เป็น ข่าวใหญ่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ลาออกจาก ที่ปรึกษา รัฐบาลกัมพูชา   และตามมาด้วยข่าวลือว่าอันที่จริง พ.ต.ท. ทักษิณ   ถูกปลดไม่ใช่ลาออกก็ว่ากันไป แนะให้จับตาปัญหาข้อพิพาท   ระหว่างไทยกัมพูชาที่อาจจะมีการต่อรองอะไรบางอย่างก่อนที่จะนำไปสู่สงคราม  ชายแดน แนะให้ดูท่าทีของ พ.ต.ท.ทักษิณ   ที่ประกาศว่าจะกลับประเทศไทยในสิ้นปีนี้
การเมืองท้องถิ่นเป็นการวัด  กระแสระหว่าง 3 ขั้วอำนาจทาง การเมือง เพื่อไทย ประชาธิปัตย์   และการเมืองใหม่ โดยเฉพาะการลง สนาม ส.ก.–ส.ข.กทม.   ของพรรคการเมืองใหม่สร้างความหนักใจให้กับประชาธิปัตย์เพราะเกรงว่าจะตัด  คะแนนกันเองเนื่องจากเป็น สินค้าตลาดเดียวกัน
จะแข่งขันกันอย่างไรก็  เป็นธรรมชาติของการเมืองแต่ต้องอยู่ใน กรอบกติกา การเลือกตั้ง ส.ก.-ส.ข.   กทม. จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 29 ส.ค.ที่จะถึงนี้   ชาวบ้านส่วนใหญ่ยังไม่ทราบ ต้องตำหนิการประชาสัมพันธ์ ของ กทม.   ผู้ว่าฯสุขุมพันธุ์ บริพัตร อาจจะเล็งไปช่วย   ผู้สมัครของพรรคหาเสียงมากไปหน่อยเลยลืมหน้าที่ตัวเอง อันที่จริง   กทม.จะต้องทำความเข้าใจกับประชาชนว่าจะต้องออกมาใช้สิทธิเลือก   ส.ก.-ส.ข.เพราะอะไร เนื่องจากการทำหน้าที่ของ ส.ก. และ   ส.ข.มีความสำคัญไม่ต่างจาก ส.ส. มีงบประมาณที่ต้องดูแลเป็นพันล้าน   ใกล้ชิดชาวบ้านมากกว่า ส.ส.ซะอีก
เช่นเดียวกับการหาเสียงของ   ส.ก.-ส.ข.ก็ควรจะประชาสัมพันธ์ ให้ชาว   กทม.ได้ทราบว่าเลือกไปแล้วจะรับใช้ประชาชนด้านใดได้บ้างไม่ใช่เลือกกันทีก็  จะเห็นหน้าผู้สมัครที ตามชุมชน ตามหมู่บ้าน   ที่ยังมีปัญหาสารพัดก็เพราะการขาดความเอาใจใส่ในความสำคัญของการทำหน้าที่   ส.ก.-ส.ข. มีข่าวทีไรก็จะเป็นในแง่ลบ ถลุงงบประมาณ ไปทัวร์นอกบ้าง   เล่นแร่แปรธาตุงบ กทม.กันสนุกสนานบ้าง ปัญหาง่ายๆ รถติด น้ำท่วม   ขยะเต็มก็ยังเป็นปัญหาอมตะที่แก้ไม่ได้เหมือนเดิม
เข้าใจว่า   ส.ก.-ส.ข.เองก็ยังสับสนกับการทำหน้าที่ของตัวเอง บางที   ก็ไปขายนโยบายที่เกินจริงกลายเป็นว่าไป  ขายฝันกับชาวบ้าน แบบลมๆแล้งๆ    ยกตัวอย่าง  ในเขตบึงกุ่ม  มีผู้สมัครบางคน    เสนอแนวคิดรัฐสวัสดิการขนาดรัฐบาลใหญ่กว่าตั้งเยอะยังลูกผีลูกคน   รัฐสวัสดิการนั้นหมายถึงว่ารัฐมีรายได้พอเพียงที่จะดูแลประชาชนในความเป็น  อยู่พื้นฐานได้โดยไม่เดือดร้อน
ปัญหาการเมืองในประเทศที่ประชาธิปไตย  กำลังพัฒนามักจะประสบกับเรื่องความ  ไม่เข้าใจและไม่เข้าถึงในระบอบการปกครอง   ความรู้สึกสำนึกในการทำหน้าที่ของตัวเองทั้งประชาชนและนักการเมือง   บางคนทำทุกวิถีทางที่จะให้ได้รับเลือกเข้าไป แต่พอเข้าไปแล้ว ทำอะไรไม่เป็น
ฝาก  ผู้ว่าฯ กทม.และ   กกต.ให้สนใจทำประชาสัมพันธ์ให้ความรู้กับประชาชนได้เข้าใจถึงการเลือกตั้ง  ระดับท้องถิ่นมากกว่านี้ดีกว่าไปทุ่มเทงบประมาณแบบตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ   เชิญชวนให้ชาวบ้านไปเลือกตั้งปาวๆ แต่ไม่รู้ว่าเลือกแล้วจะเข้าไปทำอะไร   ได้บ้าง เสียเงินก็อีกเรื่องแต่เสียโอกาสการเรียนรู้ประชาธิปไตยเรื่องใหญ่   ประชาธิปไตยบ้านเราถึงได้อยู่ในมือคนส่วนน้อยพับผ่า.
หมัดเหล็ก
 
