บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันอังคารที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

พท.มีมติเดินหน้าอภิปรายไม่ไว้วางใจ

ที่มา เดลินิวส์

พ.ร.บ.นิรโทษกรรมส่อแววจอดณัฐวุฒิงัดหลักฐานแฉงบลับ

ส่อแววจอด พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเข็นไม่ขึ้น"ชวรัตน์"พลิกระบุไม่เคยออกมาชี้นำ แจงแค่อยากเห็นนักการเมืองมืออาชีพกลับมาทำงาน รัฐบาลปิดประตูไม่ต้อนรับ “เทพเทือก” โยนเผือกร้อนให้คนกลางไปพิจารณา วิปรัฐบาลมีมติไม่แตะ “เพื่อไทย” ปล่อยเป็นเรื่องส่วนบุคคลดำเนินการ หันมาเดินหน้ายื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ “ชุมพล” แทงกั๊กรอความชัดเจน ขณะที่ “ไพบูลย์” ออกโรงเสนอเร่งฟื้นฟูความสามัคคี ยันกฎหมายเรื่องรอง “ปริญญา” หวั่นเป็นปมขัดแย้งในพรรคร่วมลามถึงขั้นยุบสภาได้ สมาชิก 111 เมินอย่ามาเมตตา แนะแก้รธน. เอาผิดคมช. “สุพัชรี” ปฏิเสธรับเงินบริจาค 250 ล. ยืนยันให้ตรวจสอบบัญชี “เพื่อไทย” ดักคอรมว.ยุติธรรม สร้างข่าวหาเหตุโยกย้าย “เสื้อแดง” เดินหน้าไม่สนตร.-ทหารนับหมื่นรอสกัด แกนนำสวด “อภิสิทธิ์” แค่นายกฯเงา “ณัฐวุฒิ” ซัดแผนลับมีจริงงัดหลักฐานโชว์อีก โพลสำรวจแก้รธน.เผยประชาชนสนับสนุน

รัฐบาลเด้งหนีนิรโทษกรรม

เมื่อวันที่ 16 ก.พ. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงแนวคิดการเสนอร่างพ.ร.บ.การสร้างความปรองดองแห่งชาติว่า ทางรัฐบาลยืนยันว่าไม่มีความคิดจะเสนอกฎหมายนี้ ไม่ใช่กฎหมายในรัฐบาล เนื่องจากรัฐบาลมีจุดยืนในการทำงานที่ชัดเจน ส่วนฝ่ายนิติบัญญัติ พรรคการเมือง นัก การเมือง จะเสนอกฎหมายก็เป็นสิทธิที่ทำได้ แต่ที่ผ่านมา ตนพยายามหารือร่วมกับฝ่ายค้าน เพื่อหากระบวนการที่เป็นที่ยอมรับเพื่อจะได้แก้ปัญหาได้ และมั่นใจว่าจะคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลได้เข้าใจ เพราะทุกคนในรัฐบาลรู้ว่าเป้าหมายการทำงานของ รัฐบาลชุดนี้ คือการมุ่งฟื้นฟูปัญหาเศรษฐกิจ คงไม่มีการสร้างเงื่อนไขขัดแย้ง เพราะรัฐบาลจะยึดเรื่องการปฏิรูปการเมืองเป็นแนวทาง

นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวว่า เวลานี้บ้านเมืองเรียบร้อยดี จะมีเพียงกลุ่มคนที่มีความคิดเห็นแตกต่างกัน แต่ได้กำชับให้ดูแลไม่ให้ละเมิดสิทธิซึ่งกันและกันและไม่ทำผิดกฎหมาย ตนเชื่อว่าแม้จะมีการตั้งคณะกรรมการอะไรขึ้นมา ความเคลื่อนไหวเหล่านี้จะไม่ยุติลง จนกว่าจะมั่นใจในกระบวนการที่เป็นที่ยอมรับและแนวทางการปฏิรูปการเมืองที่แท้จริง

โยนเผือกร้อนให้คนกลาง

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า ไม่ว่าจะเรียกชื่อว่ากฎหมายอะไร แต่ฟังดูเนื้อหาคือต้องการนิรโทษกรรมให้กับผู้ที่ถูกพิพากษาให้ตัดสิทธิทางการเมือง โดยจุดยืนแล้วยืนยันว่าเราจะไม่สร้างกฎหมายเพื่อแก้ปัญหาให้กับบุคคลหรือกลุ่มบุคคล เราจะทำกฎหมายเพื่อประโยชน์ของคนทั้งบ้านเมือง หากเห็นว่าเรื่องนี้จะทำให้การเมืองดีขึ้น ก็ต้องให้ไปทำในรูปคณะกรรมการปฏิรูปการเมือง หากเขียนกฎหมายออกมาเพื่อช่วยเหลือพวกเดียวกันประชาชนเจ้าของประเทศคงมีความรู้สึก

นายสุเทพ กล่าวอีกว่า ส่วนที่แกนนำ ตัวจริงของทางพรรคภูมิใจไทย และพรรครวมใจไทยชาติพัฒนาออกมาพูดชัดเจนว่าต้องการออกมาเล่นการเมืองอยู่เบื้องหน้านั้น คงเป็นเพราะเขาคงต้องการฟังเสียงประชาชนว่าเป็นอย่างไร เรื่องนี้นายกฯลงทุนไปพูดกับแกนนำฝ่ายค้านด้วยตัวเอง ทั้งประธานวิป และประธานส.ส.เพื่อให้เขาได้ร่วมมือในการปฏิรูปการเมือง ซึ่งนายกฯได้เสนอให้หาคนกลางที่ฝ่ายค้านเองก็รับได้มาเป็นเจ้าภาพ เพื่อระดมสมองปฏิรูปการเมือง หากหาตัวบุคคลไม่ได้ก็ให้ใช้สถาบันใดสถาบันหนึ่ง ในส่วนของ ส.ส. แต่ละพรรคก็คิดว่าควรตั้งกรรมาธิการของสภา เพื่อศึกษาเรื่องการปฏิรูปการเมือง และเร่งดำเนินการเรื่องนี้อีกทางหนึ่ง ซึ่งยอมรับว่าคงต้องช้าหน่อย เพราะการปฏิรูปการเมืองต้องใช้เวลา

“ชวรัตน์”พลิกไม่เคยชี้นำ

นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณี พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติ ซึ่งจะมีผลต่อการนิรโทษกรรมผู้ที่ถูกตัดสิทธิทางการเมืองว่า ขอปฏิเสธว่าไม่เคยให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องพ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติ ไม่ว่าจะเป็นความเห็นเรื่องส่วนตัวหรือในนามพรรคก็ตาม แต่เคยให้ความเห็นเฉพาะส่วนของนักการเมืองที่ถูกตัดสิทธิทางการเมืองว่าเป็นนักการเมืองที่มีคุณภาพ ทั้งนี้เรื่องของ พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติมีรายละเอียดจำนวนมาก รวมถึงกฎหมายอาญาและแพ่งด้วย โดยให้ผู้ที่กระทำและผู้ที่อยู่เบื้องหลังให้รอดพ้นจากความผิด และต้องใช้เวลาไปศึกษา

นายชวรัตน์ ยังกล่าวว่า ส่วนเรื่องการนิรโทษกรรมต้องมาพิจารณาอีกครั้งว่าจะนิรโทษทั้งหมดหรือว่าจะต้องมาดูความผิดของแต่ละคน อย่างไรก็ตาม การเสนอกฎหมายใด ๆ ถ้าเป็นเงื่อนไขที่สุ่มเสี่ยงทำให้บ้านเมืองเกิดความแตกแยก ก็ไม่เห็นด้วย แต่จะนำเรื่องทั้งหมดไปหารือในที่ประชุมพรรคภูมิใจไทยในวันที่ 17 ก.พ.นี้

“ชัย”ตอกเล่นเกมการเมือง

นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎรและประธานรัฐสภา กล่าวถึงกรณีที่ส.ส. พรรคเพื่อไทยเดินหน้าเตรียมเสนอร่าง พ.ร.บ. ความปรองดองแห่งชาติ เข้าสู่สภาว่า ยังไม่เห็นร่างกฎหมายดังกล่าว แต่หากหลักการและเหตุผลเป็นไปตามที่เป็นข่าว มองว่าอาจเป็นกฎหมาย ที่เกินกว่าความจำเป็น ในเงื่อนไขในการสร้างความสมานฉันท์ปรองดองในสังคม เพราะหลักการที่แท้จริงที่จะสร้างความสามัคคีได้ อยู่ที่สำนึกในจิตใจของแต่ละบุคคล มากกว่าที่จะออกเป็นกฎหมาย สำหรับสาระสำคัญของกฎหมายในลักษณะความปรองดองเช่นนี้ ยังไม่เคยพบเห็นที่ไหนมาก่อนในโลก จึงอยากตั้งข้อสังเกตถึงความเหมาะสม

เมื่อถามถึงวาระการประชุมร่วมรัฐสภาในวันที่ 17 ก.พ. นายชัยตอบว่า เป็นวาระเพื่อพิจารณากรอบอาเซียนที่รัฐสภาได้ตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมาศึกษาในบางกรอบ เชื่อมั่นว่าสมาชิกรัฐสภาจะให้ความร่วมมือและลงมติเห็นชอบตามที่คณะรัฐมนตรีนำเสนอ เพื่อนำไปพิจารณาดำเนินการในการประชุมอาเซียนในปลายเดือนนี้

“ปู่สุข”ชี้แค่โยนหินถามทาง

นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา กล่าวถึงกรณีที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทยเตรียมเสนอร่าง พ.ร.บ. ปรองดองแห่งชาติว่า ยังไม่เห็นเนื้อหาจึงยังวิจารณ์ไม่ได้ แต่เข้าใจว่าเป็นเพียงการโยนหินถามทางของฝ่ายการเมือง คงยังไม่มีใครคิดอะไรจริงจัง ส่วนตัวเห็นว่าความปรองดองในชาติ จะสร้างกฎหมายมาบังคับไม่ได้ แต่ต้องเกิดจากความรู้สึก ความเห็นพ้องต้องกันของคนในชาติ ไม่มีประเทศไหนใช้กฎหมายบังคับให้คนสมาน ฉันท์ แต่หากฝ่ายการเมืองต้องการก็คงเป็นสิทธิที่เขาจะเสนอ

นายประสพสุข กล่าวอีกว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ต้องค่อย ๆ ทำ ฝ่ายการเมืองจะเขียนให้ทุกอย่างเจ๊ากันหมดก็ได้ แต่ต้องถามประชาชน ว่าจะเอาหรือไม่ กับการทำความผิดแล้วไม่ต้องรับโทษ ตนมองว่าการบังคับใช้กฎหมายอย่างเสมอหน้าเป็นหลักที่ต้องยึด เพราะประเทศเป็นนิติรัฐ

มติวิปรัฐบาลไม่เอาด้วย

นายชินวรณ์ บุญยเกียรติ ประธานวิปรัฐบาล แถลงผลการประชุมวิปรัฐบาลว่า ที่ประชุมได้มีการหารือถึงแนวคิดการออกร่าง พ.ร.บ. ว่าด้วยการปรองดองแห่งชาติ โดยทั้งหมดมีความเห็นร่วมกันว่ายังไม่ถึงเวลาที่จะนำร่างกฎหมายนี้เข้าพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎร เพราะประเทศยังถูกปัญหาเศรษฐกิจ เช่น ปัญหาการว่างงาน ปัญหาของเกษตรกร ปัญหาปากท้องของประชาชน เป็นต้น ถาโถมอย่างรุนแรง จึงอยากให้รัฐบาลให้ความสนใจต่อการแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจและปัญหาปากท้องของประชาชนมากกว่า อีกทั้ง เมื่อพิจารณาจากเนื้อหาสาระของร่าง พ.ร.บ.นี้ ก็ยังไม่เห็นแนวทางว่าจะสร้างความปรองดองได้จริงอย่างที่ระบุเอาไว้ก่อนหน้านี้

นายปัญญา ศรีปัญญา รองประธานวิปรัฐบาล และส.ส.ขอนแก่น พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า พรรคภูมิใจไทยยืนยันว่าควรแก้ปัญหาของประเทศก่อน จึงเห็นว่ายังไม่ถึงเวลาที่จะยื่นร่างพ.ร.บ. ดังกล่าวในตอนนี้ แม้นายชวรัตน์ ได้แสดงความเห็นด้วยกับเรื่องนี้ แต่เมื่อพูดคุยกันในพรรคแล้วก็ได้ข้อสรุปที่เห็นตรงกันว่ายังไม่ควรยื่นร่างกฎหมายดังกล่าวในขณะนี้ ยืนยันว่าการที่พรรคภูมิใจไทยเปลี่ยนท่าทีมาเห็นด้วยกับรัฐบาล ไม่ใช่เป็นเพราะถูกกดดัน ที่สำคัญภายในพรรคยังมีความเป็นเอกภาพ ไม่ได้เกิดความขัดแย้งอย่างที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกต

ชทพ.แทงกั๊กรอดูท่าที

ที่พรรคชาติไทยพัฒนา นายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงร่างพ.ร.บ. ปรองดองแห่งชาติว่า ขณะนี้ยังไม่เห็นต้นร่างและที่เป็นข่าวอยู่ในขณะนี้ถือว่าเป็นการเป็นข่าวทั้งนั้น ส่วนเนื้อหาสาระยังไม่เห็น และเท่าที่ปรากฏออกมาเป็นข่าวก็ยังไม่รู้ว่าจะใช่หรือไม่ ดังนั้น จุดยืนของพรรคชาติไทยพัฒนายังไม่ได้มีการพูดคุยกันเลยในเรื่องนี้

ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้ามีกฎหมายนี้จะทำให้เกิดความสมานฉันท์หรือไม่ นายชุมพล กล่าวว่า การเมืองไทยจะต้องทำเป็นจุดและในองค์รวมด้วย ซึ่งประเด็นที่มีปัญหากันมากก็คือรัฐธรรมนูญที่หลายฝ่ายอยากให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ เมื่อถามว่า การนิรโทษกรรมทั้งหมดจะช่วยให้เกิดความปรอง ดองสมานฉันท์ได้หรือไม่ นายชุมพล กล่าวว่า คงจะช่วยได้ระดับหนึ่งแต่คงไม่แก้ปัญหา กฎหมาย ถ้าเป็นจริงออกมาก็เป็นปัญหาแล้ว คำว่าปฏิรูปการเมืองมันใหญ่เกินไป ประเด็นเวลานี้การแก้ไขปัญหาการเมืองอยู่ที่รัฐธรรมนูญอย่างเดียวรวมทั้งกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ และกฎหมายองค์กรอิสระด้วย ซึ่งประเด็นที่จะแก้ไขมีอยู่แล้ว

“ไพบูลย์”แนะฟื้นฟูสามัคคี

ที่ศูนย์คุณธรรม ถนนวิภาวดีรังสิต นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ศูนย์คุณธรรม ให้สัมภาษณ์กรณีพรรคเพื่อไทยเตรียมเสนอร่างกฎหมายนิรโทษกรรมหรือกฎหมายปรองดองว่า ประเด็นไม่ใช่อยู่ที่กฎหมายปรอง ดองแต่ประเด็นอยู่ที่ว่าเราจะฟื้นฟูสร้างสรรค์ความปรองดอง สมานสามัคคีในชาติอย่างไร เชื่อว่าทุกฝ่ายต้องการและมีเป้าหมายเหมือนกันตรงกันในการให้เกิดความปรองดองสามัคคี สิ่งสำคัญ คือ ทำอย่างไร ตนคิดว่าต้องพูดจากันหลายฝ่าย จากกลุ่มเล็ก ๆ และขยับไปสู่วงใหญ่ชั้นสูงขึ้น เพื่อตอบคำถามว่าสิ่งที่พึงเปลี่ยนแปลงภาพร่วมกันคืออะไร ซึ่งมีหลายสิบหลายร้อยวิธี ซึ่งการออกกฎหมายเป็นหนึ่งในหลายร้อยวิธี

นายไพบูลย์ กล่าวด้วยว่า ตนอยู่ในแวดวงกลุ่มสันติวิธี สานเสวนา เจรจาต่อรอง เสนอแนะมาทุกรัฐบาลให้ใช้วิธีการเหล่านี้แก้ปัญหาความขัดแย้ง สมัยตนอยู่รัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ก็ได้ผลักดันออกระเบียบสำนักนายกฯ เรื่องสมานฉันท์ ช่วงปลายรัฐบาล มีกระทรวงยุติธรรมเป็นเลขาฯ อยู่ระหว่างดำเนินการนำไปสู่การปฏิบัติ และสมัยรัฐบาลทักษิณ ก็มีคำสั่งนายกฯ เรื่องยุทธศาสตร์สันติวิธี ทั้ง 2 ส่วนนี้มีผลบังคับใช้อยู่ น่าจะใช้ประโยชน์โดยยังไม่ต้อง ออกกฎหมายอะไรตอนนี้

ชี้เป็นปมปัญหาลามยุบสภา

นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดี ฝ่ายการนักศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวถึงร่าง พ.ร.บ.ความปรองดองแห่งชาติว่า แม้ว่าพรรคเพื่อไทยจะถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้อย่างหนัก แต่หากว่าสำเร็จกฎหมายผ่านไปได้ พรรคเพื่อไทยก็จะได้ประโยชน์ โดยเฉพาะจะเกิดประโยชน์กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ แต่ก็ยังมีปัญหาตามมาคือการยุบพรรคเกิดมาจากการได้ใบแดง ซึ่งถือว่าเป็นกฎหมายอาญาแล้วหากกฎหมายดังกล่าวผ่านทุกอย่างจะหลุดไปด้วยหรือไม่

นายปริญญา กล่าวอีกว่า เรื่องนี้เป็นประเด็นทางการเมือง ซึ่งหากพรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนาร่วมด้วยก็จะเกิดปัญหาภายในรัฐบาลเอง แล้วพรรคประชาธิปัตย์จะรู้สึกอย่างไรหากในการเลือกตั้งครั้งหน้าหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยจะเป็นคนที่ชื่อนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ แต่จะทำอย่างไรได้เพราะนี่คือการเมือง ซึ่งเชื่อว่าร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้จะทำให้ภายในรัฐบาลแตกคอกันได้ โดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทยและพรรคชาติไทยพัฒนา และสุดท้ายอาจทำให้ถึงขั้นยุบสภา

สมาชิก 111 เมินปรองดอง

นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย กล่าวถึงกรณีที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทยยกร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่ง ชาติ และพร้อมเสนอสู่สภาว่า ส่วนตัวไม่อยากแสดงความคิดเห็นต่อเรื่องนี้ เพราะไม่ได้มีการพูดคุยกับ ส.ส.พรรคเพื่อไทยจึงไม่ทราบรายละเอียด และที่ผ่านมาเวลาตนพูดถึงเรื่องนี้ทีไรเขาก็หยุดกันทุกที จึงยังไม่ขอแสดงความเห็นใด ๆ ขอเวลาตั้งหลักอีกนิดหน่อย

นายอดิศร เพียงเกษ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย กล่าวว่า ตนไม่ยอมรับการรัฐประหาร 19 ก.ย. 2549 จึงไม่เคยยอมรับเป็นกฎหมาย เรื่องนิรโทษกรรมตนไม่สนใจ และไม่ต้องมานิรโทษกรรมให้ตนเพราะตนไม่ผิด สิ่งที่ตนขอเสนอคือควรยกเลิกบทเฉพาะกาล ม.309 ของรัฐธรรมนูญ 2550 ที่ให้ความคุ้มครอง คมช. ไม่ต้องรับความผิดใด ๆ จากการยึดอำนาจ ส่วนตัวเชื่อว่าแม้พรรคร่วมรัฐบาลจะเป็นผู้มีส่วนได้เสียกับร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว แต่มั่นใจว่าร่าง พ.ร.บ. นี้จะไม่ผ่านสภาอย่างแน่นอน

“เหลิม”ชูเป็นนโยบายพรรค

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน และประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตนยังไม่ เห็นรายละเอียดร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ เพราะเป็นเรื่องที่ฝ่ายกฎหมายยกร่างฯกัน ซึ่งแนวคิดดังกล่าวไม่เหมือนกับแนวคิดของตนที่ต้องการให้ออก พ.ร.บ.อภัยโทษ สำหรับคนที่ได้รับโทษแล้ว และออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ให้กับคดีความยังไม่เป็นที่สิ้นสุด ในคดีที่เกิดขึ้นหลังวันที่ 19 ก.ย. 2549 รวมถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วย

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวอีกว่า แนวคิดดังกล่าว ต้องได้รับการเสนอต่อประชาชนก่อนการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น และหากประชาชนเห็นด้วยก็จะต้องเลือกพรรคเพื่อไทย ถ้าพรรคเพื่อไทยได้คะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่งก็จะสามารถผลักดันกฎหมายฉบับนี้ด้วยความชอบธรรม เพราะถือว่าผ่านการทำประชามติจากประชาชนมาแล้ว อย่างไรก็ดี การเสนอร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองฯ ไม่น่าจะผ่านเสียงข้างมาก เพราะรัฐบาลเขาไม่เอาด้วย แต่ถ้าทำตามที่ตนบอกเราจะมีความชอบธรรมในการดำเนินการ

มติ พท.ยื่นซักฟอกนายกฯ

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงภายหลังประชุมพรรคเพื่อไทยว่า ที่ประชุมมีมติเอกฉันท์ยื่นญัตติอภิรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในการประชุมสภาสมัยสามัญนี้อย่างแน่นอน โดยแบ่งคณะทำงาน 2 คณะ ประกอบด้วยคณะทำงานรับผิดชอบหัวข้ออภิปรายและข้อมูลหลักฐาน มี ร.ต.อ.เฉลิม เป็นหัวหน้า และคณะทำงานคัดเลือกบุคคลที่ทำหน้าที่อภิปราย มีนายวิทยา บุรณศิริ ส.ส.พระนครศรีอยุธยา ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้านเป็นหัวหน้า ส่วนวันที่จะยื่นญัตตินั้นจะหารืออีกครั้งหนึ่ง

นายพร้อมพงศ์ กล่าวอีกว่า สำหรับบุคคลที่จะยื่นอภิปรายมีนายอภิสิทธิ์ รวมถึงรัฐมนตรีอีกหลายราย นอกจากนี้ที่ประชุม ส.ส.ยังมีมติมอบให้กรรมการบริหารพรรคและแกนนำพรรคเพื่อไทยเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะเสนอชื่อใครเป็นนายกฯควบคู่ไปกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด แต่หลักการคือต้องเป็นคนในพรรคเพื่อไทย ซึ่งสัปดาห์หน้าจะได้ความชัดเจนในรายละเอียดทั้งหมด สำหรับประเด็นร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ ไม่ได้กำหนดในวาระการประชุมเป็นทางการจึงไม่มีมติในเรื่องนี้ แต่ก็มี ส.ส.หยิบยกขึ้นมาพูดคุยบ้าง โดยพรรคถือเป็นเอกสิทธิ์ส่วนตัวของ ส.ส. ที่จะดำเนินการ

เล็งงัดเรื่องในมุ้งอภิปราย

แหล่งข่าวจากที่ประชุม ส.ส.พรรคเพื่อไทยแจ้งว่า ร.ต.อ.เฉลิม ได้ให้ความมั่นใจในที่ประชุมพรรคถึงการอภิปรายในประเด็นเงินบริจาค 250 ล้านบาท โดยอธิบายเส้นทางของเงินและมีพยานบุคคลที่เซ็นรับเงิน และเช็คจ่ายเงิน พร้อมบอกว่าหลักฐานใบเสร็จทุกอย่างที่จะอภิปรายไม่ไว้วางใจสมบูรณ์หมดแล้ว ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถน็อกรัฐบาลได้ งานนี้ไม่ตายก็พิการ แต่ยังไม่ขอบอกอะไรตอนนี้ นอกจากนี้ จะพุ่งเป้าไปเรื่องของจริยธรรมและคุณธรรม ซึ่งในประเด็นนี้จะให้ ส.ส.หน้าใหม่ ที่เป็นผู้หญิงของพรรคเป็นผู้อภิปรายด้วย

แหล่งข่าวเปิดเผยว่า จากนั้นที่ประชุมได้เสนอความเห็นให้มีการอภิปรายกระทรวงต่างๆด้วยประเด็นอะไร โดยมีการตั้งเป้าไปที่นายอภิสิทธิ์, นายกษิต ภิรมย์ รมว.การต่างประเทศ, นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.ศึกษาธิการ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ นอกจากนี้ ที่ประชุมพรรคเพื่อไทย ยังสนับสนุนให้เก็บข้อมูลเรื่องหลังบ้านและเรื่องชู้สาวภายในพรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจากเข้าประเด็นเรื่องจริยธรรมคุณธรรม โดยมีการพูดถึง รมต.กระทรวงใหญ่ที่แอบซุกบ้านเล็กบ้านน้อยไว้ รวมทั้ง รมช.กระทรวงดังกล่าวยังมีสถานะที่ไม่ชัดเจนกับอดีตนักการเมืองผู้ใหญ่ และอีกหลาย ๆ คน ซึ่งส.ส.หลายคนรับจะรวบรวมข้อมูลให้กับผู้อภิปราย

ยันมีพยานเห็นบิ๊กดีเอสไอ

นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่ามีข้าราชการระดับสูงของกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)ไปพบกับนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ ที่โรงแรมเอสซีปาร์ค ก่อนที่ข้อมูลเรื่องเงินบริจาค 250 ล้านบาทจะถูกพรรคเพื่อไทยนำมาเปิดเผยว่า ก็มีคนส่งข่าวมาถึงตนเป็นคำบอกเล่า ส่วนจะเท็จหรือจริงอย่างไรนั้นตนคิดว่าคนที่อยู่ในเหตุการณ์จะยืนยันได้ ซึ่งถ้าเขายืนยันว่าไม่ใช่ ก็ต้องถือว่าเป็นสิ่งที่เขาสามารถยืนยันได้ แต่ก็มีพยานที่เห็นเหตุการณ์ดังกล่าวก็พยายามบอกเล่ากันมา แต่สิ่งสำคัญที่สุด คือ เป็นประเด็นข้อเท็จจริงแล้วทาง ดีเอสไอจะดำเนินการอย่างไรต่อไป

เมื่อถามว่า การที่ตั้งคณะกรรมการ 2 ชุดขึ้นมาสอบสวนเรื่องนี้ คิดว่ารวดเร็วเกินไปหรือไม่ นายสาทิตย์ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นประเด็นที่หลายฝ่ายต้องการข้อเท็จจริง ดังนั้นควรดำเนินการไปตามข้อเท็จจริงและขั้นตอนของกฎหมายเท่านั้น

“สุพัชรี”พร้อมชี้แจงทุกบาท

น.ส.สุพัชรี ธรรมเพชร ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีเงินบริจาค 250 ล้านบาทที่บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) บริจาคให้พรรคประชาธิปัตย์ว่า ตนมีหลักฐาน พร้อมให้ฝ่ายค้านตรวจสอบ ไม่ว่าจะเป็นรายละเอียดเงินเข้าออกในสมุดบัญชีทุกธนาคาร ที่สามารถจะยืนยันได้ว่าไม่มีการบริจาคเงิน 250 ล้านบาทผ่านบัญชีของตนแน่นอน นอกจากนี้ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค ได้กำชับให้ตนเตรียมเอกสารทุกอย่างให้พร้อม เพราะหากมีการอภิปรายในสภา จะได้ชี้แจงข้อเท็จจริงได้ทันที

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีหลักฐานพร้อม ทำไมถึงไม่เปิดเผยผ่านสื่อมวลชน น.ส.สุพัชรีกล่าวอีกว่า ที่ตนยังไม่สามารถแถลงข้อเท็จจริงผ่านสื่อมวลชนได้นั้น เนื่องจากผู้ใหญ่ในพรรคหลายคนกังวลว่า หากตนออกมาแถลงข่าวตอบโต้ จะถือเป็นการเล่นตามเกมของฝ่ายค้าน และอาจจะตกเป็นเป้าโจมตีได้ ทั้งนี้กรณีที่เกิดขึ้นตนไม่กังวล เพราะตนไม่ได้ถูกดีเอสไอเรียกเข้าไปตรวจสอบ

ดักคอปั้นข่าวรอโยกย้าย

นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย อดีตเลขานุการส่วนตัวนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ กล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ระบุว่ามีผู้ใหญ่จากกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอเข้าพบนายสมชาย ที่โรงแรมเอสซีปาร์ค เพื่อมอบข้อมูลเรื่องเงินค่าโฆษณาของ บ.ทีพีไอ จำกัด จำนวน 250 ล้านบาทว่า ยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวไม่ใช่เรื่องจริง ซึ่งนายสมชายก็ยังงง ๆ อยู่ว่าตัวเองถูกเอาไปเชื่อมโยงได้อย่างไร

นายบุญทรง ยังกล่าวถึงส่วนที่นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม ระบุว่ากระทรวงยุติธรรมจะต้องไม่มีคนที่รับใช้นักการเมือง อยู่นั้นว่า โดยส่วนตัวเห็นว่าเป็นการแสดงเหตุผลของ รมว.ยุติธรรม ไว้ล่วงหน้าหรือไม่ หากใน อนาคตอาจจะมีการโยกย้ายข้าราชการในดีเอสไอ ดังนั้นกระแสข่าวดังกล่าวอาจเป็นการสร้างสถานการณ์ไว้ล่วงหน้าเพื่อให้เป็นเหตุผลในการทำลายข้าราชการหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้ก็จะต้องติดตามกันต่อไป

แฉทหาร ตร.นับหมื่นสกัด

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย และนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส. เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ร่วมแถลงข่าว โดยนายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยได้รับข้อมูลมาจากฝ่ายความมั่นคงว่าจะมีการสนธิกำลังระหว่างเจ้าหน้าที่ทหารและเจ้าหน้าที่ตำรวจ 10,000 นาย พร้อมอาวุธครบมือเพื่อใช้สกัดกั้นและดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยในการชุมนุมของคนเสื้อแดงที่จะมีขึ้นในวันที่ 24 ก.พ. ที่ท้องสนามหลวง ดังนั้นตนขอตั้งคำถามไปยังนายอภิสิทธิ์ ถึงความจำเป็นถึงขั้นที่จะต้องใช้กำลังพลมากถึง 10,000 คนหรือไม่ และใครเป็นผู้ออกคำสั่งครั้งนี้ หากนายกฯตอบคำถามไม่ได้ แสดงให้เห็นว่านายอภิสิทธิ์เป็นเพียงนายกฯเงาหรือไม่

นายสุรพงษ์ กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยระบุว่าไปเปิดเวทีปราศรัยที่ จ.เชียงใหม่ จ.เชียงราย และ จ.ลำปางว่า พี่น้องประชาชนภาคเหนือบอกว่ายินดีต้อนรับกลุ่มพันธมิตรฯ และขอให้รีบ ๆ เดินทางมา ทั้งนี้กรณีที่กลุ่มพันธมิตรฯประกาศออกมาเช่นนี้ทำให้เกิดความแตกแยกขึ้นในสังคม ทั้งที่บ้านเมืองกำลังจะเดินหน้าต่อไปได้เพราะกำลังจะมี พ.ร.บ. ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติขึ้น ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลก็เห็นด้วย แต่พรรคประชาธิปัตย์เริ่มออกมาตีกันแล้ว เพราะกลัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯจะกลับมาแล้วตัวเองจะหมดอำนาจ

ซัดแผนลับมีจริงล้มเสื้อแดง

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ คณะทำงานฝ่ายการเมืองพรรคเพื่อไทยและแกนนำคนเสื้อแดง และนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย ร่วมแถลงพร้อมเปิดเผยเอกสารเพิ่มเติมอีกหนึ่งชุด แยกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก 4 แผ่น เป็น รายงานผลการประชุม ส่วนที่ 2 มี 5 แผ่น เป็นพื้นที่รับผิดชอบตามโครงการเพื่อยืนยันว่ากองทัพบกร่วมมือรัฐบาลสกัดกั้นคนเสื้อแดงตามที่ออกมาแถลงก่อนหน้านี้นั้นเป็นเรื่องจริง โดยมีการเปิดเผยว่าเอกสารฉบับล่าสุด ซึ่งประทับตราลับมาก ของกองทัพภาคที่ 3 ที่ กห.0483/ ฝยก.64 เรื่อง สรุปผลการประชุมประสานงานโครงการสู้วิกฤติเศรษฐกิจด้วยปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยรายละเอียดระบุแผนปฏิบัติการ ปรากฏข้อความที่ทำให้เชื่อไม่ได้ว่าภารกิจกู้วิกฤติเศรษฐกิจ แต่มีเป้าหมายเพื่อประโยชน์ทางการเมือง

นายณัฐวุฒิ ยกตัวอย่างในเอกสารว่า เช่นเอกสารหน้า 3 กำหนดพื้นที่ในระดับจังหวัดตามความรุนแรงของสถานการณ์ 3 ระดับ คือ พื้นที่เพ่งเล็ง พื้นที่สนใจ และพื้นที่ปกติ และให้หน่วยต่าง ๆ พิจารณาใช้วิทยุในพื้นที่รับผิดชอบในการปฏิบัติการข่าวสารสนับสนุนการปฏิบัติได้ และข้อ 1.2.7 ที่ให้หน่วยระดับจังหวัดที่วงดุริยางค์สนับสนุนการปฏิบัติการในพื้นที่ที่มีความรุนแรง เช่น การจัดคอนเสิร์ตรักชาติ เป็นต้น

ไล่บี้กองทัพใช้งบจากไหน

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า บทบาทของ กอ.รมน. อยู่ในฐานะผู้สนับสนุน แต่จากการชี้แจงของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม เมื่อวันที่ 12 ก.พ. บอกว่าใช้งบประมาณของ กอ.รมน. แต่จากที่ได้ตรวจสอบเอกสารงบประมาณ 2552 ไม่ปรากฏงบประมาณและแผนงานดังกล่าว จึงขอถามว่าใช้งบประมาณจาก กอ.รมน.หรือกองทัพ หรือจากใคร

นายจตุพร กล่าวว่า กำลังประสานกับประธานวิปฝ่ายค้านเพื่อยื่นกระทู้ถามสดต่อพล.อ.ประวิตร แต่ถ้าไม่สามารถตั้งกระทู้ได้ก็ไม่เป็นไร เพราะจะใช้อภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯและรมว.กลาโหมอยู่แล้ว เพราะเป็นโครงการผลาญงบประมาณ ตราบใดที่กองทัพไทยยังประกาศซื้อเครื่องบินกริพเพน 1 ฝูงด้วยราคาที่แพงกว่าประเทศอื่น ย่อมไม่ใช่ความพอเพียงแต่เป็นการทำมาหากินแบบเกินตัว สำหรับการชุมนุมใหญ่วันที่ 24 ก.พ. ทราบว่ามีการประสานขอรถบดจาก กทม. เพื่อสกัดกั้นเนื่องจากรถขนผู้ต้องขังมีน้ำหนักเบาประชาชนยกได้ แต่ยืนยันไม่ว่าจะต้องเจอกำลังทหารตำรวจกี่หมื่นกี่แสนอาวุธเท่าไหร่ คนเสื้อแดงจะไปให้ถึงทำเนียบรัฐบาล

“ชวน”เตือนระวังเงินทักษิณ

นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการโฟนอินของพ.ต.ท.ทักษิณ ว่า การโทรศัพท์เข้า-ออกไปต่างประเทศเป็นสิทธิที่ทำได้ ไม่มีอะไรน่ากลัว แต่สิ่งที่ไม่ควรประมาทคือเงินของ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยเชื่อว่าเงินยังมีความหมายและมีอิทธิพลมาก จนตนคิดว่าเงินในระบบทักษิณซื้อคนเกือบทุกองค์กรได้ เพียงแต่ซื้อได้ไม่หมดทุกคนเท่านั้น ซึ่งอันตรายมาก เราต้องช่วยกันประคับประคองให้กำลังใจองค์กรที่เป็นหลักของบ้านเมืองให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อตรง ไม่สยบให้กับอิทธิพลการคุกคามหรือการข่มขู่ ฉะนั้นเรื่องเงินของ พ.ต.ท.ทักษิณ อย่าไปประเมินน้อยไป อย่าไปประมาท เพราะเงินของเขายังมีความหมายมาก

ด้าน พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม อดีตหัวหน้าสำนักงานเลขานุการคมช. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ออกมาระบุว่ามีพวกจิ้งเขียวไปขอเงินจาก พ.ต.ท.ทักษิณ 5,000 ล้านบาทนั้นว่า ไม่เป็นความจริง เพราะทหารไม่ใช่พวกหิวเงิน โดยพื้นฐานของทหารไม่จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมาก ไม่เหมือนพวกนักการเมืองที่ต้องใช้เงินจำนวนมากเพื่อให้ตัวเองเข้าสู่อำนาจ และขอเรียกร้องว่า อย่าพยายามดึงอดีต คมช.ไปเกี่ยวข้องกับการเมือง เพราะ คมช. จบภารกิจไปแล้ว

อวดผลงานแถลงคดีชุมนุม

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. กล่าวถึงการประชุมร่วมกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ว่า เป็นการประชุมหารือมาตรการรักษาความปลอดภัยในการประชุมอาเซียนซัมมิทที่จะจัดขึ้นที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์

นายสุเทพ ให้สัมภาษณ์ว่า สถานการณ์ขณะนี้ตนคิดว่าสังคมส่วนใหญ่ไม่ได้แตกแยก ประชาชนทุกภาคยังอยู่กันอย่างธรรมดา มีแต่เฉพาะกลุ่มที่ถูกจัดตั้งขึ้นมาโดยพรรคการเมืองและนักการเมืองเท่านั้นที่เคลื่อนไหวอยู่ ซึ่งไม่ใช่จำนวนมากจนเป็นปัญหาของชาติ ขอให้คนส่วนใหญ่ยังตั้งมั่นอยู่บนหลักการเพื่อส่วนรวมก็คงไม่เป็นปัญหาอะไร และยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้หลิ่วตาเข้าข้างเสื้อสีไหนทั้งนั้น โดยอีก 1-2 วัน ผู้บัญชาการตำรวจ ผู้บัญชาการภาคต่าง ๆ จะมาแถลงความคืบหน้าเรื่องคดีความของทุกฝ่ายที่ตำรวจกำลังดำเนินการอยู่ รวมทั้งคดีปิดสนามบิน ด้วย เพื่อให้ประชาชนได้เห็นว่าไม่มีการละเลย

แม่น้องโบว์ยอมความตร.

ที่ห้องพิจารณาคดี 909 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องในคดีหมายเลขดำที่ อ.4167/2551 ที่นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความพันธมิตรฯ รับมอบอำนาจจากนางวิชชุดา ระดับปัญญาวุฒิ มารดาของ น.ส.อังคณา ระดับปัญญาวุฒิ หรือน้องโบว์ นักศึกษาปริญญาโทเอแบค ที่เสียชีวิตจากการสลายการชุมนุมของตำรวจ บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 51 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รองโฆษก สตช. เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้ตายด้วยการโฆษณา ซึ่งคู่ความทั้งสองฝ่ายมาศาล โดยศาลได้แนะนำให้คู่ความไกล่เกลี่ยกันและนำคดีเข้าสู่กระบวนการประนอมข้อพิพาท ปรากฏว่าคู่ความสามารถสมานฉันท์กันได้ โดยจำเลยได้ทำบันทึกแสดงความเสียใจและกราบขอบพระคุณ

ศาลรับฟ้องคดีน้องสุเทพ

ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.สุราษฎร์ธานีว่า ศาลอุทธรณ์ภาค 8 จ.สุราษฎร์ธานี ได้มีหนังสือแจ้งถึงนายธานี เทือกสุบรรณ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สุราษฎร์ธานี ที่ได้รับหนังสือคำฟ้องจาก กกต. แล้วตั้งแต่วันที่ 11 ก.พ. 52 กรณีการร้องคัดค้านการเลือกตั้งนายกและสมาชิกสภา อบจ.สุราษฎร์ธานี อ.เกาะสมุย ที่มีประเด็นร้องเรียนเรื่องการให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้แก่ผู้ใด

ทั้งนี้ การรับคำฟ้องดังกล่าวส่งผลให้นายธานี ได้ยุติการปฏิบัติหน้าที่และแต่งตั้ง พล.ต.ต. ภูวดล กระแสอินทร์ รองนายก อบจ.สุราษฎร์ธานี รักษาการในตำแหน่ง โดยศาลได้นัดให้นายธานีและนายสุริญญา ยืนนาน สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) สุราษฎร์ธานี อ.เกาะสมุย เข้าชี้แจงในวันที่ 6 มี.ค.นี้

โพลเผยแรงหนุนแก้รธน.

สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ 1,770 คน ระหว่างวันที่ 12-15 ก.พ. ในหัวข้อ “รัฐธรรมนูญในฝัน ในสายตาประชาชน” เพื่อสะท้อนความคิดเห็นของประชาชนและเพื่อเป็นแนวทางในการตัดสินใจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ สรุปผลได้ดังนี้ 1.ประชาชนเห็นด้วยหรือไม่หากจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปี 2550 พบว่า ร้อยละ 49.98 เห็นด้วย ร้อยละ 27.45 ไม่เห็นด้วย ร้อยละ 12.77 ไม่แน่ใจ และร้อยละ 9.8 แก้หรือไม่แก้ก็ได้ 2.เรื่องที่อยากให้แก้ไข ร้อยละ 46.88 ระบุถึงเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเมือง/นักการเมือง ร้อยละ 34.37 สิทธิเสรีภาพของประชาชน และร้อยละ 18.75 เรื่องการศึกษาไทย

3.รัฐธรรมนูญในฝันหรือรัฐธรรมนูญที่ประชาชนอยากได้ ร้อยละ 44.78 ระบุว่าควรมีความยุติธรรม เป็นกลาง เท่าเทียมกันกับทุกฝ่าย ร้อยละ 25.37 ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ร้อยละ 11.94 ให้ก่อประ โยชน์อย่างแท้จริง ร้อยละ 10.54 คุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน และร้อยละ 7.46 ให้เนื้อหาเข้าใจง่ายไม่ต้องตีความอีก

สับอย่าเกี่ยงเป็นเจ้าภาพ

ที่ รร.เดอะกรีนเนอรี่ รีสอร์ท เขาใหญ่ ในการสัมมนาของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรกับสื่อมวลชนประจำรัฐสภา ในวันที่ 2 ได้มีการเสวนาเรื่อง “ความคาดหวังในอนาคตกับรัฐธรรมนูญใหม่” โดยรศ.ดร.สุขุม เฉลยทรัพย์ รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต กล่าวถึงทางออกในการแก้ไขรัฐธรรมนูญตนขอเสนอ 5 ทางคือ 1.อย่าโยนหน้าที่ซึ่งกันและกัน แต่ต้องคิดว่าเป็นหน้าที่ อย่าคิดแต่ว่าหากรัฐบาลออกหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้วจะทำให้เสียฐานเสียง 2.ต้องฟังเสียงประชาชน รวมถึงนักวิชาการ สื่อมวลชน

3. ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาศึกษาผลดี ผลเสีย อย่ากลัวว่าจะเสียหน้าหรือเข้าทางคนนั้นคนนี้ 4.อย่าตั้งธงไว้ก่อนในแง่ผลประโยชน์ ว่าทำแบบนี้แล้วจะเอื้อผลประโยชน์ต่อพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ หรือแก้แล้วจะเป็นการนิรโทษกรรม 111 อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยและยังพ่วงอีกหลายคนหลายพรรค และ 5.อย่าแก้เพื่อเอาหน้ารอดหรือแก้เพียงเฉพาะกิจเท่านั้น

จ้องล้มกระดานถ่วงรธน.

นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดี ฝ่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวในหัวข้อความคาดหวังในอนาคตกับรัฐธรรมนูญใหม่” ในตอนหนึ่งว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้ประเทศไทยล้มเหลวใน ระบอบประชาธิปไตยส่วนหนึ่งมาจากคนไทยไม่ศรัทธาในระบอบ เข้าไม่ถึงรัฐธรรมนูญ แทนที่จะปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปตามกติกา แต่กลับล้มกระดานด้วยการรัฐประหาร ขณะเดียวกันระบอบประชาธิปไตยของไทยมีปัญหาที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาเผด็จการรัฐสภา และปัญหาการแก่งแย่งอำนาจโดยอ้างเรื่องโควตาในการต่อรองให้หมดไปได้ รัฐธรรมนูญปี 2540 เข้าใจปัญหาเหล่านี้ดีแต่ก็กลับแก้ปัญหาผิด

นายปริญญา กล่าวอีกว่า ขณะที่รัฐธรรมนูญปี 2550 แก้ปัญหาแบบเดินผิดทางโดยสิ้นเชิง เพราะยังไม่ได้แก้ปัญหาหรือแยกการตรวจสอบของฝ่ายนิติบัญญัติออกจากฝ่ายบริหารได้ อย่างแท้จริง และไม่สามารถแก้ปัญหาเรื่องระบบโควตาออกไปได้ แต่กลับดึงศาลลงมายุ่งกับการเมืองจนทำให้ความเชื่อถือต่อศาลลดลงอย่างต่อ เนื่อง แนวทางในการปฏิรูปการเมือง จะต้องทำให้ศาลกลับไปมีอำนาจตุลาการเพียงอย่างเดียว และต้องทำให้สภาผู้แทนราษฎรเป็นอิสระจากรัฐบาล เพื่อให้สามอำนาจเป็นอิสระซึ่งกันและกันให้มีการคานอำนาจและตรวจสอบซึ่งกันและกันได้อย่างแท้จริง.

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker