บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันอาทิตย์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

ตรวจสอบเข้มหรือเกมแฝงประโยชน์

ที่มา ไทยรัฐ

เสียงปรบมือดังเกรียวกราว ลั่นห้องประชุมพรรคเพื่อไทย

ส่งเสียงเชียร์ให้ยื่นญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล

เป้าหมายหลัก คือ การเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีที่มีพฤติกรรมไม่น่าไว้วางใจ

แน่นอน การจุดพลุตั้งลำเตรียมยื่นญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในครั้งนี้

สร้างความคึกคักให้กับวงการเมืองเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะพลพรรคฝ่ายค้าน

ยิ่งหัวหอกในการทำศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ อย่าง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย ออกมาประกาศว่า

มีข้อมูลทีเด็ด เจ๋งกว่าเรื่อง สปก.4-01 ที่จะนำมาโค่นรัฐบาล โดยกำหนดเองเสร็จสรรพวันที่ 11 มีนาคม ฝ่ายค้านจะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯและรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล

รวมทั้งจะยื่นเรื่องถอดถอนนายอภิสิทธิ์ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)

โหมโรงให้เห็นว่า ข้อกล่าวหาหนักหน่วง

แม้ในตอนแรก มี ส.ส.พรรคเพื่อไทยบางคนออกมาปฏิเสธว่า เรื่องการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล เป็นเพียงการเสนอของ ร.ต.อ.เฉลิม เท่านั้น ยังไม่ใช่มติพรรค

ทำให้ดูเหมือนว่า ฝ่ายค้านเกิดอาการแกว่ง

แต่ล่าสุด แกนนำพรรคเพื่อไทย อาทิ ร.ต.อ.เฉลิม พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล พล.ต.ศรชัย มนตริวัต ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ ได้ตั้งวงหารือเรื่องการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล

โดยได้ข้อสรุปว่า จะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในวันที่ 11 มีนาคมนี้ โดยจะนำเรื่องนี้เข้าที่ประชุมพรรคเพื่อไทยในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ เพื่อขอมติจากที่ประชุมอีกครั้ง

สรุปก็คือ ฝ่ายค้านจะต้องเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลอย่างแน่นอน

ทั้งนี้ ตามรัฐธรรมนูญ การยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจจะต้องดำเนินการในสมัยประชุมสภาฯสมัยสามัญทั่วไป ที่มีห้วงเวลา 4 เดือน

ที่ผ่านๆมาฝ่ายค้านเกือบทุกยุคทุกสมัยมักจะใช้จังหวะเวลาในช่วงท้ายของสมัยประชุมสภาฯ เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจเล่นงานรัฐบาล

เนื่องจากต้องใช้เวลาในการรวบรวมข้อมูลหลักฐานเกี่ยวกับความไม่ชอบมาพากลและปัญหาทุจริตคอรัปชันที่เกิดขึ้นจากการบริหารราชการแผ่นดิน

หลักฐานยิ่งแน่น ฝ่ายค้านยิ่งได้เปรียบ

แต่สำหรับรัฐบาลชุดนี้ ถือว่าไม่ได้เข้ามาตามปกติ เพราะไม่ได้เป็นรัฐบาลที่จัดตั้งขึ้นหลังการเลือกตั้ง

แต่เป็นรัฐบาลที่เกิดขึ้นจากการพลิกขั้วการเมือง

อาการฝังแค้นของฝ่ายค้าน ที่โดนพลิกขั้วให้หลุดจากอำนาจ ก็มีส่วนสำคัญที่เป็นแรงขับเคลื่อนให้มีการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจเร็วขึ้น

ที่สำคัญ ไม่ได้มีบทบัญญัติใดๆกำหนดกรอบว่าจะต้องให้เวลารัฐบาลบริหารประเทศไปก่อน 3 เดือน 6 เดือน ถึงจะขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจได้

ทั้งนี้ โดยบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ในส่วนของการควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน มาตรา 158 กำหนดแค่ว่า

สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทน

ราษฎร มีสิทธิเข้าชื่อเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ญัตติดังกล่าวต้องเสนอชื่อผู้สมควรดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนต่อไปด้วย และเมื่อได้มีการเสนอญัตติแล้วจะมีการยุบสภาผู้แทนราษฎรมิได้

นอกจากนี้ การเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับพฤติกรรมของนายกรัฐมนตรีที่มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ ส่อไปในทางทุจริตต่อหน้าที่ราชการ หรือจงใจฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญจะต้องยื่นเรื่องถอดถอนนายกรัฐมนตรีออกจากตำแหน่งต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.ด้วย

โดยในการลงมติไม่ไว้วางใจต้องมีคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร

ในขณะที่บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ มาตรา 159 ระบุว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในหกของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร มีสิทธิเข้าชื่อเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล

ทั้งนี้ การยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ต้องดำเนินการในสมัยประชุมสามัญทั่วไป เพราะในสมัยประชุมสามัญนิติบัญญัติจะเป็นการพิจารณาเฉพาะร่างกฎหมาย

ชัดเจน จากเงื่อนไขในรัฐธรรมนูญ ถือเป็นสิทธิของฝ่ายค้านที่จะเข้าชื่อกันตามจำนวนที่กำหนด เพื่อขอเปิดอภิปราย

ไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี ได้ตลอดห้วงเวลาในสมัยประชุมสามัญทั่วไป

เร็วหรือช้า ไม่มีข้อห้าม ถ้ามีเสียง ส.ส.ตามเกณฑ์ ยื่นเชือดได้เลย

เหนืออื่นใด ถ้ามีเหตุหรือมีข้อมูลหลักฐานว่ารัฐบาลบริหารราชการทำให้ประเทศชาติเสียหาย รัฐมนตรีประพฤติ

ผิดจริยธรรม มีการทุจริตคอรัปชัน

ฝ่ายค้านต้องทำหน้าที่ตรวจสอบ ด้วยการอภิปรายไม่ไว้วางใจทันที ปล่อยให้ช้าไปวันเดียวก็ไม่ได้ เพราะอาจเกิดความเสียหายใหญ่หลวงต่อประเทศชาติ

ถ้าฝ่ายค้านไม่ดำเนินการ ก็เท่ากับละเว้นการปฏิบัติหน้าที่

ทีมข่าวการเมืองไทยรัฐเห็นด้วยกับการที่ฝ่ายค้าน พรรคเพื่อไทย จะเดินเครื่องตรวจสอบรัฐบาล ด้วยการยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ

เพราะคนที่เข้ามาใช้กลไกอำนาจรัฐและงบประมาณแผ่นดินในการบริหารประเทศ ต้องมีความซื่อสัตย์ สุจริต โปร่งใส และต้องพร้อมที่จะให้ทุกฝ่ายตรวจสอบได้

ทั้งนี้ จากการเคลื่อนไหวของฝ่ายค้านในการเปิดศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีในครั้งนี้

ก็พอเดาทางกันได้ว่าต้องมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจในประเด็นร้อนๆตามที่ตีปี๊บโหมโรงเอาไว้

ไล่ตั้งแต่ประเด็นที่นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ บริจาคเงิน 250 ล้านบาท ผ่านบริษัทโฆษณาให้กับพรรคประชาธิปัตย์

ประเด็นการแจกปลากระป๋องเน่าให้ผู้ประสบอุทกภัยที่จังหวัดพัทลุง

งานนี้ แม้นายวิฑูรย์ นามบุตร ได้แสดงความรับผิดชอบ ลาออกจากตำแหน่ง รมว.การพัฒนาสังคมฯไปแล้ว แต่

การตรวจสอบต้นตอยังไม่มีความชัดเจน

ประเด็นที่นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย แจกเงินสงเคราะห์ผู้ยากไร้ พร้อมแจกนามบัตร

ประเด็นเรื่องกองทัพใช้งบประมาณ 2,000 ล้านบาท เพื่อดำเนินการสลายกำลังมวลชนคนเสื้อแดง

ประเด็นการเลือกปฏิบัติในการดำเนินคดีกับกลุ่มม็อบพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่บุกยึดสนามบินดอนเมืองและสุวรรณภูมิ

รวมไปถึงประเด็นเรื่องความเหมาะสมของบุคคลที่เข้ามาเป็นรัฐมนตรี

อาทิ นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ นายวีระชัย วีระเมธีกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และนางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์

เข้าข่าย ตัวล่อเป้าที่ฝ่ายค้านพยายามตามจิกมาตลอด

ทั้งหมดนี้ ล้วนเป็นปม เป็นประเด็น ที่จะนำมาอภิปรายถล่มรัฐบาลได้ทั้งสิ้น

ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับผู้ถูกอภิปรายจะสามารถชี้แจงได้เคลียร์

มากน้อยแค่ไหน

แน่นอน การที่ฝ่ายค้านตรวจสอบรัฐบาลด้วยญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ถือเป็นการต่อสู้กันในระบบรัฐสภา ภายใต้กติกาของรัฐธรรมนูญ

ฝ่ายค้านมีสิทธิตั้งข้อกล่าวหา รัฐบาลมีหน้าที่ต้องชี้แจง และสุดท้ายตัดสินกันด้วยเสียงข้างมากในสภาฯ

เป็นไปตามหลักสากลของการปกครองระบอบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา

ดีกว่าไปเล่นเกมตีรวนกันนอกสภา

อย่างไรก็ตาม จากพฤติกรรมการอภิปรายไม่ไว้วางใจในอดีต หลาย

ยุคหลายสมัยที่ผ่านๆมา ก็มีร่องรอยให้เห็นเหมือนกันว่า

มีการนำเอาการอภิปรายไม่ไว้วางใจ มาเป็นเครื่องมือต่อรองทางการเมือง

ทั้งในลักษณะที่มีคนในซีกฝ่ายค้าน พยายามออกมาตีปีบแพลมข้อมูลจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีคนนั้นคนนี้

แล้วฉวยโอกาสแอบไปเจรจาต่อรองผลประโยชน์ต่างๆนานา สุดท้ายพอถึงตอนยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจจริงๆ

รายชื่อรัฐมนตรีคนดังกล่าวก็หลุดโผเชือดไปเฉยๆ

หรือบางครั้งมีชื่อติดโผเชือดจริง แต่ข้อมูลที่นำมาอภิปรายไม่ไว้วางใจที่คุยนักคุยหนาว่าเป็นข้อมูลเด็ด

กลับกลายเป็นข้อมูลเก่าๆ ที่เคยลงตามหน้าหนังสือพิมพ์

ส่งผลให้การอภิปราย กร่อยไปถนัดตา

นอกจากนี้ คนในซีกพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเอง ก็ยังเอาการอภิปรายไม่ไว้วางใจมาเป็นเครื่องมือต่อรองทางการเมืองเช่นกัน

มีทั้งประเภทฉวยโอกาสทุบตู้เอทีเอ็ม ขอค่ายกมือสนับสนุนจากรัฐมนตรี

และประเภทแทงข้างหลังเพื่อน ส่งข้อมูลให้ฝ่ายค้านถล่มรัฐมนตรีที่เป็นเป้าหมายหวังให้เกิดการเปลี่ยนแปลง แล้วตัวเองจะได้เข้าเสียบแทน

เรื่องแบบนี้ ในอดีตเคยเกิดขึ้นมาแล้ว

มาถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้ ที่ฝ่ายค้าน พรรคเพื่อไทย ประกาศจองกฐินเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลนายกฯอภิสิทธิ์

จะเป็นการพิสูจน์ว่า การเมืองไทยมีการพัฒนาไปมากน้อยแค่ไหน

การอภิปรายไม่ไว้วางใจที่เกิดขึ้น จะเป็นการตรวจสอบการใช้อำนาจของฝ่ายบริหารอย่างเข้มข้น เพื่อผลประโยชน์

ของประเทศชาติโดยรวม

หรือเป็นแค่เกมแฝงผลประโยชน์ของนักการเมือง

สังคมต้องช่วยกันจับตา.

ทีมการเมือง

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker