บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)
ข่าวจากสื่อ
- เครือข่ายประชาธิปไตยแห่ผูกผ้าดำหน้าศาลรธน. จี้ทบทวนมติ
- นายกฯ เปิดงาน"เทศกาลเที่ยวเมืองไทยในปี 2555"
- "ศันสนีย์"โฆษกรัฐบาลคนใหม่เผยพร้อมประชาสัมพันธ์งาน รบ.เชิงรุก
- ชี้ทางออก"ปรองเดือด"สู่"ปรองดอง"
- เสื้อแดงแจ้งธาริตเอาผิดมาร์ค-สุเทพฐานสร้างความปั่นป่วน
- ห่วงบานปลาย คอป.ห้ามทัพ พท.-ศาลรธน.
- นปช.นัดชุมนุมขับไล่ศาล รธน. พร้อมล่ารายชื่อถอดถอนใน 2 สัปดาห์
- "พานทองแท้" สอนมวย "มาร์ค"-จี้ขอโทษประชาชน ฐานปล่อยส.ส.โชว์เถื่อนในสภา
- ใช้ปมแก้รธน. ยุบเพื่อไทย ดูดสส.ตั้งรบ.
- "สมศักดิ์ เจียมฯ" เสนอรบ.-สภา "ชน" ศาลรธน. จี้พท.-นปช.ทบทวนยุทธศาสตร์การเมืองทั้งหมด
- นิติราษฎร์" แถลงชี้-ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจชะลอการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
- นิติราษฎร์แถลงชี้คำสั่งศาลรธน.ชะลอแก้รธน. 'ไร้อำนาจ'
- งามแต้ๆ เจ้า! "นายกฯ ปู" แต่งชุดพื้นเมือง-ผ้าซิ่นสีชมพูแอ่วเมืองพะเยา ปชช.แห่ต้อนรับเพียบ (ชมภาพชุด)
- กกต.เชียงใหม่เตรียมรับรองผลเลือกตั้งส.ส.ใน 7 วัน-"เกษม" ขอบคุณปชช.
- "จาตุรนต์"ปลุกกระแสต้าน"รัฐประหาร" ชี้ปม"ศาลรัฐธรรมนูญ"สั่งสภาฯระงับพิจารณาร่างรธน.
- “จาตุรนต์” ชี้ อำนาจประชาชนถูกปล้น- “ชนชั้นนำ” ไม่อยากปรองดอง - คาดเกิด “ยุบพรรค” อีกรอบ
- "ปู"ทำบุญเปิดหอฉันวัดเชียงบาน ชาวพะเยากว่า2,000คนต้อนรับแน่น
- อาจารย์เกษียร เสียดาย "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" คิดได้แค่นี้หรือ..!?!
- ขึ้นป้ายไล่"หมอวรงค์"ทำคนพิษณุโลกอับอาย
- โลกออนไลน์ เบื่อหน่ายพฤติกรรม ส.ส. ศึกชิงเก้าอี้ประธานสภา
- "เรืองไกร" ฉวย! ยื่นผู้ตรวจการแผ่นดินสอบ "ณัฎฐ์" ดูคลิปหวิวในสภา อ้างนำความเสื่อมเสียมาสู่สภาฯ
- แกนนำนปช...."อย่าเป็นวัวลืมตีน"
- ข่าว"เหตุเกิดในมาเลเซีย" ข่าว"เมด อิน ไทยแลนด์" ข่าวกระพือ"ไฟใต้"
- "ณัฐวุฒิ" สวน "กรณ์" ขวางปรองดอง-ไม่ทวงข้อเท็จจริง "10เมษา" ตั้งแต่ยุค "รบ.อภิสิทธิ์"(ชมคลิป)
- เสียงก้องจาก 2 กูรู "ตุลาการ" ไม่มีอคติ ไม่มีล็อบบี้ ไม่มีใบสั่ง
- "ทักษิณ"เข้าสักการะพระธาตุหลวง-เผยซึ้งใจได้ทำบุญ แกนนำแดง อดีต ส.ส. แห่รับพรึบ (ชมคลิป)
- "จตุพร" ท้าตั้ง คตส.ตรวจสอบการทำงาน "มาร์ค-ชวน" เหมือนกับที่ทำกับ "ทักษิณ" ให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน
- "หาดใหญ่"อ่วมซ้ำ ไฟไหม้โรงงานเฟอร์นิเจอร์กลางเมืองวอดเรียบ!
- "ทักษิณ"ทำบุญสีบชะตาที่ลาว ลั่นไม่นานเกินรอกลับไทย ขบวนแดงแห่ร่วมคึก
- “แม้ว” ทำบุญในลาวแฟนคลับเสื้อแดงแห่รับเพียบ
บทความจากสื่อ
- ประชาธิปัตย์...เปลี่ยนเถอะ !โดย ฐากูร บุนปาน
- กฤษฎีกาชี้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งชะลอลงมติร่าง รธน.วาระ 3 ไม่เคยเกิดขึ้นในโลก บอกไร้ช่องทางต่อสู้
- เกม"แก้ รธน.291" สภาชน"ศาลรัฐธรรมนูญ" เกมค่ายกล′ยุบพรรค′?
- ปัญหา"มาตรา68" สกัด"ร่างแก้ไขรธน. แหลมคมจาก"นิติราษฎร์"
- งามหน้าสภาไทย ! เมื่อท่านประธานฯ ถูกจี้คาบัลลังก์
- แกะกล่อง "หัวใจสองสี" ขัตติยา สวัสดิผล
- "ทักษิณ-เพื่อไทย"ปรับแผน เปลี่ยน"รูปมวย"...รู้จัก"รอ" ย้ำภาพ"ฝ่ายมีเปรียบ"
- ฐากูร บุนปาน : เจรจา-ผิดตรงไหน?
- พระราชทานเครื่องราชฯ 'มหาปรมาภรณ์' แก่นายกฯ
- ซ่อนหลัง"หน้ากาก"
- ดร.โกร่ง คนเดินตรอก : การบริหารจัดการมหเศรษฐกิจ
- ยอดคลิกทะลุ! รวมข่าวที่มีคนอ่านมากที่สุดใน "มติชนออนไลน์" ประจำวันที่ 6เม.ย.2555
- วิเคราะห์ปัญหา-ค้นคว้าทางออกของเหตุความรุนแรงภาคใต้กับ "ชัยวัฒน์-รอมฎอน"
- ปฏิบัติการ "ป๋า" ภาค 2 สู้ "นารีพิฆาต" กับปากคำ "บิ๊กบัง" เรื่อง "ป๋า" และการเมืองแสนซับซ้อน ในมุม "ประยุทธ์"
- กลุ่มสตรีมองปมร้อน'โฟร์ซีซั่นส์'
- ดูกันชัดๆ บทบาทฝ่ายค้าน เล่นของ ว. 5 ปักทิ่ม ยิ่งลักษณ์ เอาให้ตาย!!
- ต่อสู้ 2 แนวทาง เพื่อไทย ประชาธิปัตย์ กรณี โฟร์ซีซั่นส์
- นิวัฒน์ธำรง-ลงธรรมาสน์ ธุดงค์ในทำเนียบ เผยแพร่ลัทธิเพื่อไทย กางสูตรรัฐบาล + พล.อ.เปรม = การเมืองนิ่ง
- ยกร่าง′รัฐธรรมนูญ′ และความห่วงใย ล็อกสเปก′สภาร่างฯ′
- "กุนซือ" คิด "ปคอป." พูด ข้อมูล-คีย์เวิร์ด "เยียวยา"
วันพุธที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2554
คลิปสมศักดิ์ เจียมฯ:ไม่ใช่แค่#112แต่เป็นอุดมการณ์กษัตริย์นิยม และคลิปคุณซาบซึ้งปะทะหมอตุลย์
คลิปดร.สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล แสดงความคิดเห็นในงานนิติราษฎร์ อภิปรายเรื่องกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ โดยชี้ว่า ประเด็นสำคัญไม่ใช่แค่เพียงเรื่องต้องแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 เท่านั้น แต่เป็นเรื่องอุดมการณ์กษัตริย์นิยมของไทย และสถานะของสถาบันกษัตริย์ในสังคมไทย พร้อมเสนอแนวทางปฏิรูปว่า ต้องทำให้เป็นสถาบันแบบญี่ปุ่น หรือในยุโรป
คลิปคุณซาบซึ้งปะทะหมอตุลย์:ไอ้ชาติชั่ว ไอ้ชาติหมา ไอ้สัตว์นรก
ในงานนิติราษฎร์เสวนา เมื่อวันที่ 27 มีนาคมที่ผ่านมา หมอตุลย์ แกนนำเสื้อหลากสีมาด้อมๆมองๆหน้างานด้วย แต่เกิดเหตุปะทะคารมกับสตรีคนหนึ่งขึ้นเสียก่อน
คลิปสัมภาษณ์ทนายความดา ตอร์ปิโด:ความจริงหลังกรงขัง
Thailandmirror Talk สัมภาษณ์ ประเวศ ประภานุกูล "ทนายดา ตอปิโด" ผู้ต้องขังเหยื่อมาตรา 112
ทะเหี้ย-มรับครึ่ง เดียวสังหารหมู่วัดปทุม เปิดปากส่องจากรางBTSสู้ชุดดำ หมอพรทิพย์สวนเหยื่อมือเปล่า


โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
ที่มา Asia Update
คณะอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริง เพื่อความปรองดองแห่งชาติ(คอป.) ชุดนายสมชาย หอมละออ ได้เชิญผู้เกี่ยวข้องมาให้การ ทั้งญาติผู้ตาย ตัวแทนผู้สื่อข่าวภาคสนาม แพทย์ผู้ชันสูตรพลิกศพ และตัวแทนทหาร
นายอิสรนันท์ อิทธิสารนัย ผู้สื่อข่าวไทยรัฐภาคสนาม กล่าวให้ข้อมูลกับคอป.ว่า มีการยิงลงมาในแนวดิ่ง และเห็นเงาของคนอยู่บนรางรถไฟฟ้าหน้าวัดปทุมวนาราม และไม่พบว่าคนเสื้อแดงยิงตอบโต้แต่อย่างใด
แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนนันท์ ผู้ชันสตรพลิกศพ 6 ศพวัดปทุมฯกล่าวว่าจากการชันสูตรไม่พบเขม่าดินปืนในมือหรือตัวผู้ตาย จึงเป็นหลักฐานว่าผู้ตายไม่ได้ใช้อาวุธยิงต่อสู้กับทหาร
ขณะที่ญาติของนางสาวกมลเกด อัคฮาด ถามตัวแทนทหารว่าให้ตอบว่ามีทหารอยู่บนรางรถไฟฟ้าBTSจริงหรือไม่ และการเปิดเผยสำนวนของDSIในการอภิปรายไม่ไว้วางใจของนายจตุพร พรหมพันธุ์นั้นเป็นความจริงหรือไม่
ขณะที่ตัวแทนจากกองทัพ กล่าวว่า มีชายชุดดำยิงใส่ทหารบนภาคพื้น ทำให้ทหารบนรางรถไฟฟ้ายิงสวนเป็นการเตือน แต่ไม่มีใครเสียชีวิตหรือบาดเจ็บจากการยิงของทหารแต่อย่างใด
ทั้งนี้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวชี้แจงการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลล่าสุดกรณี 6 ศพวัดปทุมฯว่า เมื่อแกนนำเสื้อแดงประกาศยุติการชุมนุมแล้ว ผู้ชุมนุมส่วนหนึ่งได้ย้ายเข้าไปในเขตวัดปทุมวนาราม แต่เหตุที่เกิดขึ้นก็เนื่องจากว่ามีผู้ก่อการร้ายแฝงเข้าไปอยู่ในวัดด้วย พร้อมทั้งระบุว่าผู้ตายในวัดปทุมมีเพียง3 ศพ ไม่ใช่ 6 ศพ
*********
เรื่องเกี่ยวเนื่อง:
-มัดคออาชญากรบงการทะเหี้ย..มสังหารหมู่ เปิดคลิปตู่+วรวัจน์จัดหนักถลกหนังแฉมือเผาCTWถึงซีด
-ข้อมูลมัดแน่นสังหารหมู่10เมษา-19พฤษภา ใครฆ่าเสธ.แดง ใครเหี้ย..มสังหารหมู่วัดปทุม ใครเผาCTW?
ไทยอี นิวส์ร่วมส่งกำลังใจให้ผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่ภาคใต้
30 มีนาคม 2554
ช่วงนี้อากาศแปรปรวน เดือนที่เคยร้อนที่สุด กลายเป็นหนาวจนต้องผิงไฟ ฤดูที่ทั้งประเทศขาดแคลนน้ำ กลับปรากฎมหันตภัยน้ำท่วมภาคใต้อย่างหนักอีกรอบ ในขณะที่คนที่ถูกน้ำท่วมเมื่อเดือนตุลาคม - พฤศจิกายนเมื่อปีที่ผ่านมายังไม่ได้รับความช่วยเหลือกันทั่วครบทุกครอบครัว ผู้ได้รับผลกระทบใหม่เพิ่มสมทบขึ้นมาอย่างไม่ขาดสาย
รัฐบาลที่เก่งแต่กู้เงินมาถลุงเล่นในหมู่อำมาตย์ ดีแต่พูดรายวัน แต่จะควักงบประมาณมาเยียวยาและช่วยเหลือฉุกเฉินประชาชนที่เผชิญกับวิกฤติธรรมชาติ มันช่างยากเย็นแสนเข็ญ กว่าการเซ็นต์อนุมัติเงินให้ทหารซื้อเรือดำน้ำมาขับเล่น ซื้อเครื่องบินรบมาขับโชว์
ไทยอีนิวส์ขอร่วมแสดงความห่วงใยต่อวิกฤติประเทศไทย และขอเป็นกำลังใจให้คนไทยทุกคนเข็มแข็ง ยามนี้สังคมต้องช่วยกันแบ่งปันและดูแลกันและกัน
สำหรับการติดตามรายงานความคืบหน้าสถานการณ์น้ำท่วมสามารถเข้าไปดูที่เวบ ศูนย์ข้อมูล ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม Thai Flood http://www.thaiflood.com/
ทั้งนี้ศูนย์ข้อมูล ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม Thai Flood รายงานว่าจนถึงวันนี้ มี
ผู้เสียชีวิต 8 ราย มีกระทบ 5 จังหวัด 42 อำเภอ ประชนเดือดร้อน 71,875 ครัวเรือน รวม 268,781 คน
ภาพวีดีโอความน้ำท่วมที่ภาคใต้
บ้านมหา ดอทคอม สรุปรายงานสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ 29 มีนาคม 2554 ได้กระชับและครอบคลุม ไทยอีนิวส์จึงขอนำมาเผยแพร่ต่อในที่นี่ด้วยเช่นกัน
สุราษฎร์วิกฤติท่วมวงกว้างแม่น้ำตาปีล้น
สถานการณ์น้ำท่วม จ.สุราษฎร์ธานี วิกฤติ ฝนตกหนักต่อเนื่อง ทำน้ำท่วมขยายวงกว้าง โดยเฉพาะ อ.ดอนสัก อ.วิภาวดี อ.ไชยา ขณะน้ำในแม่น้ำตาปี ล้นตลิ่งแล้ว
สถานการณ์น้ำท่วมใน จ.สุราษฎร์ธานี เข้าสู่ภาวะวิกฤติ ยังคงมีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง พื้นที่น้ำท่วมขยายออกไป เป็น 17 อำเภอ โดยระดับน้ำในแม่น้ำตาปีล้นตลิ่ง และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้น้ำที่ท่วมอยู่ใน อ.พระแสง อ.เคียนซา อ.เวียงสระ และ อ.พุนพิน เพิ่มสูงขึ้นอีก ประกอบกับมีน้ำทะเลหนุน ทำให้การระบายน้ำลงสู่ทะเล เป็นไปได้อย่างล่าช้า น้ำในแม่น้ำตาปีล่าสุด วัดได้ 6.37 เมตร สูงกว่าระดับตลิ่ง 87 เซนติเมตร และหากยังมีตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ระดับน้ำอาจสูงถึง 7 เมตร ในเย็นวันนี้ 29 มีนาคม 2554
ปริมาณน้ำฝนในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี โดยเฉลี่ยเกิน 100 มิลลิเมตร ทั้งจังหวัดและมีฝนมากที่สุดใน อ.ดอนสัก วัดได้ 425 มิลลิเมตร อ.วิภาวดี วัดได้ 210 มิลลิเมตร และ อ.ไชยา 280 มิลลิเมตร นอกจากนั้นถนนสายเอเชีย หรือทางหลวงหมายเลข 41 ถูกน้ำท่วมสูงในหลายจุด ทั้งขาขึ้นและขาล่อง ใน อ.ไชยา อ.ท่าฉาง และ อ.ท่าชนะ ระดับน้ำสูงและรถเล็ก ไม่สามารถสัญจรไปมาได้ และมีแนวโน้มว่า สะพานอาจจะขาดในไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า
นครศรี!ฝนถล่มทั้งจังหวัดจมน้ำ
นครศรีธรรมราชอ่วม! เร่งอพยพชาวบ้านพื้นที่เสี่ยง อ.ลานสกา ดินสไลด์ปิดถนน ทำรถสัญจรไม่ได้ หน้าวัดพระบรมธาตุ เสาไฟฟ้าล้มขวางถนน
เนื่องจากฝนตกหนักตลอด 5 วันที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ทำให้ให้พื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช มีน้ำท่วมสูงบางแห่งระดับน้ำลึกถึง 3 เมตร ซึ่งตลอดคืนที่ผ่านมาฝนยังคงตกหนักและลมกรรโชกแรง และมีต้นไม้หักโค่น ซึ่งล่าสุดเมื่อคืนที่ผ่านมาที่เขาธง ถนนสายลานสกา-ช้างกลาง ต.เขาแก้ว อ.ลานสกา นครศรีธรรมราช เกิดดินสไลด์ลงมาทับถนน ส่งผลให้รถทุกชนิดไม่สามารถใช้เส้นทางดังกล่าวได้ ส่วนที่ ต.ทุ่งใส อ.สิชล น้ำท่วมถนนสายนคร-สุราษฎร์ ซึ่งเป็นถนนสายหลัก ทั้งรถใหญ่รถเล็กไม่สามารถเดินทางผ่านจุดดังกล่าวได้เช่นกัน รวมทั้งที่ถนนริมทะเลสายปากพนัง-หัวไทร ต.ขนาบนาค น้ำทะเลหนุนขึ้นมาครึ่งเลน ทำให้รถราผ่านไปมาลำบาก
ที่ ต.แหลมตะลุมพุก อ.ปากพนัง นครศรีธรรมราช ชาวบ้านได้อพยพออกจากพื้นที่เนื่องจากมีคลื่นลมแรง สูงประมาณ 2-3 เมตร ลมกรรโชกแรง นอกจากนั้นที่วัดหน้าพระบรมธาตุ ต.ในเมือง อ.เมือง นครศรีธรรมราช มีต้นไม้ใหญ่ล้มทับสายไฟฟ้า ทำให้เสาไฟล้มขวางถนน การจราจรติดขัดอย่างรุนแรง ขณะที่ อย่างไรก็ตามในพื้นที่ ม.4 และ ม.6 ต.ขุนทะเล อ.ลานสกา นครศรีธรรมราช และพื้นที่ อ.สิชล มีน้ำท่วมสูงในหมู่บ้านต่างๆ และมีกำลัง ตชด.42 ค่ายศรีนครินทรา อ.ทุ่งสง นครศรีธรรมราช


ขบวนรถไฟสายใต้หยุดวิ่งทุกขบวน หลังน้ำท่วมหนักเหนือรางรถไฟ ขณะที่บขส.ยังเดินรถได้ เลี่ยงจุดน้ำท่วมสูง
นางนวลอนงค์ วงษ์จันทร์ หัวหน้าประชาสัมพันธ์การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยว่า การเดินรถไฟในเส้นทางสายใต้ ในวันนี้นั้น วิ่งได้แค่ช่วงเช้า ในเส้นทาง กรุงเทพมหานคร-สุราษฎร์ธานี ขบวนรถออกในเวลา 08.05 น. แต่จะวิ่งได้ถึงแค่สถานีชุมพร เท่านั้น ส่วนเส้นทางลงใต้อื่นๆ ตั้งแต่เวลา 13.00 น. - 22.00 น. งดให้บริการ โดยประชาชนที่ซื้อตั๋วไปแล้ว สามารถคืนตั๋วได้เต็มราคา
สถานการณ์ระดับน้ำ บริเวณเส้นทางรถไฟ อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี มีน้ำท่วมเหนือสันรางสูง 30-40 เซนติเมตร
ด้าน นางสาวระพิพรรณ วรรณพินทุ ผู้อำนวยการกองประชาสัมพันธ์ บริษัท ขนส่ง จำกัด เปิดเผยว่า บขส. ยังให้บริการเดินรถในเส้นทางสายใต้ตามปกติ แม้ว่าในบางพื้นที่จะมีน้ำท่วมสูง อาทิ สุราษฎร์ธานี อ.ท่าศาลา เป็นต้น โดย บขส. จะใช้การเดินรถ วิ่งอ้อมในเส้นทางอื่นแทน
5 จว.จมน้ำ-เดือดร้อน3แสนคน
มีพื้นที่ประสบปัญหาน้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมฉับพลันและน้ำล้นตลิ่ง 5จังหวัด ราษฎรเดือดร้อน 71,875ครัวเรือน จำนวน 268,781คน ได้แก่ จ.นครศรีธรรมราช พัทลุง สุราษฎร์ธานี ตรังและจ.ชุมพร มีผู้เสียชีวิต 6ราย (จ.นครศรีธรรมราช 5รายและจ.พัทลุง 1ราย) เส้นทางจราจรที่ผ่านไม่ได้ 8เส้นทาง ส่วนสถานการณ์ การเกิดฝนตกหนัก จะมีบริเวณ อ.ตะกั่วทุ่งและอ.ท้ายเหมือง จ.พังงา โดยสั่งการให้เตรียมอพยพประชาชนและทางตอนเหนือของ จ.ภูเก็ต คือ อ.ถลาง ขณะเดียวกัน กรมอุตุนิยมวิทยาแจ้งเตือนด้วยว่า จะมีฝนตกหนักที่ อ.หลังสวน จ.ชุมพร อาจเกิดน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ จ.ชุมพร สุราษฎร์ธานีและจ.นครศรีธรรมราช ซึ่งได้สั่งให้เฝ้าระวังและพร้อมอพยพแล้ว
เมืองคอนตาย 5 - เสียหาย300ล้าน
มีราษฎรได้รับผลกระทบจากอุทกภัย 139,754คน มีผู้เสียชีวิตรวม 5ราย มีการอพยพประชาชนกว่าหนึ่งพันคน มีบ้านเรือนเสียหายบางส่วน 3หลัง พื้นที่การเกษตรเสียหาย 42,600ไร่ ถนนเสียหายกว่า 600สาย ส่วนความเสียหายอื่นๆ อยู่ระหว่างการสำรวจ มูลค่าความเสียหายเบื้องต้นกว่า 300ล้านบาท ส่วนท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช ยังคงปิดให้บริการทุกเที่ยวบิน การสัญจรทางรถไฟให้ผู้เดินทางไปใช้บริการที่สถานีรถไฟ อ.ทุ่งสงและเส้นทางในเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช มีเพียงถนนราชดำเนินเส้นเดียว ที่สามารถใช้งานได้ ส่วนเส้นทางสายเชื่อมต่อถนนราชดำเนิน ทั้งด้านตะวันออกและด้านตะวันตก มีเพียงบางเส้นทางที่สามารถใช้การได้
ประกาศภัยพิบัติยกจว.23 อำเภอ ของนครศรีธรรมราช
มีประกาศให้ จ.นครศรีธรรมราช ทั้ง 23อำเภอเป็นเขตพื้นที่พิบัติภัยน้ำท่วมแล้ว เพื่อจะได้เตรียมช่วยเหลือชาวบ้านได้อย่างทันท่วงที โดยเฉพาะพื้นที่อำเภอที่ติดกับเชิงเขาทุกแห่ง และ เตรียมมาตรการป้องกันและเฝ้าระวังภัยน้ำป่าทะลักท่วมและภูเขาถล่มดินสไลด์ ตลอด 24ชั่วโมง อีกทั้งยังมีแนวโน้มที่น่าเป็นห่วงหลังจากศูนย์อุตุนิยมวิทยาฯแจ้งว่า ฝนอาจตกหนักถึงวันที่ 30 มีนาคม 2554 ซึ่งจะทำให้สถานการณ์รุนแรงและน่าเป็นห่วงอย่างมาก
ช่วยผู้ป่วยอ.บนพิตำหวุดหวิด
ส่วนที่ อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ถนนและสะพานถูกกระแสน้ำป่าตัดขาดหลายแห่ง ทำให้ราษฎรไม่สามารถออกมาสู่ภายนอกได้ โดยเฉพาะ นายเขียว แก้วนุ่น อายุ 70ปี ราษฎร ม.7 ต.กรุงชิง อ.นบพิตำ ซึ่งป่วยหนักปัสสาวะเป็นเลือดต้องรีบส่ง ร.พ.ด่วน แต่ไม่สามารถนำร่างนายเขียวไปส่ง ร.พ.ได้ ทางกองทัพภาคที่4 จึงส่งเฮลิคอปเตอร์บินมารับตัว นายเขียว ส่งรักษาตัวที่ ร.พ.ค่ายวชิราวุธ กองทัพภาคที่4และแพทย์ช่วยเหลือจนพ้นขีดอันตรายแล้ว
ระทึก!นับ100ชีวิตยังติดบนเขา
นายธนพล ไชยชาญ ผจก.บริษัทเหมืองแร่พี่แอนด์เอสแบริ่งไม่นิ่ง จำกัด ซึ่งตั้งอยู่บนภูเขาไม้ไผ่ บ้านกรุงชิง ม. 8 ต.กรุงชิง อ.นบพิตำ เข้าขอความช่วยเหลือจาก ค่ายวชิราวุธ กองทัพภาค 4 อ.เมืองนครศรีธรรมราช เพื่อให้ส่งเฮลิคอปเตอร์ไปช่วยนำคนงานเหมืองแร่ 20 คนและชาวบ้านกว่าร้อยชีวิต ที่ติดอยู่บนเหมืองแร่ ซึ่งไม่สามารถลงมาได้เนื่องจากถนนและสะพานขาดหลายแห่ง ต้องติดอยู่บนเหมืองแร่บนภูเขานาน 5 วันแล้ว ไฟฟ้าก็ดับหมดเนื่องจากกระแสน้ำป่าพัดเสาไฟฟ้าล้มหมด ไม่มีอาหารกินมานาน 5วันแล้ว แต่กองทัพภาคที่4 ไม่สามารถนำเฮลิคอปเตอร์ขึ้นไปช่วยเหลือได้ เนื่องจากฝนตกหนัก สภาพอากาศปิดอย่างต่อเนื่อง ต้องรอให้อากาศเปิด จึงสามารถเริ่มปฏิบัติ แต่ยังไม่ชัดเจนว่า จะปฏิบัติการในช่วงใดได้
ชุมพรคลื่นซัดเรือประมงจม8ลำ
สถานการณ์ที่ จ.ชุมพร ล่าสุด น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎร พื้นที่การเกษตรและสิ่งสาธารณูปโภค ได้รับความเสียหาย 6 อำเภอ ประกอบด้วย อ.เมือง สวี ทุ่งตะโก หลังสวน ละแมและอ.พะโต๊ะ ราษฎรเดือดร้อนกว่า 2หมื่นคน ประเมินค่าเสียหายกว่า 10 ล้านบาท
เวลาประมาณ 01.00น.ที่ผ่านมา เรือประมงชายฝั่งซึ่งจอดทอดสมออยู่ปากอ่าวด่านสวี ถูกคลื่นลมโหมกระหน่ำ ซัดเรือจมทะเล 8ลำ ขณะนี้ยังไม่สามารถกู้เรือขึ้นบนฝั่งได้
ตรัง ยังจมบาดาล 4อำเภอ
ที่ จ.ตรัง น้ำท่วม 4 อำเภอ ประกอบด้วย อ.เมือง อ.นาโยง อ.ห้วยยอดและอ.รัษฎา บ้านเรือนเดือดร้อน 2,000 หลังและมีผู้ประสบภัย 1,700คน โดยเฉพาะ อ.นาโยง ถูกน้ำท่วมหนักที่สุด โดยระดับน้ำบางจุดยังคงทรงตัว บางจุดก็ลดระดับลงเล็กน้อยและยังคงมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่องในบางพื้นที่ แม้จะไม่รุนแรงมากนักก็ตาม
พัทลุงภัยพิบัติ 11 อำเภอ - ตาย 1 ศพ
ด้านสถานการณ์น้ำท่วม จ.พัทลุง แม้ฝนจะหยุดตกแล้ว แต่ยังมีน้ำท่วมขังในหลายพื้นที่ทั้ง 11อำเภอ โดยเฉพาะบริเวณที่ราบลุ่มและพื้นที่ริมทะเลสาบสงขลาของ อ.เขาชัยสน อ.บางแก้ว อ.ปากพะยูน อ.ควนขนุนและอ.เมืองพัทลุง เนื่องจากน้ำป่าจากเทือกเขาบรรทัดไหลบ่ามาสบทบและน้ำทะเลสาบหนุนสูง โดยมีผู้ประสบภัยเดือดร้อน 10,886ครัวเรือน จำนวน 41,605คน เบี้องต้นจากการสำรวจความเสียหายไม่ต่ำกว่า 20ล้านบาทและทางจังหวัดพัทลุงออกประกาศพื้นที่ภัยพิบัติน้ำท่วมเพิ่มอีก 3อำเภอ คือ อ.ป่าบอน อ.ตะโหมดและอ.ป่าพะยูน เพิ่มจากเดิมที่ได้ประกาศไปก่อนนี้ 8 อำเภอ รวมเป็น 11อำเภอและมีรายงานผู้เสียชีวิต 1ราย คือ ด.ช.ซอดีหรีน เส็นเกลี้ยง อายุ 7ปี อยู่บ้านเลขที่36 ม.7 ต.คลองเฉลิม อ.กงหรา ที่จมน้ำเสียชีวิตเมื่อวันที่ 25มีนาคมที่ผ่านมา
สงขลาท่วมหนักประกาศเป็นเขตภัยพิบัติแล้ว
พื้นที่ริมทะเลสาบสงขลา อ.ระโนด อ.กระแสสินธุ์ น้ำท่วมหนัก ทางจังหวัดประกาศเป็นเขตภัยพิบัติแล้ว หลัง รับน้ำจาก จ.นครศรีธรรมราช และพัทลุง
สถานการณ์น้ำท่วมใน จ.สงขลา ขณะนี้ได้เกิดภาวะน้ำท่วมแล้ว โดยเฉพาะพื้นที่ ที่อยู่ติดริมทะเลสาบสงขลา โดยทางจังหวัดได้มีการประกาศให้เป็นเขตภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินแล้ว 2 อำเภอ คือ อำเภอระโนด และอำเภอกระแสสินธุ์ โดย อำเภอระโนด เกิดน้ำท่วม 12 ตำบล 64 หมู่บ้าน ประชาชน เดือดร้อน 8,095 ครัวเรือน รวม 24,394 คน อำเภอกระแสสินธุ์ เกิดน้ำท่วมใน 2 ตำบล 9 หมู่บ้าน ประชาชนเดือดร้อน 1,370 ครัวเรือน 3,952 คน โดยน้ำที่ไหลเข้าท่วมทั้ง 2 อำเภอ เป็นผลมาจากปริมาณน้ำที่ไหลมาจาก จ.นครศรีธรรมราช และ จ.พัทลุง ประกอบกับในพื้นที่ จ.สงขลา มีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง ทำให้น้ำท่วมอย่างรวดเร็ว



ไทยรัฐเกาะติดสถานการณ์ รายงานข่าวต่อเนื่องทุช่วงเวลา
กองทัพเรือ ใช้เรือหลวงบางปะกง เข้ารับนักท่องเที่ยวที่ติดทะเลคลั่ง บนหมู่เกาะสิมิลันจำนวนกว่าร้อยชีวิต กลับขึ้นฝั่งอย่างปลอดภัยแล้ว
ตำรวจน้ำสุดกล้าหาญ นั่งเรือยางบุกฝ่าทะเลคลั่ง ช่วยลูกเรือบรรทุกปูนของบริษัทปูนซีเมนต์ 9 ชีวิตที่ถูกคลื่นสูง 5 เมตรซัดเรือจม จนต้องติดอยู่กลางทะเลตรัง กลับขึ้นฝั่งอย่างปลอดภัย
ฝนตกหนักต่อเนื่องหลายวัน ส่งผลให้น้ำป่าทะลักเข้าท่วมเขตเศรษฐกิจพื้นที่เกาะสมุย น้ำท่วมสูงเกือบ 2 เมตร เจ้าหน้าที่เร่งอพยพประชาชนที่ได้รับผลกระทบออกนอกพื้นที่
เรือหลวงสุโขทัย ยังเข้าไปรับนักท่องเที่ยว ออกจากเกาะเต่าไม่ได้ เนื่องจากคลื่นแรง ททท. ประสานกองทัพเรือให้ส่งเรือรบมาช่วยทั้ง 3 เกาะ
การบินไทยแจ้งยกเลิกเที่ยวบินเดินทางไปสมุยทั้งหมด หลังสภาพอากาศแปรปรวน #Thaiflood
เรือหลวงจักรีนฤเบศรออกจากท่าเรือจุกเสม็ด ฐานทัพเรือสัตหีบ มุ่งหน้าไปช่วยผู้ประสบภัยที่เกาะต่างๆ ใน จ.สุราษฎร์ธานี
กองเรือภาค3 ส่งเรือรบหลวง2ลำ นำ103นักท่องเที่ยว กลับเข้าฝั่งที่พังงา หลังติดพายุตั้งแต่ 27มี.ค. #Thaiflood
น้ำท่วมสุราษฎร์ฯยังวิกฤติหนัก เส้นทางการจราจรถูกปิดตาย เนื่องจากระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้านเจ้าหน้าที่เร่งเคลื่อนย้ายนักโทษออกจากเรือนจำ หลังน้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตร ขณะที่การรถไฟประกาศหยุดเดินรถอย่างไม่มีกำหนด
ร่วมบริจาคช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วมกับ "มูลนิธิเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก" เลขที่บัญชี 020-2-53333-8 หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.princess-pa-foundation.or.th
29/3/2011 15:20 น. สุราษฎร์ฯท่วมหนัก เร่งย้ายนักโทษออกจากเรือนจำหนีน้ำ
น้ำท่วมสุราษฎร์ฯยังวิกฤติหนัก เส้นทางการจราจรถูกปิดตาย เนื่องจากระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้านเจ้าหน้าที่เร่งเคลื่อนย้ายนักโทษออกจากเรือนจำ หลังน้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตร ขณะที่การรถไฟประกาศหยุดเดินรถอย่างไม่มีกำหนด
นางเอกดัง 'อ้อม - พิยดา' ติดเกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี กับเพื่อนดารา 'โอ๋ - เพชรลดา' และ 'ป้อง - ณวัฒน์' เผยเมื่อวานคลื่นลมแรงมาก ต้นไม้ล้ม เรือรบสุโขทัยเตรียมเข้าช่วยเหลือ
เจ้าหน้าที่ประกาศปิดถนนเพชรเกษมสายเขานางหงส์-ถ้ำ ทองหลาง หลังดินสไลด์-ถนนทรุดตัว จนรถยนต์ไม่สามารถผ่านไปมาได้ ส่วนเส้นทางบางเหรียง-พนม น้ำท่วมไหลเชี่ยวสูงกว่า 1 เมตร
คชอ.เตรียมของบ 20 ล้าน ช่วยใต้น้ำท่วม คาด 5-7 วันจะเข้าสู่ปกติ นครศรีฯ ยังวิกฤต ปิดสนามบินอีกวัน เตือนหลายจังหวัดน้ำท่วมฉับพลัน นักท่องเที่ยวงดเดินทางไปทะเลฝั่งอันดามัน พรุ่งนี้
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ นำสิ่งของพระราชทานช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม จ.สุราษฎร์ธานี พัทลุง และนครศรีธรรมราช
วิกฤติสถานีรถไฟชุมพรท่วมหนัก รางรถไฟเสียหายหลายสิบกิโลเมตร ผู้โดยสารกรุงเทพฯ-สุไหงโกลกตกค้างรวม 2 พันคน
รัฐบาลประกาศพื้นที่ 7 จังหวัดภาตใต้ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง ตรัง สงขลา กระบี่ เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติอุทกภัย ยอมรับห่วงสถานการณ์อาจหนักกว่าปี 53 ขณะที่สั่งผู้ว่าฯนครศรีธรรมราชอพยพชาวบ้านบริเวณแหลมตะลุมพุกแล้ว
ฝนยังตกหนักในจังหวัดนครศรีธรรมราช ส่งผลให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นในพื้นที่ราบลุ่มต่ำ เสียหายราว 300 ล้านบาท บ้านเรือนและวัดถูกต้นไม้ล้มทับเสียหายกินพื้นที่กว้างประชาชนถูกตัดขาดจาก โลกภายนอก
การรถไฟแห่งประเทศไทย ประกาศงดเดินรถสายใต้ชั่วคราว จนกว่าสถานการณ์จะเป็นปกติ หลังน้ำท่วมสูงเหนือสันรางกว่า 20 ซม. และกระแสน้ำพัดพาหินรองรางไปจำนวนมากทำให้ขบวนรถไม่สามารถเดินไปได้
ย่านตาขาวเกิดน้ำป่าไหลเข้าท่วมพื้นที่ ขณะที่มีดินไหลในอำเภอลานสกา นครศรีธรรมราช ด้านกรมทรัพยากรธรณีออกประกาศเตือนภัย สั่งอาสาสมัครเครือข่ายเฝ้าระวังติดตามใกล้ชิด พร้อมเตือนประชาชนและเปิดไซเรนแจ้งสถานการณ์
สถานการณ์ฝนถล่ม และน้ำท่วมเกาะสมุยยังน่าห่วง หาดเฉวงบางจุดท่วมถึงคอ เครื่องบิน-เรือยังหยุดให้บริการ ทำให้นักท่องเที่ยวตกค้างเพียบ ขณะที่ชาวบ้านผวาเร่งตุนเชื้อเพลิงกับอาหาร
คลองพังงาระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ริมคลองเริ่มผวา เฝ้าระวังน้ำไม่ได้หลับไม่ได้นอน ส่วนที่เรือนจำชั่วคราวเขาทอย เจ้าหน้าที่ต้องใช้เรือท้องแบนนำอาหารเข้าไปให้นักโทษ
ฝนตกต่อเนื่องตลอดคืนที่ผ่านมา ชาวยะลาที่อยู่ริมฝั่งแม่น้ำสายบุรี หวั่นน้ำท่วมฉับพลัน เตรียมอพยพครอบครัวและสัตว์เลี้ยง ออกจากพื้นที่เสี่ยง
ชาวบ้านปากพูน นครศรีธรรมราชสุดทน น้ำท่วมบ้าน 2 ชั้นหลายวัน ขาดการเหลียวแลจากเจ้าหน้าที่ และเกรงว่าจระเข้จากฟาร์มเทศบาลจะหลุดเข้าบ้าน จึงพร้อมใจออกอุบายโรงงานทำอิฐถล่ม มีคนติดอยู่บ้างใน เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้ามาช่วยอพยพหนีน้ำกลางดึก
นายกฯสั่งสำรวจสภาพเขื่อน จ.กาญจนบุรี แม้ยังไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแต่ไม่ต้องการประมาท ส่วนการช่วยเหลือชาวบ้านก็ทำได้พอสมควร โดยเตรียมบินลงพื้นที่จ.นครศรีธรรมราชไปเป็นวันที่ 30 มี.ค....
@PR_RID ระดับน้ำทะเลสาบสงขลายังสูงขึ้น เนื่องจากน้ำที่ท่วมขังอ.ระโนด กระแสสินธุ์ สะทิงพระ สิงหนคร+น้ำจากเทือกเขาบรรทัดที่ไหลลงมาสมทบด้วย
@floodcenter: นำ้ท่วมจ.นครฯ พัทลุง สุราษฎร์ ตรัง ชุมพร สงขลา ผู้เสียชีวิต 7 ราย(นครฯ6 พัทลุง1) ปชช.ได้รับความเดือดร้อน265,562ครัวเรือน884,878คน
สถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ พรากชีวิต 2 ศพในจ.สุราษฎร์ธานี โดยรายแรกเป็นชายวัย 44 ปี ขี่ จยย.มาไม่เห็นทางเพราะน้ำท่วม รถจึงตกลงไปในคูน้ำทับร่างจนจมน้ำตาย ส่วนรายที่ 2 เป็นคุณยายวัย 80 ปี เจอน้ำป่าไหลทะลักเข้าบ้าน ญาติๆ พาหนีไม่ทันหายไปกับสายน้ำ พบร่างอีกทีก็จมน้ำตายเสียแล้ว
เรือโดยสารกระบี่-พีพีหยุดวิ่ง หลังคลื่นลมแรง จากฝนที่ตกหนัก ขณะที่นักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศ ที่ต้องการเดินทางไปเกาะพีพีตกค้างร่วม 60 คน ส่วนที่บนเกาะพีพียังมีคนตกค้างนับร้อย...
แดงสยาม สยบความสับสน ออกประกาศยันชัดเจนไม่มีนโยบายโจมตีขัดแย้งกับแดงนปช.ทั้งแผ่นดิน
ที่มา กระดานสนทนาInternet Freedom
หมายเหตุไทยอีนิวส์:วันนี้คณะกรรมการแดงสยาม ได้ออกประกาศฉบับหนึ่งมีเนื้อหาว่า ไม่มีนโยบายการโจมตีนปช. หรือคัดค้านการเลือกตั้ง หลังจากที่เวบไซต์www.redsiam.infoได้ประกาศก่อนหน้านั้นมีเนื้อหาโจมตีนปช.
ประกาศจากคณะกรรมการแดงสยาม
ในนามคณะกรรมการแดงสยาม อ.สุรชัย เนื่องจากมีกลุ่มบุคคลใช้ "แดงสยาม" ในการออกแถลงข่าวและทำกิจกรรมด้านอื่น ๆ เพื่อโจมตีและต่อต้าน "นปช.แดงทั้งแผ่นดิน" การกระทำดังกล่าวไม่ใช่มติของคณะกรรมการองค์กรแดงสยามภายใต้นโยบายของ อ.สุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์
ฉะนั้น "แดงสยาม" จึงไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่มบุคคลดังกล่าว อีกทั้งเว็บไซต์ที่เป็นสื่อกลางในการติดต่อและส่งข่าวสารถึงเพื่อนร่วมอุดมการณ์มีเพียง http://www.redsiam.tv เท่านั้น
จึงแจ้งมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน
คณะกรรมการแดงสยาม อ.สุรชัย

เวบไซต์redsiam.info

เวบไซต์redsiam.tv
ก่อนหน้าที่คณะกรรมการแดงสยาม อ.สุรชัยจะออกประกาศดังกล่าว สืบเนื่องจากเวบไซต์ http://redsiam.info ได้แจ้งในเวบไซต์ดังกล่าวว่า ขอเรียน นโยบายเวปเรานะครับ http://redsiam.info/home.html
1.ต่อต้าน นปช.แดงทั้งแผ่นดินทุกรูปแบบ
2.ไม่เสนอข่าว-คลิป-ข่าวสั้นการเคลื่อนไหวของพวก นปช.แดงทั้งแผ่นดิน ทุกชนิด
3.ไม่วางลิงค์ให้โหลด-หรือแปะลิงค์เกี่ยวกับ นปช.แดงทั้งแผ่นดินทุกชนิด ยกเว้นความชั่วๆของพวกมัน
กรรมการแดงสยามรายหนึ่งชี้แจงเพิ่มเติมใน กระดานสนทนาInternet Freedomว่า หลังจากเห็นประกาศดังกล่าว จึงเป็นเหตุผลที่กรรมการแดงสยามโดยการนำของอาจารย์สุรชัย ต้องเข้ามาประกาศให้ทราบ
"ความจริงผมว่าทุกๆ ฝ่ายก็ไม่สบายใจที่มีแต่ภาพของความขัดแย้งกัน ในยามนี้ทุกคนควรสามัคคีกัน เราต้องการความสามัคคี เพื่อชนะศัตรู การที่มีการแตกแยกกันในแต่ละกลุ่มไม่ใช่เรื่องดีนัก สำหรับกรณีเรื่องเวบ .info หรือ .tv หากมีท่านใดมีข้อสงสัย ก็ดูอย่างที่บอกไปครับ .info ขอรับการสนุนในนามบุคคลท่านหนึ่ง ส่วน .tv ขอรับการสนับสนุนในนาม อ.สุรชัย คงไม่ต้องถกเถียงกันตรงประเด็นนี้อีกแล้ว"
กรรมการแดงสยามรายนี้แจ้งว่า แดงสยามได้มีการจัดกิจกรรมเวทีปราศรัยต่อเนื่อง ล่าสุดก็ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ที่ผ่านมาจัดกิจกรรมอยู่ที่บริเวณเจดีย์ขาว เชิงสะพานปิ่นเกล้า แม้จะมีผู้ปราศรัยบางรายกล่าวพาดพิงนปช."เราก็เคารพสิทธิของแต่ละท่านครับ แต่หากการโจมตีกัน ก็เป็นเรื่องสิทธิส่วนบุคคลของแต่ละท่าน เราคงไปจำกัดสิทธิไม่ได้ เพียงแต่แดงสยามคงไม่มีนโยบายต่อต้าน นปช. แดงทั้งแผ่นดิน ดังเช่นความเห็นที่โพสต์ไว้ให้เห็นในเวบไซต์redsiam.info ครับ และคิดว่า พวกเรายังยึดมั่นในแนวทางการต่อสู้ที่ชัดเจนว่าเราต้องการอะไร ไม่เอาเรื่องอื่นมาเป็นประเด็นให้หลงทางกันไปครับ "
ไทยอีนิวส์ได้สอบถามไปยังคุณชัยนรินทร์ กุหลาบอ่ำ 1 ในคณะกรรมการแดงสยาม อ.สุรชัย ได้ยอมรับว่าคณะกรรมการฯได้ออกประกาศดังกล่าวจริง เพื่อสยบความสับสนที่เกิดขึ้นว่า แดงสยามไม่ได้มีนโยบายจะไปโจมตีนปช.แดงทั้งแผ่นดินใดๆ โดยวันนี้เพิ่งไปเยี่ยมอ.สุรชัยมาก็ยืนยันว่า ทั้งแดงสยามและนปช.มีเป้าหมายเพื่อประชาธิปไตยที่แท้จริงเหมือนกัน จึงไม่มีเหตุต้องไปขัดแย้งโจมตีกัน เพียงแต่ต่างวิธีการในการทำงานเท่านั้น รวมทั้งไม่คัดค้านการเลิอกตั้งด้วย ส่วนถึงวันเลือกตั้งใครจะใข้สิทธิ์เลือกพรรคการเมืองใด หรือกาโหวตโนก็เป็นสิทธิของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง
"ที่คณะกรรมการแดงสยามจำเป็นต้องออกประกาศนี้เพราะคนสับสนมาก อยากให้เข้าใจตรงกันว่าเราไม่มีนโยบายโจมตีหรือขัดแย้งกับแดงนปช.ทั้งแผ่นดิน ไม่คัดค้านการเลือกตั้ง ส่วนการกระทำของเวบไซต์redsiam.infoนั้นไม่เกี่ยวข้องใดๆกับแดงสยามเลย"คุณชัยนรินทร์กล่าว
อย่างไรก็ดีหากwww.redsiam.infoอยากให้ข้อมูลอีกด้าน ทางไทยอีนิวส์ก็ยินดีจะเผยแพร่ต่อผู้อ่านของเราต่อไป
วันอังคารที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2554
ชุมชนนิยมกับประชาธิปไตยแบบไทย

โดย นิธิ เอียวศรีวงศ์
![]() |
ในช่วงทศวรรษ 2520 เป็นต้นมา ทุนไทยเติบโตทางการเมืองอย่างรวดเร็ว บางส่วนตั้งพรรคการเมืองของตนเอง บางส่วนให้เงินสนับสนุนพรรคการเมือง หรือการรัฐประหาร แล้วแต่พรรคการเมืองพรรคใด หรือการรัฐประหารครั้งใด จะให้ประโยชน์แก่ตนมากที่สุด
อำนาจทางการเมืองนี้ นอกจากใช้เพื่อการครอบครองสัมปทานจากรัฐ และผูกขาดโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่แล้ว ยังเป็นหลักประกันว่ารัฐจะดำเนินนโยบายที่เอื้อต่อธุรกิจของตนตลอดไป
ในช่วงเดียวกันนี้ ทุนยังบุกทะลวงเข้าไปแย่งชิงทรัพยากรในชนบทมากขึ้น ทั้งเพื่อธุรกิจพลังงาน, การท่องเที่ยว และการตักตวงทรัพยากรใต้ดิน นับตั้งแต่น้ำ, เกลือ, จนถึงสินแร่อื่นๆ
ทั้งหมดนี้ทำได้ภายใต้ระบบการเมือง ที่อาศัยกลไกและรูปแบบของประชาธิปไตยเป็นเครื่องมือ
การที่คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งในสังคม จะขยายอำนาจและผลประโยชน์ของตน ภายใต้กลไกและรูปแบบของการเมืองชนิดใดชนิดหนึ่งนั้น เป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่ยิ่งอำนาจและผลประโยชน์ของตนขยายออกไปมากเท่าไร ก็ยิ่งมีความจำเป็นจะต้องหาเหตุผลทาง "ศีลธรรม" ให้แก่กลไกและรูปแบบของระบบการเมืองที่เอื้อต่ออำนาจและผลประโยชน์ของตนมากขึ้น
ภาระนี้ทุนไทยไม่ได้ทำ หรือไม่สนใจจะทำ ดูเหมือนทุนไทยจะอาศัยแต่วิธี "ขู่กรรโชก" สังคม เพราะในช่วงนี้เป็นต้นมาเหมือนกันที่ทุนเอกชนจะเป็นผู้จ้างงานรายใหญ่สุดของประเทศ ฉะนั้น เมื่อชนบทกำลังล่มสลายลงอย่างรวดเร็ว ไม่สามารถเลี้ยงดูประชากรในชนบทได้ต่อไป สังคมจะอยู่สงบได้หรือไม่ จึงขึ้นอยู่กับกำลังการจ้างงานของทุนเอกชน ฉะนั้น หากทุนไม่ได้รับการสนับสนุนส่งเสริม กำลังการจ้างงานของทุนก็จะไม่เติบโตได้ทันการณ์กับจำนวนประชากรที่หลั่งไหลเข้าสู่ตลาดแรงงาน
แต่ในขณะเดียวกัน ทุนไม่สนใจจะอธิบายในเชิง "ศีลธรรม" กับค่าแรงราคาต่ำ, การปลดคนงานที่กินเงินเดือนสูงเกินไป, การไม่จัดสวัสดิการแรงงานอย่างเพียงพอ, การลดต้นทุนการผลิตด้วยการกันให้คนงานส่วนหนึ่ง (ที่ใหญ่มาก) ไปไว้นอกระบบ, การไม่ยอมลงทุนพัฒนาฝีมือแรงงาน, การไม่ลงทุนในการวิจัยและพัฒนา, การติดสินบาทคาดสินบนเพื่อเลี่ยงกฎหมาย, ฯลฯ
กล่าวโดยสรุปก็คือ ทุนไม่มีหน้าที่รับผิดชอบต่อสังคมมากไปกว่าจ้างงาน (ไม่ว่าจะด้วยเงื่อนไขอย่างไร) หากการจ้างงานลดลง สังคมก็จะปั่นป่วน ดังนั้น จึงเป็นการ "ขู่กรรโชก" ไม่ใช่ให้คำอธิบายเชิง "ศีลธรรม" แก่อำนาจและผลประโยชน์ของตนที่ขยายตัวขึ้นอย่างมากและรวดเร็วในกลไกและรูปแบบการเมืองนี้
น่าประหลาดที่ว่า ความชอบธรรมในการเอารัดเอาเปรียบของทุนไทยนั้น ยิ่งนับวันก็ยิ่งต้องผูกพันรัฐมากขึ้น สัมปทานนี้ได้มาจากรัฐ โครงการนี้ริเริ่มหรืออนุมัติโดยรัฐ โครงการรับจำนำพืชผลการเกษตรซึ่งให้ผลกำไรอย่างสูงแก่นายทุน ก็เริ่มมาจากรัฐเอง ฯลฯ และดูเหมือนจะเป็นความชอบธรรมเพียงอย่างเดียว กล่าวคือเมื่อรัฐอนุญาตแล้ว จะถอนคำอนุญาตนั้นไม่ได้ เพราะจะทำให้ไม่มีใครกล้าลงทุนในประเทศไทย
ความชอบธรรมนี้ไม่เกี่ยวกับ "ประชาธิปไตย" หรือแม้แต่กลไกและรูปแบบของประชาธิปไตย ทุนไทยเป็นนักรัฐนิยม (statist) ขนานแท้ รัฐคือข้ออ้างทาง "ศีลธรรม" เพียงอย่างเดียวของทุน ไม่ว่ารัฐนั้นจะฉ้อฉล, เผด็จอำนาจ, หรือ "ตกยุค" อย่างใดก็ตาม (น่าเศร้าด้วยที่ว่า ทั้งความฉ้อฉล, อำนาจนิยม และความตกยุคของรัฐไทย กลับประสานเข้าหากันเป็นหนึ่งเดียวได้อย่างสนิทแนบแน่น)
ทุนไทยจึงไม่มีส่วนในการสร้างเสริมฐานทาง "ศีลธรรม" ของประชาธิปไตย อย่างที่พบได้ในหลายสังคมทั่วโลก
ในช่วงเวลาเดียวกันนี้ รัฐไทยเองเป็นผู้เผยแพร่อุดมการณ์ที่อ้างว่าเป็นประชาธิปไตยแบบไทยแก่ประชาชนของตน หลังจากที่สรุปกันได้ว่า วิธีจัดการกับการแข็งข้อของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยที่น่าจะได้ผลที่สุด คือสถาปนาประชาธิปไตยแบบไทยขึ้นให้มั่นคง ราชการก็ได้ลงทุนกับการเผยแพร่อุดมการณ์นี้ในชนบท (ซึ่งเชื่อว่าเป็นฐานกำลังคนที่สำคัญของ พคท.)
ตำรา "คู่มือประชาธิปไตย" หลายสำนวนที่ราชการพิมพ์แจกผู้นำหมู่บ้าน และในภายหลังแจกและเปิดอบรมประชาชนทั่วไปด้วย กลับเป็นผู้สร้างคำอธิบายเชิง "ศีลธรรม" แก่ระบอบประชาธิปไตย แต่ก็เป็นประชาธิปไตยภายใต้การกำกับของรัฐ หรือประชาธิปไตยที่มุ่งหมายให้เกิดความมั่นคงเป็นหลัก เช่น แม้จะยอมรับในเรื่องสิทธิเสรีภาพ แต่ก็ย้ำเตือนว่าสิทธิเสรีภาพนั้นมีจำกัด คือเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดไว้ให้ มิฉะนั้นแล้ว ก็จะเกิดความแตกแยก ทำลายความสามัคคีในชาติอันเป็นแหล่งที่มาของสิทธิประชาธิปไตยต่างๆ ในสำนวนหลังๆ ซึ่งอยู่ใต้อิทธิพลของนักคิด กอ.รมน. ถึงกับระบุลงไปเลยว่า เสรีภาพมีอยู่ได้ก็แต่ในรัฐเท่านั้น ฉะนั้น บุคคลย่อมบรรลุเสรีภาพสูงสุดได้ก็ต่อเมื่อทำตามที่รัฐสั่ง
ในด้านการปกครอง ราชการก็เน้นอย่างเดียวกันคือ "ระเบียบ" ด้วยเหตุดังนั้น การปกครองตนเองในระบอบประชาธิปไตยแบบไทย จึงหมายถึงการเลือกผู้แทนไปทำหน้าที่แทนตนเองเท่านั้น ซ้ำยังมีผู้แทนที่มีมาโดยวัฒนธรรมทางการเมืองซึ่งไม่ได้มาจากการเลือกตั้งด้วย เช่น สถาบันพระมหากษัตริย์ก็ตาม หรือแม้แต่กองทัพก็ตาม ย่อมเป็นตัวแทนของประชาชนด้วย เพราะต่างเป็นสถาบันที่เข้าถึง "เจตนารมณ์ทั่วไป" ของสังคมอยู่แล้วโดยประเพณี (ตามทฤษฎีรุสโซแบบเบี้ยวๆ)
รัฐนิยม (statism) คือประชาธิปไตยแบบไทย เพราะการสยบยอมต่อรัฐต่างหากที่เป็นหลักการสำคัญของประชาธิปไตยแบบไทย
อย่างไรก็ตาม เมื่อเศรษฐกิจ-สังคมไทยเปลี่ยนไป ประชาธิปไตยแบบสยบยอมเช่นนี้ขัดแย้งกับความเป็นจริงที่ชาวบ้านประสบอยู่ เช่น รัฐซึ่งควรเป็นผู้ปกป้องคุ้มครองประชาชน กลับกลายเป็นเครื่องมือของทุนในการแย่งชิงทรัพยากร รัฐไม่ใช่คนนอกที่คอยเข้ามาสร้างความเป็นธรรม แต่รัฐกลับเป็นพื้นที่เปิดเฉพาะสำหรับอภิสิทธิ์ชน แม้แต่ในหมู่บ้าน ก็มีคนที่เข้าถึงพื้นที่นี้ได้เพียงไม่กี่คน และใช้อำนาจรัฐในการเบียดเบียนคนอื่น
ประชาธิปไตยแบบไทยกำลังต้องการคำอธิบายเชิง "ศีลธรรม" ใหม่ มิฉะนั้น ก็ไม่สามารถกำกับให้ประชาชนสยบยอมได้ต่อไป
และคำอธิบายเชิง "ศีลธรรม" แบบใหม่ที่ถูกหยิบมาใช้คือ "ชุมชนนิยม"
ที่จริงแล้ว แนวคิดชุมชนนิยมเกิดมานานแล้ว (ตั้งแต่ทศวรรษ 2520 เช่นกัน) ดูเหมือนในระยะแรก ไม่ได้ถูกใช้เป็นคำอธิบายเชิง "ศีลธรรม" ให้แก่ประชาธิปไตยแบบสยบยอม ในทางตรงกันข้ามด้วยซ้ำ ดูเหมือนจะเป็นฐานของพลังให้แก่การต่อรอง ทั้งกับตลาดและกับรัฐ ชุมชนนิยมให้ความสำคัญแก่ฐานทาง "ศีลธรรม" ที่มีพลังสูงมาก เพราะมีความหมายแก่ทุกคน เช่น ฐานทรัพยากร, ระบบนิเวศที่อุดมสมบูรณ์, ความมั่นคงด้านอาหาร และแน่นอนความมั่นคงด้านสังคม ซึ่งได้จากความสัมพันธ์ในชุมชน ใครๆ ย่อมให้คุณค่าแก่สิ่งเหล่านี้เหนือกำไรของบริษัทเอกชน และเหนือเขื่อนไฟฟ้า หรือโรงไฟฟ้าถ่านหิน
แต่นับจากสมัยทักษิณเป็นต้นมา ผู้ต่อต้านทักษิณโน้มนำให้ชุมชนนิยมมีความหมายเชิงสยบยอมมากขึ้น จนดูประหนึ่งว่าชุมชนมีความกลมกลืนในตัวเอง และแข็งแกร่งในตัวเองเสียจนไม่ต้องพึ่งทั้งตลาดและรัฐ ทุกคนสามารถหันกลับไปผลิตเพื่อเลี้ยงตนเองและครอบครัวได้อย่างมั่นคง เพราะชุมชนมี "ภูมิปัญญา" ทำได้ ซ้ำยังมีระบบความสัมพันธ์ภายในที่ช่วยประกันความอยู่รอดของทุกคนด้วย การ "พึ่งตนเอง" กลายเป็นการ "พึ่งตนเอง" ในเงื่อนไขของสังคมที่ได้ล่วงเลยไปแล้ว และคงไม่มีวันหวนคืนกลับมา
พระราชดำรัสเกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียงในท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจของปี 2540 อาจเข้าใจได้เป็นสองอย่าง
อย่างแรก เศรษฐกิจพอเพียง เป็นกลวิธีสร้างพลังต่อรองให้ตนเอง ในขณะที่เกษตรกรรายย่อยเพิ่มสัดส่วนการผลิตของตนเพื่อการบริโภคในครัวเรือนให้มากขึ้น จึงมีพลังพอจะพึ่งพาตลาดน้อยลง และย่อมต่อรองได้มากขึ้น รัฐก็สามารถทำอย่างเดียวกัน โดยจัดระบบเศรษฐกิจของตนให้ต้องพึ่งพาต่างประเทศน้อยลง เช่น ทำให้เกิดตลาดท้องถิ่นที่ครบวงจร พอที่จะประหยัดค่าขนส่งได้ เป็นต้น
ความเข้าใจอย่างแรกนี้ทำให้เห็นเศรษฐกิจพอเพียงเป็นกลวิธีอย่างหนึ่ง ในการเพิ่มพลังต่อรองของผู้คนและประเทศชาติ ไม่ต่างไปจากจุดยืนของชุมชนนิยมในระยะแรก และต้องไม่ลืมด้วยว่า พลังต่อรองนั้นใช้ได้ทั้งกับตลาดและรัฐ เศรษฐกิจพอเพียง ในความหมายนี้ไม่ได้ปฏิเสธตลาด (หรือรัฐ) เพียงแต่จะเข้าตลาด (หรือรัฐ) โดยมีพลังต่อรองมากขึ้นได้อย่างไร นอกจากเศรษฐกิจพอเพียงแล้ว ยังมีกลวิธีอื่นอีกมาก เช่น สหกรณ์, การลงทุนด้านวิชาการของภาครัฐ, การจัดการทรัพยากรทั้งโดยชุมชนและรัฐ อย่างเป็นธรรม เพื่อเพิ่มพลังการผลิต, การมีสื่อของตนเอง, การมีพรรคการเมืองของตนเอง ฯลฯ
ความเข้าใจอย่างที่สอง ซึ่งถูกชูขึ้นตั้งแต่รัฐประหาร 2549 เป็นต้นมา เศรษฐกิจพอเพียงกลายเป็นปรัชญา ซึ่งอาจนำไปใช้ได้กับทุกกรณีและในทุกเงื่อนไขของการประกอบการ ทั้งในทางเศรษฐกิจหรือสังคม ในขณะเดียวกัน ก็ใช้ฐานทาง "ศีลธรรม" อย่างเดียวกับชุมชนนิยมในระยะเริ่มต้นได้ต่อไป ไม่ว่าจะเป็นความมั่นคงด้านอาหาร, ฐานทรัพยากร, หรือความเอื้ออาทรของคนในชุมชน
แต่เศรษฐกิจพอเพียงในความเข้าใจอย่างนี้ กลับไม่ได้มุ่งจะเพิ่มอำนาจต่อรอง โดยเฉพาะอำนาจต่อรองทางการเมือง เหมือนยกรัฐให้คนอื่นไปจัดการอย่างเป็นธรรมหรือไม่ก็ไม่สำคัญ เพราะประชาชนมีชีวิตอยู่อย่างพอเพียงและเป็นสุขได้ ไม่มียูทูบในเศรษฐกิจพอเพียงแบบนี้ ทั้งๆ ที่ยูทูบเป็นพื้นที่สำหรับการรวมกลุ่มและต่อรองที่มีพลังในโลกปัจจุบัน
นี่คือการสยบยอมทางการเมืองในอีกรูปแบบหนึ่ง ชุมชนนิยมซึ่งเกิดขึ้นเพื่อเพิ่มอำนาจให้ประชาชน กลายเป็นลัทธิที่จะปลดอำนาจของประชาชน ภายในระบอบประชาธิปไตยแบบไทย (หรือในชื่ออื่น)
เหนืออากาศแปรปรวนหนัก เย็น ฝนปรอย เข้าเม.ย.ร้อนจัด อุบลฯหนาวตายแล้ว 1 คน
อุบลฯหนาวตายหนึ่งราย อุณหภูมิต่ำสุด 13 องศา และมีแนวโน้มลดลงอีก
เมื่อวันที่ 29 มีนาคม ร.ต.อ.สุรชัย เทพพิทักษ์สมบัติ ร้อยเวรสถานีตำรวจภูธรเมืองอุบลราชธานี ได้รับแจ้งมีเหตุคนนอนเสียชีวิตที่บริเวณโกดังเก็บสินค้าของบริษัท คาโอคอนเมอร์เซียล (ประเทศไทย) จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 199 หมู่ 12 ตำบลไร่น้อย อ.เมือง จ.อุบลราชธานี ที่เกิดเหตุพบร่างของนายชอบ มณีงาม อยู่บ้านเลขที่ 2 หมู่ 2 ตำบลแพงใหญ่ อ.เหล่าเสือโก้ก จ.อุบลราชธานี มีอาชีพเป็นยามรักษาการประจำโกดังคลังสินค้าของบริษัทดังกล่าว นอนคว่ำหน้าเสียชีวิตอยู่บนลังไม้ ตามร่างกายไม่มีบาดแผล ปลายเท้ามีขวดน้ำ ยาหม่องและรองเท้าวางอยู่ คาดเสียชีวิตเนื่องจากสภาพอากาศหนาวจัดตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา
สำหรับสภาพอากาศที่ จ.อุบลราชธานี ทางศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคตะวันออกเฉียงเหนือรายงานว่า สภาพอากาศในช่วงเช้าของวันนี้อุณหภูมิอยู่ที่ 13 องศาเซลเซียล และอากาศจะหนาวเย็นต่อไปอีกจนถึงปลายเดือนนี้ อุณหภูมิจะลดลงอีก 2-3 องศา จึงเตือนประชาชนให้สวมใส่เสื้อผ้าหนา และดูแลสัตว์เลี้ยง เนื่องจากอุณหภูมิที่ลดลงจะทำให้สัตว์ปรับตัวไม่ทันเกิดการเจ็บป่วย และเสียชีวิตได้
เหนืออากาศแปรปรวนหนัก หนาวเย็น ฝนปรอย ล่วงเข้าเม.ย.ร้อนจัด
นักอุตุนิยมวิทยา ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือ กล่าวเมื่อวันที่ 29 มี.ค. ว่า สภาพอากาศที่เกิดขึ้นมาจากมวลอากาศกำลังค่อนข้างแรง บริเวณความกดอากาศสูงที่แผ่ปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้ภาคเหนือมีอากาศเย็น และมีฝนเล็กน้อย โดยฝนตกกระจาย 40-60 % ของพื้นที่ อากาศพื้นราบหนาวเย็น อุณหภูมิต่ำสุดอยู่ที่ 18-20 องศาเซลเซียส โดยต่ำสุดเช้านี้ที่โครงการหลวงเกษตรอ่างขาง อ.ฝาง วัดได้ 9.2 องศาเซลเซียส ส่วนตัวเมืองเชียงใหม่ 20.4 องศาเซลเซียส กลางวันอุณหภูมิประมาณ 26-27 องศาเซลเซียส โดยไม่มีรายงานเหตุแผ่นดินไหว สภาพอากาศลักษณะนี้จะมีต่อเนื่องจนถึงวันที่ 30 มีนาคม จากนั้นเริ่มเป็นฤดูร้อนปกติ โดยเฉพาะกลางเดือนเมษายน อากาศจะร้อนที่สุด อาจมีพายุฤดูร้อน เนื่องจากปีนี้สภาพอากาศแปรปรวนสูง
การเลือกตั้งกับการยุติ"ขั้วสี"
คอลัมน์ รายงานพิเศษ
ยิ่งใกล้การเลือกตั้ง คำถามที่หลายฝ่ายเกรงกลัวก็เริ่มผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด หนึ่งในนั้นคือความไม่แน่ใจว่าเส้นทางเลือกตั้งจะช่วยยุติความขัดแย้ง "เหลือง-แดง" ของประเทศได้จริงหรือ เมื่อวันที่ 28 มี.ค. ทางมูลนิธิเอเชีย จึงจัดเวทีวิพากษ์ผลการสำรวจ เรื่อง การสำรวจความเห็นพลเมืองไทยระดับประเทศ พ.ศ. 2553 : มติมหาชนและการเมืองระหว่าง "ขั้วสี"
พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต
รองคณบดีคณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)
น่าสนใจมากเมื่อมองจากผลสำรวจ เราพบว่าคนกว่า 10 ล้านคนกล้าระบุว่าตนเองนั้นมีสังกัดเสื้อสีแดงหรือสีเหลือง ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่ธรรมดาสำหรับสังคมไทย
ความขัดแย้งในภาครวมของสังคมไทยไม่รุนแรง เป็นความขัดแย้งด้านประเด็น ตัวบุคคล และอารมณ์ความรู้สึก ไม่ใช่ความขัดแย้งด้านค่านิยมหลัก จะเห็นได้ว่าทั้งฝ่ายเสื้อแดงและเสื้อเหลือง ไม่มีประเด็นเรื่องค่านิยมหลักที่แตกต่างกัน ทั้งเรื่องยอมรับความหลากหลาย ยอมรับมติเสียงข้างมาก และเสรีภาพในการแสดงออกทางการเมือง
แต่สิ่งที่ทำให้ค่านิยมบิดเบี้ยวไปคือ อคติทางการเมือง เช่น การรักชอบบุคคลหรือพรรคหนึ่งพรรคใดเป็นพิเศษ เป็นความคิดเชื่อมโยงระหว่างค่านิยมและการเมือง
แต่ที่น่าตกใจคือ 1 ใน 3 ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งกว่า 40 ล้านคน ยังเข้าใจว่าประชาธิปไตยกับการเลือกตั้งเป็นสิ่งเดียวกัน แสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวในการประชาสัมพันธ์ความรู้ของสถาบันสื่อสารมวลชน และสถาบันการศึกษา
ประชาชนที่อาศัยอยู่ตามเมืองใหญ่ถึง 1 ใน 3 มองว่าปัญหาใหญ่คือเศรษฐกิจ แต่คนในเมืองจะมองเรื่องการเมืองเป็นสำคัญด้วย เพราะเหตุการณ์ความวุ่นวายที่ผ่านมา ล้วนเกิดในกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นเรื่องใกล้ตัวของคนเมืองและรู้สึกเป็นปัญหา
ขณะที่คนในพื้นที่ต่างจังหวัด มองปัญหาใกล้ตัว รองจากปากท้องก็เป็นปัญหายาเสพติด และภัยพิบัติธรรมชาติ
สิ่งที่น่าเป็นห่วงมากๆ คือคนทั้ง 2 กลุ่มยังมองไม่เห็นความเชื่อมโยงระหว่างการคอร์รัปชั่นกับปัญหาทั้งหมด หากไม่มีคอร์รัปชั่น ปัญหาความยากจน การเดินขบวน ยาเสพติดและภัยพิบัติ ย่อมไม่มีหรือทุเลาลง
อีกจุดหนึ่งที่น่าเป็นห่วงคือ ความเชื่อถือของประชาชนที่มีต่อ ส.ส. เราพบว่าประชาชนไม่ค่อยเชื่อถือนักการเมือง กว่าร้อยละ 50 ซึ่งอันตรายมาก เพราะอย่าลืมว่าในระบอบประชาธิปไตย ส.ส.เป็นตัวแทนของประชาชน
ดังนั้น การที่ประชาชนแสดงความไม่ชื่นชอบส.ส.ขนาดนี้ ทำให้ผู้แทนฯเหล่านี้ต้องรีบปรับตัวเองขนานใหญ่ หากไม่ทำเช่นนั้น เมื่อวันที่ประชาชนรู้สึกสิ้นหวังในระบอบการปกครองแบบรัฐสภาแล้ว ประชาชนอาจมองหารูปแบบการปกครองใหม่ อาจเป็นระบอบผสม หรืออะไรก็ตาม เพื่อเดินหน้าประเทศตามแนวทางของตนเองต่อไป
ความขัดแย้งของเสื้อแดง และเสื้อเหลือง อาจเรียกได้ว่าเป็นความขัดแย้งเทียม เพราะไม่ได้ขัดแย้งกันในระดับค่านิยมหลัก การแก้ไขทำได้ง่าย เพียงใช้ความสัมพันธ์ของสถาบันต่างๆ ในสังคม เช่น ครอบครัว สถานศึกษา หรือที่ทำงาน
แต่ความขัดแย้งของชนชั้นนำของแต่ละกลุ่ม เป็นเรื่องที่ซับซ้อนมาก
ผู้นำความคิดของฝ่ายเสื้อเหลืองขัดแย้งกับนักการเมืองตั้งแต่สมัยพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จนมาถึงรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในด้านค่านิยมและหลักคิด เงื่อนไขที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งกับคนกลุ่มนี้เท่าที่ทราบคือ ความต้องการรัฐบาลที่มีธรรมาภิบาล ปกป้องอธิปไตยของชาติ และปกป้องสถาบัน
ส่วนผู้นำฝ่ายคนเสื้อแดง ขัดแย้งกับรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ และกลุ่มของนายเนวิน ชิดชอบ ในข้อหาสังหารประชาชนระหว่างการประท้วง ขณะที่ฝ่ายรัฐบาลก็ตอบโต้ด้วยข้อหาก่อการร้าย สิ่งนี้เป็นความขัดแย้งระยะสั้น ทำนายว่าอีกไม่นานก็สามารถแก้ไขได้
แต่ยังมีชนชั้นนำแดงและนักวิชาการบางส่วนพยายามต่อสู้กับกลุ่มที่เรียกว่า อำมาตย์ ซึ่งประเด็นนี้จะเป็นชนวนนำไปสู่ความขัดแย้งที่ยืดเยื้อในอนาคต
โดยสรุป ระบบการเมืองแบบรัฐสภาไทยสามารถผลิตได้แต่นักการเมืองโกงกิน ไม่แยแสต่อความเดือดร้อนของประชาชน ไร้ความสามารถ และตักตวงผลประโยชน์ของฝ่ายตนเป็นที่ตั้ง ซึ่งปรากฏการณ์นี้เกิดมาตั้งแต่ปี 2531
ประชาชนจึงควรกดดันให้มีการปรับโครงสร้างระบบด้านองค์กรยุติธรรม ซึ่งมีการเปิดช่องให้การทุจริตแพร่กระจายไปทุกภาคส่วน องค์กรจัดการเลือกตั้งก็อ่อนแอ หน่วยงานตรวจสอบการเลือกตั้งก็อ่อนแอ ทำให้เกิดการเข้าถึงอำนาจอย่างมิชอบของผู้มีอำนาจเพื่อตักตวงผลประโยชน์ไม่จบสิ้น
อย่างไรก็ตาม หลังการเคลื่อนไหวระหว่างปี 2549 ถึงปัจจุบัน ทำให้เกิดการแพร่ขยายของการเมืองเชิงอุดมการณ์มากขึ้น คำถามคือประชาชนที่ตื่นตัวทางการเมืองเหล่านี้จะมีวิธีการอย่างไรต่อไปที่จะแสดงอำนาจ และกดดันรัฐบาล
"นงเยาว์ เนาวรัตน์
คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
จากประสบการณ์ที่มีโอกาสร่วมพูดคุยกับคนทั้งเสื้อเหลือง เสื้อแดง ทำให้เห็นความพยายามของทั้งสองฝ่ายที่จะพัฒนาชาติไปในทิศทางที่ตนเองต้องการหรือเชื่อถือ ซึ่งไม่ใช่การทำลายล้างสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ อย่างที่หลายฝ่ายเข้าใจ
สิ่งที่เกิดขึ้นกับสังคมไทยขณะนี้ คือการก้าวไปสู่การเป็นรัฐประชาธิปไตยแบบพหุสังคมภายใต้ความขัดแย้ง เพราะความหมายของประชาธิปไตยที่เคยสั่งสอนในโรงเรียนว่า เป็นการรับฟังเสียงส่วนมาก
วันนี้ต้องเข้าใจใหม่ว่า เป็นการประนีประนอมกันระหว่างเสียงส่วนน้อยและเสียงส่วนมาก และประชาธิปไตยไม่ได้จบที่การเลือกตั้ง แต่ยังเลยไปถึงการเคลื่อนไหวของคนทุกภาคส่วนที่ออกมาเรียกร้องสิทธิของตนเอง ไม่ฝากความหวังไว้กับนักการเมืองอย่างเดียว การพัฒนาเหล่านี้เกิดขึ้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา
เราเคยได้ยินคำว่าคนต่างจังหวัดเลือกรัฐบาล คนกรุงเทพฯไล่รัฐบาล แต่ปัจจุบันมันจะกลายเป็นการต่อสู้ระหว่างประชาชนที่อาศัยอยู่ในภาคต่างๆ เช่น ภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคใต้ โดยมีกรุงเทพมหานครเป็นเวทีประลองกำลัง
โจทย์ใหญ่สำหรับรัฐบาลใหม่ที่จะมาคือ การรวมความเห็นอันแตกแยกของทั้งสองฝ่ายเข้าให้ได้ ไม่เช่นนั้นจะเกิดต่อสู้กันต่อไป
บรรยากาศในบ้านเมืองขณะนี้อยู่ในช่วงสงครามเย็น ซึ่งรอวันเกิดสงครามจริงในช่วงเลือกตั้งเมื่อฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดกำชัยชนะ ดังนั้น ทุกฝ่ายจึงควรใส่ใจ มีส่วนตรวจสอบการจัดการเลือกตั้ง เพราะกกต.ไม่อยู่ในฐานะที่จะจัดการเลือกตั้งได้ เรื่องความโปร่งใสในการเลือกตั้งจึงสำคัญมาก
อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เกิดการเคลื่อนไหวเพราะภาคส่วนต่างๆ ยังทำหน้าที่ได้ไม่เต็มที่ ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนทำให้เกิดความไม่พอใจ
การเคลื่อนไหวที่ผ่านมา จึงสะท้อนถึงความแร้นแค้นของสถาบันต่างๆ สิ่งที่ประชาชนต้องการอย่างแท้จริงอาจไม่ใช่ประชาธิปไตย แต่คือการมีที่ยืนที่อยู่อย่างมีศักดิ์ศรีบนสังคมประชาธิปไตย การได้รับการบริการจากหน่วยงานของรัฐบาลต่างๆ อย่างเท่าเทียมกัน ไม่มีการเลือกปฏิบัติ
เราจะเห็นว่าคนที่ออกมาประท้วงบางส่วนไม่ใช่คนจน แต่เขาเห็นว่าสิ่งที่เขาพูด สิ่งที่เขาต้องการ เป็นสิ่งที่คนในเมืองมองไม่เห็น รัฐบาลมองไม่เห็น ความซับซ้อนตรงนี้เป็นอีกความท้าทายหนึ่งที่รัฐบาลใหม่ต้องเข้ามาเผชิญและตั้งรับกับสังคมแบบพหุลักษณ์ และความหลากหลายทางเศรษฐกิจ
เราไม่สามารถฝากความหวังกับการเมืองในระบบเพียงลำพังอีกต่อไป จึงต้องเคลื่อนไหวทางการเมืองนอกระบบคู่ขนานกันไปใน 3 มิติ คือการเมือง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม เพื่อคืนอำนาจให้แก่ประชาชนอย่างแท้จริง
3ว่าที่นายกฯ
เหล็กใน
สมิงสามผลัด
![]() |
แคนดิเดตเก้าอี้นายกฯก็คงจะมีแค่ 3 คน
คาดการณ์กันไว้ว่ามี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์
เริ่มที่พรรคเพื่อไทย ถึงแม้จะยังไม่ประกาศตัวผู้ลงชิงนายกฯเร็วๆ นี้ เพราะประกาศแล้วว่าจะเปิดตัว "แม่ทัพใหญ่" หลังจากยุบสภาแล้ว 2 วัน
แต่ดูจากสัญญาณจากแดนไกลแล้ว คงเป็น "น้องปู" ยิ่งลักษณ์ ที่เบียด นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ค่อนข้างแน่
เพราะตรงสเป๊กที่ทักษิณตั้งไว้ทุกประการ
จุดขายก็เป็นผู้หญิงเก่งทันสมัย ประสบความสำเร็จด้านธุรกิจ ไม่ก้าวร้าว ไม่ดื้อแพ่ง
เป็นที่ยอมรับของคนเสื้อแดงทั้งประเทศ
เป็นอาวุธสำคัญที่เพื่อไทยจะใช้ฟาดฟันกับพรรคประชาธิปัตย์ได้อย่างสูสีทีเดียว
ส่วนร.ต.อ.ปุระชัยถือว่าเป็นอีกตัวเลือกที่ไม่อาจมองข้าม ได้เลย หลังคืนสังเวียนการเมืองในฐานะหัวหน้าพรรคประชาสันติ
ร.ต.อ.ปุระชัยได้ภาพนักการเมืองมือสะอาด เป็นกลาง เป็นที่ชื่นชอบของคนกรุง และยังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับพรรคร่วมรัฐบาล
ยิ่งชูประเด็น"รักประชาชน รักประชาธิปไตย ไม่ใช่ดี แต่พูด"
ยิ่งชัดเจนว่ามุ่งอัดนายอภิสิทธิ์เต็มเปา
ฉะนั้น จะสร้างปัญหาให้พรรคประชาธิปัตย์แน่ๆ ในการเลือกตั้งที่จะถึงนี้
โดยเฉพาะสนามกรุงเทพฯ
ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ก็ยังต้องคิดหนัก ว่าจะชูนาย อภิสิทธิ์เป็นจุดขายต่อหรือไม่
แม้ว่าระบบการเลือกตั้งใหม่จะเอื้ออำนวยให้ประชาธิปัตย์ค่อนข้างมากก็ตาม
เพราะไปลดจำนวนส.ส.ภาคอีสานและภาคเหนือซึ่งเป็นฐานเสียงของพรรคเพื่อไทยค่อนข้างเยอะ ภาคอีสานลดลงไป 9 คน ภาคเหนือลดลงถึง 8 คน
ส่วนภาคใต้ซึ่งเป็นที่มั่นของประชาธิปัตย์ลดลงแค่ 3 คน
แต่นายอภิสิทธิ์ก็ถือว่ายังเป็นปัญหา
ผลงานช่วง 2 ปีที่ผ่านมาบ่งชี้ได้ชัดเจนว่าแก้ปัญหาใหญ่ๆ ไม่ได้เลย
การสลายม็อบแดง 91 ศพยังเป็นรอยด่าง ความปรองดองล้มไม่เป็นท่า การทุจริตก็โดนวิพากษ์วิจารณ์หนัก รวมทั้งปัญหาข้าวยากหมากแพง ปัญหาไฟใต้ก็ยังมืดมน
เทียบกับสินค้าก็คง"ขายไม่ออก"
ประเภทนมหมดอายุ หรือสินค้าที่ไม่ผ่าน"อย."
จะคุ้มหรือหากชูอภิสิทธิ์เป็นนายกฯอีกสมัย !?
ที่ต้องจับจ้องมองกันอย่างไม่กะพริบตา
คดี 91 ศพเสื้อแดงที่อาจจะเข้าสู่กระบวนการศาลอาญาระหว่างประเทศในอนาคต
ถ้าประชาธิปัตย์เกิดคัมแบ๊กขึ้นมาจริงๆ
อาจมีนายกฯไทยคนแรกที่ต้องขึ้นศาลโลก!
21แดงอุบลวืด!!!ศาลไม่ให้ประกัน
โดย Friend-of-Red

พบกับความผิดหวังอีกครั้ง……ผู้ต้องขังปล่อยโฮสงสารลูกเมีย
เมื่อเวลา9.00น. ศาลจังหวัดอุบลราชธานีหลังมีการไต่สวนขอปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องขังแดงทั้งหมด 21 ราย วันนี้ศาลมีคำสั่งไม่อนุญาติให้ประกัน เนื่องจากไม่มีเหตุให้เปลี่ยนแปลงจึงยืนยังตามคำสั่งเดิม พิเคราะห์แล้วว่าการสืบใกล้จะสิ้นสุดหากให้มีการปล่อยตัวเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี ญาติที่มารอคอการปล่อยตัวหวังว่าจะได้อยู่กันเป็นครอบครัวอีกครั้งเมื่อทราบว่าศาลสั่งไม่อนุญาติ ทนายความเตรียมขอยื่นอุทธรณ์อีกครั้ง
ญาิติที่มารอต่างร้องให้เสียใจ ผิดหวัง บางรายเหมารถมารอเตรียมรับพ่อของลูกกลับบ้าน แม่ผู้ต้องขังรายหนึ่งเตรียมเสื้อผ้ามาให้ลูกชายเปลี่ยนเพื่อกลับบ้าน หลังออกจากศาลเดินทางไปเรือนจำกลางอุบลเพื่อเยี่ยมผู้ต้องขังต่อไป
เมื่อมาถึงเรือนจำญาติต่างพากันบอกข่าวว่าไม่ได้รับอนุญาติให้ประกันตัวทำให้ผู้ต้องขังถึงกับร้องให้เสียใจเพราะว่าสงสารลูกเมียที่ต้องลำบาก บางราบพยายามทำเข้มแข็งเพื่อไม่ให้ครอบครัวเสียใจไปมากกว่านี้ ส่วนนายก่อแก้ว พิกุลทองเดินทางมาให้กำลังใจและมอบเงินให้แก่ผู้ต้องขังเป็นจำนวนทั้งหมดหนึ่งหมื่นบาท
ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่14 มีนาคม 2554 ทีมทนายเสื้อแดงขอยื่นให้มีการพิจารณาไต่สวนประกอบคำร้องการขอประกันตัวโดยมีพยานทั้งหมด 4 รายที่ให้การ ได้แก่ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายแพทย์เหวง โตจิราการ ตัวแทนจากเรือนจำกลางจังหวัดอุบลและพ.ต.อ.ไอศูรย์ สิงหนาท รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุบล เพื่อให้การรับรองด้วยว่าหากได้รับการประกันจะไม่หลบหนี ศาลมีคำสั่งขอพิจารณาอีกสองอาทิตย์นัดอีกครั้งวันทร์ที่ 28 มีนาคม 2554(วันนี้)
ผู้ต้องขังทั้ง 21 รายมีอาการเครียดและบางรายป่วยทางจิตเวชแล้วรวมทั้งผู้พิการที่โดนจับมากว่าเก้าเดือนแล้ว
นายสุพจน์ ดวงงาม อายุ 63 ปี มีอาชีพเก็บของเก่าไม่มีครอบครัวและยังเป็นผู้พิการเนื่องจากป่วยเป็นโรครูมาตอยด์ หลังถูกจับไม่เคยได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่องทานเพียงยาแก้ปวดเท่ืานั้นเวลามีอาการกำเริบขาจะบวมทำให้เดินลำบาก บางครั้งเวลาออกศาลต้องใส่โซ่ล่ามขาไว้ทำให้เดินลำบาก มือที่หงิกก็สืบเนื่องมาจากอาการของโรคเช่นเดียวกันอีกทั้งอายุมากแล้ว ปัจจุบันมีเพียงน้องสาวทีคอยดูแลเท่านั้น
นายธนูศิลปฺ ธนูทอง อายุ 53 ปี ถูกจับเพียงเพราะหน้าเหมือนคนในหมายจับทั้งๆทีวันเกิดเหตุทำนาอยู่ที่บ้าน ปกติมีอาชีพทำนาไม่เคยมาาร่วมการชุมุมเพราะบ้านอยู่ไกลกว่าร้อยโลอีกทั้งต้องเลี้ยงดูลูกอีกสามคน ”น้องปลาย” ลูกชายคนเล็กอายุเพียงแปดขวบมารอพ่อที่ศาลทุกครั้งเพราะหวังว่าพ่อจะได้ออกมาอยู่ด้วยกัน
นายถาวร แสนทวีสุข อายุ 33ปี ประกอบอาชีพขับรถรับจ้าง ต้องจากลูกสาวตัวน้อยมาตั้งแต่อายุได้เพียง1ขวบครึ่ง จนทุกวันนี้อายุได้2ขวบกว่าแล้ว ช่วงแรกเมื่อมาเยี่ยมพ่อที่เรือนจำก็มีความกลัวเพราะว่าห่างเหินกันมานานอีกทั้งต้องคุยกันผ่านลูกกรง
นายสนอง เกตุสุวรรณ อาชีพรับจ้าง มีลูกชายวัย 11ปีและลูกสาวอายุ18ปีที่ต้องออกจากโรงเรียนหลังจากพ่อเข้าเรือนจำต้องออกมาหางานช่วยเลี้ยงน้อง ครอบครัวต้องลำบากเนื่องจากรายได้ไม่เพียงพอบ้านที่ต้องเช่าไม่มีค่าเช่าทำให้ต้องเกือบโดนเจ้าของมาไล่หลาายครั้งแต่ก็ต้องขอร้องเขาเพราะว่าลำบากจริงๆ หากไม่ให้อยู่แล้วจะไปอยู่ที่ใหน
ผู้ต้องขังทั้ง 21 รายต่างต้องตกระกำลำบากหาใช่เพียงคนในเรือนจำเท่านั้นแต่คนในครอบครัวต่างต้องทุกข์ทั้งกายและใจ …ไม่รู้ว่าต้องทนไปอีกนานแค่ใหน ใครมีคำตอบเล่าช่วยบอกที
(คดีความยังอยู่ในระหว่างสืบพยานฝ่ายโจทย์และยังคงไม่สิ้นสุด)
(จังหวัดอุดรธานียังคงจับผู้ต้องหาเพิ่มอีกจาก 21 รายเพิ่มเป็น27รายแล้ว)
http://rli.in.th/2011/03/29/21-%E0%B9%81%E0%B8%94%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%9A%E0%B8%A5%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%9B/
จะไปเลือกตั้ง....หรือจะรอลากตั้ง
โดย blablabla


อยากเลือกตั้ง หรือจะหงอ รอลากตั้ง
หรือสิ้นหวัง ทุกอย่าง หมดทางแล้ว
คำว่า"สิทธิ" คิดเถิด มันเพริศแพรว
มันคือแนว ต่อสู้ คู่เสรี....
เขากำหนด คดเคี้ยว ให้เลี้ยวเลาะ
หวังเพียงเจาะ ใจคน ให้ป่นปี้
สร้างบาดหมาง ทางระยำ คอยย่ำยี
หวังกดขี่ จมมิด ให้ติดดิน....
ประชาธิปไตย ไทยแท้ แม้ไม่สวย
แถมฉาบด้วย อำนาจแฝง แกร่งดั่งหิน
เขาขีดเส้น กำหนดไว้ ตามได้ยิน
จนสูญสิ้น ราคา คุณค่ามัน....
ผ่านกี่ยุค กี่สมัย ก็ได้เห็น
สร้างทุกข์เข็ญ แก่ชาติ ตามวาดฝัน
เอากิเลส ถาโถม เข้าโรมรัน
ขยี้มัน แหลกเหลว อย่างเลวทราม....
ช่วยริดรอน อำนาจมัน ผู้ฝันเฟื่อง
ให้ลือเลื่อง ทั่วถิ่น แผ่นดินสยาม
การ"เลือกตั้ง" คือวิธี อันดีงาม
อย่าผลีผลาม ตาม"ลากตั้ง" เขาสั่งมา....
๓ บลา / ๒๙ มี.ค.๕๓ (บ่าย)
http://3blabla.blogspot.com
ข่าวส่งเสริมคนดี
-
▼
2012
(2216)
- ► กุมภาพันธ์ (291)
-
►
2011
(6486)
- ► กุมภาพันธ์ (466)
-
►
2010
(5119)
- ► กุมภาพันธ์ (541)
-
►
2009
(5406)
- ► กุมภาพันธ์ (290)
จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม
Powered by web hosting provider . |
มุมพักใจ
มีสติ ไม่เพ่ง ไม่เผลอ
คนไทยทุกคนน่าจะรู้อย่างยิ่ง
- บทสัมภาษณ์ 'ต้องห้าม' ทักษิณ ชินวัตร-จอม เพ็ชรประดับ รายการ'ตัวจริง ชัดเจน'
- นำเงินหวยมาส่งเสริมเด็กเรียน VS รีดเงินบาปจากเหล้า บุหรี ให้เนชั่นทำทีวี : ใครเลว ????
- ไว้อาลัย นพ.สงวน นิตยารัมภ์พงศ์ : ผู้ปิดทองหลังพระโครงการ '30 บาทรักษาทุกโรค'
- บทความ: ตุลาการวิวัฒน์ กลายเป็น ตุลาการศาลเตี้ย
- ***ปฏิกิริยาจากสื่อนานาชาติต่อการยกฟ้อง..คดียุบพรรคพลังประชาชน****
- ว่าแต่เขา [19 ม.ค. 51 - 19:23]
- แถลงการณ์กลุ่ม 24 มิถุนาฯ คัดค้านกฏหมายเผด็จการทำลายสื่อเสรี
- 80 ข้อ ที่ผมไม่เคยรู้เกี่ยวกับในหลวง
- ผู้รับใช้เผด็จการ ไม่มีคุณสมบัติเป็นผู้พิพากษา
- เรายังรอความเป็นธรรมจาก กกต.ชุดนี้ ได้อีกหรือ?
- เอพีตีข่าว‘ทักษิณ'เดินทางออกจากฮ่องกงกลับอังกฤษแล้ว!
- คุณสดศรีครับ ผมไม่สามารถไว้วางใจให้เป็น กกต. ได้แล้วครับ ลาออกไปเสียเถอะครับ
- ขอคารวะท่าน พล.อ.ปอ สี่เสา : ทำบุญก่อนท่านจะละสังขารจากไปเถอะครับ
- วีซีดีทีเด็ดอยู่ที่ไหน?
- นานาปฏิกิริยาจากสังคม หลังเห็นเอกสารลับ " สัมพันธ์ บังธิ-สองแม่ลูก 'สัตยธรรม' "
- สุจริตเที่ยงธรรมยังมีอยู่หรือไม่
- ยุบพรรค พปช. กลยุทธ์ที่หน่อมแหน้ม เพราะเขาก็ยกพรรคไปอยู่พรรคใหม่ วิญญาณเก่าในร่างใหม่
- อย่าโกงประชาชน
- Thailand's Thaksin Supporters Accuse Opponents Employing 'Dirty Tricks'
- ใบแดงที่ไม่เป็นธรรม ไม่ใช่โกงทักษิณ แต่เป็นการโกงชาวบ้าน มันจึงเป็นฉนวนไปสู่จลาจล
- ประจานทั่วโลก!‘รัฐประหารเงียบ'สกัด‘พปช.'
- กกต.ต้องเคารพการตัดสินใจของประชาชน โปรดฟังอีกครั้งหนึ่ง !
- กทม.เมืองเทวดาแพ้ศัตรู คือความสูญสิ้น ดังนั้นต้องไม่แพ้พระอินทร์ สั่งมา (ต้องอ่านให้ได้ครับ)
- เปิดวิสัยทัศน์แก้วิกฤติเศรษฐกิจไทย สไตล์ 'ทักษิณ ชินวัตร'
- 'มิ่งขวัญ' เสนอนโยบายพรรคในรายการตัวจริง ชัดเจน
พลังประชาชนอ่านยัง
- ทักษิณ กับ เทพชัย หย่อง กรณีขายหุ้น และ ผลประโยชน์ทับซ้อน
- นักรบไซเบอร์ (Cyber Warrior) อินเตอร์เน็ต รัฐประหาร และประเทศไทย
- ปล้น
- เหรียญเปรมเหมาะสมหรือไม่
- อนุดับเพลิง คตส.ชี้ อภิรักษ์ ไม่ผิดทุจริตรถ-เรือดับเพลิง
- …พลังประชาชน ฆ่าอย่างไรก็ไม่ตาย !...
- คตน.สรุปไร้หลักฐานฟัน'ทักษิณ' สั่งฆ่าตัดตอนปี46
- “กฎหมายไม่ใช่ตัวยุติธรรม แต่เป็นเครื่องมือให้เกิดความยุติธรรม”
- และแล้วทีไอทีวี ก็เรียบร้อยโรงเรียนโจร ไปตามระเบียบคมช. !!!
- รัฐรีดสนุกมือสนับสนุน 'ทีวีสาธารณะ' [16 ม.ค. 51 - 04:24]
- สองขั้นอัปยศ : การทำรัฐประหารเป็นความดีความชอบ เข้าขั้นเสียสติแล้ว
- ITV ย้อนรอยเหตุการณ์นับแต่ก่อตั้ง จนถูกสั่งปิดเมื่อคืน
- เทพชัย-เนชั่นผงาด 5อรหันต์ทีวีสาธารณะ [15 ม.ค. 51 - 12:38]
- เงื่อนไขหน้าด้านๆของขันที
- ผู้รับใช้เผด็จการ ไม่มีคุณสมบัติเป็นผู้พิพากษา
- เรายังรอความเป็นธรรมจาก กกต.ชุดนี้ ได้อีกหรือ?
- เอพีตีข่าว‘ทักษิณ'เดินทางออกจากฮ่องกงกลับอังกฤษแล้ว!
- เปิดใจประธานเรือใบ1, 2, 3
- 'ประดาบ'คุยกับตัวเอง
- สำนึกแห่งไทย สำนึกแห่งความจงรักภักดี สำนึกที่มีต่อพระมหากษัตริย์ของคนไทย
- พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ 'ก้อนกรวดในรองพระบาท'
- ชีวิต(บัดซบ)ของ...อี๊ด
- เพราะฉะนั้น จึงรักกันเช่นฉะนี้
- รวมงานเขียนบาดใจคนคด ของ รอยคมประดาบ (ชอบก็ต้องอ่าน ไม่ชอบก็ยิ่งต้องอ่าน)
- สมุดปกม่วง
Links
- Hi Thaksin (Th)
- ชมรมคนคิดถึงทักษิณ
- กลุ่มพลเมืองภิวัฒน์
- Welovethaksin (Th)
- Hello Hello KonThaiUK!
- Thinking in Ink (Th/Eng)
- Thaksin Come Back (Th)
- Truethaksin.com (Th/Eng)
- Siam Freedom Fight (Th/Eng)
- Thaksin.wordpress.com (Th/Eng)
- Thai Press Log บล็อกบันทึกสื่อชั่ว
- ดาวเมือง บล็อคข่าวขับไล่เผด็จการ
- Thai E-News ข่าวสารที่คุณไม่อาจหาอ่านได้จากสื่อ
- นิพพาน ปฏิบัติใหม่ๆ อยากไปนิพพาน