บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันศุกร์ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ศาลอาญาระหว่างประเทศหมดโอกาสตัดสินคดีสังหารหมู่จริงหรือ? ให้ไวโจรพลิ้วหนีหมายเรียกแล้ว

ที่มา Thai E-News


พลิ้วหลบหมายเรียก:ในตอนแรกมาร์ค-เทือกบอกว่าจะไม่ไปพบตำรวจในวันที่2ธันวาคม อ้างไม่ได้รับหมายเรียก ต่อมานายศิริโชค โสภา วอลล์เปเปอร์ของอภิสิทธิ์ชี้แจงแทนนายผ่านเฟซบุ๊คว่า มาร์ค เลื่อนชี้แจงนครบาลคดีเสื้อแดงเป็นกลางเดือนนี้ อ้างเพิ่งได้รับหนังสือเมื่อคืน

โดยระบุว่า นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เผยว่า นายอภิสิทธิ์ เพิ่งได้รับหนังสือจากตำรวจนครบา เมื่อคืนนี้ (1 ธ.ค.54) เนื่องจากมีเรื่องของเอกสารที่ต้องเตรียมประกอบการให้ปากคำ ประกอบกับในวันนี้นายอภิสิทธิ์มีภารกิจที่กำหนดไว้ล่วงหน้าในการลงพื้นที่ทำ กิจกรรมฟื้นฟูหลังน้ำท่วมที่จังหวัดสุโขทัยไว้ก่อนแล้ว จึงทำหนังสือตอบกลับไปว่า ขอเลื่อนการชี้แจงออกไปเป็นช่วงกลางเดือนธันวาคม ซึ่งคงเป็นช่วงใกล้กับที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ จะไปชี้แจงในวันที่ 15 ธันวาคม โดยให้ทางเจ้าหน้าที่ตอบกลับมาว่าจะสะดวกในวันไหน

ส่วนนายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่เห็นรายละเอียดของหนังสือจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล จึงยังไม่ทราบว่าจะต้องเดินทางไปให้ปากคำพร้อมนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี ในฐานะอดีตรองนายกรัฐมนตรีหรือไม่

ขณะที่พ.ต.อ.สืบศักดิ์ พันธุ์สุระ รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 กล่าวว่า จะต้องขอความร่วมมือให้ทั้งสองเข้าให้ปากคำก่อนสรุปสำนวนทั้งหมด ในวันที่ 17 ธ.ค.นี้ แน่นอน


โดย Pegasus

มีบทความจากอาจารย์คณะนิติศาสตร์ธรรมศาสตร์ได้แก่คุณ ประสิทธิ์ ปิวาวัฒนพานิช คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ลงในไทยอีนิวส์โดยลิงค์มาจากเว็บไซต์นิติราษฎร์

ในประเด็นที่สอง ซึ่งกล่าวถึงการไม่มีการพิจารณาคดีย้อนหลัง (retroactivity) หมายถึงศาลอาญาระหว่างประเทศจะพิจารณาคดีก็ต่อเมื่อมีเขตอำนาจศาลก่อนแล้ว จากนั้นมีอาชญากรรมนั้นเกิดขึ้น และเขตอำนาจศาลจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีการให้สัตยาบันหรือประกาศยอมรับศาล อาญาระหว่างประเทศเป็นการชั่วคราวก็ได้ รายละเอียดโปรดติดตามอ่านบทความนั้นได้(อ่าน:ประเทศไทยกับศาลอาญาระหว่างประเทศ)

ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ประเทศไทยไม่ได้ให้สัตยาบันกับศาลอาญาระหว่างประเทศด้วยคำพูดที่ว่า เป็นเรื่องละเอียดอ่อน

คำว่า “ละเอียดอ่อน” ในที่นี้หมายถึงความเกรงกลัวว่า ประมุขของประเทศได้แก่ (เซ็นเซอร์) หรือ (เซ็นเซอร์)แล้วแต่กรณีจะต้องขึ้นศาลในฐานะ(เซ็นเซอร์)ของประเทศ หากได้กระทำอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ

และในบทบัญญัติของธรรมนูญกรุงโรมระบุไว้ว่า ผู้กระทำอาชญากรรมต่อมนุษยชาติไม่ว่าจะมีฐานะใดมาก่อนก็ตาม จะได้รับการปฏิบัติเฉกเช่นคนสามัญ จึงทำให้มีการผัดผ่อนเรื่อยมา

กรณีเช่นนี้ผู้เขียนเห็นว่า ไม่มีความเกี่ยวข้องอันใด เพราะ(เซ็นเซอร์)ของประเทศ กรณีของไทยซึ่งอยู่ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขนั้น องค์พระประมุขจะไม่ทรงยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ไม่ต้องทรงรักษาพระราชอำนาจทางการปกครองใดๆเหมือนเช่นในสมัยราชาธิปไตยอัน โหดร้าย ทารุณ และตามอำเภอพระทัยเหมือนในยุโรป อินเดียและจีนไม่

หากแต่เป็นเรื่องของหัวหน้ารัฐบาล ดังนั้นโอกาสที่(เซ็นเซอร์)ของไทยจะต้องขึ้นศาลอาญาระหว่างประเทศนั้นคงไม่ มี การรีบรับศาลอาญาระหว่างประเทศเข้ามามีอำนาจศาลนั้น กลับจะเป็นผลดีต่อระบบศาลไทยให้เกิดความยุติธรรมยิ่งขึ้นด้วยซ้ำไป เพราะจะได้เห็นหลักการทำงานอย่างสากล และความมีมาตรฐานนั้นมีลักษณะอย่างไรอย่างใกล้ชิด

สำหรับบทความนั้นได้กล่าวอีกว่าถ้ามีการแก้ไขกฎหมายให้อนุวัตรตามธรรมนูญ กรุงโรมทำให้ต้องนำเข้าสภานั้น ผู้เขียนไม่เห็นด้วย เนื่องจากมาตรา 190 เขียนไว้ชัดว่า เป็นเรื่องเงื่อนไขก่อนทำสัญญากับต่างประเทศ ดังปรากฏในวรรคหนึ่งและวรรคสองของมาตรานี้ ซึ่งจะเป็นกรณีก่อนมีการลงนามในสัญญา

และจากนั้นในมาตราเดียวกันวรรคสามขึ้นต้นว่า “เมื่อลงนามในหนังสือสัญญาตามวรรคสองแล้ว” ซึ่งประเทศไทยก็ได้ลงนามแล้วเป็นประเทศแรกๆด้วย จึงหมายถึงขั้นตอนในขณะนี้อยู่ในการบังคับของวรรคสามตามมาตรานี้

ที่บอกให้รัฐบาลต้องทำให้ประชาชนเข้าถึงรายละเอียดของสัญญานั้น และหากมีผลกระทบให้จัดการเยียวยาแล้ว คณะรัฐมนตรีจึงจะสามารถแสดงเจตนาให้มีผลผูกพันได้

กรณีในต่างประเทศก็มักมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ แถลง สำหรับกรณีประเทศไทยก็เพียงเผยแพร่ธรรมนูญกรุงโรมเป็นภาษาไทย แล้วคณะรัฐมนตรีก็มีมติมอบหมายให้ผู้ใดผู้หนึ่งเป็นผู้แถลง

ซึ่งกลายเป็นคำถามตัวโตๆ อยู่ในปัจจุบันนี้ว่าการกระทำง่ายดายเช่นนี้ทำไมรัฐบาลไม่ทำต่างหาก ที่ควรตั้งข้อสงสัย

ในกรณีกฎหมายไม่มีผลย้อนหลัง ถ้ายังไม่เป็นเขตอำนาจศาล กรณีนี้ได้ข้อยุติไปแล้วว่าถูกต้อง

และที่ว่าถูกต้องคือสามารถดำเนินคดีได้ คำถามอาจมีว่า ถ้าไม่ใช่เขตอำนาจศาลแล้ว ทำไมจะดำเนินคดีได้ กฎหมายไม่มีผลย้อนหลังไม่ใช่หรือ

คำตอบคือใช่กฎหมายไม่มีผลย้อนหลัง แต่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นบุคคลสัญชาติอังกฤษซึ่งได้เป็นภาคีกับธรรมนูญกรุงโรมแล้ว จึงมีเขตอำนาจศาลครอบคลุมคนสัญชาติอังกฤษเช่นนายอภิสิทธิ์ฯ

และเมื่อมีการสอบสวนคดี ก็สามารถที่จะเชื่อมโยงกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดได้ด้วย ดังเช่นกรณีถ้าคนจีน หรือคนอเมริกันไปทำผิดในประเทศที่เป็นเขตอำนาจศาล ก็เป็นจำเลยได้ ทั้งๆที่ประเทศของตนเองไม่ได้เป็นภาคี

ประเด็นนี้ก็กลับกันแม้ว่าจะเป็นการกระทำในอีกประเทศหนึ่ง แต่ด้วยตนเองเป็นคนในบังคับอังกฤษจึงอยู่ในเขตอำนาจศาลได้

ปัญหาคือประเทศไทยเองโดยรัฐบาลนี้ ไม่ยอมดำเนินการเผยแพร่ธรรมนูญกรุงโรมและแถลงรับเขตอำนาจศาลเพื่อให้เกิดการ เชื่อมโยงกลับไปในกรณีเกิดการกระทำอาชญากรรมได้ เมื่อประเทศไทยไม่ทำอะไรการขับเคลื่อนก็ไม่เกิดขึ้น

นี่คือคำถามตัวโตๆ ที่ต้องถามรัฐบาลนี้มากกว่า

การแถลงให้มีเขตอำนาจศาลเมื่อไม่เป็นการยากอะไรดังกล่าวแล้ว และไม่ต้องนำเข้าสภาด้วยจะเกิดผลดีอย่างไร

ประการแรก แน่นอนคือการนำคนสั่งการมาลงโทษและจะเชื่อมโยงไปยังบุคคลอื่นที่ลงมือได้ด้วย

แต่นั่นยังไม่สำคัญเท่ากับมีบุคคลภายนอกเข้ามากำกับและตรวจสอบระบบศาลไทย ซึ่งเป็นที่ทราบดีว่าไม่ได้มีที่มาจากประชาชน อันนี้เป็นความจริงตามรัฐธรรมนูญ ขัดต่อระบอบการปกครองในระบอบประชาธิปไตยเป็นอย่างยิ่ง

ในต่างประเทศนั้นประชาชนจะเป็นผู้แต่งตั้งและถอดถอนผู้พิพากษาเสมอ ไม่มากก็น้อย เช่นกรณีญี่ปุ่นรัฐบาลซึ่งเป็นตัวแทนประชาชนเป็นผู้แต่งตั้งผู้พิพากษาระดับ สูง และประชาชนเป็นผู้ลงคะแนนไว้วางใจหรือไม่ไว้วางใจ มีผลให้ปลดจากการทำหน้าที่ได้

ในยุโรปใช้การจัดสัดส่วนจากรัฐสภาเข้ามามีส่วนร่วมในการแต่งตั้งมากบ้างน้อยบ้างแล้วแต่ประเทศไป

แต่สรุปได้ว่า ระบบตุลาการที่เป็นอำนาจอธิปไตยที่สามของทุกประเทศที่เป็นประชาธิปไตยต้องขึ้นอยู่กับประชาชน

ต่างจากประเทศไทยซึ่งก็รู้ๆกันอยู่ว่าไม่เหมือนชาวบ้านเขา ดังนั้นความเห็นอก เห็นใจ ความเข้าใจประชาชนจึงน้อยอย่างยิ่ง ทั้งมีวิธีการตัดสินคดีที่แปลกประหลาด ขัดต่อความเห็นของนักวิชาการด้านกฎหมายในต่างประเทศมากมาย

ตั้งแต่การเปิดพจนานุกรม การตัดสินเรื่องคุณจตุพรฯโดยไม่ตรงกับข้อกฎหมายในรัฐธรรมนูญ อย่างแปลกประหลาด มหัศจรรย์

แต่ก็พอรู้ได้ว่าเกิดจากการไม่เป็นประชาธิปไตยนั่นเอง

หากรัฐบาลตั้งใจที่จะให้ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหา กษัตริย์เป็นประมุขอย่างแท้จริงตรงตามมาตรฐานสากลแล้ว การแถลงให้สัตยาบันธรรมนูญกรุงโรมเป็นสิ่งจำเป็นเร่งด่วนอันดับแรกๆของ รัฐบาลนี้

ไม่ใช่การออกทีวีหรือการโชว์ตัวแต่ประการใด
***********

เรื่องเกี่ยวเนื่อง:

-ประสิทธิ์ ปิวาวัฒนพานิช:ประเทศไทยกับศาลอาญาระหว่างประเทศ

-เอาจริงซะที!เพื่อไทยยื่นฟ้องICCฟันฆาตกร91ศพ

-"สุนัย"กลับลำไม่ส่ง91ศพร้องศาลระหว่างประเทศ

-Big Questions for this government (2): When will you bring those responsible for ordering the killing to justice? What is the difficulty in acceding to International Criminal Court (ICC)?

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker