คอลัมน์ |
|
จากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้ |
ปีที่ 11 ฉบับที่ 2764 ประจำวัน พุธ ที่ 24 มีนาคม 2010 |
โดย ลอย ลมบน |
ชักไปกันใหญ่กับมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้าข่ายเป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำไปทุกขณะ
ก่อนหน้านี้รัฐบาลประกาศระดมกำลังทหาร ตำรวจ อาสาสมัคร 50,000 คน เข้ามารักษาความปลอดภัยในช่วงประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ เพื่อดูแลความเรียบร้อยการชุมนุมของคนเสื้อแดง ซึ่งว่ากันว่าเม็ดเงินงบประมาณที่ใช้ไปเพื่อการนี้ตกวันละไม่ต่ำกว่า 25 ล้านบาท
ล่าสุดมีข่าวว่าระดมกำลังทหารอีกชุดเข้ามาจากจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อมารักษาความปลอดภัยโดยรอบอาคารรัฐสภา เคลียร์ทางให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้ประกาศตนว่าเป็นผู้เลื่อมใสในระบบรัฐสภา เข้าร่วมประชุมเป็นครั้งแรก หลังจากที่เบี้ยวไม่เข้าประชุมเมื่อสัปดาห์ก่อน
ภาพการให้ทหารนำลวดหนาม แท่งปูน และรถ มาปิดกั้นถนนโดยรอบรัฐสภาเห็นแล้วน่าอดสูใจ เพราะภาพแบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้นในประเทศที่ประกาศตนว่าปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย หนำซ้ำยังเป็นการทำโดยไม่แจ้งให้ประธานรัฐสภาทราบล่วงหน้า ขนาดคนระดับรองประธานสภาผู้แทนราษฎรทหารยังห้ามเข้าพื้นที่
นอกจากนี้ ศอ.รส. ภายใต้การกำกับดูแลของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ยังออกประกาศมาอีก 2 ฉบับ ฉบับแรกสั่งปิดถนนทุกเส้นโดยรอบสภา ห้ามรถผ่านเข้าออก ฉบับที่ 2 ประกาศห้ามบุคคลเข้าพื้นที่หวงห้าม (รอบสภา) เพราะกลัวว่าคนเสื้อแดงที่ชุมนุมกันอยู่ที่สะพานผ่านฟ้าฯจะไปชุมนุมกดดันนายกฯ
รัฐบาลกำลังแสดงให้เห็นว่าพร้อมทำทุกอย่างเพื่อที่จะต่ออายุอยู่ในอำนาจต่อไป โดยไม่สนใจผลกระทบที่จะตามมา
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ถือว่าหมดความสง่างามในการเป็นผู้นำในระบอบประชาธิปไตย เพราะเอาตัวเองไปซุกอยู่ใต้ท็อปบู๊ตของทหาร
เมื่อรัฐบาลแปลงสภาพบ้านเมืองให้เหมือนอยู่ในช่วงสงคราม มีการสร้างสิ่งกีดขวาง ระดมกำลังทหารเข้ามาเต็มเมือง ไม่รู้ว่าคนไทยจะรู้สึกอย่างไร แต่สิ่งที่รัฐบาลแสดงออกมานั้นสื่อให้เห็นว่ารัฐบาลไปไกลจากจุดที่จะสร้างความสมานฉันท์ ความปรองดองมากแล้ว
อยากรู้ว่าเมื่อพ้นกำหนดต่ออายุประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯในวันที่ 30 มี.ค. แล้วหากคนเสื้อแดงเขายังไม่เลิกชุมนุม รัฐบาลจะทำอย่างไร จะต่ออายุบังคับใช้กฎหมายเพื่อคงกำลังทหารและสิ่งกีดขวางจำนวนมากนี้ไว้ต่อไปอีกหรือไม่
นายอภิสิทธิ์จะทำงานอย่างไร จะมุดหัวอยู่แต่ในค่ายทหาร จะไปเฉพาะพื้นที่ที่มีกำลังทหารจำนวนมากรักษาความปลอดภัยให้ใช่หรือไม่
ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ต้องถามว่า นายอภิสิทธิ์เป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยหรือเป็นนายกฯของกองทัพ
น่าคิดว่าการรุกคืบของทหารที่เข้ามาใกล้ผู้ชุมนุมมากขึ้นเรื่อยๆนั้น มาเพื่อรักษาความปลอดภัยอย่างเดียวจริงหรือไม่ เพราะแว่วๆมาว่าก่อนที่คนเสื้อแดงจะระดมมวลชนเข้ามาชุมนุมใหญ่กันอีกครั้งในวันที่ 27 มี.ค. นี้อาจเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นมาก่อน
ที่น่าคิดเพราะขนาดกำลังทหารเต็มเมือง ตั้งด่านตรวจกันถี่ยิบ แต่ยังมีคนแบกอาร์พีจี ลากเอ็ม 79 มายิงเล่นได้ไม่เว้นแต่ละวันโดยที่ไม่สามารถจับมือใครดมได้เลย
มันก็เหมือนกับการยิงถล่มนายสนธิ ลิ้มทองกุล ที่ทำในช่วงประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทหารอยู่กันเต็มเมืองแต่จับคนยิงไม่ได้
ทั้งหมดแสดงให้เห็นว่าสถานะของนายอภิสิทธิ์วันนี้แม้จะมีตำแหน่งใหญ่โตเป็นถึงนายกรัฐมนตรี แต่ก็เป็นแค่เบี้ยตัวหนึ่งในกระดานอำนาจที่ถูกใช้เชิดเพื่อหลอกชาวโลกว่าประเทศไทยปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยเท่านั้น
ประชาธิปไตยไม่มีจริงในประเทศนี้ เพราะอำนาจที่แท้จริงอยู่ในมือของคนที่ไม่เคยลงเลือกตั้งแต่สั่งได้ทุกองค์กร