แม้ว่า ในยุคปัจจุบัน คำว่า “กลุ่ม 16”อาจจะดูเหมือนไม่มีอะไรมากแต่หากย้อนกลับไปเมื่อ 10 กว่าปีก่อนในช่วงปี 2538–2539 ก่อนที่จะเกิดวิกฤติต้มยำกุ้ง จนเศรษฐกิจของประเทศในแถบเอเชียปั่นป่วนถล่มทลาย ชื่อเสียงและพฤติกรรมของกลุ่ม 16 ต้องถือว่าไม่ธรรมดา และโด่งดังอย่างมากในหลายกรณีโดยเฉพาะ 2 กรณี สำคัญ ก็คือ กรณีหญิงสาวชาวพม่า ที่ถูกเรียกขานว่า “มะไข่ซอ”อื้อฉาวจาก ประเด็นไม้พม่า และประเด็นหุ้นของบริษัท เอิร์ท อินดัสเตรียล จำกัด(มหาชน) ซึ่งโยงใยไปถึงคนหลายคน แต่คนที่ถูกจับตามองและพาดพิงถึงว่ามีความสัมพันธ์พิเศษกับ มะไข่ซอ ก็คือ 1 ในแกนนำกลุ่ม 16เจ้าของฉายา “ตี๋กร่าง” หรือนายสุชาติตันเจริญ นั่นเองกับอีกกรณีก็คือ การล่มสลายของธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ หรือแบงก์บีบีซี ซึ่งเป็นแบงก์ในสายตระกูลของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ปราโมช ผู้มากบารมีทางการเมืองสุดท้ายหลานตาสุดที่รัก ที่ชื่อ นายเกริกเกียรติ ชาลีจันทร์ ซึ่งเดินออกมาจากธนาคารแห่งประเทศไทยเองแท้ๆ แต่เมื่อ
เข้ามาเป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ แบงก์บีบีซีแทนมารดาคือ นางอินทิรา ชาลีจันทร์ กลับไม่สามารถรักษาแบงก์เอาไว้ได้แบงก์บีบีซีล้มพร้อมกับตำ นานพิสดารสารพัดที่ผุดขึ้นมาให้คนพากันอ้าปากค้างเพราะคิดไม่ถึงว่าจะมีรายการ “เปิดแบงก์ปล้น” กันเช่นนี้และที่สำคัญยังโผล่ชื่อของที่ปรึกษาใหญ่ของนายเกริกเกียรติ คือ นายราเกซ สักเสนาเป็นราเกซ สักเสนา ที่ในยุคนั้นต้องถือว่าใกล้ชิดกับนักการเมืองกลุ่ม 16 เป็นอย่างมากการถูกแคนาดาตัดสินให้ส่งตัวกลับมารับโทษของนายราเกซ ในครั้งนี้ จึงต้องจับตาอย่ากะพริบว่าจะพลิกผันเกมการเมืองในขณะนี้ได้มากน้อยเพียงใด?และการที่พรรคประชาธิปัตย์เลือกเล่นเกมนี้คงต้องดูว่าจะเป็นการเล่นเกมเพื่อสยบแกนนำกลุ่ม 16 ในอดีต ที่ยังอาละวาดอยู่ในปัจจุบันใช่หรือไม่?โดยเฉพาะกับ นายเนวิน ชิดชอบ อดีตหนึ่งในแกนนำกลุ่ม 16 ที่ตอนนี้มาเป็นหัวหน้าก๊วนเพื่อนเนวิน ที่มีแรงต่อรองสูงมากในรัฐบาลชุดนี้ จนแม้ว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์จะไม่พอใจในหลายต่อหลายครั้งแต่สุดท้ายก็ยังต้องยอมให้ก๊วนเพื่อนเนวินขี่คอไปเรื่อยๆหรือการเร่งเกมเอาตัวนายราเกซกลับมาดำเนินคดี จะเป็นเกมสำหรับปราบพยศ และตอกหมุดบรรดาผู้กระด้างกระเดื่องทั้งหลายให้รู้เสียบ้างว่า ... ใครเป็นใคร?เพราะต้องไม่ลืมว่า 2 กรณี มะไข่ซอ และแบงก์บีบีซี มีการพัวพันกันของข้อมูลอย่างลึกซึ้งเนื่องจากนางมะไข่ซอไม่ได้ทำแค่ไม้พม่า แต่เข้ามาเล่นเกมเทกโอเวอร์บริษัทในตลาดหุ้นไทยแล้วขายออกฟันกำไรมหาศาลในภายหลังโดยที่มีบัดดี้ในการเทกโอเวอร์ ก็คือ นายเอกชัย อธิคมนันทะ ซึ่งให้บังเอิญเป็น ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่แบงก์บีบีซีอยู่พอดิบพอดีและนายเอกชัย ผู้นี้ก็ได้เป็นที่ปรึกษาให้กับนายเนวิน ชิดชอบ สมัยที่เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังพอดีอีกเช่นกันกรณีเทกมาแล้วขายไปของหุ้นเอิร์ท ก็เลยมีข้อมูลปรากฏออกมาว่า นายเนวินและกลุ่ม16ก็ถือหุ้นเอิร์ทอยู่ 11.05 ล้านหุ้น ด้วยแถมแหล่งเงินของกลุ่มมะไข่ซอ กลุ่มนายเอกชัย รวมทั้งกลุ่มนายราเกซ ที่เอามาใช้ในการซื้อบริษัทแล้วขายออกเพื่อทำ กำ ไรเป็นร้อยเป็นพันล้านบาทในแต่ละดีล ด้วยระยะเวลาไม่ถึงปีนั้น ดันมีแหล่งเงินเดียวกันก็คือ แบงก์บีบีซีนั่นเอง
ซึ่งเรื่องนี้นายเกริกเกียรติ ได้เคยยอมรับว่าได้ปล่อยสินเชื่อให้กับกลุ่มดังกล่าวจริง แต่ไม่ยอมที่จะเปิดเผยวงเงินว่าทั้งหมดแล้วเป็นจำนวนเท่าไรแน่ แต่ยอมรับว่าเกินหลักพันล้านบาทวงการธุรกิจและสถาบันการเงินขณะนั้นเชื่อกันว่า มีการปล่อยสินเชื่อให้กับนักธุรกิจ-นักการเมืองกลุ่ม 16 ในการเทกโอเวอร์บริษัทต่างๆ ในตลาดหลักทรัพย์ถึง 15 บริษัท รวมทั้งสิ้น 21 ครั้ง ในช่วงเวลาแค่ปีเศษ เป็นวงเงินสูงถึง 36,000 ล้านบาทแต่ที่แน่ๆ ก็คือ ความเสียหายของแบงก์บีบีซีภายหลังแบงก์ชาติเข้าไปควบคุมและปิดกิจการนั้น ปาเข้าไปถึง 80,000ล้านบาทเลยทีเดียว... ซึ่งสูงมากสำหรับช่วงเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้วข้อมูลปริศนาเหล่านี้แหละ ที่เชื่อกันว่าอยู่ในมือ และในหัวของนายราเกซดังนั้นหากนายราเกซ กลับมาแล้วพูดมากปากโป้ง มีหวังเกิดโศกนาฏกรรมนักการเมือง“ตายหมู่” ขึ้นแน่ประเด็นอยู่ที่ว่า ทำไมระหว่างกลุ่ม 16 กับพรรคประชาธิปัตย์จึงได้แฝงความนัยกันมายาวนาน จนถึงวันนี้แม้ว่านายเนวิน จะนำก๊วนมาสนับสนุนให้นายอภิสิทธิ์ ได้เป็นนายกรัฐมนตรีสมใจอยากแล้วก็ตามแต่ก็ยังคงกินเหลี่ยม หวังขี่คอกันอยู่ไม่รู้จบสิ้นเรื่องนี้มาจากช่วงหลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬสงบ แล้วมีการเลือกตั้งในเดือนกันยายน 2535พรรคประชาธิปัตย์ฉวยโอกาส จาก ข่าวลือเรื่องการพาคนไปตาย ของ พล.ต.จำลอง ศรีเมืองจนทำให้ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง มี ส.ส.มากที่สุดเป็นจำนวน 79 คน จึงได้เป็นพรรคแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลโดยมี นายชวนหลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรีแต่นายชวนเป็นรัฐบาลได้ประมาณ 2 ปีครึ่ง ถึงกลางปี 2538 เกิดเหตุการณ์พลิกผันทางการเมือง จากเรื่องการออกเอกสารสิทธิที่เรียกว่า ส.ป.ก.4-01 ปัญหานี้กลายเป็นประเด็นที่ทำให้รัฐบาลถูกวิพากษ์วิจารณ์ อย่างมากจนในที่สุดนายชวนต้องชิงยุบสภา หนีการลงมติไม่ไว้วางใจเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2538ซึ่งก็มาจากฝีมือของกลุ่ม 16 และพรรคชาติไทยที่ขุดคุ้ยเกี่ยวกับเรื่อง ส.ป.ก.4-01นั่นเองและการประกาศยืนยันของพรรคร่วมรัฐบาลในขณะนั้น คือพรรคชาติไทยว่า จะไม่ไว้วางใจรัฐบาลกรณี ส.ป.ก.4-01 จนทำให้ต้องยุบสภาเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 2 กรกฎาคม 2538แม้พรรคประชาธิปัตย์ จะได้ ส.ส.เพิ่มเป็น 86 คน แต่ก็ไม่สามารถเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้ สุดท้ายจึงต้องไปเป็นฝ่ายค้าน โดยพรรคชาติไทยได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล และนายบรรหาร ศิลปอาชา ได้เป็นนายกรัฐมนตรีแทน
เป็นการจุดความแค้นฝังหุ่นของประชาธิปัตย์ที่มีต่อทั้งพรรคชาติไทยและต่อกลุ่ม 16 มานับตั้งแต่นั้นและเมื่อเกิดกรณีแบงก์บีบีซี กรณีนายราเกซ กับพฤติกรรมฉ้อฉลในตลาดหุ้น เกิดขึ้นในปี 2538 ต่อเนื่องปี 2539 พรรคประชาธิปัตย์ซึ่งแค้นอยู่แล้วที่โดนพลิกกลับมาเป็นฝ่ายค้านก็ใช้เป็นประเด็นในการทวงแค้นจากนักการเมืองกลุ่ม 16 ด้วยการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2539ประเด็นที่ใช้ถล่มเวลานั้นก็คือ กรณีบริษัทในครอบครัว “ตันเจริญ” คือบริษัท ซีล่าร์ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์วิสและบริษัทวินิเวส ไปซื้อที่ดินจังหวัดหนองคาย แล้วนำไปคํ้าประกันการขอกู้เงินจากบีบีซี เพื่อนำเงินไปซื้อหุ้นทำกำไรในระยะสั้น แต่ที่ดินเหล่านั้นกลายเป็นที่ดินที่ออก น.ส.3ก. โดยมิชอบ ส่งผลให้เกิดเอ็นพีแอลอย่างมหาศาลในแบงก์บีบีซีรวมถึงกรณีนักการเมืองกลุ่ม 16จำ นวนหนึ่งไปกู้ยืมเงินจากบีบีซีเพื่อนำ ไปซื้อหุ้นบริษัทต่างๆ ในตลาดหลักทรัพย์ ส่งผลให้นายสุชาติตันเจริญ แถลงลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยทั้งนํ้าตาและกลายเป็นความหลังรอยแค้นที่ฝังกันมายาวนาน ซึ่งประชาธิปัตย์ไม่เคยลืมยิ่งมาถึงจังหวะเวลานี้ ก๊วนเพื่อนเนวินที่ตั้งพรรคภูมิใจไทยขึ้นมาเป็นหน้าฉากเนื่องจากนายเนวินจริงๆ แล้ว ยังต้องคำสั่งเว้นวรรคทางการเมือง 5 ปีอยู่ยังไม่ได้พ้นโทษ แต่ว่านายเนวิน และก๊วนกย็ งักรา่ งและกดดนั รฐั บาลอยตู่ ลอดเวลา...เล่นเกมขี่คอพรรคเก่าแก่ในทุกทีที่มีโอกาสโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่อง การแต่งตั้ง ผู้บัญชาการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติคนใหม่ ซึ่งนายอภิสิทธิ์ ต้องการให้เป็น พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐแต่ก๊วนเนวิน และภูมิใจไทยไม่เห็นด้วยทำให้ตลอดมา นายชวรัตน์ ชาญวีรกูลรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย จำเป็นต้องสวนโหวตไม่เอา พล.ต.อ.ปทีป แต่สนับสนุนพล.ต.อ.จุมพล มั่นหมายถือเป็นการเพิ่มรอยแค้นระหว่างประชาธิปัตย์ กับ กลุ่ม 16 ในอดีตขึ้นมาอีก 1 รอยในปัจจุบันดังนั้นเมื่อในจังหวะที่นายราเกซจะต้องถูกส่งตัวกลับเมืองไทย และนายราเกซ เป็นคนที่กุมความลับธุรกรรมในแบงก์บีบีซี ที่โยงใยไปถึงกลุ่ม 16ด้วยโดยตรง!!!ทางพรรคประชาธิปัตย์จึงกระดี้กระด้าที่จะเล่นเกมหักเหลี่ยมโหดในครั้งนี้เป็นยิ่งนักทั้งทวงคืนความแค้นกลุ่ม 16รอบที่ 2 และยังใช้กดหัวก๊วนเพื่อนเนวินไม่ให้ซ่าได้อีกด้วย