คอลัมน์ |
|
จากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้ |
ปีที่ 11 ฉบับที่ 2765 ประจำวัน พฤหัสบดี ที่ 25 มีนาคม 2010 |
โดย ลอย ลมบน |
“คนเสื้อแดงไม่มีกองหนุนเลย ขณะที่รัฐบาลมีเครื่องไม้เครื่องมือเต็มที่และอยู่สบายกว่าเพราะอยู่ในห้องแอร์ ส่วนผู้ชุมนุมต้องตากแดด จึงอยู่ที่ว่าใครอดทนได้ดีกว่ากัน แต่ดูแล้วโอกาสคนเสื้อแดงจะชนะมีน้อย...แกนนำ นปช. ควรจะต้องถอยไปก่อน เพราะอยู่อย่างนี้ก็ไม่มีโอกาสชนะ อำนาจอยู่ในมือรัฐบาลหมด ทหารก็เอาด้วยเต็มที่...ถ้ามีแต่พรรคประชาธิปัตย์โดดๆโอกาสชนะยังพอมี แต่นี่หลังพรรคประชาธิปัตย์มีทั้งพรรคร่วมรัฐบาล ทั้งทหารและอำมาตย์ใหญ่ จึงไม่มีทางที่เขาจะยอมยุบสภาง่ายๆ”
นี่คือเสียงเตือนจาก พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี สมาชิกพรรคเพื่อไทย ที่คนเสื้อแดงเขากันออกไปอยู่นอกวงเพราะเดินคนละเส้นทางระหว่างสันติวิธีกับความรุนแรง
แม้จะถูกกันออกไปอยู่นอกวงแล้วแต่เสียงเตือนของ พล.อ.พัลลภก็มีความจริงอยู่บ้างตรงที่ข้างหลังรัฐบาลมีทั้งทหารและอำมาตย์ใหญ่ให้การสนับสนุน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จึงลุแก่อำนาจเต็มที่
ดูจากท่าทีของนายกรัฐมนตรีแล้วเรื่องเจรจาไม่มีอยู่ในหัว เรื่องยุบสภาไม่เคยคิด คิดอย่างเดียวคือการใช้กฎหมายกับกำลังเจ้าหน้าที่รักษาอำนาจให้ตัวเองอย่างถึงที่สุด สังเกตได้จากการให้สัมภาษณ์อย่างภูมิอกภูมิใจที่สามารถจัดประชุมคณะรัฐมนตรีและจัดประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้ โดยไม่สนใจว่าภาพลักษณ์ของประเทศจะเป็นอย่างไร กับการใช้กำลังทั้งทหาร ตำรวจจำนวนมากมาตั้งสิ่งกีดขวางเต็มถนน
จากพฤติกรรมการแสดงออกของนายอภิสิทธิ์ชักจะเห็นด้วยกับนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำคนเสื้อแดง ที่ขยับเข้าใกล้กับจอมพลถนอม กิตติขจร อดีตนายกฯที่เป็นชนวนเหตุของเหตุการณ์ 14 ตุลา 16 และใกล้เคียงกับ พล.อ.สุจินดา คราประยูร อดีตนายกฯที่เป็นชนวนเหตุของความรุนแรงในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 2535
อำนาจเมื่อมีแล้วต้องใช้ให้เป็น และใช้เพื่อคนส่วนใหญ่ หากยังสนุกกับการใช้อำนาจและกำลังทหารข่มขู่ประชาชนอย่างนี้ มันจะเพิ่มแรงกดดันและเป็นตัวเร่งให้เกิดสถานการณ์ที่ไม่พึงปรารถนาได้
น่าเป็นห่วงว่าขณะที่คนเสื้อแดงเขาชุมนุมกันอย่างสงบ สันติ แต่รัฐบาลและกองทัพกลับปฏิบัติการยั่วยุอยู่ตลอดเวลา ล่าสุดการ์ดคนเสื้อแดงก็จับทหารที่แฝงตัวเข้าไปในที่ชุมนุมได้อีก 2 คน มีการทำบัตรผู้ชุมนุมปลอมแฝงตัวเข้าไปด้วย
ขนาดถึงกับลงมือทำบัตรเพื่อปลอมตัวเข้าไปในพื้นที่ชุมนุมก็อย่ามาอ้างว่าทหารที่ถูกจับไปร่วมชุมนุมหลังออกเวร เพราะมันชัดเจนว่ารัฐบาลและกองทัพมองคนเสื้อแดงเป็นศัตรูที่ต้องส่งสายแฝงตัวไปหาข่าว
ที่นายอภิสิทธิ์พยายามพูดให้ตัวเองดูดีว่ารัฐบาลพยายามเลี่ยงการเผชิญหน้า ไม่ยั่วยุเพื่อให้เกิดความรุนแรงจึงไม่จริง เพราะครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่การ์ดคนเสื้อแดงจับทหารที่แฝงเข้าไปในที่ชุมนุมได้ นี่ยังไม่รวมกับเหตุการณ์ที่ตำรวจแกล้งทำปืนลั่นใกล้ๆสถานที่ชุมนุมหลังจากที่ ศอ.รส. ภายใต้การกำกับดูแลของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ กลับลำสั่งให้ทหาร ตำรวจพกพาอาวุธได้
เห็นทีว่า 2-3 วันก่อนการระดมพลเข้ามาชุมนุมใหญ่อีกครั้งของคนเสื้อแดงในวันที่ 27 มี.ค. นี้ จะเป็นช่วงไคลแมกซ์ที่น่าจับตาจริงๆอย่างที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคนเสื้อแดง เขาพูดเอาไว้
ชัดเจนว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รู้สึกเสียหน้ามากที่ได้ตำแหน่งเป็นนายกฯคนแรกที่มีประชาชนออกมาขับไล่มากที่สุด และรู้สึกเสียหน้าอย่างมากกับภาพคนกรุงเทพฯออกมาโบกไม้โบกมือต้อนรับคนเสื้อแดงในวันเคลื่อนคาราวานรอบกรุง ทำให้เชื่อได้ว่าเขาไม่ต้องการให้ภาพเช่นนั้นเกิดขึ้นอีก
ก่อนวันที่ 27 มี.ค. จึงระทึกใจอย่างยิ่ง