คอลัมน์ |
|
จากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้ |
ปีที่ 11 ฉบับที่ 2823 ประจำวัน จันทร์ ที่ 21 มิถุนายน 2010 |
โดย ลอย ลมบน |
ครบ 1 เดือนสำหรับการปราบปรามเข่นฆ่าประชาชนที่ทุ่งสังหารราชประสงค์ในเหตุการณ์ 19 พฤษภาคม ถ้าย้อนกลับไปเหตุการณ์ 10 เมษาเลือด ก็ผ่านมา 2 เดือนกว่า
คำถามคือมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง
สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือการเดินหน้าอย่างบ้าคลั่งในการไล่ล่าปิดบัญชีคนเสื้อแดง แนวร่วม 400 กว่าคนถูกกระจายขังอยู่ตามเรือนจำหลายแห่ง บางคนติดคุกเพราะศาลตัดสินคดีไปแล้ว แต่หลายคนคดียังไม่ได้นำขึ้นฟ้องศาล
บางคนยังถูกจับขังฟรีตามอำนาจ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา และอีกหลายคนยังต้องนอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล โดยมีโซ่ล่ามข้อเท้าป้องกันการหลบหนี
คดีความเกี่ยวกับคนเสื้อแดงยังเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง มีความคืบหน้าของคดีออกมาไม่เว้นแต่ละวัน หากมองในแง่ดีก็เป็นเรื่องดีที่กระบวนการยุติธรรมของประเทศทำงานอย่างแข็งขัน
แต่หากมองในมุมกลับจะเห็นว่าคืบหน้าแต่คดีของคนเสื้อแดง ส่วนที่คนเสื้อแดงไปแจ้งความดำเนินคดีกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี และบรรดาแม่ทัพนายกองว่าฆ่าประชาชนโดยไตร่ตรองไว้ก่อน คดีความเหล่านี้ไม่มีความคืบหน้า
ไม่มีการตั้งข้อกล่าวหา ไม่มีการออกหมายเรียกไปสอบปากคำ
จริงอยู่ว่ารัฐบาลอาจจะมีใบอนุญาตฆ่าประชาชน เพราะประกาศให้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินนิรโทษกรรมความผิดกันเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว แต่ตามหลักเมื่อมีคนแจ้งดำเนินคดี กระบวนการยุติธรรมต้องทำหน้าที่ของตัวเอง ส่วนจะสั่งไม่ฟ้อง หรือจะตัดสินยกฟ้องเพราะมี พ.ร.ก.ฉุกเฉินคุ้มกะลาหัวอยู่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
การตายของคนเสื้อแดงต้องได้รับการสอบสวนอย่างตรงไปตรงมาว่าตายที่ไหน ตายเวลาเท่าไร และตายด้วยสาเหตุอะไร กระสุนชนิดไหน จากหน่วยงานใดที่ปลิดชีพเขาเหล่านั้น เพื่อจะได้สอบสวนกันต่อไปว่าเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุหรือไม่ เพราะหากเกินกว่าเหตุใบอนุญาตฆ่าก็ไม่ให้ความคุ้มครอง
นายอภิสิทธิ์ชอบพูดจาให้สวยหรูดูดีว่าพร้อมจะรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นหากผลสอบออกมาชี้ว่าทำความผิด แต่นี่เวลาผ่านมา 2 เดือนแล้วนับจากเหตุการณ์ 10 เมษาเลือด หน่วยงานต่างๆที่มีหน้าที่สอบสวนยังไม่ได้ทำหน้าที่ของตัวเองเลย
ตำรวจ ดีเอสไอ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ สภาทนายความ ป.ป.ช. ไม่ได้แสดงให้เห็นว่าทำหน้าที่อย่างเป็นกลางและตรงไปตรงมา
คงจะเหมือนกับที่องค์กรต่างประเทศเรียกร้องว่าหากกล้าจะรับผิดชอบจริงก็ให้ประกาศงดใช้หรือยกเลิกมาตรา 17 ของ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
ถ้าประกาศตัวว่ากล้ารับผิดชอบก็ต้องกล้ายกเลิก แต่เชื่อว่าคงไม่กล้ายกเลิกหรืองดใช้ เพราะคนคนนี้เขาเก่งและดีแต่ปาก