7 ครั้ง ของระเบิด ในช่วง 2 สัปดาห์ ของการประกาศใช้พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร หรือ พ.ร.บ.ความมั่นคน...น่าจะบ่งบอกได้ว่าการทำงานด้านการข่าวของหน่วยงานด้านความมั่นคง แม้ที่ผ่านมา “นายสุเทพ เทือกสุบรรณ” รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง...จะออกมา “ปูด” ข้อมูลแผนก่อวินาศกรรมทั่วกรุง แต่ยังไม่มีสามารถควบคุมสถานการณ์ให้เรียบร้อยในฐานะ“ผู้อำนวยการศูนย์รักษาความสงบเรียบร้อย” หรือ ศอ.รส.หากย้อนกลับไปดู
ระเบิดลูกแรกที่เกิดขึ้นในช่วงการประกาศและบังคับใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงนั้น ระเบิดลูกแรก ถือเป็นการเย้ยกฎหมายและ “ตบหน้าทหาร” อีกครั้ง เพราะระเบิดครั้งนี้ เกิดขึ้นประตูทางเข้า กองพันที่ 1 กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ หรือ ร.1 พัน. 1 รอ.ซึ่งภายในค่ายทหารแห่งนี้ เป็นบ้านพักของ ผบ.ทบ. รมว.กลาโหม ถือเป็นการโหมโรงที่เหยียบจมูกเสือเลยทีเดียว เหตุระเบิดครั้งนั้นเป็นเหตุให้ทหารที่ทำหน้ารักษาการณ์บาดเจ็บ 2 นาย ยังจับตัวคนร้ายไม่ได้ แม้
ตอนแรกดูเหมือน ตำรวจนครบาลจะโชว์ฟอร์มแบบ “เหนือเมฆ” จับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุได้ในทันทีทันใด จากภาพวงจรปิดของทางยกระดับโทลล์เวย์แต่สุดท้ายก็ “โอ้ละพ่อ” เมื่อคนร้ายที่ตำรวจสงสัยเป็นเพียงคนขับรถ ที่กำลังจะไปรับลูกเจ้านายเท่านั้น งานนี้เลยอดโชว์ออฟจากเหตุระเบิด ลูกแรกที่ประเดิมโหมโรงเย้ยทหาร ยังมีระเบิดอีกหลายระลอกเกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีคนร้ายยิงระเบิด เอ็ม 79 ตกใกล้บ้าน “นายอักขราทร จุฬารัตน” ประธานศาลปกครอง
สูงสุด ภายในซอยลาดพร้าว 25 เย้ยกฎหมายบ้านเมืองและพ.ร.บ.ความมั่นคงอีกครั้ง จากนั้นเหตุระเบิดได้เพิ่มความถี่มากขึ้น นับแต่วันที่ 20 มีนาคมเป็นต้น ที่เกิดเหตุระเบิด 2 จุด คือที่กระทรวงกลาโหม โดยคนร้ายใช้อาวุธหนัก คือ เครื่องยิงจรวดอาร์พีจี ตกใกล้กระทวงกลาโหม ส่วนจุดที่ 2 เป็นอาคารสำนักงาน ป.ป.ช. หลังใหม่ย่านสนามบินน้ำถัดมาเพียง 2 วัน 22 มีนาคม คนขวางระเบิดเอ็ม 67 เข้าใส่ป้อมยาม ป้อมยามรักษาการของแขวงการทางตลิ่งชันและที่ลูบคม
รัฐบาลมากที่สุดเห็นจะเป็นระเบิดเอ็ม79 ลูกล่าสุดที่ตกใส่กระทรวงสาธารณสุข สถานที่จัดประชุมครม.อภิสิทธิ์ แม้ก่อนการจัดประชุม รองนายกฯสุเทพ จะยกพลแม่ทัพนายกองดูสถานที่ เตรียมไว้แล้วก็ตาม แต่สุดท้าย ก็เกิดระเบิดขึ้นจนได้ ทำให้โฆษก ศอ.รส. อย่าง “พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด” ออกมายอมรับว่า มีช่องโหว่เกิดในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน สอดคล้องกับความเห็นโฆษกรัฐบาล “นายปณิธาน วัฒนายากร” ที่ระบุว่า ได้มีการกำชับเจ้าหน้าที่
ให้กวดขันในพื้นที่ที่เสี่ยงต่อการจะเกิดเหตุ “การก่อเหตุร้ายระหว่างการชุมนุม มี 7 ครั้ง ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าเป็นฝีมือของกลุ่มใด โดยอยู่ระหว่างการสอบสวน ซึ่งจากเหตุร้ายดังกล่าว ศอ.รส.ได้จัดกองกำลังเพิ่มจากเดิม 164 กองร้อย มาเป็น 177 กองร้าย และยังได้จัดชุดมวลชนทำความเข้าใจกับประชาชน”นั้นคือท่าทีของภาครัฐที่ออกมายอมรับเป็นครั้งแรก หลังเกิดระเบิด 7 ครั้งในช่วงที่ผ่านมา แต่ยังจับใครไม่ได้
