บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันอังคารที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2552

ปัดอังกฤษคืนวีซ่า'ทักษิณ'

ที่มา เดลินิวส์

บัวแก้วยืนยันไม่รู้เรื่องของเมืองผู้ดี

"บัวแก้ว"ปฏิเสธไม่ทราบข่าว"อังกฤษ"คนวีซ่า"ทักษิณ"เข้าเมืองผู้ดีอีกครั้ง ระบุเป็นกิจการภายในไม่ต้องแจ้งทางการไทย พร้อมปูด“อัยการ” ไม่เคยติดต่อประสานงานล่าตัว “ทักษิณ” เลย ฝ่าย “เพื่อไทย” เด้งรับข่าวดีนายใหญ่ อ้างเหตุเป็น “พลเมืองพิเศษ” หลายประเทศ แย้ม “แม้ว” ประกาศไปยืนเก๊กหน้าห้างชื่อดังกลาง กรุงลอนดอนอีกครั้ง พร้อมถือโอกาสไปเยี่ยมลูกสาวสุดที่รักด้วย แถมแฉ “เทพเทือก” ฮัลโหลหา “นายใหญ่” หวังสมานฉันท์ เหน็บรัฐนาวา “ปชป.” ทำคดี 2 มาตรฐาน ฉะกระบวน การยุติธรรมไทยมีปัญหาตามลูกพี่อีกด้วย ด้าน “มาร์ค” ไม่สน “แม้ว” ตีกินพื้นที่ข่าว “สาทิตย์” เผยเตรียมให้ รมต. ลงพื้นที่ตีปี๊บผลงานทั่วไทย “เทพไท” ยกก้น “มาร์ค” ขึ้นชั้นผู้นำ ฟาก “บุญจง” ยังแจกเบี้ยผู้สูงอายุอีก ส่วนศึกซักฟอกยังไม่มีข้อสรุป 3 พรรคฝ่ายค้านนัดหารือใหม่ 5 มี.ค. “ประชา-วาดะห์” ลั่นไม่เอาด้วย ขณะที่ “เสื้อแดง” ตามก่นด่าเด็กเนวิน ส่วน ตร.เสียงอ่อย ยอมให้ 21 แกนนำ “พธม.” เลื่อนมอบตัวเป็นปลายเดือนนี้ “ทนาย” ฮึ่มยื่นคำร้องขอเปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวน ส่วน “สลน.” เลิกค้าความพันธมิตรฯ ด้าน “กกต.” ยอมรับไม่ใช่ของแท้

“มาร์ค” ไม่รู้ผู้ดีคืนวีซ่า “แม้ว”

เมื่อวันที่ 2 มี.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวทางการอังกฤษออกวีซ่าอยู่อาศัยถาวรให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ สามารถพำนักในอังกฤษได้นาน 5 ปี ว่ายังไม่ได้ยินเรื่องนี้และถือเป็นเรื่องของแต่ละประเทศ ส่วนการติดตามตัว พ.ต.ท. ทักษิณ กลับมานั้นเป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย ซึ่งตำรวจ อัยการ และกระทรวงการต่างประเทศต้องประสานงานกับทางการจีนและดูว่ามีความชัดเจนในเชิงข้อเท็จจริงว่า พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ที่ไหน อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่าทุกประเทศที่มีสนธิสัญญาการส่งผู้ร้ายข้ามแดน ก็ต้องปฏิบัติตามขั้นตอนอยู่แล้ว

ส่วนกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ จะโฟนอินปาฐกถาผ่านระบบวิดีโอลิงค์มาที่สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศในฮ่องกง จะทำให้การติดตามตัวยากขึ้นหรือไม่นั้น นายกฯ กล่าวว่า ถ้าใช้วิธีนี้ พ.ต.ท. ทักษิณ ก็ไม่ได้อยู่ที่นั่น สำหรับการโฟนอินก็คงไปจำกัดอะไรได้ยาก เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังโฟนอินเข้ามาในประเทศไทย

ยอมรับล่าตัวกลับมาเชือดยาก

นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า จากประสบการณ์ที่ผ่านมา การขอให้ส่งตัวนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายอยู่แล้ว นอกจากกรณีของ พ.ต.ท.ทักษิณ แล้วยังมีอีกหลายกรณี เมื่อถามต่อว่า ยังมีกรณีนายสมชาย คุณปลื้ม หรือ กำนันเป๊าะ และนายวัฒนา อัศวเหม ที่หนีคดีออกนอกประเทศ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องดำเนินการกับทุกกรณีเท่าที่ทำได้ เป็นปัญหาที่กระทรวงยุติธรรมกำลังดูอยู่ว่าจะแก้ไขอย่างไร มิฉะนั้นจะเกิดค่านิยมใหม่ว่าคนมีเงินแล้วหนีคดีไปต่างประเทศ ไม่ต้องรับผิดชอบตามกฎหมาย รวมถึงกรณีอดีตนักโทษชาวออสเตรเลียที่หลบหนีจากเรือนจำคลองเปรม ตนจึงย้ำว่าสิ่งที่รัฐบาลทำมาทั้งหมดไม่ใช่เรื่องการเมือง แต่เรื่องการบังคับใช้กฎหมายที่เป็นหลักสำคัญกว่า

ต่อข้อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณมักเคลื่อนไหวทางการเมืองอยู่ในเกาะฮ่องกง หรือเมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ส่วนหนึ่งอาจเป็นความเชื่อที่ว่าประเทศเหล่านั้นมีช่องทางกฎหมายที่ทำให้เขามีความมั่นใจมากกว่าว่าดำเนินการติดตามตัวได้ยาก

เย้ยพื้นที่ข่าวมากแต่ติดภาพลบ

นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า ไม่ได้รู้สึกวิตกใด ๆ ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะมาแย่งพื้นที่ข่าว เพราะเป็นสิทธิเสรีภาพการทำงานของสื่อ และแม้ พ.ต.ท.ทักษิณ จะมีพื้นที่ข่าวก็ไม่ได้แปลว่าจะเป็นพื้นที่ที่บวก ส่วนตนมีหน้าที่ที่ต้องแสดงให้เห็นว่าเราตั้งใจรักษากฎหมาย ส่วนความคืบหน้าของการปฏิรูปการเมืองนั้น ต้องรอฟังการประชุมคณะกรรมการสถาบันพระปกเกล้าที่จะมีขึ้นในวันที่ 9 มี.ค. นี้ แต่ตอนนี้ยังไม่มีการส่งสัญญาณใด ๆ มาถึงรัฐบาล

นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องที่ พ.ต.ท.ทักษิณ พยายามจะเคลื่อนไหวทางการเมือง เพราะคิดว่ามีงานใหญ่ให้ทำอีกมาก ถ้ารัฐบาลมัวแต่มาเสียเวลามาคิดตอบโต้ พ.ต.ท.ทักษิณรายวัน คิดว่าประชาชนคงสงสัยว่ารัฐบาลเข้ามาเพื่อทะเลาะกับ พ.ต.ท. ทักษิณหรือไม่ เพราะหน้าที่ของรัฐบาลคือแก้ปัญหาของประเทศ ที่ผ่านมาการประชุมอาเซียนซัมมิทจบลงอย่างเรียบร้อย และสร้างความเชื่อมั่นในสายตาต่างชาติเป็นอย่างดี

รัฐบาลเร่งลงพื้นที่ตีปี๊บผลงาน

รมต.สำนักนายกฯ กล่าวต่อว่า จากนี้ไปรัฐบาลต้องเดินหน้าทำงานพร้อมกับประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบ ซึ่งจะมีการจัดทำแผนประชาสัมพันธ์ที่เกี่ยวกับงานที่รัฐบาลได้อนุมัติไปก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ยังจะลงพื้นที่ทั่วประเทศ ขณะเดียวกันในส่วนของกระบวนการตามกฎหมายที่จะดำเนินการกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ยังคงเดินหน้าต่อไป โดยที่รัฐบาลไม่ได้ไปสั่งการว่าจะต้องลัดขั้นตอนเพื่อเร่งรัดเอาผิดกับ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ให้ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนตามกฎหมาย

นายสาทิตย์ กล่าวว่า วันนี้ พ.ต.ท. ทักษิณ ไม่มีสถานะที่เกี่ยวข้องกับพรรคการเมือง ถ้าฝ่ายค้านจะปลุกสถานะของ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ต้องตอบประชาชนให้ได้ว่าประชาชนจะได้อะไร ต่อข้อถามว่า ขณะนี้ชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่มีมนต์ขลังพอที่จะทำให้เกิดปัญหากับรัฐบาลได้เหมือนที่ผ่านมา นายสาทิตย์ กล่าวว่า เรื่องนี้ประชาชนจะเป็นคนตัดสิน แต่สำหรับรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ มีสถานะเป็นแค่คนไทยคนหนึ่งที่ยังมีปัญหาว่า ถูกคำวินิจฉัยจากศาลที่ยังต้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ในทางกลับกันอาจยังมีอิทธิพลกับพรรคเพื่อไทย

“เทพไท”ฟุ้ง“มาร์ค”ขึ้นชั้นผู้นำ

นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงผลการประชุมอาเซียนซัมมิทว่า ถือว่าประสบความสำเร็จ มิตรประเทศและประชาชนทุกภาคส่วนชื่นชมนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ และได้โทรศัพท์มาที่พรรคแสดงความภาคภูมิใจนายกฯ ที่แสดงภาวะผู้นำให้ปรากฏต่อสายตาชาวโลก และหลายคนบอกว่าเป็นความรู้สึกที่ดีในรอบหลายปี แต่ท่ามกลางความสำเร็จของประเทศไทยอาจทำให้ พ.ต.ท. ทักษิณ ไม่สบายใจ เพราะตั้งความหวังว่าอยากจะเป็นผู้นำอาเซียนตัวจริง ซึ่งหลังจากนี้ยังมีเวทีโลกให้นายอภิสิทธิ์ต้องแสดงบทบาทอีกหลายเวที เชื่อว่าสุดท้ายคนอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ คงจะอกแตกตายที่เห็นนายอภิสิทธิ์มีบทบาทโดดเด่น

โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ข่มขู่ว่าหากรัฐบาลจับตัว พ.ต.ท.ทักษิณ จะทำให้บ้านเมืองลุกเป็นไฟ ขอบอกว่าการใช้วิธีปลุกระดมมวลชนมากดดันไม่ให้รัฐบาลปฏิบัติตามกฎหมายนั้นเป็นไปไม่ได้ ถ้าใครมีความผิดก็ต้องติดคุก

เชื่อปล่อยข่าวอังกฤษคืนวีซ่า

นายเทพไท กล่าวถึงกระแสข่าวทางการอังกฤษยอมออกวีซ่าให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า ได้ตรวจสอบไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วพบว่ายังไม่มีความชัดเจนในเรื่องนี้ คงต้องรอประสานงานไปยังประเทศอังกฤษ หากเป็นเรื่องจริงตามข่าวที่คนใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณ ปล่อยออกมาก็น่าจะใช้เวลา 2-3 วันจะสร้างความกระจ่างชัดขึ้นมาได้ ทั้งนี้ผู้ใหญ่ในพรรคไม่ได้มีใครรับรู้เรื่องนี้ ซึ่งอาจเป็นการปล่อยข่าวเหมือนกับหลาย ๆ ข่าวที่ปล่อยมาแล้วก็ได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า ข่าวนี้ออกมาในช่วงที่ นายกฯ จะเดินทางไปอังกฤษในวันที่ 10 มี.ค. นี้ ถือเป็นการดิสเครดิตนายกฯ หรือไม่ โฆษกส่วนตัวนายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่เป็นการทำลายความน่าเชื่อถือ และไม่เกี่ยวกับการให้หรือคืนวีซ่าให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่ เพราะการจะให้หรือไม่ให้เป็นเอกสิทธิ์ของอังกฤษ นายกฯ ไปทำหน้าที่นายกฯ ไทย และประธานอาเซียนเท่านั้น จะไม่ไปแทรกแซงกิจการภายในของอังกฤษ

“บัวแก้ว”แฉอัยการไม่ติดต่อ

นายธฤต จรุงวัฒน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ไม่รู้ว่าเรื่องนี้เป็นข้อเท็จจริงหรือไม่อย่างไร เมื่อถามว่า จนถึงขณะนี้ฝ่ายกระบวนการยุติธรรมได้ติดต่อกระทรวงการต่างประเทศเพื่อให้ประสานกับรัฐบาลอังกฤษในการนำตัว พ.ต.ท.ทักษิณกลับมาดำเนินคดีแล้วหรือไม่ นายธฤต กล่าวว่า ยังไม่มี อย่างไรก็ตามการที่ทางการอังกฤษจะให้วีซ่าหรือไม่ให้กับใครนั้นไม่มีการบอกกัน ซึ่งคราวที่แล้วก็เหมือนกัน ดังนั้นกระทรวงการต่างประเทศคงให้คำตอบเรื่องนี้ไม่ได้ ถ้าจะตอบคำถามว่าฝ่ายยุติธรรมติดต่อมากระทรวงการต่างประเทศแล้วหรือไม่นั้น ก็ดูจะเหมือนจะข้ามขั้นตอนเกินไป เพราะขณะนี้ยังไม่ทราบชัดเจนว่าทางการอังกฤษให้วีซ่านี้จริงหรือไม่ ซึ่ง ก่อนหน้านี้ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าประเทศอังกฤษได้ อัยการก็ไม่เคยติดต่อหรือประสานมายังกระทรวงการต่างประเทศจนถึงขณะนี้

วิปรัฐบาลพร้อมรับศึกซักฟอก

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชินวรณ์ บุณย เกียรติ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) แถลงภายหลังการประชุมวิปรัฐบาลว่า ที่ประชุมได้หารือกรณีฝ่ายค้านจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ซึ่งรัฐบาลยินดีที่จะให้ฝ่ายค้านเปิดอภิปรายตามรัฐธรรมนูญจะไม่มีการประท้วงหยุมหยิม นอกจากนั้นวิปรัฐบาล จะดำเนินการช่วยเหลือรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ด้วยการทำความเข้าใจกับประชาชนทั้งก่อนและหลังการอภิปราย เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง เช่น ข้อมูลที่เกี่ยวกับนายกฯ อย่างไรก็ตามยืนยันว่าจะไม่มีการตั้งองครักษ์เพื่อตอบโต้แทนรัฐมนตรี

นายปัญญา ศรีปัญญา ส.ส.ขอนแก่น พรรคภูมิใจไทย ในฐานะรองประธานวิปรัฐบาล กล่าวว่า วิปรัฐบาลเห็นว่ารัฐบาลและรัฐมนตรีควรลงพื้นที่เพื่อเกาะติดสถานการณ์ในทุกจังหวัด อีกทั้งเป็นการลดความน่าเชื่อถือของฝ่ายค้านที่จะอภิปรายไม่ไว้วางใจ รวมทั้งจะเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของรัฐบาลด้วย

ยันชินวัตรไม่ได้ครอบงำ “พท.”

ด้านนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เปิดเผยถึงการประชุมกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยในวันที่ 3 มี.ค. เพื่อสรุปรายชื่อผู้ที่จะเสนอเป็นนายกรัฐมนตรีแนบไปกับญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ ว่า ยืนยันว่าการตัดสินใจไม่เกี่ยวกับคนในตระกูลชินวัตร เป็นอำนาจของ กรรมการบริหาร พรรคเพื่อไทยจะพิจารณา เลือกตามที่ประชุม ส.ส. ของพรรคมีมติมอบหมายให้ โดยจะเปิดโอกาสให้สมาชิกในที่ประชุมเสนอรายชื่อผู้ที่เห็นว่าเหมาะสม จากนั้นก็จะมีการพูดคุยแลกเปลี่ยนข้อดีข้อเสีย ส่วนการลงคะแนนจะเป็นไปโดยลับหรือเปิดเผยนั้น ยังตอบไม่ได้ต้องขึ้นอยู่กับความเห็นของที่ประชุมว่าจะเอาอย่างไร

เมื่อถามว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส. สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ยังมีโอกาสสูงหรือไม่ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ต้องแล้วแต่ความเห็นที่ประชุม ข้อเสนอของนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ก็ต้องนำมาคิดทั้งนั้น เมื่อ พรรคเพื่อไทยมีมติเสนอชื่อใคร ก็จะนำไปพูดคุยกับพรรคร่วมฝ่ายค้านต่อไป

เลื่อนถกพรรคฝ่ายค้านเป็น5มี.ค.

นายวิทยา บุรณศิริ ส.ส.พระนครศรีอยุธยา พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวถึงการนัดหารือระหว่างแกนนำพรรคฝ่ายค้านในวันที่ 2 มี.ค. ที่ผ่านมาว่า การหารือ เลื่อนออกไปเป็นวันที่ 5 มี.ค. แทน โดยเป็นการประชุมระหว่าง 3 พรรค คือ แกนนำพรรคเพื่อไทย นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช และ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ว่าที่หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน เพื่อเรียนถึงมติของพรรคเพื่อไทยในการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล

ต่อข้อถามว่า สาเหตุที่ต้องนัดหารือเนื่องจากนายเสนาะ ไม่เห็นด้วยที่จะเสนอชื่อ ร.ต.อ.เฉลิม เป็นนายกฯ หรือไม่ ประธานวิปฝ่ายค้าน ปฏิเสธว่าไม่ใช่ แต่โดยหลักแล้วหลังจากที่พรรคเพื่อไทยมีมติใด ๆ จะต้องแจ้งให้พรรคร่วมฝ่ายค้านรับทราบตามมารยาท ส่วนแกนนำพรรคร่วมจะเห็นด้วยหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแต่ละพรรค ส่วนการร่วมลงชื่อในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นเอกสิทธิ์ของ ส.ส. แต่ละคน แต่พรรคเพื่อไทยยืนยันว่าจะต้องทำหน้าที่ตรวจสอบการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล

“ประชา-วาดะห์” ย้ำไม่เอาด้วย

ขณะที่ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ว่าที่หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทยเตรียมยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า ได้รับการประสานงานมาจากพรรคเพื่อไทยให้ไปร่วมหารือเรื่องดังกล่าว แต่ตนติดภารกิจในต่างจังหวัดทำให้ไม่สามารถไปร่วมหารือกับพรรคเพื่อไทยได้ อย่างไรก็ตามกลุ่ม 12 จะหารือเรื่องนี้ในวันที่ 4 มี.ค. นี้

นายสมเกียรติ ศรลัมพ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อแผ่นดิน กลุ่ม พล.ต.อ.ประชา เปิดเผยว่า ส.ส. ในกลุ่มทั้ง 12 คน รวมทั้ง 3 ส.ส. ของพรรคราษฎร จะไม่ร่วมลงชื่อยื่นญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลด้วย แต่ทางกลุ่มจะขอดูข้อมูลในการอภิปรายของฝ่ายค้านอีกครั้งว่ามีความชัดเจนที่ชี้ให้เห็นถึงข้อบกพร่องของรัฐบาลอย่างไรบ้าง ถ้ามีความชัดเจนกลุ่ม 12 ส.ส. ก็จะมีการทบ ทวนท่าทีอีกครั้ง

นายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ ส.ส.นราธิวาส พรรคราษฎร กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับการยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย เพราะยังไม่มีข้อมูลที่บอกให้เห็นถึงการบริหารงานผิดพลาดของรัฐบาลที่ทำความเสียหายแก่ประเทศชาติ

เด็กแม้วฉะรบ.เป็นคนไอคิวต่ำ

ที่รัฐสภา นายประชา ประสพดี ส.ส. สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวตอบโต้นาย เทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรค ประชาธิปัตย์ที่ระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะไม่มากล่าวปาฐกถาพิเศษ แต่จะใช้โฟนอินแทน เพราะกลัวถูกจับกุมว่า ไม่เป็นความจริง เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่อยากให้กระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แต่ขณะเดียวกันต่างประเทศกำลังจับตาดูรัฐบาลไทยว่าจะดำเนินการกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ยึดสนามบินอย่างไร เพราะเวลานี้ยังเห็นพันธมิตรฯ เดินกันเต็มสภาไปหมด

“กรณีของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย เป็นแค่คดีทางการเมือง ต่างจากคดีกบฏของกลุ่มพันธมิตรฯ รวมถึงกรณีของนายวัฒนา อัศวเหม อดีตประธานพรรคเพื่อแผ่นดิน ที่เป็นคดีอาญาและการทุจริต ทำไมรัฐบาลไม่เร่งรัดเสมือนกับดำเนินการเป็นสองมาตรฐาน เหมือนคนไอคิวต่ำ ไม่เข้าใจเรื่องราว แค่เรื่อง พ.ต.ท. ทักษิณ จะปาฐกถาก็เต้นกันทั้งประเทศ โดยเฉพาะรัฐบาล ทหาร และตำรวจ” ส.ส.พรรคเพื่อไทย ระบุ

ปูด “เทือก” ต่อสายนายยุติศึก

ส่วนกรณีตำรวจจะเรียกไปให้ข้อมูลเกี่ยว กับกรณีที่พำนักของ พ.ต.ท.ทักษิณ นั้น นายประชา ยืนยันว่าจะไม่ไปอย่างแน่นอน เพราะดูจากเหตุผลแล้วไร้สาระสิ้นดี ต้องถามตำรวจว่าขนาดรัฐบาลที่ถือว่ามีความกว้างขวางทางด้านแหล่งข่าว ยังต้องมาสอบถามแค่ ส.ส. ตัวเล็ก ๆ เจตนาคืออะไร ทางที่ดีรัฐบาลควรไปสอบถามนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ เพราะน่าจะรู้ข้อมูลมากกว่าตน เนื่องจากก่อนหน้านี้นายสุเทพ เคยติดต่อโทรศัพท์พูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อเจรจาเรื่องความสมานฉันท์ทางการเมือง

ส.ส.สมุทรปราการ กล่าวด้วยว่า จากการพูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ล่าสุดไม่ได้อยู่ที่ฮ่องกงตามที่นายเทพไทกล่าวหา เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ถือวีซ่า 8-9 ประเทศ สามารถเดินทางไปประเทศไหนก็ได้ รวมทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ยืนยันว่าพร้อมที่จะกลับเข้ามาประเทศทุกเวลา แต่ยังไม่ใช่เร็ว ๆ นี้

“นพดล-พงศ์เทพ”รูดซิปวีซ่า

นายประชา กล่าวว่า ส่วนตัวเห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งในขณะนี้มีสถานะเป็นพลเมืองพิเศษของประเทศนิการากัวและประเทศในแถบตะวันออกกลาง ดังนั้นการขอวีซ่าไปอังกฤษอีกครั้งจึงถือว่าเป็นสิทธิและมีความเป็นไปได้ เพราะต่างประเทศทราบดีว่าคดีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องเผชิญนั้นเป็นคดีทางการเมือง ดังนั้นการออกวีซ่าให้ พ.ต.ท.ทักษิณ จึงไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร

นายนพดล ปัทมะ อดีตที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวในเรื่องเดียวกันว่า ไม่ทราบ จึงไม่สามารถยืนยันได้ว่ากระแสข่าวเป็นจริงหรือไม่ ขณะที่ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา โฆษกส่วนตัว พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ตนยังไม่ได้อ่านข่าวจึงยังไม่ทราบข้อมูล ดังนั้นขอเวลากลับไปตรวจสอบข้อมูลก่อน สำหรับกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้ปาฐกถาพิเศษเรื่องเศรษฐกิจกับสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศในฮ่องกง ในวันที่ 2 มี.ค. นี้นั้น เพราะสมาคมแจ้งขอเลื่อนเนื่องจากมีเหตุขัดข้องทางเทคนิค จะต้องมีการเตรียมความพร้อมและจะแจ้งกำหนดการมาอีกที โดยทางสมาคมที่ฮ่องกงไม่ได้มีการแสดงความกังวลในประเด็นทางการเมืองแต่อย่างใด

“ทักษิณ”เตรียมกลับเข้าอังกฤษ

นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส. เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เรื่องนี้มีความเป็นไปได้แน่นอน เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ เคยเปรยกับตนในระหว่างที่ตนเล่าให้ฟังว่าพรรคประชาธิปัตย์ออกมาให้ข่าวว่าประเทศต่าง ๆ ห้ามให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางเข้าประเทศ โดย พ.ต.ท. ทักษิณ หัวเราะ พร้อมกับระบุว่า “ถ้าวันหนึ่งผมไปยืนถ่ายรูปหน้าห้างแฮร์รอด คนจะแปลกใจไหม” เมื่อถามว่าในรายงานข่าวระบุว่า พ.ต.ท. ทักษิณ จะเดินทางไปลอนดอนในต้นเดือน มี.ค. นี้ นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ตนก็ได้ยินมาแว่ว ๆ ว่าอาจจะไปเยี่ยมบุตรสาวที่เรียนหนังสืออยู่ที่นั่น

นายสุรพงษ์ ได้เข้ายื่นหนังสือต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อขอให้วินิจฉัยกรณีนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่งร่าง พ.ร.บ.ผู้สูงอายุ พ.ศ. ... ให้นายกฯ รับรอง โดยไม่ผ่านการตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมาพิจารณาก่อน โดยนายสุรพงษ์ กล่าวว่า การยื่นหนังสือครั้งนี้ ไม่ใช่เกมการเมืองแต่เป็นการรักษาสิทธิตามรัฐธรรมนูญในระบอบประชาธิปไตย ได้นำวีซีดีบันทึกเหตุการณ์ที่นายชัย กล่าวขอโทษกับที่ประชุมสภาที่ส่งร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวให้นายกฯ รับรองมามอบให้ด้วย

ลูกหาบชี้ยุติธรรมไทยมีปัญหา

นายสุชาติ ลายน้ำเงิน ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตนเป็นหนึ่งในคณะ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่เดินทางไปพบ พ.ต.ท. ทักษิณ ที่เกาะฮ่องกง เมื่อปลายเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา และหากเจ้าหน้าที่ตำรวจประสานมาให้ตนเข้าให้ข้อมูลที่เกี่ยวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ตนเองก็ยินดี แต่เห็นว่ารัฐบาลเอาเวลาไปแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจดีกว่าจะมาวิ่งไล่ตามจับ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะลำพังคดีของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ผู้กระทำความผิดอยู่ในประเทศ รู้ที่อยู่เป็นหลักแหล่งแท้ ๆ รัฐบาลและตำรวจยังทำอะไรไม่ได้ และเชื่อว่าขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้อยู่ที่เกาะฮ่องกงแล้ว

ส.ส.ลพบุรี กล่าวอีกว่า ไม่เห็นด้วยที่จะให้ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาสู้คดีในตอนนี้ เพราะเป็นคดีการเมืองและกระบวนการยุติธรรมในประเทศไทยก็เห็นอยู่ว่ามีปัญหา ดังนั้นจะให้กลับมาต่อสู้คดีได้อย่างไร ที่สำคัญหาก พ.ต.ท. ทักษิณกลับมาแล้วติดคุก เชื่อว่าจะถูกฝ่ายที่มีอำนาจยัดเยียดคดีให้ พ.ต.ท.ทักษิณ อีกหลายคดี อย่างไรก็ตาม พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวกับตนหลายครั้งว่าอีกไม่นานก็คงได้กลับประเทศเมื่อฟ้าสว่างความดีที่เคยทำไว้ก็คงมีคนเห็น พร้อมบอกว่าเมื่อ ประเทศประสบวิกฤติเศรษฐกิจคนก็คงอยากให้มาแก้ไข เหมือนที่เคยทำสำเร็จมาแล้วครั้งหนึ่ง

“ปชป.” ตามไล่บี้ ส.ส.เพื่อไทย

ด้านนายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ปฏิเสธไม่ไปให้การกับตำรวจถึงแหล่งที่อยู่ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เพราะไม่มีข้อกฎหมายบังคับว่า เป็นความกล้าหาญของนายประชาที่กล้าไม่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและในวันที่ 3 มี.ค. ตนจะเดินทางไปยื่นหนังสือต่อผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เพื่อให้เรียก ส.ส. ที่เดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ มาสอบสวนเรื่องนี้

“ไม่ว่านายประชาจะยอมรับว่าไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่ หรือจะโกหกว่าไปพบแต่ไม่รู้แหล่งที่อยู่ที่ชัดเจน ถ้าตรวจสอบแล้วพบว่าการกระทำของนายประชาเข้าองค์ประกอบให้ความช่วยเหลือนักโทษเพื่อให้พ้นจากการจับกุม นายประชาคือผู้ที่จะเดือดร้อน และคงต้องไปต่อสู้กันต่อในชั้นศาล อย่างไรก็ตาม ผมอยากให้นายประชาให้ความร่วมมือ ในฐานะที่เป็นผู้แทนประชาชน” ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ระบุ

“เสี่ยตาล” พร้อมแจงทรัพย์สิน

อีกเรื่องหนึ่ง นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงกรณีนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา จะยื่นให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินที่ยื่น ไม่ครบถ้วนว่า ยืนยันว่าสามารถชี้แจงได้ เพราะเดิมตนเป็นผู้รับใบอนุญาตคือเป็นเจ้าของโรงเรียน ต่อมาเมื่อมาเป็น รมต. ได้สอบถามสำนักเลขาธิการ ครม.และ ป.ป.ช. ซึ่งได้รับคำตอบว่าเพื่อความปลอดภัยควรจะทำใบลาออกไว้ก่อน จึงได้ทำใบลาออกโดยแนบไปกับการชี้แจงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อ ป.ป.ช. ดังนั้นจึง มีคำถามตามมาว่าในเมื่อไม่ได้เป็นผู้รับใบอนุญาตแล้วตัวทรัพย์สินของโรงเรียนที่เสมือนเป็นนิติ บุคคลจะต้องยื่นด้วยหรือไม่ จึงตัดสินใจไม่ยื่นทรัพย์สินที่เป็นของตัวเอง แต่ตัวที่ดินซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงเรียนแยกออกจากตัวทรัพย์สินได้ยื่นชี้แจงไปแล้ว ฉะนั้นจึงไม่ใช่การซุกทรัพย์สิน คิดว่าถ้านายเรืองไกรไปยื่นต่อ ป.ป.ช. และหากมีการสอบถามกลับมาพร้อมชี้แจง

“สุเมธ”เปิดใจ กกต.ของปลอม

นายสุเมธ อุปนิสากร กกต.ด้านกิจการการมีส่วนร่วม กล่าวเปิดใจก่อนพ้นจากตำแหน่ง เนื่องจากอายุครบ 70 ปีบริบูรณ์ในวันที่ 8 มี.ค. นี้ว่า ตั้งแต่วันนี้จะไม่เข้าร่วมประชุม กกต. เนื่องจากจะได้ไม่ต้องเซ็นคำวินิจฉัยหลังจากสัปดาห์นี้ ส่วนคำวินิจฉัยเดิมที่ค้างอยู่ก็จะเร่งดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในสัปดาห์เดียวกัน ต่อข้อถามว่า ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของตุลาการภิวัตน์มองอนาคตของตุลาการภิวัตน์อย่างไร นายสุเมธ กล่าวว่า หากบ้านเมืองเรียบร้อย อยากเห็นตุลาการกลับเข้ากรมกอง ชีวิตการเป็นศาลกับการอยู่ข้างนอกไม่เหมือน กัน หากออกมามาก ๆ กลัวจะเหลิง เพราะต้องเจอนักการเมืองหลายประเภท

“ยอมรับว่า กกต. ชุดนี้เป็นของปลอม เพราะถูกตั้งโดยคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ไม่ได้ถูกตั้งมาตามรัฐธรรมนูญหรือได้รับการโปรดเกล้าฯ เรื่องนี้ไม่ขอโต้เถียงใครที่กล่าวหา แต่ผมเห็นว่าแม้ไม่ได้มาตามรัฐธรรมนูญ แต่กฎหมายก็เปิดโอกาสให้ทำได้” กกต. รายนี้ ระบุ

“5 พธม.”เลื่อนรับทราบข้อหา

วันเดียวกัน ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. เปิดเผยว่า ภายหลังพนักงานสอบสวนส่งหมายเรียกตัว 21 แกนนำพันธมิตรฯ มารับทราบข้อกล่าวหาฐานสมคบกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงาน และหน่วงเหนี่ยวกักขังเจ้าหน้าที่ของรัฐ จากเหตุการณ์ปิดล้อมหน้ารัฐสภาวันที่ 7 ต.ค. 2551 โดยให้มาพบพนักงานสอบสวนระหว่างวันที่ 2-5 มี.ค. เวลา 13.00 น. นั้น นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความพันธมิตรฯ ได้ติดต่อขอแจ้งเลื่อนการให้ปากคำรับทราบข้อกล่าวหาของแกนนำพันธมิตรฯ 5 คน ที่นัดหมายให้มาพบวันนี้ ประกอบด้วย นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายสาวิตย์ แก้วหวาน นายพิภพ ธงไชย นายสมศักดิ์ โกศัยสุข และนายอมร อมรรัตนานนท์ ออกไปเป็นวันที่ 30 มี.ค. โดยให้เหตุผลว่า ผู้ต้องหาบางคนติดธุระสำคัญต้องเดินทางไปทำภารกิจในต่างประเทศ และบางรายเตรียมตัวไม่ทันเพราะตำรวจส่งหมายเรียกกระชั้นชิดเกินไป ซึ่งพนักงานสอบสวนก็ไม่ขัดข้องแต่อย่างใดและเห็นชอบตามนั้น

ตร.ไฟเขียวนัดพร้อมกัน30มี.ค.

รอง ผบช.น. กล่าวต่อว่า ทนายความแกนนำพันธมิตรฯ แจ้งว่า ขอเวลาให้ผู้ต้องหาได้รวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ เพื่อยืนยันทางคดีสักระยะ จากนั้นจะนำตัวแกนนำทั้ง 21 คนมารับทราบข้อกล่าวหาพร้อมกันทั้งหมดในวันที่ 30 มี.ค. นี้ ซึ่งพนักงานสอบสวนก็ไม่ขัดข้องแต่อย่างใดและเห็นชอบตามนั้นเช่นกัน หากมาพร้อมกันทั้งหมดก็จะแจ้งข้อหาและสอบปากคำในทันที และหากเข้ามอบตัวตามนัดหมายก็จะปล่อยตัวชั่วคราวก่อน ส่วนผู้ที่ขัดหมายเรียก 3 ครั้งก็จะพิจารณาออกหมายจับต่อไป

ด้านนายสุวัตร กล่าวว่า แกนนำพันธ มิตรฯ พร้อมให้การเป็นลายลักษณ์อักษรและ เอกสารยืนยันว่าไม่ได้ทำความผิด ดูได้จากผลสรุปของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ขณะเดียวกันผลสรุปของ ป.ป.ช. ก็กำลังจะออกมา ซึ่งพันธมิตรฯ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำความผิดแน่นอน นอกจากนี้เรายังต้องการขอเปลี่ยนพนักงานสอบสวน เพราะมีพฤติกรรมเป็นปรปักษ์กับผู้ต้องหา ซึ่งเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม

“สลน.”ถอนฟ้องขับไล่ พธม.

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ กล่าวถึงกรณีกลุ่มพันธมิตรฯ จะทำหนังสือเพื่อขอให้เปลี่ยนตัวชุดพนักงานสอบสวนว่า การคัดค้านบุคคลมีหลักเกณฑ์อยู่แล้ว อย่างไรก็ตามการดำเนินคดีต่าง ๆ ไม่มีการเลือกปฏิบัติ แต่คดีที่อยู่ในความสนใจต้องเร่งทำให้เกิดความชัดเจน เพื่อ ไม่ให้เกิดความคลางแคลงใจ ทุกคดีของทุกฝ่ายมีความคืบหน้า เช่น คดียึดสนามบินที่ตำรวจเคยรายงานว่ามีความคืบหน้าร้อยละ 80-90 ซึ่งภายใน 1 เดือนก็ต้องมีความชัดเจนออกมา

ขณะเดียวกัน นายเมธี ใจสมุทร ทนายความของสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลน.) เปิดเผยถึงคดีที่นายลอยเลื่อน บุนนาค รองเลขา ธิการนายกฯ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง 5 แกนนำพร้อมด้วยผู้ประสานงานพันธมิตรฯ เรื่องละเมิดขับไล่ออกจากทำเนียบรัฐบาลว่า ได้เตรียมยื่นคำร้องขอถอนฟ้องคดีดังกล่าวต่อศาลแพ่งในวันที่ 3 มี.ค. เนื่องจากสำนักเลขาธิการนายกฯ เห็นว่า จำเลยได้ย้ายออกจากทำเนียบรัฐบาล รวมทั้งเปิดเส้นทางจราจรแล้ว

“บุญจง”ไม่เข็ดแจกเบี้ยคนแก่

ที่ จ.สุรินทร์ นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย พร้อมคณะเดินทางมาเป็นประธานเปิดป้ายอาคารเรียนของโรงเรียนเทศบาลตำบล ท่าตูม โดยมีนายปราโมทย์ สัจจรักษ์ ผู้ว่าฯ สุรินทร์ พร้อมข้าราชการ และเจ้าหน้าที่สำนักงานเทศบาลตำบลท่าตูมให้การต้อนรับ ทั้งนี้นายบุญจงยังได้มอบเบี้ยยังชีพให้ผู้สูงอายุจำนวนหนึ่งด้วย นอกจากนี้ ส.ส. ได้มอบไม้ดักยุงให้กับอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนที่นายบุญจงจะมาทำพิธีเปิดป้ายอาคารเรียนดังกล่าว ที่สนามด้านหน้าที่ว่าการอำเภอท่าตูม ได้มีกลุ่มคนเสื้อแดงประมาณ 100 คน มาชุมนุมถือป้ายโจมตีรัฐบาล ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดหน่วยปฏิบัติการพิเศษของ บก.ภ.จว.สุรินทร์ กว่า 100 นายมาคอยรักษาความปลอดภัยและป้องกันเหตุกระทบกระทั่ง โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าไปเจรจากับกลุ่มเสื้อแดงเป็นเวลา 30 นาทีก่อนที่กลุ่มเสื้อแดงจะสลายตัวกลับไป

“เสื้อแดง” ประท้วง“เด็กเนวิน”

บ่ายวันเดียวกัน ที่ จ.นครพนม มีม็อบเสื้อแดงประมาณ 200 คน นำโดยนายเศวต ทิน กูล อดีต ส.ส.ร. มาปักหลักชุมนุมบริเวณนอกรั้วสนามบิน จ.นครพนม เพื่อโจมตีนายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม และคณะที่เดินทางมาตรวจความพร้อมในพิธีวางศิลาฤกษ์ก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 3 ระหว่าง จ.นครพนม-แขวนคำม่วน โดยกลุ่มเสื้อแดงได้เขียนป้ายผ้าโจมตี รมว. คมนาคม รวมทั้งนายศุภชัย โพธิ์สุ ส.ส.นคร พนม พรรคภูมิใจไทย ว่า “ไอ้รัฐมนตรี ลูกน้อง ไอ้ลูกกรอก ไอ้ปากห้อยเนวิน ส.ส. ที่ไร้เกียรติ บังอาจทรยศประชาชน นครพนมไม่ต้อนรับ” ขณะเดียวกันภายในสนามบินก็มีม็อบสนับสนุนนายศุภชัย โพธิ์สุ สวมเสื้อสีน้ำเงินประมาณ 500 คน มาคอยต้อนรับ รมว.คมนาคม อย่างไรก็ดีม็อบทั้งสองกลุ่มไม่ได้มีการเผชิญหน้าหรือเกิดการกระทบกระทั่งกันแต่อย่างใด

เร่งปรับภูมิทัศน์ทำเนียบรัฐบาล

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า เจ้าหน้าที่ กทม. ได้เริ่มปรับปรุงภูมิทัศน์ภายในทำเนียบรัฐบาลแล้ว โดยลงมือปลูกหญ้าบริเวณสนามหญ้าด้านข้างห้องผู้สื่อข่าวหลังใหม่ และนำต้นไม้ อาทิ ลีลาวดี พญาสัตตบรรณ มาปลูกตลอดแนวริมคลองหลังตึกไทยคู่ฟ้า ส่วนต้นไทรปลูกรอบตึกบัญชาการ และต้นชาฮกเกี้ยนหรือชาดัดปลูกที่บริเวณตึกนารีสโมสร ในขณะนี้ที่บริเวณหน้าห้องผู้สื่อข่าวหลังเก่า ได้นำต้นแก่นกระพี้มาปลูก ส่วนบริเวณพื้นที่อื่นที่ยังไม่มีการปลูกต้นไม้นั้น เจ้าหน้าที่ได้ปรับพื้นที่และลงปุ๋ยคอกเตรียมดินเอาไว้แล้ว

อย่างไรก็ตามการปรับปรุงภูมิทัศน์ภายในทำเนียบรัฐบาลนั้น จะต้องดำเนินการให้เรียบร้อยภายในวันที่ 10 มี.ค. เนื่องจากในวันดังกล่าวจะมีการจัดงานสโมสรสันนิบาตเฉลิมพระเกียรติแด่ สมเด็จพระราชาธิบดีและสมเด็จพระราชินีแห่งมาเลเซีย เนื่องในโอกาสเสด็จฯ เยือนประเทศไทย อย่างเป็นทางการ ในฐานะพระราชอาคันตุกะของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ

ยื่น ป.ป.ช. สอบ “สาทิตย์” แล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 2 มี.ค. ที่ผ่านมา นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา ได้ส่งเอกสารทางไปรษณีย์ถึง ป.ป.ช. เพื่อให้ตรวจสอบการยื่นแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.สำนักนายกฯ แล้ว โดยนายเรืองไกร เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบข้อมูลของนายสาทิตย์ ที่ยื่นต่อ ป.ป.ช.กรณีเข้ารับตำแหน่ง ส.ส. เมื่อวันที่ 21 ม.ค. 2551 แจ้งว่ามีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สินประมาณ 35.16 ล้านบาท และกรณีเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 ธ.ค. 2551 แจ้งว่ามีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สินประมาณ 35.75 ล้านบาท ซึ่งนายสาทิตย์ แจ้งครั้งหลังว่า มีรายได้เป็นเงินเดือนจากโรงเรียนวิวัฒน์วิทยา 3.97 แสนบาท และไม่ได้แจ้งมูลค่าของโรงเรียน แต่เมื่อตรวจสอบย้อนกลับไปในการแจ้งครั้งแรกกลับแจ้งว่าโรงเรียนดังกล่าวมีมูลค่า 8.9 ล้านบาท

ส.ว.สรรหา เปิดเผยด้วยว่า กรณีดังกล่าวอาจเข้าข่ายลักษณะจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญหรือจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบด้วยถ้อยคำอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบตามรัฐธรรม นูญมาตรา 263.

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker