แต่แน่นอนว่า สำหรับบรรดานายทหารใหญ่แล้ว คงไม่รู้สึกอะไรกับการใช้กำลังทหารขนาดนี้ของนายอภิสิทธิ์ เพราะได้มีการอนุมัติตามคำขอให้กับกองทัพไปเรียบร้อยแล้วเช่นกัน โดยที่ประชุมคณะรัฐมนตรีของนายอภิสิทธิ์ อนุมัติให้กองทัพบกก่อหนี้ผูกพันข้ามปี ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอมา เพื่อดำเนินโครงการจัดหาเฮลิคอปเตอร์แบบใช้งานทั่วไปยูเอช-60 แอล (แบล็คฮอว์ค) ประเทศสหรัฐฯ ระยะที่ 1 จำนวน 3 เครื่อง เบ็ดเสร็จอนุมัติให้เป็นที่ถูกใจนายทหารใหญ่ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 2,007,407,312 บาท
ระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดง นปช. กับรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ใครแพ้ใครชนะ ยังเป็นเรื่องที่ไม่มีใครกล้าฟันธงเพราะแม้ว่ากลุ่มคนเสื้อแดงจะมีแฟนคลับเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนหลายฝ่ายรู้สึกแล้วว่า นี่คือแรงกดดันที่หนักหน่วงและสำคัญยิ่งแต่ขณะเดียวกันก็ต้องยอมรับว่า นายอภิสิทธิ์เองก็มีความดื้อสุดๆ แถมยังทำทุกวิถีทาง ทั้งกลยุทธต่างๆ ตามคำแนะนำของคนรอบข้าง รวมทั้งการทุ่มเท่งบประมาณในการดึงเอาทั้งทหารและตำรวจ เข้ามาปก
ป้องรัฐบาลโดยเฉพาะปกป้องตัวนายอภิสิทธิ์อย่างเต็มที่ โดยไม่มีการกังวลหรือว่าเสียดายงบประมาณแต่อย่างใด เพราะถือว่าเป็นเงินภาษีของประชาชนคนไทยทั้งประเทศที่รัฐบาลจะใช้อย่างไรก็ได้ก็เพราะเช่นนี้แหละคนที่เหนื่อยจึงกลายเป็นคนดู และบรรดาทหาร ตำรวจทั้งหลาย ซึ่งแทนที่จะทำหน้าที่ในการปกป้องประเทศชาติอย่างที่ควรจะเป็น กลับต้องมาอารักขาคนไม่กี่คนเพราะความน่าสงสารของทหารตำรวจเหล่านี้เอง ที่ทำให้ น.ส.ศุภวรรณ สุจินดา ผู้จัดการทั่ว
ไป นิตยสารแม็กซิม ซึ่งเป็นนิตยสารผู้ชายแนวเซ็กซี่ ได้นำคณะนางแบบเดอะซูเปอร์โมเดล 2010 จำนวน 3 คน ประกอบด้วย น.ส.ชมพูนุช เกลี้ยงคำหมอ (น้องขนม) น.ส.วาศิณีย์ เปลี่ยนกับ (น้องแป้ง) และน.ส.เพ็ญพร พุ่มพ่วง (น้องพี) ติดต่อไปยัง พล.ต.จิรเดช สิทธิประณีต เลขานุการกองทัพบก เพื่อเดินทางมาให้กำลังใจกับทหารที่ปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบในช่วงประกาศพ.ร.บ.ความมั่นคง ที่ ร.11 รอ.ซึ่งทางพล.ต.จิรเดช ให้คณะมิสแม็กซิม เดินทางมาให้กำลัง
ทหาร และมอบดอกกุหลาบเพื่อให้กำลังใจได้ แต่จะให้ทำกิจกรรมได้ที่บริเวณหน้าประตู ร.11 รอ.เท่านั้นก็ ระแวงอย่างหนักจริงๆ ขนาดผู้หญิงนางแบบแท้ๆ เอาดอกไม้มาให้ ยังให้อยู่แค่ประตูแม้ว่าผู้บังคับบัญชา หรือคนที่คอยสั่งการอาจจะกังวล แต่สำหรับบรรดาทหารที่ต้องล้าจากสภาพอากาศ กลับมีใบหน้าที่ยิ้มแย้ม เมื่อบรรดานางแบบมอบดอกไม้และซับเหงื่อให้ พร้อมส่งรอยยิ้มและร่วมถ่ายรูป ทำให้ทหารหลายนายดูจะมีความสุขขึ้นซึ่งก็น่าเห็นใจ เพราะในขณะที่ทหาร
ระดับปฏิบัติการที่ต้องยืนตากแดดเปรี้ยง แต่บรรดาผู้เป็นนาย รวมทั้งนายกรัฐมนตรี ล้วนสบายดีเหมือนไข่ในหินอยู่ในห้องแอร์ แล้วจะไม่ให้เครียดได้อย่างไร เพราะสุดท้ายนายอภิสิทธิ์ ในฐานะ ผอ.กอ.รมน. ไม่เพียงขยายการบังคับใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงในราชอาณาจักร 3 จังหวัด คือ กรุงเทพฯ ทั้งจังหวัด พื้นที่ 2 อำเภอใน จ.นนทบุรี และพื้นที่ 5 อำเภอใน จ.สมุทรปราการ ยาวไปจนถึง 30 มีนาคมแต่ยังได้มีการจัดกำลังทั้งสิ้นประมาณ 4.7 หมื่นอัตรา เพิ่มจากเดิมที่มี
ประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ เมื่อวันที่ 12-23 มี.ค. มีอนุมัติไปแค่ 3.3 หมื่นอัตรา ซึ่งรอบนี้จะมีกำลังพลทั้งสิ้น 208 กองร้อย เพิ่มจากเดิมที่มีแค่ 164 กองร้อย โดยทั้ง 208 กองร้อย จะเป็นทหาร 123 กองร้อย และตำรวจ 74 กองร้อย อย่างไรก็ตาม กำลังพลเหล่านี้ เป็นส่วนปฏิบัติการที่ใช้ตามแผนการจัดวางกำลังที่ได้รับการอนุมัติในเบื้องต้น ไม่นับกำลังเสริมที่เตรียมพร้อมอยู่ในที่ตั้งอีกประมาณ 1.7 หมื่นนาย ซึ่งกำลังที่คาดว่าจะใช้หลังจากนี้ทั้งหมด ประมาณ 6.4 หมื่นนาย
สนุกนายอภิสิทธิ์จริงๆ แต่ภาพที่ออกไปทั่วโลกเคยคิดบ้างหรือไม่ว่าจะถูกมองเช่นไร???ยิ่งภาพที่นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง สั่งตรึงกำลังรอบรัฐสภาอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ประเทศไทย ยิ่งเป็นภาพที่น่ากลัวอย่างที่สุดในสายตาชาวโลกการวางกำลังทหาร วางเครื่องกีดขวาง และสั่งการให้ทหารทุกคนอยู่ในคความพร้อมที่จะปะทะ ปราบปรามขั้นเด็ดขาด เป็นกองกำลังมหึมารอบรัฐสภาไทย ทำให้ทั่วโลก
สยดสยองกับภาพที่เห็นทำให้แม้แต่ ส.ส. และ ส.ว.เองก็ยังอึดอัด แต่ทั้งนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ คงไม่รู้สึกอะไร เพราะยืนกรานตลอดว่า ต้องทำเพราะกลุ่มเสื้อแดงจะบุก ไม่ได้สนใจฟังเลยว่า กลุ่ม นปช.ยืนยันว่าไม่บุกรัฐสภาเหมือนที่ม็อบพันธมิตรทำแน่นอนแต่แน่นอนว่า สำหรับบรรดานายทหารใหญ่แล้ว คงไม่รู้สึกอะไรกับการใช้กำลังทหารขนาดนี้ของนายอภิสิทธิ์ เพราะได้มีการอนุมัติตามคำขอให้กับกองทัพไปเรียบร้อยแล้วเช่นกัน โดยที่ประชุมคณะรัฐมนตรีของ
นายอภิสิทธิ์ อนุมัติให้กองทัพบกก่อหนี้ผูกพันข้ามปี ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอมา เพื่อดำเนินโครงการจัดหาเฮลิคอปเตอร์แบบใช้งานทั่วไปยูเอช-60 แอล (แบล็คฮอว์ค) ประเทศสหรัฐฯ ระยะที่ 1 จำนวน 3 เครื่อง ระยะเวลาดำเนินการ 3 ปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ 25533-2555 วงเงิน 57,539,472 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1,927,572,312 บาท และมีค่าขนส่งทางเรืออีก 79,835,000 บาท เบ็ดเสร็จอนุมัติให้เป็นที่ถูกใจนายทหารใหญ่ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น
2,007,407,312 บาทเช่นกันจึงไม่แปลกที่ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ศอ.รส. จะออกมาอัดกรณีที่มีการยิงระเบิดบริเวณกระทรวงสาธารณสุข ในทันทีว่า เป็นฝีมือของกลุ่มผู้ไม่หวังดีพยายามสร้างสถานการณ์ เพื่อลดความน่าเชื่อถือของรัฐบาล ทั้งๆ ที่รู้อยู่ว่าครม.ได้ออกไปแล้ว ชัดเจนในท่าทีกันขนาดนี้ ก็ต้องยอมรับความจริงว่าการที่นายทหารต้องทำหน้าที่ปกป้องรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เป็นสิ่งที่มีนายทหารใหญ่บางกลุ่มถือว่าเป็นหน้าที่หลักในเวลานี้จริงๆ!!!แต่ในขณะ
เดียวกันการออกโรงของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย ซึ่งประกาศชัดเจนว่าจะเดินสายพูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาล ก็ทำให้เกิดแรงกระเพื่อมของรัฐบาลขึ้นมาทันที ไม่ว่าจะเป็น นายอภิสิทธิ์ ที่ยอมรับเสียงเครียดว่า เป็นสิทธิ์ที่พล.อ.ชวลิตจะทำได้ แต่ก็ยังยืนกรานว่า พรรคร่วมก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ยังมีเอกภาพในการทำงานดี ไม่มีปัญหาอะไร ที่ไม่น่าเชื่อกลับเป็นนายชวน หลีกภัย ที่ยังคงอดเป็นห่วงนายอภิสิทธิ์ผู้เป็นศิษย์ และความเป็น
รัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ถึงกับเอ่ยปากว่า พล.อ.ชวลิต ต้องทำขนาดนั้นเลยหรือ?ส่วนว่าพรรคร่วม จะถอนตัวจากรัฐบาลหรือไม่นั้น นายชวนมองว่า เป็นเรื่องของพรรคร่วม ซึ่งต้องไปถามนายสุเทพ ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ที่ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการดังนั้นจากนี้ไป คงต้องดูว่า แม้จะซื้อใจกองทัพ อนุมัติงบกว่า 2 พันล้านบาทให้ไปแล้ว จะทำให้รัฐบาลสามารถประคับประคองสถานการณ์ได้นานที่สุดเพียงใดเพราะดูเหมือนวินาทีนี้ นายอภิสิทธิ์ตกอยู่ใน
สภาพเลือดเข้าตา จึงยากที่จะยอมแพ้ง่ายๆทั้งๆ ที่จริงๆ หากเอาคำพูดของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย ไปคิดให้ลึกซึ้ง ประโยคที่ว่า นายอภิสิทธิ์ ต้องเข้าใจว่า การเรียกร้องให้ยุบสภาเป็นวิถีทางประชาธิปไตย เขาไม่ได้เรียกร้องให้ลาออก นายอภิสิทธิ์ ไม่ได้แพ้ ก็แค่ยุบสภา แล้วเลือกตั้งใหม่ เพราะเห็นไปให้สัมภาษณ์สำนักข่าวบลูมเบิร์กว่า ถ้าเลือกตั้งใหม่จะได้ 240 เสียง ก็ต้องถามว่า ตอนนี้รออะไรอยู่นั่นสิ นายอภิสิทธิ์ กลัวอะไร???