ที่มา ไทยรัฐ
วันนี้ (27 ก.พ.) นายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยกคำร้องกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พบปะกับอดีตกรรมการบริหารพรรคการเมืองที่ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ขณะจัดตั้งรัฐบาล ว่า ผู้ที่ทำหน้าที่ตัดสิทธิทางการเมืองคือ ศาลรัฐธรรมนูญ แต่ กกต.กลับมีมติวินิจฉัยให้ยกคำร้องเรื่องนี้ 3-2 ซึ่งในอนาคตถ้าคำวินิจฉัยของ กกต.ไปขัดแย้งกับคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ก็อาจจะส่งผลถึง กกต.ด้วย จึงคิดว่ากกต.น่าจะส่งเรื่องดังกล่าวไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยอีกครั้ง
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า หลังจากนี้ จะยื่นเรื่องนี้ให้ผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา ตรวจสอบ เพราะต้องการให้เรื่องดังกล่าวถึงศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยอีกครั้ง หากผลวินิจฉัยออกมาว่าผิด กกต.อาจถูกดำเนินคดีฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ นอกจากนี้หลังจาก กกต.มีคำวินิจฉัยเรื่องดังกล่าวออกมา ก็ยังไม่มีการส่งหนังสือมาให้ตนรับทราบแต่อย่างใด
ด้านนายประพันธ์  นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวถึงกรณีนี้ว่า  หากนายสุรพงษ์ต้องการส่งเรื่องให้ทางผู้ตรวจการแผ่นดินฯ  ตรวจสอบก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดำเนินการได้เลย ไม่มีปัญหา การที่ กกต.ยกคำร้องคดีนายอภิสิทธิ์ ไม่ได้เป็นการตัดสินสองมาตรฐาน  เพราะการที่กกต.ได้ตอบข้อหารือในส่วนที่อดีตกรรมการบริหารพรรคการเมืองที่  ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งนั้น ที่ควรเลี่ยงการกระทำที่ถือว่าขัดต่อ พ.ร.บ.พรรคการเมือง  เป็นในช่วงที่อยู่ในการเลือกตั้ง  และการตอบข้อหารือดังกล่าวก็เป็นการดูตามข้อบังคับพรรคการเมืองที่มีบางพรรค  กำหนดไว้ว่า การรณรงค์ ปราศรัยหาเสียงเป็นหน้าที่ของกรรมการบริหารพรรค ดังนั้น  การที่ผู้ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเข้าไปทำหน้าที่ตรงนี้ก็อาจขัดต่อ พ.ร.บ.พรรคการเมือง มาตรา  97 ได้  ส่วนการร่วมจัดตั้งรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์พบปะผู้ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง  นั้นกรณีนี้ไม่ใช่ช่วงเลือกตั้งด้วยจึงดูเพียงข้อกฎหมายเท่านั้น
ส่วนการที่นายเนวิน ชิดชอบ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย กระทำการในลักษณะเสมือนการเป็นกรรมการบริหารพรรคที่พบปะนายอภิสิทธิ์ก่อนมี การลงมติเลือกนายกฯ นายประพันธ์ กล่าวว่า ช่วงนั้นพรรคการเมืองถูกยุบ ส.ส.ไม่มีพรรคสังกัดกัน จึงไม่เข้าลักษณะการเป็นกรรมการบริหารพรรค และข้อกฎหมายที่พิจารณาก็ไม่มีปัญหาด้วย เพราะกกต.ก็วินิจฉัยโดยดูว่าคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญแค่เพิกถอนสิทธิเลือก ตั้ง ส่วนกระทำการได้มาซึ่งอำนาจปกครองประเทศไม่เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตยหรือ ไม่ ก็ถือว่ามีการลงมติเลือกนายกฯโดยเปิดเผยแล้วไม่ถือว่าขัด
อย่างไรก็ตาม  นายประพันธ์ กล่าวว่า ส่วนตัวเห็นว่าอยากให้สอบนายเนวิน ชิดชอบ นายสุวัจน์  ลิปตพัลลภ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย  ซึ่งถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งที่ยังไม่ได้สืบหาข้อเท็จจริง  เพราะที่สอบมาก็มีเพียงนายอภิสิทธิ์ชี้แจงเข้ามาเท่านั้น  แต่เมื่อเสียงส่วนใหญ่เห็นว่าข้อเท็จจริงเพียงพอแล้ว  เพราะดูแค่ข้อกฎหมายเท่านั้นก็ต้องยอมรับ  และหากมีการสอบเพิ่มตนก็เห็นว่ากรณีดังกล่าวที่ร้องมาไม่ขัดต่อคำวินิจฉัย  ของศาลรัฐธรรมนูญ
ขณะที่นายสมชัย  จึงประเสริฐ กกต. ด้านกิจการสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย ที่เป็นเสียงข้างน้อย กล่าวว่า  เรื่องนี้ที่กกต.มีมติเสียงข้างมากให้ยกคำร้องถือเป็นความเห็นที่แตกต่างกัน ในข้อกฎหมาย  ซึ่งส่วนตัวก็เห็นว่าน่าจะสอบสวนเพิ่มเติมให้หมดสิ้นกระแสความก่อนแล้วจึงมา  ดูข้อกฎหมายเพื่อวินิจฉัย  โดยประเด็นการสอบสวนที่ปรากฏตนก็เห็นว่ายังไม่เพียงพอที่จะมาวินิจฉัยได้  เพราะตามหลักการวินิจฉัยนั้นจะต้องสืบหาข้อเท็จจริงให้รอบด้านก่อนแล้วจึงดู  ข้อกฎหมายได้
 
