ากับฝ่ายตรงข้าม”

ทางออกเฉพาะหน้า เท่าที่คิดได้ คงมีอยู่แค่ 2 ทาง ทางแรก...ใช้กำลังสลายการชุมนุม (ไม่ว่าจะด้วยประชาชนฝ่ายตรงข้าม หรือรัฐบาลสั่งการก็ตาม)

ทางที่สอง...รัฐบาลยอมถอยหลายก้าว ยุบสภา แล้วจัดการเลือกตั้งใหม่

ที่คิดให้เช่นนี้ เพราะการที่จะหวังให้พวกเค้าคิดได้เอง หรือจะรอให้กลุ่ม ผู้ชุมนุมค่อยๆตีตนลาจากการชุมนุม ให้ม็อบสลายหายไป คงไม่น่าจะเป็นไปได้เลย

ที่น่าห่วงกว่าทักษิณจะได้รับโทษหรือไม่? สมัครจะเป็นอย่างไร? รัฐบาลจะยุบสภาไหม? ก็คือ...เราจะมีอะไรกินไหมในวันพรุ่งนี้?

ท่ามกลางความร้อนแรงของเหตุบ้านการเมือง ดูเหมือนว่าฝ่ายที่ไม่เลือก ข้าง ยืนอยู่ตรงกลางจะห่วงกับปากท้อง ให้ความสำคัญกับเรื่องเศรษฐกิจมากที่สุด

จะด้วยการบล็อก หรือลบจากเจ้าของเว็บไซต์...ทรรศนะส่วนใหญ่ ไม่มีเสียงด่า ต่อว่าพันธมิตรฯแบบสุดโต่ง หยาบคาย ส่วนใหญ่มีแต่ให้กำลังใจกันและกัน และควรเตรียมใจเผื่อไว้ทุกสถานการณ์

“การยึด...อาจไม่นาน แต่ถ้าตัวสนามบินมีปัญหาก็อาจใช้งานไม่ได้...นาทีนี้ ไม่มีใครคาดเดาได้เลย ขนาดทำเนียบยังไม่น่าเชื่อ ก็ยังยึดได้ตั้งหลายเดือน”

คล้อยหลังวันม็อบพันธมิตรฯบุกยึดสนามบินสุวรรณภูมิเต็มรูปแบบ วันแรก...บทสรุปยังไม่รู้จะออกหัวหรือก้อย ที่กระทบแน่ๆคือเศรษฐกิจ และบาดแผลที่เยียวยาไม่ง่ายเลย คือความเชื่อมั่นของต่างชาติ.

Clip ทัศนะของนักท่องเที่ยวต่างชาติ กับ กรณี พธม ปิด สุวรรณภูมิ




http://www.youtube.com/watch?v=mazTO9btkmE

เสียงระเบิดดังหลังเอเอสทีวี รวบการ์ดอาสาพันธมิตร

[28 พ.ย. 51 - 03:33]
ข่าวจาก ไทยรัฐ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 01.50 น. ที่ผ่านมา (28 พ.ย.) เกิดเหตุเสียงดังคล้ายระเบิดดังขึ้น 3 ครั้ง บริเวณด้านหลังอาคารบ้านเจ้าพระยา ถนนพระอาทิตย์ สถานที่ตั้งของสถานีโทรทัศน์ ผ่านดาวเทียมเอเอสทีวี ใกล้สวนสันติไชยปราการ ก่อนมีเสียงปืนดังประมาณ 10 กว่านัดตามมา

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวนายพรชัย สงวนพงศ์ อายุ 41 ปี โดยนายพรชัย ให้การยอมรับว่าเป็นการ์ดอาสาพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย คอยดูแลรักษาความปลอดภัยให้สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเอสทีวีอยู่

นายพรชัย กล่าวต่อว่า ก่อนเกิดเหตุการณ์มีเสียงหวีดดังขึ้น 3 ครั้ง และคนขับเรือผ่านมาทางฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาก่อนมีเสียงปืนดังขึ้นและตนเองได้ ยิงปืนสวนกลับไป ทำให้บริเวณดังกล่าวมีปลอกกระสุนปืนตกอยู่หลายนัด กระทั่งถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวดังกล่าว อย่างไรก็ตาม นายพรชัยกล่าวว่า ตนเองตกใจ และทิ้งอาวุธปืนลงแม่น้ำเจ้าพระยา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงควบคุมตัวนายพรชัยไปสอบสวนที่ สน.ชนะสงครามต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ภายในตัวของนายพรชัยมีผ้าพันคอและผ้าโพกศีรษะของนักรบศรีวิชัย และ ผ้าที่แสดงตัวเองว่าเป็นกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พร้อมอาวุธประจำตัว แมกกาซีนกระสุนปืน 2 ชุด กระสุนปืนขนาด .22 มม. จำนวน 50 นัด และ กระสุนปืนขนาด 11 มม. อีก จำนวน 6 นัด พร้อมเสื้อเกราะกันกระสุน





อ่า่นข่าวเดียวกัน ที่ manager.com

พิจารณาเอาว่าใครทำใครกันแน่....

Clip จาก คุณ สิงห์สนามหลวง pantip.com

อ่ะนะ - -*

http://www.youtube.com/watch?v=vZYGh2yWbFw

นาที ผู้ประกาศ astv เปิดก้นโกยแนบ
http://www.youtube.com/watch?v=TW5VM_D0buE

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker