28   ก.ย.53 นายคารม พลกลาง ทนายความ นปช. ให้สัมภาษณ์ว่า   ในการตรวจพยานหลักฐานคดีก่อการร้ายของแกนนำ 19 คนเมื่อวานนี้ (27 ก.ย.)   นั้น ทนาย 19 คนของจำเลยทั้งหมดไม่ลงนามรับรองรายงานกระบวนพิจารณาของศาล   เนื่องจากไม่เห็นด้วยในหลายประการ   และจะทำยื่นคำร้องของเพิกถอนรายงานกระบวนพิจารณาดังกล่าวภายในสัปดาห์นี้ 
 นาย  คารม   กล่าวถึงรายละเอียดว่าสาเหตุที่กลุ่มทนายไม่ยอมลงนามในรายงานกระบวนพิจารณา  นั้น   กรณีแรกตั้งแต่เริ่มต้นกระบวนการทนายได้ขอให้ศาลเปลี่ยนจากห้องพิจารณาคดี   908 เป็นห้องขนาดใหญ่ขึ้น เนื่องจากผู้เกี่ยวข้องมีจำนวนมาก มีจำเลย 19 คน   ทนาย 19 คน ไม่รวมอัยการและญาติของจำเลยบางส่วน   แม้ว่าคนเสื้อแดงหลายสิบคนที่มาให้กำลังใจออกไปอยู่หน้าห้องพิจารณาคดีแล้ว  ก็ตาม แต่ศาลเห็นว่าไม่จำเป็นต้องเปลี่ยน ทำให้ดำเนินการอย่างอึดอัด   ทนายไม่มีที่นั่ง ต้องพากันนั่งพื้น 
 นอกจากนี้ยังมีการตัดพยานจำเลยออกเป็นจำนวนมาก แม้ว่าพยานฝ่ายอัยการจะมีกว่า 300   ปาก ฝ่ายจำเลยกว่า 200 ปาก   แต่ก็ถือเป็นสิทธิของจำเลยที่จะได้สืบพยานเพื่อต่อสู้กันในศาล   อีกทั้งยังมีการระบุในรายงานว่าหากภายใน 2   เดือนไม่ส่งพยานหลักฐานเอกสารต่างๆ ให้โจทก์ตรวจ   ให้ถือว่าฝ่ายจำเลยไม่ติดใจสืบพยานอีก   ซึ่งทนายความต้องการให้ชี้ชัดว่าเป็นคำสั่งของศาล   ไม่ใช่ความต้องการของฝ่ายจำเลย 
 สำหรับกรณีคำร้องของจำเลยบางส่วนรวมถึงกลุ่มญาติผู้เสียชีวิต 10   เม.ย. ที่ยื่นคำร้องต่อศาลอาญา เพื่อขอให้มีการไต่สวนเรื่องชันสูตรพลิกศพ  9  ผู้เสียชีวิตที่ยังไม่ได้ฌาปนกิจนั้น นายคารมระบุว่า   ในช่วงเย็นวันเดียวกัน (27 ก.ย.) ศาลได้มีคำสั่งยกคำร้อง   เนื่องจากผู้ที่มีอำนาจยื่นขอไต่สวนชันสูตรพลิกศพคือพนักงานอัยการเท่านั้น   ทำให้ญาติผู้เสียชีวิตทั้ง 9   รายซึ่งมารอตั้งแต่ช่วงเช้าแสดงความผิดหวังก่อนแยกย้ายกันกลับ
 "ตอน  แรกเราคิดว่าไม่น่ามีปัญหา เพราะนี่เป็นลูกของเรา   เราอยากจะให้ชันสูตรให้ถูกต้อง จะได้นำข้อมูลไปเพื่อพิสูจน์ความจริง   เรียกร้องความเป็นธรรมได้ แล้วจะได้เผาให้จบไป สงสารลูก" นางสุวิมล   ฟุ้งกลิ่นจันทร์ มารดาของเทิดศักดิ์ ฟุ้งกลิ่นจันทร์ วัย 29  ปี  หนึ่งในผู้เสียชีวิตจากการสลายการชุมนุมวันที่ 10 เม.ย.53
 นาย  ปรีดา นาคผิว ทนายความจากคณะกรรมการรณรงค์เพื่อสิทธิมนุษยชน   ซึ่งเป็นทนายของจำเลยคนหนึ่งในนั้น   กล่าวถึงการไม่ลงชื่อในรายงานกระบวนพิจารณาของศาลว่า   เนื่องจากมีการตัดพยานที่จะนำสืบออกไปจำนวนมากเพื่อให้รวบรัด   และในวันนั้นไม่ได้ดำเนินการพิจารณาโดยให้จำเลยมาต่อหน้าศาลในช่วงบ่าย   อีกทั้งนัดหน้า (27   ธ.ค.) ศาลก็ระบุว่าจะไม่ให้นำจำเลยมาศาลด้วย   โดยอ้างว่าเป็นเพียงการตรวจพยานหลักฐาน ห้องพิจารณาคดีก็คับแคบ   ไม่ต้องการให้ผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้าร่วมฟัง   ทั้งที่ความจริงประชาชนมีสิทธิเข้าร่วมฟังการพิจารณาและการพิจารณาต้องเป็น  ไปโดยเปิดเผย 
 นอกจากนี้นายปรีดายังกล่าวว่า ขณะนี้มีผู้ประกอบการกว่า 30 รายขอเป็นโจทก์ร่วมกับอัยการเนื่องจากได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ความวุ่นวายและต้องการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายด้วย 
 
