บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันอาทิตย์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

เครือข่ายปฏิรูปที่ดินฯ จี้รัฐแก้ปัญหาไม่คืบ ในพื้นที่ถูกข่มขู่หนัก

ที่มา ประชาไท

วันนี้ (30 พ.ค.) เมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. เครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทย (คปท.) จัดแถลงข่าว “คืบหน้า หรือล้มเหลว? ผลการแก้ไขปัญหาของเครือข่ายปฏิรูปที่ดินฯ กับรัฐบาล” เพื่อเผยแพร่ความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาภายในระยะเวลาการทำงานของคณะกรรมการอำนวยการเพื่อแก้ไขปัญหาของเครือข่ายฯ ซึ่งเป็นคณะกรรมการระดับชาติ ที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และสถานการณ์การข่มขู่คุกคามชาวบ้านในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี และ จ.บุรีรัมย์ ณ สำนักงานกองเลขาเครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทย

แจงแก้ปัญหาไม่คืบเหตุข้าราชการประจำ-การเมืองไม่ทำตามนโยบาย

นายบุญ แซ่จุ่ง ผู้ประสานงานเครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทย (คปท.) กล่าวว่าที่ผ่านมาทางเครือข่ายฯ เน้นการแก้ปัญหาที่ดินโดยใช้ในเรื่องของโฉนดชุมชน ธนาคารที่ดิน และการคุ้มครองพื้นที่เกษตร ซึ่งไปสอดคล้องกับการแถลงนโยบายของรัฐบาลชุดปัจจุบันที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 30 ธ.ค.51 ที่มุ่งผลักดันในเรื่องเหล่านี้ด้วยเช่นกัน ทางเครือข่ายจึงมีความคาดหวังที่จะช่วยผลักดัน และจากการชุมนุมของทางเครือข่ายเมื่อวันที่ 4-12 มี.ค.52 เพื่อร่วมผลักดันการดำเนินนโยบายให้เป็นจริง นำมาสู่การแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการแก้ไขปัญหาของเครือข่ายฯ โดยมีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และดำเนินการประชุมครั้งแรกร่วมกันในวันที่ 11 มี.ค.52

ผลการประชุมดังกล่าวได้มีมติเห็นชอบกรอบนโยบายการแก้ไขปัญหาโดยยึดปัญหาพื้นฐานของประชาชนและนโยบายรัฐบาลเป็นหลักสำคัญ พร้อมกันนี้ ได้ให้ความเห็นชอบการแก้ไขปัญหาเร่งด่วน และการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหา ทั้งสิ้น 6 ชุด ตามประเภทปัญหาที่ดินของเครือข่าย

นายบุญ กล่าวต่อมาว่าช่วงเวลากว่า 2 เดือนที่ผ่านมาทางเครือข่ายได้ใช้กรอบนโยบายและกลไกของคณะทำงานดังกล่าวเป็นเครื่องมือสำคัญในการทำงานเพื่อแก้ไขปัญหา และที่มีความคืบหน้ามากที่สุดคือ การศึกษาแนวทางการปฏิบัติตามนโยบายการกระจายถือครองที่ดิน ซึ่งทำการศึกษาถึงแนวทางกฎหมายและมาตรการอื่นๆ เพื่อรองรับนโยบายการกระจายการถือครองที่ดินของรัฐบาล เช่น โฉนดชุมชน ธนาคารที่ดิน มาตรการทางภาษี การคุ้มครองพื้นที่เกษตรกรรม ฯลฯ โดยคาดว่าจะมีการนำเสนอเนื้อหาในเดือน มิ.ย.ที่จะถึงนี้

อย่างไรก็ตาม นายบุญได้กล่าวว่า แม้จะมีความคืบหน้า แต่ก็ยังเป็นแค่ความคืบหน้าในส่วนของงานศึกษาเพื่อแก้ปัญหา ยังไม่ถึงขั้นตอนการดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม อีกทั้งที่ผ่านมาการศึกษาดังกล่าวทั้งในเรื่องของโฉนดชุมชน ธนาคารที่ดิน มาตรการทางภาษี รวมทั้งการคุ้มครองพื้นที่เกษตรกรรม ทางเครือข่ายฯ ก็มีความพยายามในการดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว

ในส่วนการทำงานที่ยังไม่คืบหน้า มีปัญหาและอุปสรรค์จาก 2 สาเหตุคือ 1.ประธานคณะกรรมการอำนวยการฯ ไม่มีการเร่งรัดการแก้ปัญหาให้เป็นไปตามมติการประชุมในวันที่ 11 มี.ค.52 ยกตัวอย่าง กรณีมติที่ประชุมคณะอำนวยการให้มีการแต่งตั้งคณะทำงานด้านคดีเพื่อช่วยเหลือชาวบ้านที่ถูกคดีทั้งทางอาญาและทางแพ่ง จนถึงปัจจุบันไม่มีความคืบหน้าในการดำเนินการแต่งตั้งแต่อย่างใด ทั้งที่กรอบในการดำเนินงานของคณะทำงานกำหนดไว้ 90 วัน และในวันที่ 24 มิ.ย.ที่จะถึงนี้ก็จะถึงกำหนดเวลาดังกล่าวแล้ว

ส่วนสาเหตุที่ 2 คือ การไม่ยึดกรอบนโยบายของรัฐบาลในการแก้ปัญหา และยังคงยึดตามหลักแนวคิดเดิมๆ ที่ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ยกตัวอย่าง กรณีคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับที่ดินในเขตอุทยานแห่งชาติ ป่าสงวนแห่งชาติ และที่ป่าไม้อื่นๆ ที่อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ของเครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทย ที่มี นายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นประธาน ซึ่งภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการฯ ครั้งแรกเมื่อวันที่ 7 เม.ย.52 ยังไม่มีการดำเนินการตามมติที่ประชุมใดๆ ทั้งสิ้น อีกทั้งข้าราชการประจำบางส่วนยังคงยืนยันแนวทางการแก้ไขปัญหาตามมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 30 มิถุนายน 2541 เป็นหลัก

นายบุญยกตัวอย่างต่อมาถึงกรณีที่นายประชา เตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ทำหนังสือด่วนที่สุดถึงเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 8 เม.ย.52 ระบุไม่เห็นด้วยกับแนวทางการแก้ไขปัญหาของคณะกรรมการอำนวยการฯ ว่า ถือเป็นการดื้อแพ่งต่อคำสั่งการของรัฐ ซึ่งทำให้การแก้ปัญหาไม่สามารถเดินหน้าได้ อีกทั้งขณะนี้ในพื้นที่ อ.ชัยบุรี จ.สุราษฏร์ธานี มีกรณีปัญหาการข่มขู่ คุกคาม ยิงกราด และมีการเผาบ้านพักชั่วคราวของชาวบ้าน โดยกลุ่มชายฉกรรจ์ ซึ่งส่งผลให้สมาชิกสหพันธ์เกษตรกรภาคใต้ต้องย้ายพื้นที่ไปอาศัยกับชุมชนใกล้เคียง

“ขอให้นายกมีความเข้มแข้งในการแก้ปัญหา และเอาปัญหาบ้านเมืองเป็นตัวตั้ง อย่าเอาเก้าอี้ เอาตำแหน่งเป็นตัวตั้ง” นายบุญกล่าวถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาเรื่องที่ดินของรัฐบาลที่ต้องอาศัยความเด็ดขาดและกล้าที่จะตัดสินใจ

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาทางเครือข่ายปฏิรูปที่ดินฯ เคลื่อนไหวเพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาไม่ได้ต้องการที่จะล้มล้างรัฐบาลและไม่ใช่กลุ่มการเมืองที่หวังอำนาจ โดยยึดหลักการประชาธิปไตยทางตรง แบบมีส่วนร่วม ซึ่งประชาธิปไตยที่ว่านั้นเป็นประชาธิปไตยที่กินได้ และสิ่งที่เรียกร้องก็เป็นหน้าที่ของนักการเมืองที่จะต้องแก้ปัญหาเรื่องปากท้องของประชาชน

ย้ำคณะทำงานด้านคดีจำเป็น เผยคนตรัง-พัทลุงถูกฟ้องตัดต้นยางทำโลกร้อน

นายบุญ กล่าวด้วยว่า สาเหตุที่ต้องมีคณะทำงานด้านคดี เพราะแม้ขณะนี้จะไม่มีการจับกุมและดำเนินคดีกับสมาชิกเครือข่ายฯ เพิ่มเติม แต่กระบวนการพิจารณาทางศาลก็มีความคืบหน้าไปเรื่อยๆ และที่ผ่านมามีการใช้อำนาจศาลบังคับคดีกับชาวบ้านโดยมีการเรียกค่าเสียหายนับล้านบาทต่อราย ยกตัวอย่างเครือข่ายองค์กรชุมชนรักเทือกเขาบรรทัด ชาวบ้านที่ จ.ตรังและพัทลุง ถูกกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เข้าแจ้งความดำเนินคดีและฟ้องศาลเรียกค่าเสียหายกว่า 48 คดี ในข้อหาบุกรุกทำกินในพื้นที่เขตอุทยานฯ เขาปู่-เขาย่า ในพื้นที่พิพาทที่ทับซ้อนทับกันอยู่ระหว่างที่ทำกินและพื้นที่ป่า โดยชาวบ้านถูกบังคับคดีให้ต้องชดใช้ค่าเสียหายราว 1-5 ล้านบาทต่อราย

ทั้งนี้ในส่วน กรมอุทยานฯ ได้คิดคำนวณค่าเสียหายตามหลักเกณฑ์ และวิธีการ ที่เหมือนๆ กันทุกราย อาทิ ข้อหาทำให้เกิดความสูญเสียของธาตุอาหาร ข้อหาทำให้ดินไม่ถูกซับน้ำฝน ข้อหาทำให้น้ำสูญเสียออกไปจากพื้นที่โดยการแผดเผาของรังสีดวงอาทิตย์ ข้อหาทำให้ดินสูญหาย ข้อหาทำให้อากาศร้อนมากขึ้น และข้อหาทำให้ฝนตกน้อยลง โดยข้อหาในทุกๆ ข้อทางกรมอุทยานฯ จะคิดคำนวณค่าเสียหายออกมาเป็นจำนวนเงิน/ไร่ /ปี

“เราเห็นด้วยกับการแก้ปัญหาเรื่องโลกร้อน แค่ก็ควรจะนึกถึงเรื่องสิทธิมนุษยชน เรื่องความมั่นคงทางอาหาร การโค่นล้มต้นยางเองก็มีการปลูกใหม่เป็นวัฏจักรที่คืนความสมดุลให้ธรรมชาติอยู่ในตัว แต่ชาวบ้านที่มีวิถีชีวิตเรียบง่ายกลับต้องถูกดำเนินคดีด้วยข้อหาทำให้โลกร้อนขึ้น ซึ่งไม่ต่างจากโรงงานอุตสาหกรรมที่ปล่อยควันพิษทุกวันๆ” นายบุญกล่าว โดยย้ำว่าข้อกล่าวหาดังกล่าวไม่มีความเป็นธรรม

“บุรีรัมย์” ชาวบ้านหวั่นถูกขู่สลายการชุมนุมขั้นเด็ดขาด

กรณีปัญหาในการจัดสรรที่ทำกินในเขตป่าสงวนแห่งชาติดงใหญ่ อ.โนนดินแดง จำนวน 9 แปลง รวมพื้นที่ 23,746 ไร่ ซึ่งกรมป่าไม้ได้อนุญาตให้บริษัทเอกชนเช่านับตั้งแต่ปี พ.ศ.2528 โดยการปลูกไม้ยูคาลิปตัสเพื่อเป็นวัตถุดิบป้อนโรงงานอุตสาหกรรมเยื่อกระกระดาษ และได้หมดสัญญาเช่าเมื่อวันที่ 5 พ.ค.2552 โดยในขณะนี้ได้มีสมาชิกเครือข่ายปฏิรูปที่ดินภาคอีสานพื้นที่ อ.โนนดินแดงซึ่งเป็นชาวบ้านกลุ่มเดิมที่เคยทำกินในพื้นที่มาก่อนได้เข้าไปใช้ประโยชน์ในพื้นที่ และได้มีการเคลื่อนไหวเรียกร้องสิทธิในที่ดินทำกินมาอย่างต่อเนื่อง

นายลุน สร้อยสด แกนนำชาวบ้าน อ.โนนดินแดง จ.บุรีรัมย์ กล่าวว่าสถานการณ์ในพื้นที่ล่าสุดมีกระแสข่าวว่าจะมีการสนธิกำลังเข้าปราบปรามสลายการชุมนุมชาวบ้านที่เข้าไปขอใช้ประโยชน์ในพื้นที่ดังกล่าว จำนวน 171 ครอบครัว หรือราว 300 คน ใน 3 วัน หากใครไม่ต้องการถูกจับกุม ให้ออกจากพื้นที่โดยเร็ว สร้างความหวั่นวิตกให้กับชาวบ้านเป็นอันมาก ทั้งนี้แม้ทางนายกรัฐมนตรีจะออกมาบอกว่าจะไม่เกิดความรุนแรงในพื้นที่ แต่นายทุนและเจ้าหน้าที่รัฐกำลังดำเนินการอยู่ในพื้นที่ เชื่อว่าที่ดินผืนดังกล่าวเป็นที่ดินแปลใหญ่มีการปลูกยูคามานาน ผลประโยชน์ในส่วนนี้น่าจะมาก อย่างไรก็ตามยังหวังว่ารัฐบาลจะสามารถกำกับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นมือเป็นไม้ของรัฐบาลได้

นายลุน กล่าวด้วยว่าหลังจากที่ อบต.ลำนางรองมีมติไม่ให้บริษัทต่อสัญญาเช่าและให้นำที่ดินมาจัดสรรให้เกษตรเมื่อวันที่ 14 ก.พ.2551 ได้มีป่าไม้ จ.บุรีรัมย์ส่วนหนึ่ง ร่วมกับตำรวจ อบต.และกำนันผู้ใหญ่บ้านบางส่วนพยายามเรียกร้องให้ชาวบ้านออกจากพื้นที่ดังกล่าวและให้มีการสลายการชุมนุมโดยใช้ปฏิบัติการขั้นเด็ดขาด นอกจากนี้ล่าสุด อบต.ลำนางรอง เจ้าของพื้นที่ได้มีมติใหม่เมื่อวันที่ 23 เม.ย.ที่ผ่านมา เบื้องต้นให้เอกชนเช่าต่อ 50 เปอร์เซ็นต์ ส่วนที่เหลืออีก 50 เปอร์เซ็นต์ นำมาจัดสรรให้ชาวบ้านเช่าเป็นที่ทำกิน

ตรงนี้นายลุ้นมองว่าจะเป็นปัญหาเนื่องจากว่า พื้นที่ดังกล่าวถูกบริษัทเอกชนจับจองไปก่อนแล้วกว่า 16,800 ไร่ เหลือพื้นที่อีกไม่ถึง 7,000 ไร่ที่จะนำมาจัดสรรให้กับชาวบ้านที่ได้ยื่นหนังสือเรียกร้องให้เร่งจัดสรรที่ทำกินและทั้งรายชื่อของชาวบ้านที่ต้องการเช่าที่ทำกินในพื้นที่ดังกล่าวกว่า 3,913 ราย ซึ่งเกรงว่าจะมีปัญหาในการจัดสรรพื้นที่ แม้ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดบุรีรัมย์ จะรับปากในที่ประชุม อบต.ว่าจะหาพื้นที่มาเพิ่มให้เท่ากับ 16,800 ไร่ ที่บริษัทได้ไป

ด้านนายไสว ชาวบ้านในพื้นที่อีกคนหนึ่งกล่าวว่า อดีต ต.ลำนางรอง อ.โนนดินแดง จ.บุรีรัมย์เป็นพื้นที่สีแดงรัฐบาลมีนโยบายเปิดพื้นที่ป่าให้ชาวบ้านเข้าไปทำกินเมื่อปี 2515-2516 โดยให้ชาวบ้านเป็นกันชน แต่เมื่อในพื้นที่สงบได้มีนโยบายให้ชาวบ้านอพยพออกจากพื้นที่ โดยจัดสรรที่ดินในพื้นที่อื่นให้ แล้วให้บริษัทเอกชนเข้ามาเช่าปลูกป่ายูคาลิปตัสในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งตั้งแต่ปี 2545 เป็นต้นมาชาวบ้านประสบปัญหาชุมชนขยายที่ดินทำกินไม่เพียงพอ เมื่อต่อมาได้บริษัทเอกชนหมดสัญญาเช่า ชาวบ้านจึงได้เข้าไปปฏิบัติการปฏิรูปที่ดินโดยชุมชน

พื้นที่ “สุราษฎร์” ยังระอุ เผาบ้านพักชาวบ้านไปแล้ว 19 หลัง

นายบุญฤทธิ์ ภิรมย์ เกษตรกรจาก อ.บางพระแสง จ.สุราษฎร์ธานี สหพันธ์เกษตรภาคใต้ กล่าวถึงกรณีปัญหาในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี ใน 2 พื้นที่ คือ พื้นที่แรกใน อ.พระแสง กลุ่มเกษตรกรไร้ที่ดินชุมชนสันติพัฒนา สหพันธ์เกษตรกรภาคใต้ ถูกดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและอาญา รวม 15 คน เนื่องจากเข้าไปอยู่อาศัยในพื้นที่ของบริษัทบริษัทสหพัฒนาอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม จำกัด (มหาชน) ตั้งแต่เมื่อปี 2550 ซึ่งก่อนหน้านั้นได้มีการตรวจสอบรวมกับคณะกรรมการระดับอำเภอพบว่าบริษัทฯ ได้บุกรุกเข้าไปในเขตป่าถาวรและเขตพื้นที่ปฏิรูปโดยไม่มีเอกสารสิทธิ์ แต่ต่อมาปี 2551 ชาวบ้านกลับถูกฟ้องร้องในข้อหาบุกรุกพื้นที่ป่าถาวรและพื้นที่ของเอกชน

นอกจากนี้ยังมีการคุกคามโดยกลไกอำนาจรัฐ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ได้เข้าไปดูแลพื้นที่บ้านพักคนงานของบริษัทเอกชน ซึ่งถือว่าเป็นการวางตัวไม่เป็นกลางในฐานะผู้ให้บริการประชาชน ทั้งนี้ได้มีการนำเสนอเรื่องไปทางต้นสังกัดให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวแล้ว

พื้นที่ต่อมาคือพื้นที่ อ.ชัยบุรี ซึ่งล่าสุดมีเหตุการณ์เผาและไล่รื้อบ้านพักของชาวบ้านในพื้นที่ชุมชนประชาร่วมใจรวมกว่า 19 หลัง นอกจากนั้นยังมีกลุ่มชายฉกรรจ์พร้อมอาวุธปืนได้เดินสายข่มขู่ชาวบ้านไร้ที่ดินในพื้นที่ปฏิรูปที่ดินชุมชนพฤกษาชาติ ชุมชนไทรงาม และชุมชนประชาร่วมใจ ซึ่งตั้งอยู่ที่ หมู่ 5 .ไทรทอง อ.ชัยบุรี จ.สุราษฎร์ธานี ออกจากพื้นที่ หากไม่ย้ายออกไปจากพื้นที่ อาจได้รับอันตรายถึงชีวิต

นายบุญฤทธิ์กล่าวต่อมาถึงเรื่องการจัดทำโฉนดชุมชนว่าเป็นเป้าหมายสูงสุดในการปฏิรูปที่ดิน ซึ่งจะเป็นผลดีต่ออนาคตของลูกหลาน เพราะช่วยป้องกันการแปลงที่ดินเป็นสินค้า หรือเป็นต้นทุนในการผลิต คือโฉนดที่ดินจะไม่สามารถขายได้ ลดการเปลี่ยนมือในการถือครองที่ดิน นอกจากนั้นยังช่วยยุติการโค่นล้มทำลายป่าเพราะต้องการที่ดินเพื่อทำการเกษตร หากที่แถลงไว้ทำไม่ได้ในที่สุดชาวบ้านก็ต้องบุกป่า เพื่อยุติการคุกคามป่า เกษตรกรต้องมีที่ดินเป็นของตนเอง

ทั้งนี้ พื้นที่ชุมชนประชาร่วมใจเป็นพื้นที่ปฏิรูปที่ดินของชาวบ้านผู้ไร้ที่ดิน อ.ชัยบุรี จ.สุราษฎร์ธานี โดยที่ดินอยู่ในความดูแลของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ซึ่งเดิมได้อนุญาตให้บริษัทชัยบุรีปาล์มทองเช่าสำหรับปลูกปาล์มน้ำมันจำนวนกว่า 15,000 ไร่ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2528 ถึงปี พ.ศ.2543 แต่ในปี 2531 บริษัทดังกล่าวเกิดความขัดแย้งภายใน มีการแยกตัวออกเป็น 6 กลุ่ม จากนั้นปี 2537 พื้นที่ ต.ไทรทอง อ.ชัยบุรี และพื้นที่ใกล้เคียงถูกประกาศเป็นเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม โดยมีกลุ่มนายทุนเข้าไปบุกรุก ครอบครองและทำประโยชน์ ในแปลงดังกล่าวมาจนถึงปัจจุบัน

ด้านนายสมศักดิ์ เพชรจุ้ย สหพันธ์เกษตรภาคใต้ อ.ชัยภูมิ กล่าวถึงสถานการณ์ในพื้นที่บริษัทรวมชัยบุรีปาล์มทอง จำกัด 1ใน 6 กลุ่ม บริษัทที่แยกออกมาจากบริษัทชัยบุรีปาล์มทอง ซึ่งครอบครองที่ดิน 1,755 ไร่เศษว่า มีประชาชนอยู่ในพื้นที่ 764 คนที่ต้องอยู่ด้วยความหวาดกลัวจากกลุ่มอิทธิพลเถื่อนที่มีอาวุธครบมือเข้ามาข่มขู่กำหนดให้ชาวบ้านออกจากพื้นที่ภายในเวลา 5 วัน โดยยังไม่มีหน่วยงานใดเข้าไปดูแลให้มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน นอกจากนั้นในส่วนของแกนนำในพื้นที่ยังถูกตั้งค่าตัวและมีการข่มขู่ลูกเมียไม่ให้อยู่ในพื้นที่

“ชีวิตคนมันมีค่า นายกช่วยพิจารณาด้วย คนจนก็คนเหมือนกัน” นายสมศักดิ์ กล่าวเรียกร้องให้นายกเข้ามาดูแลปัญหาความเดือดร้อนในพื้นที่

นายสุรพล สงฆ์รักษ์ เครือข่ายปฏิรูปที่ดินฯ ตัวแทนสหพันธ์เกษตรภาคใต้ กล่าวถึงการดำเนินงานในการแก้ปัญหาในพื้นที่ขณะนี้ว่า พื้นที่ซึ่งอยู่ในการดูแลของ ส.ป.ก.จังหวัดสุราษฎร์ธานี ทาง ส.ป.ก.ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบรังวัดและมีหนังสือให้ผ่อนผันส่งไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด แต่ทางผู้ว่าฯ ได้ทำหนังสือยอนกลับลงวันที่ 8 เมษายน 2552 ไม่เห็นด้วยกับแนวทางการแก้ไขปัญหาของคณะกรรมการอำนวยการฯ ซึ่งตรงนี้แสดงให้เห็นว่าปัญหาและอุปสรรค์อยู่ที่ข้าราชการในระดับพื้นที่เอง

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 2 ม.ค.43 ทาง ส.ป.ก.ได้ฟ้องขับไล่บริษัทออกจากพื้นที่เนื่องจากครบ 15 ปีของสัญญาเช่า แต่อย่างที่ทราบกันคือกระบวนการยุตธรรมค่อนข้างล่าช้า ทั้งนี้ในวันที่ 4 มิ.ย.นี้จะมีการประชุมของคณะทำงานในส่วนที่ ส.ป.ก.ตั้งขึ้นมาเพื่อลงไปในพื้นที่เอง

อนึ่ง ในพื้นที่มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงมาแล้วตั้งแต่ปี 2546 ซึ่งมีคณะกรรมการที่มีองค์ประกอบจากทุกฝ่ายรวมถึงหน่วยงาน สปก.จากส่วนกลางและในพื้นที่ จ.สุราษฏร์ธานี ล่าสุดเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาได้ทำการรังวัดพื้นที่ด้วยระบบข้อมูลจากการ ตรวจสอบพิกัดดาวเทียม (GPS) และได้จัดสรรที่ดินให้เกษตรกรในพื้นที่ชุมชนประชาร่วมใจคนละครึ่งไร่สำหรับที่อยู่อาศัยก่อนในเบื้องต้น

เครือข่ายปฏิรูปที่ดินฯ เสนอเร่งประชุมคณะกรรมการอำนวยการฯ

นายสุรพล กล่าวถึงข้อเสนอต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี 3 ข้อ ว่า 1.ให้เร่งดำเนินการให้เกิดการประชุมคณะกรรมการอำนวยการเพื่อแก้ไขปัญหาของเครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทยภายในวันที่ 12 มิ.ย.52 เพื่อแก้ไขปัญหาอุปสรรคและเร่งรัดให้ดำเนินการตามมติที่ประชุมคณะกรรมการเมื่อวันที่ 11 มี.ค.52

2.ให้สั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้กำกับการตำรวจ จ.สุราษฎร์ กระบี่ และบุรีรัมย์ ให้ยุติการดำเนินการใดๆ ที่จะเป็นเหตุให้เกิดความรุนแรง และให้ปราบปรามมือปืน กองกำลังเถื่อนติดอาวุธสงคราม ไม่ให้ทำลายทรัพย์และชีวิตขอสมาชิกเครือข่ายปฏิรูปที่ดินฯ และกำชับให้มีการดำเนินงานตามกรอบ นโยบายของคณะกรรมการอำนวยการฯ 3.ให้เร่งสั่งการไปยังส่วนราชการที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะ จ.สุราษฎร์ธานี กระบี่ บุรีรัมย์ ตรัง และพัทลุง ให้ข้าราชการประจำปฏิบัติตามนโยบายรัฐบาลและมติการประชุมวันที่ 11 มี.ค.ที่ผ่านมา ตลอดจนถึงผลการประชุมของคณะอนุกรรมการทุกชุด ระหว่างรัฐบาลกับเครือข่ายปฏิรูปที่ดินฯ

นอกจากนั้นยังได้เรียกร้อง และเชิญชวนไปยังสื่อสารมวลชนแขนงต่างๆ ลงพื้นที่เพื่อดูข้อเท็จจริง และนำเสนอข้อมูลข่าวสารต่อสาธารณชนให้รับรู้ และเข้าใจสถานการณ์ปัญหาอย่างถูกต้องต่อไป

ทั้งนี้ เครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทย (คปท.) ประกอบด้วย เครือข่ายองค์กรชุมชนรักเทือกเขาบรรทัด เครือข่ายสลัม 4 ภาค เครือข่ายปฏิรูปที่ดินภาคอีสาน สหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ สหพันธ์เกษตรกรภาคใต้ รวมทั้งประชนในกรณีปัญหาสหกรณ์การเช่าที่ดิน พิชัยภูเบนทร์ จ.อุตรดิตถ์ และกรณีปัญหาสหกรณ์การเช่าที่ดินคลองโยง จ.นครปฐม

ลำดับเหตุการณ์การแก้ไขปัญหาของเครือข่ายปฏิรูปที่ดินฯ กับรัฐบาล

11 ก.พ.2552

เครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทยเข้ายื่นหนังสือต่อรัฐบาล เพื่อให้เร่งรัดดำเนินการแก้ไขปัญหา และจัดตั้งคณะกรรมการระดับชาติ เพื่อกำกับดูแล ติดตาม และเร่งรัดการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกิน ที่อยู่อาศัยและปัญหาความเดือดร้อนต่างๆ โดยตัวแทนของเครือข่ายฯ ได้เข้าประชุมหารือกับนายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย

410 มี.ค.2552

ชุมนุมบริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อทวงถามความคืบหน้าจากรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมผลักดันให้เกิดแนวทาง ยุทธศาสตร์ และแผนงานที่ชัดเจนในการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินให้แก่เกษตรรายรายย่อย และกลุ่มคนไร้ที่ดินทำกินทั้งในระสั้นและระยะยาว

5 มี.ค.2552

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เดินทางมาพบกลุ่มเครือข่ายปฏิรูปที่ดินฯ ที่ชุมนุมบริเวณด้านข้างทำเนียบรัฐบาล ยืนยันรัฐบาลจะแก้ปัญหาที่ดินทำกินให้กับผู้ชุมนุม หลังจากในช่วงเช้าเครือข่ายฯ เดินเท้าจากทำเนียบรัฐบาลไปที่กระทรวงมหาดไทย เพื่อทักท้วงการประสานงานแก้ไขปัญหาคนจนไม่ถูกจุดของนายถาวร

9 มี.ค.2552

สำนักนายกรัฐมนตรีได้ทำหนังสือที่ 71/2552 ลงวันที่ แต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการเพื่อแก้ไขปัญหาของเครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทย

11 มี.ค.2552

ประชุมคณะกรรมการอำนวยการเพื่อแก้ไขปัญหาของเครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทยนัดแรกโดยมีนายกรัฐมนตรีเข้าร่วมเป็นประธาน

24 มี.ค.2552

นายกรัฐมนตรีได้เซ็นหนังสือแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ รวม 6 คณะ

27 มี.ค. 2552

องค์กรชุมชนบ้านตระ ต.ปะเหลียน อ.ปะเหลียน จ.ตรัง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายองค์กรชุมชนรักษ์เทือกเขาบรรทัด ถูกเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเทือกเขาบรรทัด จำนวนกว่า 50 คนพร้อมอาวุธ เข้าไปตัดฟันต้นยางของชาวบ้านในพื้นที่ โดยอ้างว่าเป็นการ แผ้วถางบุกรุกทำให้ชาวบ้านจำนวนกว่า 200 คนทั้งเด็กและคนแก่ทำการล้อมเจ้าหน้าที่ป่าไม้ทั้งหมดไว้ในพื้นที่กว่า 1 วัน 1 คืน เต็มๆ

9 พ.ค.2552

นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและคณะ เดินทางตรวจเยี่ยมพื้นที่การจัดการทรัพยากรชุมชนอย่างยั่งยืน “กรณีโฉนดชุมชน” บ้านทับเขือ-ปลักหมู ต.ช่อง อ.นาโยง จ.ตรัง

19 พ.ค.2552

ชุมชนประชาร่วมใจ อ.ชัยบุรี จ.สุราษฎร์ธานี ถูกชายฉกรรจ์พร้อมอาวุธปืนจำนวน 5-6 คน เข้าไปในพื้นที่ชุมชนประชาร่วมใจ ใช้อาวุธปืนลูกซองยิงข่มขู่และได้ทำการเผาบ้านพักชั่วคราวของชาวบ้านในชุมชนจำนวน 8 หลัง

21 ..2552

มีปฏิบัติการเช่นเดียวกันกับวันที่19 พ.ค.2552 โดยมีการเผาบ้านพักชั่วคราวของชาวบ้านในชุมชนประชาร่วมใจ อ.ชัยบุรี จ.สุราษฎร์ธานี ไปอีก 11 หลัง

28 พ..2552

การแถลงข่าวกรณีพื้นที่สัญญาเช่า อ.โนนดินแดง จ.บุรีรัมย์ ในพื้นที่หมู 1 บ้านลำนางรอง ต.ลำนางลอง อ.โนนดินแดง จ.บุรีรัมย์ ในประเด็นยุทธการชิงแผ่นดินอำเภอโนนดินแดง จ.บุรีรัมย์ใครเป็นใคร วิธีการที่หน่วยงานของรัฐระดับพื้นที่ไม่ดำเนินการตามนโยบายที่รัฐบาลได้แถลงต่อรัฐสภา และกระบวนการติดตามแก้ไขปัญหาในระดับพื้นที่และระดับนโยบาย

แถลงการณ์เครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทย

คืบหน้าหรือล้มเหลว ???

ผลการแก้ไขปัญหาระหว่างเครือข่ายปฏิรูปที่ดินกับรัฐบาล

เครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทย (คปท.) ประกอบด้วยเครือข่ายองค์กรชุมชนรักเทือกเขาบรรทัด เครือข่ายสลัม 4 ภาค เครือข่ายปฏิรูปที่ดินภาคอีสาน สหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ สหพันธ์เกษตรกรภาคใต้ ซึ่งมีภารกิจสำคัญในการปกป้องสิทธิและการเรียกร้องสิทธิในที่ดินทำกิน รวมถึงการรณรงค์ผลักดันในระดับนโยบายให้เกิดการกระจายการถือครองที่ดินในสังคมไทย ซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ2550 มาตรา85 รัฐต้องดำเนินการตามนโยบายด้านที่ดินทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและใน (2) การกระจายการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรมและดำเนินการให้เกษตรมีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิในที่ดินเพื่อประกอบเกษตรกรรมอย่างทั่วถึงโดยการปฏิรูปที่ดินหรือวิธีอื่นรวมทั้งจัดหาแหลงน้ำเพื่อเกษตรกรมีน้ำใช้อย่างพอเพียงและเหมาะสมแก่การเกษตร”

ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2551มีสาระสำคัญคือคุ้มครองและรักษาพื้นที่ที่เหมาะสมกับการทำเกษตรกรรมที่ได้มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านชลประทานแล้วเพื่อเป็นฐานการผลิตในระยะยาวฟื้นฟูคุณภาพดิน จัดหาที่ดินทำกินให้แก่เกษตรกรยากจนในรูปของธนาคารที่ดิน และเร่งรัดการออกเอกสารสิทธิให้แก่เกษตรกรยากจนและชุมชนที่ทำกินอยู่ในที่ดินของรัฐที่ไม่มีสภาพป่าแล้วในรูปของโฉนดชุมชน รวมทั้งสนับสนุนการพัฒนาการเกษตรในรูปของนิคมการเกษตร

คปท.ได้มีการชุมนุมในช่วงวันที่ 4 12 มีนาคม 2552 กระทั่งนำมาสู่การแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการแก้ไขปัญหาของเครือข่าย โดยมีนายกรัฐมนตรี (นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ) เป็นประธาน และดำเนินการประชุมครั้งแรกร่วมกันในวันที่ 11 มีนาคม 2552 นั้น ซึ่งผลการประชุมดังกล่าวได้มีมติเห็นชอบกรอบนโยบายการแก้ไขปัญหา โดยยึดปัญหาพื้นฐานของประชาชนและนโยบายรัฐบาลเป็นหลักสำคัญ พร้อมกันนี้ ได้ให้ความเห็นชอบการแก้ไขปัญหาเร่งด่วน และการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหา ทั้งสิ้น 6 ชุด ตามประเภทปัญหาที่ดินของเครือข่าย ทั้งนี้ เพื่อพัฒนาไปสู่การจัดการที่ดินในรูปแบบ โฉนดชุมชน และการจัดตั้ง ธนาคารที่ดิน ตามเจตนารมณ์ของนโยบายที่รัฐบาลได้แถลงต่อรัฐสภาก่อนเข้าบริหารประเทศ

ตลอดระยะเวลากว่า 2 เดือนที่ผ่านมา คปท. ได้ใช้กรอบนโยบาย และกลไกดังกล่าวข้างต้น เป็นเครื่องมือสำคัญในการทำงาน ซึ่งในบางกรณีมีความคืบหน้าเป็นลำดับ แต่อย่างไรก็ตาม มีหลายกรณีที่เป็นไปในลักษณะที่ถอยหลังและไม่ให้ความสำคัญกับกรอบนโยบายที่นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายต่อที่ประชุม เช่น

กรณีคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาชุดป่าไม้ ที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (นายสุวิทย์ คุณกิตติ) เป็นประธาน ภายหลังการประชุมครั้งแรกเมื่อวันที่ 7 เมษายน 2552 ยังไม่มีการดำเนินการตามมติที่ประชุมใดๆทั้งสิ้น อีกทั้งข้าราชการประจำบางส่วนยังคงยืนยันแนวทางการแก้ไขปัญหาตามมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 30 มิถุนายน 2541 เป็นหลัก โดยไม่ได้ให้ความสำคัญกับแนวทางนโยบายที่มีการตกลงร่วมกันแต่อย่างใด

กรณีมติที่ประชุมคณะอำนวยการให้มีการแต่งตั้งคณะทำงานด้านคดีเพื่อช่วยเหลือชาวบ้านที่ถูกคดีทั้งทางอาญาและทางแพ่ง จนถึงปัจจุบันไม่มีความคืบหน้าในการดำเนินการแต่งตั้งแต่อย่างใด แม้จะไม่มีการจับกุมและดำเนินคดีกับสมาชิกเครือข่ายเพิ่มเติม แต่กระบวนการพิจารณาทางศาลกลับคืบหน้าไปเรื่อยๆ และมีการใช้อำนาจศาลบังคับคดีกับชาวบ้านในการเรียกค่าเสียหายนับล้านบาทต่อราย

กรณีที่ผู้ว่าราชการ จ.สุราษฎร์ธานี นายประชา เตรัตน์ ทำหนังสือด่วนที่สุดถึงเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 8 เมษายน 2552 ไม่เห็นด้วยกับแนวทางการแก้ไขปัญหาของคณะกรรมการอำนวยการ ที่สำคัญที่สุดคือ ขณะนี้ในพื้นที่ อ.ชัยบุรี จ.สุราษฏร์ธานีมีการข่มขู่ คุกคาม ยิงกราด และทำการเผาบ้านพักชั่วคราวจำนวน 19 หลังโดยชายฉกรรจ์ ส่งผล ให้สมาชิกสหพันธ์เกษตรกรภาคใต้ต้องย้ายพื้นที่ไปอาศัยกับชุมชนใกล้เคียง

อีกทั้งในพื้นที่ ต.ลำนางรอง อ.โนนดินแดง จ.บุรีรัมย์ซึ่งในอดีตเป็นพื้นที่สีแดงรัฐบาลมีนโยบายเปิดพื้นที่ป่าให้ชาวบ้านเข้าไปทำกินเมื่อปี2515-2516 แต่เมื่อพื้นที่สงบได้มีนโยบายให้ชาวบ้านอพยพออกจากพื้นที่ ซึ่งก็คือพื้นที่ป่าเสื่อมโทรมที่ให้บริษัทเอกชนเช่าปลูกป่ายูคาลิปตัสต่อมาและในขณะนี้ได้หมดสัญญาเช่าแล้ว จึงมีสมาชิกเครือข่ายปฏิรูปที่ดินภาคอีสานพื้นที่ อ.โนนดินแดงซึ่งเป็นชาวบ้านกลุ่มเดิมที่เคยทำกินในพื้นที่นี้มาก่อน และได้มีการเคลื่อนไหวเรียกร้องสิทธิในที่ดินทำกินมาอย่างต่อเนื่องจน อบต.ลำนางรองมีมติไม่ให้บริษัทต่อสัญญาเช่า และภายหลังจากหมดสัญญาเช่าเมื่อวันที่ 5 พ.ค.2552 สมาชิกเครือข่ายฯได้เข้าไปใช้ประโยชน์จำนวน 171 ครอบครัว อย่างไรก็ตามได้มีความพยายามให้ร้ายป้ายสีสมาชิกเครือข่ายว่าเป็นกลุ่มองค์กรเถื่อน พร้อมทั้งสร้างกระแสให้เกิดความเข้าใจผิดระหว่างชาวบ้านกลุ่มต่างๆในพื้นที่ ซึ่งจะนำไปสู่การเผชิญหน้าในที่สุด อีกทั้งมีการสร้างกระแสข่าวว่าจะสนธิกำลังเข้าปราบปรามในเร็ววันนี้ หากใครไม่ต้องการถูกจับกุม ให้ออกจากพื้นที่โดยเร็ว

เครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทย ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า สถานการณ์ดังกล่าวข้างต้นขัดแย้งกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญและนโยบายที่รัฐบาลชุดนี้ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา และหากปล่อยให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น ย่อมจะนำไปสู่ปัญหาความรุนแรงที่ยากแก้ไข และเจตนารมณ์การจัดการที่ดินตามแนวทางโฉนดชุมชน ก็จะประสบความล้มเหลวโดยสิ้นเชิง ดังนั้น เพื่อให้กระบวนการทำงานร่วมระหว่างรัฐบาลกับเครือข่าย เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และบรรลุเจตนารมณ์ร่วมกัน อีกทั้ง เพื่อให้เกิดการเผยแพร่ข้อเท็จจริงของปัญหาในพื้นที่ต่างๆ เป็นไปอย่างตรงไปตรงมา และสาธารณชนได้รับรู้ เข้าใจโดยทั่วกัน เครือข่ายจึงมีข้อเสนอ ดังนี้

1.ให้นายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เร่งดำเนินการให้เกิดการประชุมคณะกรรมการอำนวยการเพื่อแก้ไขปัญหาของเครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทยภายในวันที่ 12 มิ.ย.2552 เพื่อแก้ไขปัญหาอุปสรรคและเร่งรัดให้ดำเนินการตามมติที่ประชุมคณะกรรมการเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2552

2.ให้นายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สั่งการไปยังผู้ว่าราชการ ผู้กำกับการตำรวจจังหวัดสุราษฎร์ กระบี่ และบุรีรัมย์ ให้ยุติการดำเนินการใดๆที่จะเป็นเหตุให้เกิดความรุนแรง และให้ปราบปรามมือปืน กองกำลังเถื่อนติดอาวุธสงคราม มิให้ทำลายทรัพย์ชีวิตของประชาชนสมาชิกเครือข่ายปฏิรูปที่ดิน และกำชับให้มีการดำเนินงานตามกรอบ นโยบายของคณะกรรมการอำนวยการแก้ไขปัญหาของ คปท.

3.ให้นายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เร่งสั่งการไปยังส่วนราชการที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะจังหวัดสุราษฎร์ธานี กระบี่ บุรีรัมย์ ตรัง และพัทลุง ให้ข้าราชการประจำปฏิบัติตามนโยบายรัฐบาลและมติการประชุมวันที่ 11 มี.ค.ตลอดจนถึงผลการประชุมของคณะอนุกรรมการทุกชุด ระหว่างรัฐบาลกับ คปท.

4.ขอเรียกร้อง และเชิญชวนสื่อสารมวลชนแขนงต่างๆ ลงพื้นที่เพื่อดูข้อเท็จจริง และนำเสนอข้อมูลข่าวสารต่อสาธารณชนให้รับรู้ และเข้าใจสถานการณ์ปัญหาอย่างถูกต้องต่อไป

เครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทย ยังคงสนับสนุนและมีความคาดหวังอย่างยิ่งว่ากระบวนการแก้ไขปัญหาตามแนวทาง นโยบายที่ตกลงร่วมกันของคณะกรรมการอำนวยการแก้ไขปัญหาของเครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทย จะสามารถเป็นกุญแจสำคัญในการแก้ไขปัญหาข้อพิพาทเรื่องที่ดิน และพัฒนาไปสู่การจัดการที่ดินในรูปแบบ โฉนดชุมชน ให้ปรากฏเป็นจริงขึ้นในสังคมไทย ต่อไป

สมานฉันท์

เครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทย

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

-นักข่าวพลเมืองรายงาน: ชาวบ้านพื้นที่ปฏิรูปที่ดิน อ.ชัยบุรี ร้องเรียน ผบช.ภ.8 หลังโดนคุกคามหนัก

-นักข่าวพลเมือง: บ้านพักชุมชนประชาร่วมใจถูกเผา

-รายงาน : เมื่อผู้บุกเบิกกลายเป็นผู้บุกรุก ในสงครามชิงป่าดงใหญ่ที่อีสานใต้

-อีสานใต้ระอุ!! ศึก 3 เส้ารับรัฐบาลใหม่ รัฐต้องการป่า นายทุนต้องการยูคาฯ คนจนต้องการที่ทำกิน

เสื้อแดงชุมนุมใหญ่ 27 มิ.ย. คนโดนคดีเดือนเมษาโวยตร.ไม่เป็นธรรม "ณัฐวุฒิ"เตรียมฟ้องนายกฯ สั่งยิง ปชช.

ที่มา ประชาไท

30 พ.ค.52 ที่ร้านสภากาแฟ ห้างสรรพสินค้าอิมพีเรียล ลาดพร้าว ชั้น 6 ที่ตั้งบริษัทเพื่อนพ้องน้องพี่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำคนเสื้อแดงทีมรายการความจริงวันนี้ พร้อมด้วยคนเสื้อแดงที่อยู่ระหว่างถูกดำเนินคดีจากเหตุการณ์ความวุ่นวายในเดือนเม.ย. แถลงข่าวถึงการเตรียมยื่นหนังสือร้องต่ออัยการในวันที่ 1 มิ.ย. และนัดชุมนุมใหญ่ ในวันที่ 27 มิ.ย.

นายจตุพร กล่าวว่า ในวันที่ 1 มิ.ย. แกนนำคนเสื้อแดงและคนเสื้อแดงที่ถูกดำเนินคดีทั้งหมด จะเดินทางไปที่สำนักงานอัยการสูงสุดเพื่อร้องขอความเป็นธรรมในประเด็นขอให้มีการสอบสวนพยานเพิ่มเติม ตามที่ได้ทราบว่า คนเสื้อแดงได้ออกมาทักท้วง เรื่องการดำเนินคดีคนเสื้อแดง คนเสื้อเหลืองรวมทั้งคนเสื้อสีน้ำเงินโดยใช้คนละมาตรฐาน ซึ่งเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานั้น คดีที่คนเสื้อเหลืองบุกยึดทำเนียบรัฐบาล ยังมีการสั่งเลื่อนคดีให้มีการสอบสวนเพิ่มเติมไปในวันที่ 14 ก.ค. ทั้งที่เหตุการณ์ล่วงเลยมาหลายเดือน แต่กรณีของคนเสื้อแดง กลับไม่ได้รับโอกาสเฉกเช่นนั้นเลย ยังไม่นับคดีการยึดสนามบินสุวรรณภูมิที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวเท็จว่าจะมีการสั่งฟ้อง เมื่อเดือนที่ผ่านมา จนกระทั่งบัดนี้ยังไม่มีการสั่งฟ้อง และการกล่าวอ้างเวลานั้น ก็คือจะมีการสอบสวนพยานเพิ่มเติมอีก 4 ปาก แต่กรณีที่มีการดำเนินคดีกับคนเสื้อแดง ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่พัทยา เชียงใหม่ เชียงราย และจังหวัดอื่นๆ รวมถึงกรุงเทพฯ ไม่ว่าจะเป็นสามเหลี่ยมดินแดง กระทรวงมหาดไทย และที่ทำเนียบรัฐบาลนั้น ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งพล.ต.อ.พัชรวาท วงศ์สุวรรณ ได้แต่งตั้งให้ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ เป็นผู้รับผิดชอบคดี และก็ตั้ง พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน เราต้องการให้ดำเนินคดีกับคนเสื้อแดงมาตรฐานเดียวกับคนเสื้อเหลืองหรือเสื้อสีน้ำเงิน หรือคนไทยคนใดก็ตาม แต่วิธีที่ทำกับเราเวลานี้เป็นการเลือกปฏิบัติ ไร้มาตรฐาน ปัญหาคือ พวกเราจะงอมือ งอตีนให้ทำฝ่ายเดียวหรือเปล่า ตนขอบอกเลยว่าชั้นพนักงานสอบสวนนี่เฮงซวยที่สุด สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีบางคนเป็นทาสรับใช้ รับคำสั่งมาปฏิบัติ และถ้าอัยการสูงสุดให้ความเป็นธรรม เราจะยื่นขอเปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวนและผู้รับผิดชอบคดีนี้ ไม่ว่าจะเป็น พล.ต.อ.ธานี พล.ต.ต.อำนวย เพราะการสอบสวนเป็นไปโดยอยุติธรรม ทั้งนี้เห็นว่าการสอบสวนควรมีจำนวนพยานฝ่ายจำเลยไม่น้อยไปกว่าจำนวนพยานโจทก์ด้วย

เป็นที่น่าสังเกตุอย่างชัดเจนว่าทุกคดีของคนเสื้อแดงนั้นได้ดำเนินคดีไปอย่างรีบเร่ง เป็นการสอบพยานฝ่ายเดียวคือฝ่ายผู้กล่าวหา แต่พยานของฝ่ายจำเลยนั้น ไม่มีการตรวจสอบแต่ประการใด ยกตัวอย่างคดีของพัทยา มีการร้องขอความเป็นธรรมมากมาย แต่ท้ายที่สุดก็ไม่มีการรับฟัง และจะมีการฟ้องศาล เมื่อวันที่ 29 พ.ค. ท้ายที่สุดก็มีการเลื่อน ไปเป็นวันที่ 4 มิ.ย. แต่มันชี้ได้อย่างชัดเจนว่าคดีของคนเสื้อแดงนั้นเป็นไปด้วยความรีบเร่ง แต่ 240 คดีของกลุ่มพันธมิตรฯนั้น ไม่ได้มีการขยับเขยื้อน มีคดีแต่ไม่มีการดำเนินคดี กรณีเสื้อสีน้ำเงินยิ่งแล้วใหญ่ นี่ยิ่งกว่าเป็นเทวดาในประเทศนี้เสียอีก เพราะฉะนั้นในวันที่ 1 มิ.ย. เวลา 9.00น. พวกเราก็จะไปที่สำนักงานอัยการสูงสุด เพราะในชั้นพนักงานสอบสวน ไม่ได้ให้ความเป็นธรรมกับคนเสื้อแดงโดยสิ้นเชิง เพราะฉะนั้นจะไปร้องเพื่อให้มีการสอบสวน เพิ่มเติม เพราะไม่มีคดีไหนหรอกครับที่ไปสอบเฉพาะพยานของฝ่ายผู้กล่าวหาฝ่ายเดียวส่วนฝ่ายจำเลยหรือผู้ต้องหานั้น กลับไม่มีการสอบสวนเลย ไม่มีการดำเนินคดีที่ใดในโลกเป็นแบบนี้ ยกเว้นคดีที่เกี่ยวข้องกับคนเสื้อแดง ถ้าเราไม่ได้รับความเป็นธรรมในขั้นตอนนี้ก็ต้องดำเนินการต่อสู้อย่างถึงที่สุดต่อไป เพราะเรื่องนี้นั้น เป็นที่ทราบกันว่ามีใบสั่งตั้งแต่ชั้นพนักงานสอบสวนเป็นต้นมาและโดยพฤติกรรมก็น่าเชื่อว่าได้มีการสั่งการมา 100 เปอร์เซ็นต์จริง เพราะทุกคดีนั้นเป็นไปด้วยความรีบเร่ง และขณะนี้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในฐานะผู้กำกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทั้งที่ตัวเองยังมีข้อสงสัยเรื่องอำนาจตามกฎหมายว่ามีสิทธิ์ที่จะบังคับหรือไม่ ณ ขณะนี้ถูกศาลอุทธรณ์ ชี้ผิด ตามที่ กกต. ทำสำนวนเรื่องการทุจริตการเลือกตั้งที่ จ.สุราษฎ์ธานี จะต้องมีการดำเนินคดี ในชั้นของตำรวจ แต่เมื่อนายสุเทพ กำกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เราจะหาความเป็นธรรมได้อย่างไร เพราะฉะนั้น รัฐบาลภายใต้การนำของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ควรจะรีบตัดสินใจในเรื่องนี้โดยฉับพลัน มิเช่นนั้น กรณีนี้จะไปซ้ำรอยกับคดีคนเสื้อเหลือง คนเสื้อน้ำเงินที่ไม่มีการดำเนินคดีนายจตุพรกล่าว

นายจตุพร กล่าวว่า คนเสื้อแดงเป็นเหยื่อของสถานการณ์ โดยระบุว่า เมื่อวันที่ 29 พ.ค. ซึ่งนายอภิสิทธิ์ ได้ไปบรรยายให้นักธุรกิจฟังก็ได้ระบุว่าในเดือน มิ.ย.จะมีการก่อความวุ่นวาย สร้างความรุนแรง จะมีการเผาบ้าน เผาเมืองกันอีก

ผมขอเรียนไปยังนายอภิสิทธิ์ว่าคุณกำลังกล่าวเท็จและใส่ร้ายคนเสื้อแดง ทุกคดีเวลานี้นั้น ยังไม่ได้มีการพิจารณาจนถึงที่สุด และพวกเราก็เรียกร้องให้มีการดำเนินการจนถึงที่สุดเช่นเดียวกัน อยากให้นายอภิสิทธิ์ เร่งการสอบสวนกรณีการยิงคน 2 คนที่ตลาดนางเลิ้ง ซึ่งข้อมูลเบื้องต้นนั้นเป็นพฤติกรรมของพวกเดียวกันและคนของรัฐบาลรู้ดีที่สุด แล้วพวกเรายังตั้งรางวัลนำจับ ศพละ 5 แสนบาทเหมือนเดิม คดียิงมัสยิดซอย 5 ซอย 7 ทำไมพนักงานสอบสวนเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีการดำเนินคดีใดๆ เรื่องการยึดรถแก๊ส ไม่ว่าจะเป็นที่ดินแดงหรือคิงพาวเวอร์ เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีไปถึงไหน เพราะมี ส.ส.พรรคเพื่อไทยไปแจ้งความรวมทั้งกรณีเอารถเมลล์มาเผา และท้ายที่สุด คดีที่กระทรวงมหาดไทย ซึ่งเมื่อวัศุกร์ที่ผ่านมา มีการเอาคนขับรถนายกฯ รปภ.นายกฯ และสุพร อัตถาวงศ์ ไปให้ปากคำ ซึ่งคำให้การของนายกรัฐมนตรี เมื่อวันศุกร์ มีบางตอนที่กล่าวเท็จ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ทั้งหมดจะเป็นเรื่องการดำเนินคดี แม้นายกฯอภิสิทธิ์ ได้มาข่มขู่ผมว่าถ้าไม่หยุดพูดจะฟ้องคดีหมิ่นประมาท แต่ในวันที่บ้านเมืองมีกระบวนการยุติธรรมแบบยุติธรรม คุณจะต้องถูกดำเนินคดีข้อหาให้การอันเป็นเท็จ และที่คุณให้การนั้นขัดแย้งกับที่คุณให้การไว้ก่อน รวมกระทั่งว่าที่ขอประชุมลับเมื่อวานนี้ คือรายงานข่าวของทีวีช่องไทยทีพีบีเอส เขารายงานข่าวชัดเจนว่านายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ ได้ออกจากกระทรวงมหาดไทยไปก่อนที่คนเสื้อแดงจะไปถึง โดยคนเสื้อแดงเข้าใจผิดว่าทั้ง 2 คนอยู่ในรถประจำตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นี่เป็นข่าวไทยทีพีบีเอสรายงานสดต่างกรรมต่างวาระทั้งวัน ในวันที่ 12 เม.ย. สามารถดูย้อนหลังได้ ฉะนั้น โดยพฤติกรรมเบื้องต้น พวกผมก็เห็นว่า คนของรัฐบาลเองเป็นพวกไปสร้างสถานการณ์เหมือนเอา ตำรวจโคราช สุรินทร์ ชัยภูมิ บุรีรัมย์ ไปใส่เสื้อสีน้ำเงิน และเอาทหาร 500 นาย มาใส่เสื้อสีแดงสร้างสถานการณ์ในวันที่ 13-14 เม.ย. ทั้งหมดจะมีการพิสูจน์ คนเสื้อแดงจริงๆ ในคดีที่กระทรวงมหาดไทยจะเหลืออยู่ 2 คน ที่พวกผมกำลังตามตัวไปมอบตัว ที่เหลืออีก 10 กว่าคนนั้น เป็นทหารสังกัดกองหนึ่ง ของกองทัพบก และอยากให้พล.อ.อนุพงษ์ ไปสอบฯ เสีย อย่าให้ผมต้องไปประจานถึงกองทัพบกนายจตุพรกล่าว

นายจตุพร กล่าวว่า วันเสาร์ที่ 27 มิ.ย. เวลา 16.00 น. คนเสื้อแดงจะชุมนุมใหญ่ที่สนามหลวงโดยระดมแดงทั้งแผ่นดินครั้งใหญ่อีกรอบ จะมีการตั้งเวทีสนามหลวงติดฝั่งวัดพระแก้ว ขอเชิญชวนคนเสื้อแดง ให้มาร่วมเต็มความจุของสนามหลวง และถ้าเป็นไปได้ครั้งต่อไปก็จะนัดหมายกันใหม่ ให้เต็มไปถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ครั้งต่อไปครั้งที่ 3 ให้ไปถึงกองทัพบกและครั้งที่ 4 จะไปถึงทำเนียบรัฐบาลอีกรอบ และในระหว่างนั้นจะมีการสัญจรไปยังต่างจังหวัดและนายอภิสิทธิ์ก็จะได้พบกับคนเสื้อแดง คนเสื้อแดงจะไม่ไปเผาบ้านเผาเมือง แต่นายอภิสิทธิ์ต่างหากจะต้องไปห้ามปรามไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเสื้อน้ำเงิน หรือกลุ่มที่ใช้กลไกทหารตำรวจอื่นใดที่มาสร้างสถานการณ์ ให้หยุดพฤติกรรมดังกล่าวเสีย

ถ้ารัฐบาลชุดนี้อยากจะตัดสินใจอะไร ผมอยากให้ตัดสินใจก่อนวันที่ 27 มิ.ย.ก็จะดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรถเมล์ 4 พันคัน เรื่องการเช่าที่สาธารณะเรื่องข้าวโพด เรื่องข้าวเพราะจะมีรายละเอียดได้อธิบายเป็นมหาภารตะ ในวันที่ 27 มิ.ย. คือข้อมูลมีอยู่พร้อมแล้ว ผมต้องการรอให้ความผิดสมบูรณ์เท่านั้น เพราะฉะนั้นจะต่อรองยังไงก็ต่อรองไปเถิด แต่อย่าเอาประเทศชาติไปต่อรองด้วย ขนาดที่รอศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกู้เงิน 4 แสนล้าน มาทำมาหากินน่าเกลียดขนาดนั้นจะให้คนไทยรู้สึกยังไง ภาษีก็รีดเขาแล้วเอาคนไทยมาเป็นหนี้ ไม่รู้สึกว่าคนไทยซึ่งเป็นเจ้าของประเทศเขาจะรู้สึกยังไง

ด้านนายณัฐวุฒิ กล่าวว่า การบรรยายของนายอภิสิทธิ์ ที่ไปกล่าวอ้างต่อหน้านักธุรกิจว่าสถานการณ์เศรษฐกิจอาจจะไม่ได้รับการคลี่คลายเพราะมีคนบางกลุ่มซึ่งก็แน่ชัดว่าหมายถึงคนเสื้อแดง ต้องการที่จะทำร้ายบ้านเมืองทำลายความสงบของประเทศ เผาบ้านเผาเมืองกันอยู่

ผมเรียนว่านี่เป็นคำพูดที่มักง่าย ไร้ความรับผิดชอบของรัฐบาลชุดนี้ ต้องบอกไปยังนายอภิสิทธิ์ ว่าถ้าหากไม่มีปัญญาแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ก็อย่าคิดโยนความผิดให้คนเสื้อแดง เพราะสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศวันนี้ มันอยู่ในสภาพการณ์ที่ประเทศไทยโดน 2 เด้ง คือจากภาวะวิกฤตเศรษฐกิจของโลก และจากวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในประเทศไทยจากการยึดทำเนียบรัฐบาลและจากการยึดสนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินดอนเมือง จนส่งผลกระทบกับรายได้สำคัญของชาตินั่นก็คือรายได้จากการท่องเที่ยว ตัวเลขจีดีพีที่ติดลบถึง 7.1 เปอร์เซ็นต์ของไตรมาศแรกในปีนี้ คนในรัฐบาลยังพยายามออกมาพูดว่าสาเหตุเกิดจากการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดง ขณะที่ไตรมาศแรกหมายถึง ม.ค.-มี.ค. คนเสื้อแดงยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ ในลักษณะที่เป็นเหตุการณ์วุ่นวาย ซึ่งเหตุการณ์วุ่นวายที่เกิดขึ้นต้นเดือนเม.ย. ซึ่งเกิดขึ้นจากใครก็ยังเป็นข้อถกเถียงที่จะต้องพิสูจน์กันอยู่ การที่นายอภิสิทธิ์ พูดวานนี้ เป็นการตีข่าวในทำนองว่า เป็นเพราะหมดปัญญาที่จะแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เลยหาตัวแพะรับผิดไว้ก่อน นั่นก็คือคนเสื้อแดง

ผมขอเรียนว่า ต้องพิจารณาให้ดี มิ.ย. ที่จะมาถึงนี่ รัฐบาลชุดนี้เจอศึกหนักแน่นอน จากคนเสื้อแดงเราชุมนุมเราเปิดเผยตั้งแต่ต้นว่าไม่ยอมรับที่มาของรัฐบาลชุดนี้ แต่ศึกหนักที่รัฐบาลแก้ยังไงก็ไม่ตก ก็คือปัญหาเศรษฐกิจ มิ.ย.นี้ คุณอภิสิทธิ์ จะตอบประชาชนได้หรือยังว่าไอ้เช็คช่วยชาติ 2 พันบาทเนี่ย ทำไปพักหนึ่งแล้วเกิดผลดีกับระบบเศรษฐกิจยังไง โครงการต้นกล้าอาชีพมันเกิดผลดีแล้วหรือยัง แผนงานในการระบายสินค้าเกษตร แผนงานในการกระตุ้นการลงทุนระหว่างประเทศ มันมีอะไรที่เป็นรูปธรรมชัดเจนหรือยัง ขณะนี้ความชัดเจนเดียวจากรัฐบาลชุดนี้คือจะกู้เงินใครอย่างไรเท่านั้น นี่ต่างหากคือปัญหาสำคัญของรัฐบาล

จากการเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของรัฐบาลชุดนี้ก็ขออนุญาตทำตัวเป็นโหรอีกคน ขอเรียนว่าถ้ารัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ผ่านเดือนกรกฎาคมไปได้ ผมคิดว่าคงสะบักสะบอมเต็มที มิ.ย.นี้คุณอภิสิทธิ์ จะเจอของจริงทุกด้าน จะเจอว่าเวลาพรรคร่วมรัฐบาลเขาเอาคืน เขาทำกันยังไง จะเจอว่าเมื่อไปขวางทางที่อ้อยจะเข้าปากช้างก็จะเจอการง้างอ้อยที่กำลังจะกลืนลงคอจากพรรคร่วมรัฐบาลเหมือนกัน จะทำกันยังไง เรื่องรถเมล์ 4 พันคัน เรื่องที่ดินที่จะให้เกษตรกรเช่า ทั้งหมดทั้งหลายจะทยอยเข้า ครม. ในเดือน มิ.ย.นี้ นี่ต่างหากคือปัญหาแท้จริงของนายอภิสิทธิ์ ไม่ใช่การชุมนุมของคนเสื้อแดงนายณัฐวุฒิกล่าว

นายณัฐวุฒิ กล่าวด้วยว่า ตนอยากจะฝากไปถึงนายอภิสิทธิ์และนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ที่พยายามจะแสดงบทบาทในการร่วมเรียกร้องประชาธิปไตยในประเทศพม่า รวมกระทั่งเรียกร้องให้รัฐบาลทหารพม่าปล่อยตัวนางอองซาน ซูจี ตนขอเรียนว่าการเรียกร้องประชาธิปไตยของประเทศเพื่อนบ้านก็เป็นจุดยืนที่สวยงาม การสนับสนุนอองซาน ซูจี ก็เป็นแนวทางร่วมกันของฝ่ายประชาธิปไตยทั่วโลกเพียงแต่ว่า คุณอภิสิทธิ์ ต้องไม่ลืมสำนวนไทยคำหนึ่งว่า “ก่อนทำอย่างนี้คุณอภิสิทธิ์ ต้องตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงาตัวเองเสียก่อน”

ผมรู้สึกอับอายและก็รู้สึกว่าประเทศไทยยังโชคดี ที่รัฐบาลทหารพม่าไม่สวนกลับเอาตอนที่รัฐบาลไทยไปเรียกร้องประชาธิปไตยในประเทศเขา ว่าแล้วไอ้ที่คุณเข้ามาเป็นรัฐบาลอยู่ตอนนี้มันใช่ประชาธิปไตยหรือเปล่า ที่คุณนั่งเก้าอี้เป็นนายกรัฐมนตรีอยู่เวลานี้มันเป็นอำนาจจากประชาชนหรืออำนาจเผด็จการซ่อนรูปที่ต่อท่อมาจาก คมช. หรือไม่นายณัฐวุฒิกล่าวและว่า การที่นายอภิสิทธิ์จะแสดงออกอะไรไป อย่าคิดว่าคนในเวทีโลกเขาจะไมรู้ว่าในบ้านเราเป็นยังไง เราเพิ่งเดินตามหลังพม่าในวันที่ 19 ก.ย. และนายอภิสิทธิ์ ก็อาศัยอำนาจจากคนกลุ่มนั้น กลุ่มที่ทำให้เราเดินตามหลังพม่าเข้าสู่ตำแหน่งการเป็นนายกรัฐมนตรี แล้ววันนี้นายอภิสิทธิ์ก็ยื่นหน้าเข้าไปในประเทศพม่า บอกให้เขาเป็นประชาธิปไตย ตนคิดว่าเป็นเรื่องหน้าอาย แต่เมื่อนายอภิสิทธิ์และนายกษิตไม่อาย ตนอายแทนก็ได้

นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ในวันจันทร์ที่ 1 มิ.ย. หลังจากร้องขอความเป็นธรรมจากอัยการแล้ว ในเวลา 18.30น. เราจะเริ่มออกอากาศรายการเพื่อนพ้องน้องพี่ทางโทรทัศน์ดาวเทียมเอ็มวี 5 โดยจะมีตน นายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร นายกอบแก้ว พิกุลทองที่จะเป็นผู้ดำเนินรายการหลัก นอกจากนั้น จะเริ่มจัดรายการความจริงวันนี้ เข้าจอพีเพิลชาแนลในสัปดาห์หน้าเช่นเดียวกัน และมีเอสเอ็มเอสความจริงวันนี้ ที่จะเป็นช่องทางกระจายข่าวระหว่างคนเสื้อแดงหรือประชาชนผู้รักประชาธิปไตย

เมื่อถามว่าการชุมนุมวันที่ 27 มิ.ย. มีวาระในการเรียกร้องอะไร นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เหมือนเดิมภายใต้จุดยืนหลัก เรื่องของการต่อต้านระบอบอมาตยาธิปไตย และขับไล่รัฐบาลชุดนี้ด้วยเหตุผลเป็นผลผลิตของระบอบอมาตย์

เมื่อถามว่า กลุ่มเสื้อแดงจะไปฟังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญประเด็นการออกกฎหมายกู้เงิน ในวันที่ 3 มิ.ย. หรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า คงติดตามจากข่าวเพราะดูท่าทีนายอภิสิทธิ์แล้วดูมั่นใจเป็นพิเศษ

ไม่ทราบว่ามั่นใจในความถูกต้องของการดำเนินการ หรือมั่นใจในวิธีการพิเศษอะไรใดๆ เพราะพรรคประชาธิปัตย์ก็มักจะเป็นพรรคการเมืองที่ได้รับประโยชน์จากหลายๆ คดีที่ผ่านการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญนายณัฐวุฒิกล่าว

เมื่อถามถึงกรณีผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศดำเนินการติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ กับประเทศต่างๆ

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เป็นเรื่องน่าสมเพช ตนคิดว่ารัฐบาลชุดนี้พยายามจะกล่าวหาคนเสื้อแดงว่าไม่เคยก้าวข้ามพ้น พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ความจริงคนเสื้อแดง เขาเดินเลยพ.ต.ท.ทักษิณ มานานแล้ว จนพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเพียงคนร่วมขบวน เพียงแต่รัฐบาลชุดนี้ต่างหากไม่เคยก้าวข้ามพ้นเงาของพ.ต.ท.ทักษิณ เลย กลัวแม้แต่เงา และพยายามกำจัดทุกวิถีทาง รวมทั้งเรื่องการนิรโทษกรรมอดีตกรรมการบริหารพรรคการเมืองด้วย หากไม่มี พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ในกลุ่มที่จะได้รับการนิรโทษด้วย ตอนนี้คงมีการนิรโทษกรรมไปแล้ว

การที่กระทรวงการต่างประเทศของรัฐบาลชุดนี้ ซึ่งได้รัฐมนตรีมาจากคนยึดสนามบิน ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งทำอย่างเดียว คือพยามยามตามไล่ตามจับทักษิณ แล้วก็ไม่เคยประสบความสำเร็จหรือได้รับการสนองตอบเลย จากทุกประเทศที่ขอความร่วมมือไป ฮ่องกงเขาก็ไม่เอาด้วย ยูเออีเขาก็ไม่เอาด้วย ประเทศไหนเขาก็ไม่เอาด้วย เพราะเขาเห็นว่าวิธีการที่ดำเนินการกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมตามระบอบประชาธิปไตย ฉะนั้นการออกมาพูดเรื่องนี้รายวันรายสัปดาห์ ก็ถือเป็นเรื่องน่าสมเพชเรื่องหนึ่งของรัฐบาลชุดนี้นายณัฐวุฒิกล่าว

นอกจากนี้ ในสัปดาห์หน้าตนพร้อมด้วยนายจตุพรจะนำคนเสื้อแดงผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากการสลายการชุมนุมในวันที่ 13 เม.ย.ทั้งหมด ไปแจ้งความดำเนินคดีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะนายกรัฐมนตรี ในข้อหาเป็นผู้สั่งการให้ทหารใช้ปืนเอ็ม 16 ทำร้ายประชาชน ที่บช.น.

เพื่อนใหม่ที่เป็นตำรวจ FBI !!!!

ที่มา thaifreenews

โดย ป้าพลอย

เมื่อวานนี้ป้าและลุงเดินทางไปเมืองที่ลุงเกิดเมืองนี้ตั้งอยู่ในหุบเขาล้อมรอบด้วยภูเขา ซึ้งเป็นที่เลื่องลือของผู้
คนในยุโรปเพราะเป็นเมืองประวัติศาสตร์ เมื่อวานนี้เพื่อนฝรั่งสองสามีภรรยาที่เราเพิ่งรู้จักกันที่เมืองไทยคราวนี้ตอนไปเที่ยวเกาะช้างและพักอยู่โรงแรมเดียวกัน รู้จักกันที่ชายหาดหน้าโรงแรมนั่นแหละ เนื่องจากเราต่างมานอนตากแดดตากลมใกล้กัน และใช้ภาษาต่างประเทศพูดภาษาเดียวกันก็เลยคุยกันรู้เรื่อง สองสามีภรรยาคู่นี้มาเที่ยวประเทศไทยหลายครั้งแล้ว เคยไปเที่ยวยัง เกาะสมุย ภูเก็ต กระบี่ เกาะพีพี แต่มาติดใจชอบเกาะช้าง

เพราะมีธรรมชาติมีภูเขาและสงบเงียบเนื่องจากยังไม่มีทัวร์ริสมากนักและยังไม่มีสิ่งที่ทำให้นักท่องเที่ยว
ลำคาญคือมีจำพวกบาร์เบียรที่เปิดเพลงหนวกหูชาวบ้าน สองสามีภรรยานี้ชอบท่องเที่ยวในเอเซียเมื่อคราวนี้ก่อนที่เขาจะมาเกาะช้าง เขาเข้าไปเที่ยวยังกัมพูชาไปที่นครวัตร และกรุงพนมเปนฯรวมทั้งไปสุสานกระดูกและหัวกระโหลกของชาวเขมรที่ถูกเขมรแดงฆ่าตายเอามาใว้ที่พิพิธภัณฑ์ให้ชาวโลกได้ดูถึงความอำมหิตผิดมนุษย์ประจานให้ชาวโลกได้เห็นว่าคนเขมรชาติเดียวกันแท้ๆยังฆ่าคนของตนเองได้อย่างป่าเถื่อนขนาดนี้ เขาเล่าให้ฟังว่าบางหัวกระโหลกถูกตีจนกระโหลกแตกร้าวซึ่งเห็นแล้วเศร้าใจ เมื่อวานนี้เรามาพบกันอีกครั้งโดยป้าและลุงเป็นเจ้ามือเลี้ยงอาหารกลางวันที่ร้านอาหารเมืองบ้านเกิดของลุงนั่นละ แล้วเราก็คุยกัน

หลายเรื่องสุดท้ายก็ไม่พ้นเมืองไทยเพราะสองสามีคู่นี้กลับก่อนสงการนต์เลือด ลุงก็ได้เล่าเรื่องราวความเป็นจริงให้เขาฟังตามที่ลุงได้รู้ได้เห็นในประเทศไทย เขาก็ได้แต่สั่นศรีษะไปมาและบอกว่าหวังว่าในเมืองไทยคงไม่ทำเรียนแบบในกัมพูชาที่ฆ่าล้างโครตกันเองเช่นเขมรแดงพอลพตได้กระทำอย่างป่าเถื่อน ป้าเลยบอกเขาว่าก็ไม่แน่เพราะตอนวันมหาสงการนต์ของไทยรัฐบาลก็ยังใช้ปืนเอ็ม 16 กราดยิงผู้คนบนถนนแล้วจะการันตีว่าจะไม่ทำเยี่ยงเขมรแดงพอลพตใครจะเชื่อ ทุกวันนี้พฤติการณ์ส่อเข้าไปทุกขณะในทำนองระบบเขมรแดงที่ฆ่าคนที่ฉลาดๆฆ่าคนที่มีความรู้ความสามารถให้หมดไล่จับทุกคนที่เป็นปรปักษ์ ให้เหลือใว้แค่คนโง่ๆที่สามารถปั่นหัวให้เข้าเป็นสาวกได้เท่านั้น ป้าได้อธิบายอีกหลายๆเรื่องให้เขาได้รับรู้แต่เชื่อมั๊ยว่าเขาก็รู้เท่าๆ

กับป้าและลุงรู้ ตอนท้ายเพิ่งมาทราบว่าเขาเป็นตำรวจ5555 ตอนที่รู้จักกันที่เกาะช้างทราบเพียงว่ามีอาชีพรับราชการแต่ไม่ได้ถามซักไร้ว่ารับราชการในตำแหน่งอะไรเพราะตามมารยาทคนต่างประเทศจะไม่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวต่อกัน เมื่อวานนี้เขาก็ได้แสดงตัวอย่างชัดเจนว่าเป็นตำรวจ FBI โดยส่วนใหญ่ตำรวจที่ทำหน้าที่นี้จะทราบเรื่องต่างๆได้อย่างละเอียด มารู้จักตำรวจอีกคนที่มีตำแหน่งสูงอีกด้วยแล้วก็เดินทางไปต่างประเทศด้อมๆมองๆทั้งประเทศไทยประเทศเขมรและเมื่อวานบอกว่าปีหน้าจะเดินทางเข้าเขมรและมาเลย์เซียจากนั้นไปสิงค์โปรแล้วบินกลับ แต่ป้าไม่กล้าถามว่าไปทำธุระอะไร คราวหน้าเจอจะถามเรื่องแก็สน้ำตาว่าทำให้คนตายได้ป่าว? เพราะตำรวจธรรมดาที่เป็นเพื่อนคอไวน์บอกเป็นไปไม่ได้ทีนี้จะถามตำรวจ FBI บ้างว่าแก็สน้ำตาที่เมื่อปีที่แล้วตำรวจยิงใส่สลายม๊อบเสื้อเหลืองถึงตายว่าอนุภาพของมันร้ายแรงขนาดนั้นเชียวหรือ?

ที่ขนาดแขนขาด เท้าขาด สีข้างเวอะวะตายอย่างน้องโบว์ได้ แต่เอแล้วทำไมเมื่อวันสงการนต์เลือดก็ใช้แก็สน้ำตายิงใส่ม๊อบเสื้อแดงไม่เห็นมีใครขาขาด มือขาดรุ่งริ่ง สีข้างเวอะวะให้เห็นสักคน? หรือว่าแก็สน้ำตาคนละยี่ห้อ? แต่ป้าว่าคนเสื้อแดงไม่ได้สะพายย่ามเหมือนม๊อบเสื้อเหลืองเห็นมีลูกกลมๆอยู่ในกระเป๋าทุกคน แก็สน้ำตาที่ยิงใส่คนเสื้อแดงจึงระเบิดแค่มีควันออกมา ไม่เหมือนแก็สน้ำตาที่ยิงเสื้อเหลืองมันระเบิดเฉือนเนื้อคนให้มือขาดเท้าขาดได้ก็ตลกดีกับเหตุการณ์คล้ายกันแต่ผิดกันที่ม๊อบเสื้อแดงไม่มีใครขาขาดมือขาดทั้งที่ใช้แก็สน้ำตาเช่นเดียวกัน ฉะนั้นเรื่องราวในเมืองไทยใครได้ฟังทุกๆคนในต่างประเทศได้แต่สั่นศรีษะ ที่เขาศรีษะก็เพราะคนไทยเราสร้างสถานการณ์ใส่ร้ายอีกฝ่ายหนึ่งได้อย่างแยบยลและเก่งมากๆไม่มีใครเทียบความคิดของคนไทยที่ชอบเอาความดีใส่ตัวเอาความชั่วโยนใส่คนอื่น วันนี้เรื่องเล่าก็มีแค่นี้แหละจ๊ะ

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker