

การ ประชุมวิชาการ สถาบันพระปกเกล้า  เมื่อไม่นานมานี้   มีการเปิดเผยผลการสำรวจความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อศาล และองค์กรอิสระ   ครั้งล่าสุด มีข้อมูลที่น่าสนใจ คือ ในกลุ่มศาลด้วยกัน   ศาลรัฐธรรมนูญได้อัตราต่ำสุดที่ 65.1% ศาลยุติธรรมได้ 71.3%   รองลงมาคือศาลปกครองได้ 67.3%
   
ความเชื่อมั่นต่อศาลรัฐธรรมนูญที่ต่ำลง ท่ามกลางกระแสข่าวคลิบฉาวที่ออกมาเป็นระลอก
  
ขณะที่ศาลรัฐธรรมนูญกำลังตัดสินคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ พรรคเก่าแก่ที่สุดในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งมีอายุกว่า 64 ปี
  
ปัญหาคือ ไม่ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินยุบหรือไม่ยุบ ถามว่า ใครจะเชื่อถือ ?
   
กลางกระแส วิกฤตศรัทธาที่มีต่อศาลรัฐธรรมนูญ   ได้มีข้อเสนอให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญไขก๊อก ลาออกไปยกชุด   แล้วสรรหาตุลาการชุดใหม่มาตัดสินคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ ยังจะดีเสียกว่า   แม้ว่าจะล่าช้าไปบ้าง แต่ว่ายังรักษาศาลรัฐธรรมนูญไว้ได้
 
นักวิชาการส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการยุบศาลรัฐธรรมนูญ เพราะเห็นว่า ความเสื่อมเป็นเรื่อง "ตัวบุคคล" มากกว่า 
 
นอกจากผลสำรวจความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อศาลแล้ว ยังมีผลสำรวจองค์กรอิสระอีกด้วย
  
ผล สำรวจครั้งนี้ ปรากฏว่า สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)   มีอัตราความเชื่อมั่นลดลงจากเดิมมากที่สุด   โดยปัจจุบันความเชื่อมั่นของประชาชนอยู่ที่ 46.8%   ขณะที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนได้รับความเชื่อมั่นอยู่ที่ 41.8%   และที่มีความเชื่อมั่นที่น้อยที่สุดคือสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจฯที่ 38.8%
 
ความ เชื่อมั่นของ สตง.ที่ลดลง เข้าใจได้ไม่ยาก เพราะนายเก่ากับนายใหม่   เปิดศึกสู้รบ สาวไส้ กันขนาดนั้น ถ้าความเชื่อมั่นยังดีเหมือนเดิมก็แปลก
 
แต่ ข้อมูลที่ชาวบ้านได้รับรู้จากศาลรัฐธรรมนูญ ถึง สตง.  และองค์กรอิสระอื่น ๆ  ที่มีการเปิดโปงกันออกมาก็คือ บรรดาท่านทั้งหลาย  มีบริวารมากกว่า  ทั้งเลขานุการส่วนตัว ที่ปรึกษา ผู้เชี่ยวชาญ  คนขับรถประจำตัว 
   
ไม่นับห้องทำงานที่หรูหรา รถยนต์ประจำตำแหน่งที่นิยมใช้ยี่ห้อเบนซ์ คันละ 3 ล้านกว่า
   
องค์กรอิสระบางแห่ง เช่ารถ BMW ซีรีส์ 7 ให้แก่กรรมการทุกคน เท่าที่ทราบ ค่าเช่าแพงมาก
    
ยัง ไม่รวมสิทธิพิเศษมากมาย โดยเฉพาะตั๋วเครื่องบินฟรี   สิทธิของบางท่านก็เลื้อยไปถึงลูกเมีย   นี่ยังไม่นับรวมเงินเดือนและค่าตอบแทนพิเศษที่เฉียดแสนต่อเดือน รวม ๆ   แล้วต้นทุนของแต่ละท่านสูงมาก
   
ส่วน  "องคาพยพ" ของท่านหนึ่ง ประกอบด้วย  ที่ปรึกษา 1 คน เงินเดือนรวม 69,910  บาท เลขานุการ 1 คน เงินเดือน 47,100  บาท ผู้เชี่ยวชาญ 3 คน เงินเดือน  30,000 บาท ผู้ช่วยเลขานุการ 1 คน  เงินเดือนตามวุฒิการศึกษาตั้งแต่  16,000-22,000 บาท คนขับรถ 1 คน เงินเดือน  11,300 บาท เป็นต้น
   
คำนวณ แล้ว จะต้องจ่ายเงินเดือนให้แก่ที่ปรึกษา เลขานุการ ผู้เชี่ยวชาญ   ผู้ช่วยเลขานุการ คนขับรถ ประจำท่านคนเดียวต่อเดือนกว่า 229,000 บาท
   
ต้นทุนที่ประชาชนต้องจ่ายให้แก่ท่านทั้งหลาย...แพงมาก แต่ถามว่าคุ้มค่าไหม ! ยังน่าสงสัย
    
เพื่อน อาจารย์ท่านหนึ่งที่ติดตามผลงานของท่านทั้งหลายยืนยันว่า   รถประจำตำแหน่งของท่าน เมื่อเทียบกับผลงาน แค่โตโยต้า วีออส ก็พอเพียงแล้ว
   
ผมแย้งว่า ขนาดผู้ว่าราชการจังหวัด ยังโตโยต้า คัมรี่ เลย (ครับ) แค่วีออสอาจเป็นการเปรียบเปรยที่สุดโต่งไป
   
แต่ ประเด็นของผมคือ ท่านจะใช้คัมรี่หรือเบนซ์ หรือ BMW ซีรีส์ 7  ผมไม่ว่าเลย  ขออย่างเดียวให้ท่านตัดสินคดีความ ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม  จริง ๆ
   
อย่างที่ตุลาการผู้ใหญ่รุ่นครูท่านกล่าวว่า "ถ้าตัวตรง ไม่ต้องกลัวเงาคด ถ้าหัวตรง ไม่ต้องกลัวเท้าเอียง"
    
แต่ถ้าทำไม่ได้ ผมว่าลาออกไปเสียดีกว่า !
ขุนสำราญภักดี 
10 พ.ย.2553
 
