Fri, 2012-09-28 01:19
ในที่สุด 
คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อความปรองดองแห่งชาติ หรือ คอป.
 ที่มีนายคณิต ณ นคร เป็นประธาน 
ก็ได้นำเสนอรายงานขั้นสุดท้ายเกี่ยวกับเหตุการณ์สังหารหมู่ประชาชนเมื่อ
เมษายน-พฤษภาคม 2553 ซึ่งผลก็เป็นไปตามความคาดหมาย คือ 
เต็มไปด้วยเรื่องปกปิดบิดเบือนความจริงที่เกิดขึ้น 
ฟอกขาวให้กับทั้งฝ่ายทหารและรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
คนที่เจ็บปวดกับผลงานของ คอป.ในครั้งนี้ก็คือ 
ครอบครัวและบรรดาญาติพี่น้องของผู้ที่เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายพันคนใน
เหตุการณ์ รวมไปถึงประชาชนที่เข้าร่วมต่อสู้ที่ถือว่า 
บรรดาผู้สูญเสียเหล่านั้นคือพี่น้องร่วมอุดมการณ์ที่เสี่ยงตายมาด้วยกัน
ผลงานอัปยศของ คอป.ในครั้งนี้ ทำให้สมควรได้รับขนานนามใหม่ว่า คณะอุ้มอภิสิทธิ์ปกปิดบิดเบือนความจริงเพื่อความแตกแยกแห่งชาติ โดยแท้!
ผู้ที่ติดตามการทำงานของ คอป.มาโดยตลอดจะไม่แปลกใจเลย 
เพราะคณะกรรมการชุดนี้แต่งตั้งโดยรัฐบาลอภิสิทธิ์ ตัวบุคคลทั้งระดับกรรมการ
 อนุกรรมการ คณะทำงาน และที่ปรึกษา หลายคนเป็นพวกอีแอบพรรคประชาธิปัตย์และ 
“พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” ที่เป็นศัตรูโดยตรงกับฝ่ายประชาชน
ใน คอป.จึงมีตั้งแต่คนที่เคยร่วมมือกับกลุ่มพันธมิตรฯอย่างเปิดเผย 
แล้วมานั่งทำงาน “รวบรวมข้อเท็จจริง” ไปจนถึงกรรมการบางคนที่เป็นเอ็นจีโอ 
เพียรสร้างภาพเปลือกนอกเป็นนักสิทธิมนุษยชน 
รณรงค์เรื่องประชาธิปไตยในประเทศเพื่อนบ้าน 
แต่กลับมีเนื้อแท้เป็นพวกสนับสนุนเผด็จการในประเทศไทย
รายงานของ คอป.มีเนื้อหาที่ดูถูกสติปัญญาของคนอ่านอย่างยิ่ง 
เพราะเต็มไปด้วยการเล่านิทานเหตุการณ์ที่ปราศจากพยานหลักฐาน 
เลี่ยงไม่ตอบคำถามสำคัญๆ ขณะที่อีกหลายคำถามที่จำต้องตอบก็โยนไปให้ 
“ชายชุดดำ” ซึ่งกลายเป็น “หลุมดำ” ที่ คอป. จับเอาบรรดาคำถามที่ไม่อยากตอบ 
โยนใส่ลงไปเท่านั้น ทั้งหมดนี้ มีจุดประสงค์เดียวคือ 
ล้างบาปและคราบไคลเลือดออกจากเนื้อตัวของทหารและรัฐบาลอภิสิทธิ์ 
โยนความผิดทั้งหมดไปให้ “ชายชุดดำ” และประชาชนที่บาดเจ็บล้มตาย
ทำราวกับว่า คนอ่านไม่มีสติปัญญาพอที่จะรู้เท่าทัน 
คอป.คนอ่านจึงได้แต่กังขาว่า ถ้าเอายี่ห้อ คอป.ออกไปจากรายงานชุดนี้ 
คนอ่านอาจเผลอนึกไปว่า 
กำลังอ่านสกู๊ปรายงานของสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวีอยู่ก็ได้!
คำถามสำคัญที่สุดคือ คนเสียชีวิตเฉพาะที่รู้แน่นอนจำนวน 90 กว่าคนนั้น
 ตายอย่างไร? ในรูปแบบอาการอย่างใด? ใครเป็นคนกระทำ? 
ทหารนับพันที่ติดอาวุธหนักเบาตั้งแต่หัวถึงเท้าที่อยู่ในบริเวณนั้น 
กระหน่ำยิงกระสุนไปเป็นแสนนัด มีคลิปวิดีโอภาพการยิงอย่างเมามันนับไม่ถ้วน 
ทหารเหล่านี้มีส่วนรับผิดชอบแค่ไหน? นี่คือคำถามสำคัญที่สุดที่ รายงานของ 
คอป.ไม่ได้ตอบอย่างชัดเจนจนไร้ข้อสงสัย
ส่วนกรณีการเสียชีวิตที่ปฏิเสธไม่ได้ รายงานของ คอป. ก็มี “แพะ” 
ที่แสนจะสะดวกสบายคือ “ชายชุดดำ” 
ที่ถูกตั้งธงให้รับผิดชอบการบาดเจ็บเสียชีวิตของประชาชนจำนวนหนึ่ง 
และมีส่วนในการบาดเจ็บเสียชีวิตของฝ่ายทหาร แค่นั้น? โดยที่ 
คอป.ก็ไม่สามารถอธิบายได้ว่า 
ถ้าชายชุดดำเป็นกองกำลังของฝ่ายประชาชนผู้ชุมนุมจริง 
แล้วทำไมจึงไม่มีหลักฐานการมีอยู่ของคนพวกนี้เลย 
และก็ไม่มีความพยายามที่จะสืบสวนติดตามจับกุมแต่อย่างใดตลอดสมัยรัฐบาล
อภิสิทธิ์?
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงภาพถ่ายและคลิปวิดีโอจำนวนมากที่ปรากฏเป็นตรงข้ามคือ
 มี “ชายชุดดำติดอาวุธ” 
ปฏิบัติการอยู่เคียงข้างฝ่ายทหารที่ปราบปรามประชาชนในขณะนั้น!
แต่ความเลวร้ายที่ไม่อาจให้อภัยได้และถือว่า 
เป็นอยุติธรรมอย่างยิ่งก็คือ การที่ คอป. โยนบาปไปให้คนตาย 
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กรณีทหารพลแม่นปืนยิงคนตายถึงหกศพในบริเวณวัดปทุมวนารม 
ซึ่งรายงาน คอป.กลับโยนไปให้ “ชายชุดดำที่ยิ่งต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ทหาร” 
ทั้งที่ไม่มีหลักฐาน ไม่มีพยานใดๆ เกี่ยวกับ “ชายชุดดำ” ในบริเวณนั้นเลย 
รวมทั้งยังมีหลักฐานทางนิติเวชที่แสดงชัดว่า 
ผู้ตายทั้งหกศพเสียชีวิตด้วยกระสุนความเร็วสูงที่ยิงจากมุมสูงเข้าที่ศรีษะ
หรือหน้าอก ทุกศพ!
คนบาดเจ็บนับพัน ตายอีกร่วมร้อยศพ พวกเขาถูกทหารฆ่าตายยังไม่พอ 
ยังถูกสื่อมวลชนกระแสหลักสามานย์กระหน่ำซ้ำเติมมาตลอดสองปี แล้วในท้ายสุด 
ยังมาถูก คอป.กระทืบแล้วแทงซ้ำอีกในวันนี้! คอป.กล้าทำเพราะคนตายไปแล้ว คอป.จะโยนอะไรใส่ก็ได้ เพราะพวกเขาไม่สามารถลุกขึ้นมาโต้แย้งกับ คอป.ได้อีกแล้ว
คนที่รับผิดชอบสั่งการฆ่าประชาชนนั้น โดยธรรมชาติ ย่อมแก้ตัว 
เพื่อหลบหลีกความผิด 
แต่เจ้าหน้าที่ซึ่งเสวยงบประมาณจากภาษีประชาชนจำนวนมหาศาล 
มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงในการแสวงหาความจริงและให้ความยุติธรรม 
กลับมาปกปิดบิดเบือนความจริงเสียเอง แล้วล้างบาปให้กับฆาตกรตัวจริง 
เจ้าหน้าที่อย่างนี้ย่อมเลวกว่าคนที่กระทำผิดจริงเสียอีก
ผลลัพธ์เช่นนี้เป็นความรับผิดชอบโดยตรงของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ที่แสดง 
“ความใจกว้าง” ยอมให้ คอป.ทำงานต่อไปทั้งๆ ที่รู้อยู่ว่า พวกนี้คือ 
“ไข่ประชาธิปัตย์” เพราะรัฐบาล ต้องการแสดงความจริงใจในการปรองดอง 
และมองในแง่ดีว่า คนพวกนี้น่าจะมี “จิตสำนึก” 
มากพอที่จะทำงานอย่างเที่ยงตรง
รัฐบาลจะต้องแสดงจุดยืนอย่างชัดเจน ปฏิเสธและไม่รับรองรายงานของ คอป.ทั้งหมด ในทางตรงข้าม รัฐบาล
จะต้องหันมาสนับสนุนการรวบรวมข้อเท็จจริงที่กระทำโดยประชาชนเอง คือ 
ศูนย์ข้อมูลผู้ได้รับผลกระทบเหตุสลายชุมนุม เม.ย.-พ.ค.53 หรือ ศปช.ซึ่ง
ได้ทำหน้าที่รวบรวมความจริงทั้งหมดจากผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ ผู้บาดเจ็บ 
มิตรสหาย ครอบครัวและญาติผู้เสียชีวิต ละเอียดเป็นรายบุคคล ปัจจุบัน 
ได้สำเร็จลุล่วงเป็นรายงานหนากว่าหนึ่งพันหน้าออกเผยแพร่แล้ว
สิ่งที่รัฐบาลควรกระทำคือ 
สนับสนุนการจัดพิมพ์และเผยแพร่รายงานฉบับ ศปช.ให้กว้างขวางที่สุด 
ไปสู่ห้องสมุดประชาชนและสถานศึกษาทุกแห่งทั่วประเทศ
ท้ายสุดคือ บทเรียนซ้ำซากที่รัฐบาลและพรรคเพื่อไทยหลับหูหลับตา 
ปฏิเสธที่จะยอมรับตลอดมาคือ 
พวกเผด็จการไม่เคยมีความคิดแม้แต่กระผีกริ้นที่จะ “ปรองดอง” กับพวกคุณ 
พวกเขาจะดิ้นรนต่อต้านประชาธิปไตยไปจนถึงที่สุด ซึ่งหมายความว่า 
พวกเขาจะหาทางบ่อนทำลายพรรคและรัฐบาลฝ่ายประชาธิปไตยทุกวิถีทาง 
รัฐบาลและพรรคเพื่อไทยจะต้องเลือกระหว่าง 
“เพ้อฝันปรองดองไปจนถูกทำลายในที่สุด” 
หรือจะยืนหยัดอยู่ข้างประชาชนอย่างเหนียวแน่นไปบรรลุประชาธิปไตยที่แท้จริง
ด้วยกัน
 
