26 พ.ย. 54 -  แถลงการณ์เครือข่ายการย้ายถิ่นในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงต่อการประชุมระดับโลก เรื่องการย้ายถิ่นและการพัฒนาครั้งที่ห้า โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
 แถลงการณ์เครือข่ายการย้ายถิ่นในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงต่อการประชุมระดับโลก
 เรื่องการย้ายถิ่นและการพัฒนาครั้งที่ห้า
 แรงงานข้ามชาติจากประเทศเพื่อนบ้านในลุ่มน้ำโขงมีความชำนาญอย่างยิ่ง และสามารถฟื้นคืนสภาพเดิมและเรียกร้องให้มีการตระหนักและเคารพตามสิทธิจาก รัฐบาลของพวกเขา
 แรงงานจากอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงไม่สามารถที่จะไว้วางใจกับรัฐใดๆหรือ องค์กรระหว่างประเทศองค์กรไหนที่จะให้อำนายความสะดวกหรือจัดการการย้ายถิ่น หรือปกป้องสิทธิของพวกเขา  แทนที่จะรอการช่วยเหลือพวกเขาได้จัดการการเคลื่อนย้ายและจัดตั้งตนเองเพื่อ ทวงถามถึงสิทธิของตน  แรงงานได้ค้ำจุนครอบครัวและชุมชนของพวกเขาโดยที่ไม่ได้รับการตระหนักหรือการ อำนายความสะดวกใดๆ พวกเขาเองได้สร้างระบบซึ่งมีประสิทธิภาพ สะดวกและเหมาะสม
 ในช่วงเวลาวิกฤตแรงงานได้จัดสร้างชุมชนของพวกเขาเพื่อที่จะให้การช่วย เหลือด้านที่พักพิงและสนับสนุนสำหรับแรงงานข้ามชาติคนอื่นที่ต้องการความ ช่วยเหลือ  ล่าสุดชุมชนแรงงานข้ามชาติทุกหนทุกแห่งในประเทศไทยได้จัดกิจกรรมเพื่อหาเงิน  ช่วยเหลือแรงงานข้ามชาติและประชาชนไทยที่เดือดร้อนจากน้ำท่วม  ในขณะเดียวกันชุมชนแรงงานข้ามชาติในพื้นที่ชายแดนได้ต้อนรับผู้คนร่วมชาติ  ที่หนีจากน้ำท่วมในกรุงเทพฯและจังหวัดอื่นๆในพื้นที่ภาคกลางของไทย  โดยไม่คำนึงถึงคำขู่จากเจ้าหน้าที่ที่ว่าจะมีการกวาดล้างแรงงานผิดกฎหมาย
 ในขณะที่แรงงานข้ามชาติจากประเทศเพื่อนบ้านในลุ่มน้ำโขงมีความเชี่ยว ชาญอย่างยิ่งและสามารถฟื้นคืนสภาพเดิมได้  แต่พวกเขาเหล่านั้นยังคงมีความประสงค์ที่จะเรียกร้องตามสิทธิที่ยังไม่ได้ รับจากรัฐบาลและรอคอยด้วยใจจดจ่อเพื่อให้รัฐบาลปฏิบัติการต่อข้อเสนอ  ดังต่อไปนี้คือ
 ผู้ย้ายถิ่นประสงค์เป็นอย่างยิ่งที่จะให้รัฐบาลในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง อุทิศทรัพยากรที่ดีกว่านี้เพื่อการบริการทางสังคมที่จำเป็นสำหรับประชากรทุก คนในภูมิภาค  หากดำเนินการเช่นนั้นจะทำให้ผู้ย้ายถิ่นสามารถที่จะเข้าถึงการบริการที่จำ เป็นได้ในประเทศต้นทางและปลายทาง   การย้ายถิ่นและผู้ย้ายถิ่นต้องได้รับการบรรจุในวาระแห่งชาติเรื่องแผนด้าน เศรษฐกิจและสังคม
 เพื่อที่แรงงานจะสามารถมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนและประเทศของพวกเขา  แรงงานยังต้องการให้รัฐบาลปฏิบัติการโดยทันทีในการต่อต้านการคุกคาม  การเลือกปฏิบัติและความรุนแรงในทุกรูปแบบที่แรงงานประสบอยู่ทุกเมื่อเชื่อ วันจากตำรวจ เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง  นายจ้างและคนอื่นๆที่แสวงหาผลประโยชน์เอารัดเอาเปรียบจากกระบวนการย้ายถิ่น  ความรุนแรงเหล่านั้นมีผลกระทบเชิงลบในการพัฒนาและความมั่นคงของประชาชนในอนุ ภูมิภาคลุ่มน้ำโขง
 ผู้ย้ายถิ่นจากอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงอยากให้รัฐบาลเข้าใจว่า การจับ  การกักขังและส่งกลับแรงงานในข้อหาที่เกี่ยวกับการเข้าเมืองผิดกฎหมาย  เป็นการจัดการที่ไร้ประโยชน์ เสียเวลา และสิ้นเปลืองงบประมาณ  แรงงานข้ามชาติต้องการที่จะทำงาน   อุตสาหกรรมและเศรษฐกิจของประเทศต้องการแรงงาน  ดังนั้นแรงงานที่ถูกส่งกลับก็จะกลับเข้ามาใหม่
 การแก้ปัญหาดังกล่าว  แรงงานย้ายถิ่นขอร้องให้รัฐบาลจัดให้มีการลงทะเบียนสถานภาพซึ่งส่งผลให้พวกเขาสามารถที่จะอยู่และทำงานถูกต้องได้
 อนุภูมิภาคนี้ได้เป็นประจักษ์ถึงการบังคับการย้ายถิ่นในหลากหลายรูปแบบ   ผู้ที่ย้ายถิ่นในสภาพที่ถูกบังคับต้องการการคุ้มครองที่เฉพาะจากรัฐบาลและ หน่วยงานของสหประชาชาติ
 ผู้ย้ายถิ่นที่หลบหนีจากความขัดแย้ง  การกดขี่ทางการเมืองและการสู้รบในภูมิภาคนี้  โดยเฉพาะอย่างยิ่งความรุนแรงที่ใช้ต่อต้านชนกลุ่มน้อยคะฉิ่นและกระเหรี่ยงใน พม่า  พวกเขาไม่ได้อยู่ในภาวะที่สามารถจัดการตนเองได้ในทันทีและต้องการการช่วย เหลือ  และคุ้มครองในช่วงแรกและมีความมั่นคงและสามารถปรับตัวสอดคล้องได้ในระยะยาว  รัฐบาลควรที่จะยึดหลักหลักการไม่ผลักดันกลับ (non-refoulement)  เพื่อปฏิบัติต่อผู้ลี้ภัยและผู้ที่แสวงหาที่ลี้ภัยในภูมิภาค
 แรงงานที่ถูกค้ามนุษย์ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ไม่สามารถช่วยเหลือตนเอง ได้โดยทันที  พวกเขาต้องการให้รัฐบาลยึดการปฏิบัติเพื่อให้พวกเขาและเธอเข้าถึงความ ยุติธรรมและจัดให้มีการเข้าถึงค่าชดเชยและเยียวยาความเสียหายที่น่าพึงพอใจ    พวกเขาไม่ควรถูกบังคับให้อยู่ในบ้านพักโดยที่ไม่เต็มใจ    ในสถานการณ์ที่ผู้ถูกค้ามนุษย์ขอให้มีการจัดให้อยู่ในบ้านพัก  บ้านพักนั้นควรมีการจัดให้เป็นบ้านพักที่ให้การต้อนรับ  มีบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกที่เหมาะสมและเคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
 อีกทั้งยังมีผู้คนในภูมิภาคที่สูญเสียสัญชาติหรือเกิดมาโดยที่ไม่ได้ รับการรับรองสภาพบุคคลทางกฎหมายจากรัฐใดรัฐหนึ่ง  รัฐบาลในภูมิภาคนี้และหน่วยงานสหประชาชาติต้องพัฒนาการตอบรับที่สมบูรณ์แบบ ต่อสถานการณ์ของผู้ไร้สัญชาติทุกคนในภูมิภาคและทำให้มั่นใจว่าพวกเขาจะมี สิทธิที่จะได้รับสัญชาติ
 เครือข่ายการย้ายถิ่นในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงตระหนักดีว่าในขณะที่ข้อ ห่วงใยบางประการที่กล่าวมาข้างต้น  ควรได้รับการแก้ไขจากรัฐบาลในประเทศในภูมิภาค  ทั้งในระดับประเทศและระดับอนุภูมิภาค  แต่ยังมีข้อห่วงใยบางประการที่ต้องอาศัยความร่วมมือกับสหประชาชาติในการ แก้ไขปัญหา
 เราเชื่อว่าสหประชาชาติเป็นหน่วยงานที่มีความเหมาะสมอย่างที่สุดที่จะ จัดการสนทนาระดับโลกเรื่องการย้ายถิ่น  และเชื่อว่าสมาชิกของสหประชาชาติจะเห็นสอดคล้องที่จะนำการประชุมระดับโลก เรื่องการย้ายถิ่นกลับไปจัดภายใต้หน่วยงานของสหประชาชาติ  อย่างไรก็ตาม  เรายังมีความกังวลว่าหน่วยงานสหประชาชาติในปัจจุบันยังไม่มีหน่วยงานที่รับ ผิดชอบโดยตรงในการปกป้องและส่งเสริมสิทธิแรงงานข้ามชาติ 21   ปีหลังจากที่มีการอนุมัติให้มีอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองสิทธิแรงงานและ ครอบครัว ปี 1990 เรามีความเชื่ออย่างเต็มเปี่ยมว่า  ถึงเวลาแล้วที่สหประชาชาติจะสร้างหน่วยงานของตนเพื่ออุทิศการทำงานเพื่อแรง งานย้ายถิ่น
 
