เงินบริจาคปชป. 250 ล้าน ไม่โคมลอย เมื่อ นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ อดีตหัว หน้าพรรคมัชฌิมา และเจ้าของธุรกิจ “ทีพีไอ” ยอมรับว่า ได้จ่ายเงินนี้จริงเป็นค่าโฆษณา เพราะไม่คิดว่าจะมีความผิด เนื่องจาก รธน.ปี 2540 ไม่มีการกำหนดเพดานเงินบริจาค ผิดกับ รธน.ปัจจุบันที่กำหนดวงเงินบริจาค
เรื่องนี้แม้ปูดจาก นายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.พรรคเพื่อไทย แต่ก็เฉียด ไปเฉียดมา กระทั่งนายประชัยออกมายอมรับว่า มีการใช้เงินก้อนนี้จริง ถึงจะบอก ว่าเป็นค่าโฆษณา แต่ก็ทำให้ปชป.งานเข้าตั้งแต่นั้น
ปัญหาไม่อยู่แค่มีการจ่ายเงินเป็นค่าโฆษณา แต่อยู่ที่ ทีพีไอ เป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ การจะเอาเงินไปทำอะไร ย่อมต้องโปร่งใส เพราะไม่ใช่เงินของเจ้าของธุรกิจ แต่เป็นเงินของผู้ลงทุนในตลาดกับบริษัทนี้
ตลาดหลักทรัพย์จึงต้องมีกฎเข้มงวด ควบคุมเรื่องการใช้จ่ายเงิน เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของผู้ลงทุน ยิ่งเป็นเงินบริจาคพรรคการเมือง ยิ่งเป็นไปได้ยาก
แม้คนในปชป.ทั้ง นายบัญญัติ บรรทัดฐาน อดีตหัวหน้าพรรค หรือ นายอภิสิทธิ์ เวช ชาชีวะ หัวหน้าพรรคปัจจุบัน จะดาหน้าออก มาปฏิเสธ ไม่รู้ไม่เห็นกับเงินก้อนนี้ แต่เมื่อ นายประชัยยอมรับ แม้จะไม่บอกตามตรงว่า เป็นเงินบริจาคแต่ถือว่า มีมูลแล้ว
จึงไม่ใช่เรื่องที่จะปล่อยให้เงียบต่อไปได้ !!!
ที่คนสงสัยคือ มีการไซฟ่อนเงิน หรือมีการ “ฟอกเงิน” หรือไม่เพียงแต่ทำในรูปการให้โฆษณาแทน เงินก้อนนี้ไปเข้ากระเป๋าใคร เอาไปใช้อะไร ใช้ล้มล้างรัฐบาลทักษิณ หรือใช้จ้างพรรคเล็กล้มเลือกตั้ง จริงหรือไม่
เท่าที่ทราบ เรื่องนี้แดงขึ้น เพราะ “ทีพีไอ” เอาใบกำกับภาษีมูลค่าเพิ่มไปขอเคลมภาษีคืนจากกรมสรรพากร แต่ดันกลาย เป็นใบภาษีปลอม รัฐบาลพลังประชาชน จึงส่งลูกให้ “ดีเอสไอ” เข้าไปแกะรอย
ซึ่งก็แหง ลูกฟุตบอลเข้าเท้าซะขนาดนี้ เรื่องอะไร ไม่เขี่ยเข้าประตู !!!
แต่การที่โฆษกปชป. หมอบุรณัชย์ สมุทรักษ์ ออกมาแฉว่า มีบิ๊กดีเอสไอเข้าไปพบคนเพื่อไทยก่อนข่าวนี้ออกมา บิ๊กที่ว่าก็ไม่ใช่ใคร พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อธิบดี “ดีเอสไอ” ที่ปชป.จ้องปลดวันละ 3 เวลา นั่นล่ะ ซึ่งเจ้าตัวก็ปฏิเสธทันควันว่า
ไม่ทราบเรื่องและไม่ใช่หน้าที่ดีเอสไอที่จะเอาข้อมูลไปให้ใคร พร้อมยืนยัน ทุกอย่างมีพยานหลักฐานตามกฎหมาย ไม่ได้มุ่งกลั่นแกล้งใคร หรือเป็นเครื่องมือของพรรคการเมืองฝ่ายใดทั้งสิ้น
จะว่าไป เรื่องนี้คงไม่มีอะไร หากบริษัทโฆษณาที่ว่า ไม่มี ส.ส.ปชป. เป็นผู้ถือหุ้น ชื่อบริษัทเมซไซอะบิซิเนส แอนด์ ครีเอชั่น จำกัด ซึ่งก็บังเอิญเป็นบริษัท พีอาร์ที่ปชป.ก็ใช้บริการอยู่ ขนาดเอาเงินที่กกต.ให้ไปทำกิจกรรม 20 ล้าน ไปจ้างบริษัทนี้ทำโฆษณาทั้งหมด
ล่าสุด นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกส่วนตัวนายอภิสิทธิ์ ก็ออกมาตัดตอนว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนบุคคลของ น.ส.สุพัชรี ธรรมเพชร ส.ส.พัทลุง (ลูกนายสุพัฒน์ ธรรมเพชร) ของพรรคในฐานะอดีตกรรมการบริษัทเมซไซอะฯ เท่านั้น ไม่เกี่ยวข้องกับพรรคประชาธิปัตย์ แต่นั่นล่ะ เรื่องคงไม่จบง่ายดายเช่นนั้น
เหนืออื่นใด อาจเป็นเรื่องขว้างงูไม่พ้นคอ และหากผิดจริง ก็ถึงขั้นถูกยุบพรรคด้วย ก.ล.ต.จึงไม่ควรปัดสวะให้พ้นมือไปวัน ๆ กกต.ก็เช่นกัน ควรรีบตรวจสอบ เดี๋ยวจะมีความผิดไปด้วย
เรื่องนี้ไม่เป็นผลดีกับปชป. แน่ เหมือนช้างตายทั้งตัว เอาใบบัวปิดไม่มิด ทำเป็นเล่นไป ???.
ดาวประกายพรึก