โดย คุณ อัคนี คคนัมพร
ที่มา เวบไซต์ โลกวันนี้
28 ตุลาคม 2552
เวลามีเรื่องอะไรที่ไม่เหนือไปกว่าความคาดหมาย คนไทยเรามักมีคำอุทานฮิตติดปากว่า “แหม ทีแทงหวยไม่ถูก

มติ ป.ป.ช. ตามถ้อยแถลงของนายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการ ป.ป.ช. ระบุว่า
“จากข้อเท็จจริง ฟังได้ว่านายกรัฐมนตรีไม่มีเจตนาหรือมีความประสงค์ที่จะรับงาช้างไว้เป็นสิทธิของตนเอง เนื่องจากเมื่อรับงาช้างจากนายโสภณ ได้ส่งให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีตรวจสอบมูลค่าให้ถูกต้องตามกฎหมาย ต่อมาพิจารณาเห็นว่า ไม่สมควรรับงาช้างไว้ จึงได้ส่งคืน ส่วนที่ไม่ได้รายงานเรื่องนี้ต่อ ป.ป.ช. ในทันที ก็เพราะติดวันหยุดราชการ และได้มอบหมายให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทำหนังสือลงวันที่ 22 กรกฎาคม รายงานเรื่องดังกล่าวให้ ป.ป.ช. ทราบข้อกล่าวหาว่า กระทำการขัดหลักเกณฑ์การรับทรัพย์สินหรือผลประโยชน์อื่นใด โดยธรรมจรรยาของเจ้าหน้าที่รัฐ พ.ศ. 2543 จึงไม่มีมูล ข้อกล่าวหาตกไป”
ผู้เขียนเห็นว่า มติของ ป.ป.ช. เรื่องนี้ มีข้อให้น่าท้วงติงอยู่พอสมควร โดยเฉพาะประเด็นที่ ป.ป.ช. อ้างว่านายอภิสิทธิ์ไม่มีเจตนา
ไม่รู้ว่า ป.ป.ช. ไปนั่งในใจนายอภิสิทธิ์ได้ตั้งแต่เมื่อไร จึงเที่ยวไปเดาใจ หรืออ่านใจนายอภิสิทธิ์ออกว่า ไม่มีเจตนา
งาช้าง 1 คู่ ที่นายโสภณมอบให้ เด็กอมมือก็น่าจะรู้ว่า มันมีมูลค่าเกิน 3,000 พันบาทแน่ๆ ถ้าไม่มีเจตนา จะรับมาทำไม
เมื่อผลของเรื่องงาช้าออกมาซะอย่างนี้ ก็ไม่ต้องไปรอลุ้นเรื่องแหวนทองที่นายกฯรูปหล่อ ไปรับมาจากบรรดาแม่ใหญ่ในภาคอีสาน เพราะรับแล้วคืนไม่ผิด
เมื่อกรรมการ ป.ป.ช. เข้าไปนั่งในใจนายอภิสิทธิ์ได้ ผู้เขียนก็ขอเข้าไปนั่งในใจนายอภิสิทธิ์บ้าง ซึ่งในมุมมองเห็นว่า นายอภิสิทธิ์รู้อยู่แล้วว่า ของที่รับมามีมูลค่าเกินกว่า 3,000 บาท แต่ก็เลือกเล่นตามเกมการเมืองที่ถนัด เรียกว่าไม่ทิ้งโอกาสที่จะสร้างภาพ เมื่อปูกันมาอย่างนี้ ก็ต้องตบกินเก็บแต้มเข้ากระเป๋าสักหน่อยเพราะกรณีอย่างนี้ ไม่ต้องลงทุนลงแรงอะไร อยู่ๆ ก็มีคนชงมาให้ตบกินเก็บแต้ม และยังเป็นการตบหนเดียวได้ 2 แต้ม เข้ากระเป๋าฟรีๆ อีกด้วย
แต้มแรก คือได้ใจคนที่ให้ของ ไม่ว่าจะเป็นรัฐมนตรีร่วมรัฐบาล หรือแม่ใหญ่ในอีสาน เพราะคนไทยจะถือกันมากเรื่องให้ของแล้วถูกปฏิเสธ
แต้มที่สอง คือได้ภาพความเป็นคนที่ซื่อสัตย์สุจริต เพราะเมื่อรับมาแล้ว ก็ให้ตรวจสอบว่า มีมูลค่าเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ (ทั้งที่รู้อยู่ว่าเกิน) จากนั้นก็ส่งคืนเจ้าของ
เรียกว่าตบกินนิ่มๆ ได้ 2 แต้มเข้ากระเป๋าฟรีๆ
ถ้าเป็นอย่างนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะมีข้อห้ามเรื่องรับของเกิน 3,000 เอาไว้ทำไม
ต่อให้รอจนถึงชาติหน้า ก็เอาผิดใครไม่ได้ เพราะพอมีคนรู้ พอเป็นข่าว แค่ส่งคืน ก็พ้นความผิด
ส่วนไอ้ที่ไม่เป็นข่าว ไม่มีคนรู้ ก็หวานปากเก็บใส่กระเป๋า เข้าบัญชีอย่างสบายใจ