ชี้ การจับกุมส่อให้เห็นว่าประเทศยังถูกรัฐปิดกั้นและละเมิดสิทธิเสรีภาพ การแสดงออก ร้องตำรวจแห่งชาติทบทวนวิธีการการออกหมายจับในทันที โดยไม่ออกหมายเรียกก่อน พร้อมเสนอรัฐบาลทบทวนแก้ไข พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ไม่ให้ผลักภาระความรับผิดให้ “ผู้ให้บริการ”
แถลงการณ์ดังกล่าวมีรายละเอียดดังนี้
 แถลงการณ์องค์กรสิทธิมนุษยชนเรียกร้องให้ยุติการดำเนินคดีที่ไม่เป็นธรรมต่อผู้อำนวยการเว็บไซต์ประชาไท 
 เผยแพร่วันที่ 27 กันยายน 2553
 ตาม ที่นางสาวจีรนุช เปรมชัยพร   ผู้อำนวยการเว็บไซต์ประชาไทได้ถูกควบคุมตัวที่สนามบินสุวรรณภูมิหลังจากเดิน  ทางกลับจากต่างประเทศในวันที่ 24 กันยายน 2553 ตามหมายจับ   ศาลจังหวัดขอนแก่น โดยกล่าวหาว่านางสาวจีรนุช   เปรมชัยพรได้กระทำความผิดฐานเป็นตัวการ,   ร่วมกันประกาศแก่บุคคลทั่วไปให้กระทำความผิด ฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ,   ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร   และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ   อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรหรือความผิดเกี่ยวกับการ  ก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา   และเป็นผู้ให้บริการจงใจสนับสนุนหรือยินยอมให้มีการกระทำผิดในระบบ  คอมพิวเตอร์ในความควบคุมของตนเองซึ่งเข้าองค์ประกอบความผิดตามมาตรา 83, 85,   112 และมาตรา116 แห่งประมวลกฎหมายอาญา และมาตรา 14 มาตรา15   แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 
 องค์กรดังมีรายนามข้างท้ายมีความเห็นต่อประเด็นดังกล่าวต่อไปนี้
 1.    สิทธิเสรีภาพในการแสดงออกเป็นสิ่งสำคัญและเป็นหลักการซึ่งยอมรับตามหลักสากล     พื้นที่เว็บไซต์ประชาไทเป็นพื้นที่ซึ่งเปิดให้ประชาชนซึ่งมีความคิดเห็นที่  แตกต่างหลากหลายได้เข้ามาใช้พื้นที่ดังกล่าวแสดงความเห็นต่อประเด็นต่างๆ   โดยที่ผ่านมาเว็บไซต์ประชาไทพยายามจัดระบบในการดูแลข้อความไม่เหมาะสมดัง  กล่าว   หากมีการแสดงข้อความไม่เหมาะสมสมาชิกเว็บไซต์สามารถตรวจสอบและแจ้งลบได้   แต่เว็บไซต์ประชาไทยังคงถูกปิดกั้นการรับรู้ข่าวสารของประชาชนหลายครั้ง   รวมถึงความจำเป็นในการปิดตัวของเว็บบอร์ดประชาไท   และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการจับกุมนางสาวจีรนุช เปรมชัยพร ผู้อำนวยการเว็บไซต์   ย่อมแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยยังถูกรัฐปิดกั้นและละเมิดสิทธิเสรีภาพการ  แสดงออกอันเป็นการละเมิด สิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรง
 2.  การจับกุมนางสาวจีรนุชในฐานะ “ผู้ให้บริการ” ตามมาตรา 14 และมาตรา  15  แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550   มาตรา 83 , 85 , 112 ฐานความผิดหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และมาตรา 116   ฐานความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร แห่งประมวลกฎหมายอาญา   โดยที่นางสาวจีรนุชเป็นเพียงผู้อำนวยการเว็บไซต์ ไม่ใช่ผู้จัดทำข้อความ   ซึ่งเป็นผู้กระทำความผิดโดยตรง   มิได้มีเจตนาในการกระทำความผิดย่อมเป็นการผลักภาระให้แก่ผู้ให้บริการให้  ต้องรับผิดทางอาญาต่อเนื้อหาซึ่งผู้ให้บริการไม่ได้เป็นผู้โพสต์หรือเป็นผู้  ผลิตขึ้น   ประกอบกับวิธีการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับ  คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550   ไม่มีขั้นตอนการแจ้งเตือนข้อความดังกล่าวแก่ผู้ให้บริการ   ซึ่งจะเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ให้บริการรับทราบและลบข้อความทิ้งโดยเป็นการ  แสดงเจตนาว่าไม่ได้ยินยอมให้มีการโพสต์ข้อความที่ผิดกฎหมายได้   การตีความและการบังคับใช้กฎหมายในลักษณะเป็นการผลักภาระความรับผิดทางอาญามา  ให้แก่ผู้ให้บริการดังกล่าวจึงเป็นการขัดกับหลักนิติธรรมอย่างรุนแรง   เนื่องจากเป็นการตรากฎหมายและบังคับใช้กฎหมายแก่ผู้ซึ่งไม่ได้กระทำความผิด
   3. การที่เจ้าพนักงานตำรวจเข้าดำเนินการออกหมายจับกุม นางสาวจีรนุช   เปรมชัยพร โดยไม่เปิดโอกาสให้เข้ามอบตัวโดยกระบวนการปกติ คือ   ออกหมายเรียกให้ไปรายงานตัว เป็นการดำเนินการที่เกินกว่าเหตุ   และไม่มีมาตรฐาน เพราะ นางสาวจีรนุช   ไม่มีพฤติการณ์ที่แสดงให้เห็นว่าจะหลบหนี   หรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานตำรวจแต่อย่างใด 
 ด้วยเหตุผลที่กล่าวมาข้างต้นองค์กรที่มีรายนามข้างท้ายขอเรียกร้องให้
 1.  ให้พนักงานสอบสวนยุติการดำเนินคดีนางสาวจีรนุช เปรมชัยพร   โดยพิจารณาสั่งไม่ฟ้องคดีในทันที เพราะนางสาวจีรนุช   เพียงผู้อำนวยการเว็บไซต์ ไม่ใช่ผู้จัดทำข้อความ   ซึ่งเป็นผู้กระทำความผิดโดยตรง มิได้มีเจตนาในการกระทำความผิด   และให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติกำหนดแนวปฏิบัติที่ชัดเจนเกี่ยวกับการดำเนินคดี   เช่น   ก่อนจะดำเนินคดีพนักงานสอบสวนหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องมีหนังสือแจ้ง  เตือนผู้ให้บริการก่อน หากผู้ให้บริการไม่ดำเนินการใด ๆ   เจ้าพนักงานตำรวจจึงจะมีอำนาจดำเนินการมาตรการต่อไป เป็นต้น
 2.  ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติทบทวนการออกหมายจับในลักษณะดังกล่าว   ซึ่งเป็นการสร้างภาระแก่ผู้ต้องหาและจำเลยเกินสมควร   และควรสืบสวนเพื่อให้ข้อเท็จจริงเพียงพอโดยการออกหมายเรียกให้ผู้ต้องหามา  ให้ปากคำก่อนไม่ใช่เพียงมีผู้กล่าวหาว่าผู้ต้องหากระทำความผิดซึ่งมีอัตรา  โทษสามารถออกหมายจับได้ จะออกหมายจับในทันที   เนื่องจากวิธีปฏิบัติดังกล่าวนำมาสู่การละเมิดสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชนอัน  กระทบต่อสิทธิในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชน
 3.   ให้รัฐบาลพิจารณาทบทวนแก้ไขปรับปรุงบทบัญญัติในพระราชบัญญัติว่าด้วยการ  กระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550   ให้มีความเหมาะสมกับสภาพความเป็นจริง   เพื่อไม่ให้เป็นการผลักภาระความรับผิดทางอาญามาให้ “ผู้ให้บริการ”   ซึ่งไม่มีส่วนร่วมในการกระทำความผิด
 เครือข่ายนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน
 โครงการนิติธรรมสิ่งแวดล้อม
 มูลนิธิผสานวัฒนธรรม
 สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน (สสส.)
 
