บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันอาทิตย์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2551

เริ่มบทแรก

ที่มา ไทยรัฐ

รัฐบาล “อภิสิทธิ์” เดินหน้าท้าพิสูจน์ฝีมือว่าแน่สักแค่ไหน หลายเรื่องหลายราวล้วนยากยิ่ง ครม.ใหม่ไม่ได้ดังใจนึกเพราะเงื่อนไขและปัจจัยมันบีบรัด หนี้บุญคุณก็ต้องจำใจยอม

ข่าว “เขย่าขวด” สุดสัปดาห์นี้ไม่ได้เป็นนายกฯ เป็นรัฐบาลมานานราว 8 ปี เมื่อมีช่องเปิดให้ก็ต้องกระโจนเข้าใส่จนได้สมอยาก

“ประชาธิปัตย์” เป็นแกนนำรัฐบาล มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกฯ

แต่เมื่อมีแค่ 163 เสียง แต่รัฐบาลได้เสียงสนับสนุน 235 เสียง ต้องอาศัยเสียงสนับสนุน 72 เสียงจากพรรคร่วม 4 พรรค และกลุ่มเพื่อนเนวิน ดังนั้น ครม.ชุดใหม่ก็เลยหน้าตาออกมาอย่างที่เห็นๆกันอยู่

ดีที่ว่าสถานการณ์บ้านเมืองที่ไม่ปกติและผู้คนทั้งประเทศต้องการให้มีรัฐบาล ซึ่งเปลี่ยนขั้วการเมืองที่สามารถทำงานได้ต่อเนื่องเพื่อแก้ไขปัญหา

เศรษฐกิจ การเมือง และความขัดแย้งแบ่งค่ายแบ่งส

โดยเฉพาะนายกฯคนใหม่ที่แม้ว่าอายุยังน้อย แต่ภาพลักษณ์ดี มีการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยดังจากต่างประเทศ ซื่อสัตย์สุจริตจึงได้รับการยอมรับและให้พิสูจน์ตัวเอง

การออกตัวด้วยการเปิดใจ แนวคิดและแนวทางการทำงานก็ได้รับการขานรับ แต่การที่นายอภิสิทธิ์ได้เป็นนายกฯครั้งนี้ด้วยบุญคุณทางการเมืองจากคนหลายกลุ่ม จึงมิอาจจัดการในเรื่อง ครม.อย่างที่ปรารถนาได้

เพราะต้องผ่องถ่ายให้พรรคร่วมและกลุ่มเพื่อนเนวิน รวมถึง “ทุน” ที่โผล่เข้ามามีชื่อแบบเหนือเมฆแม้แต่ลูกพรรคประชาธิปัตย์ยังไม่รู้มาก่อน

ขณะที่การตั้งรัฐมนตรีในส่วนของพรรคก็เกิดปัญหาเพราะมีบรรดา ส.ส.ไม่ค่อยสบอารมณ์ การจัดสรรจึงเปิดฉากฟัดทันที

“นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ” ประกาศใช้หนี้ทุน “วีระชัย วีระเมธีกุล” เรียบร้อยไปแล้ว

เรียกว่าเริ่มต้นก็เกิดอาการกระเพื่อม ยังไม่รวมถึงพรรคร่วมรัฐบาลที่เกิดปัญหาขัดแย้งภายใน ซึ่งต้องดูว่าน้ำหนักจะเทไปข้างไหน

อีกทั้งพวก “เสื้อแดง” ที่แม้ว่าจะไม่คึกคักเหมือนเก่า แต่ก็ยังประกาศจะลุยรัฐบาลต่อไป บางจังหวัดห้ามนายกฯและรัฐมนตรีเข้าพื้นที่

ยังมี “สีเขียว” บางท่านออกมาระบุว่านายอภิสิทธิ์จะทำงานได้ลำบาก เพราะบารมียังน้อยและต้องถูกครอบงำจาก “สุเทพเนวิน”

เรียกว่าเริ่มต้นก็ดูตึงๆเลยทีเดียว

และเท่ากับว่าทุกอย่างต่างก็กดดันไปที่ตัวนายอภิสิทธิ์ ว่าจะสามารถแหวกม่านทะมึนที่ปกคลุมอยู่ได้หรือไม่

ทั้งหลายทั้งปวงล้วนท้าทายนายกฯคนใหม่ว่าจะจัดการกับปัญหาต่างๆ เหล่านี้ได้มากน้อยแค่ไหน เพราะแต่ละเรื่องล้วนหนักหนาสาหัสสากรรจ์และสัมพันธ์กันอย่างแยกไม่ออก

แม้จะมีแนวทางที่ชัดเจน มีความตั้งใจจริง แต่ก็ยังพิสูจน์ว่าจะมีความกล้าหาญมากน้อยแค่ ไหนที่จะตัดสินใจต่อการแก้ไขปัญหา

จะสามารถควบคุมรัฐมนตรีให้ทำงานร่วมกันได้แค่ไหน ทำยังไงไม่ให้เกิดการแหกคอก ก่อปัญหาการใช้อำนาจ การทุจริตคอรัปชัน ฯลฯ

นั่นคือจะมีภาวะความเป็นผู้นำในความเป็นจริงได้หรือไม่

ว่าที่จริงแล้วก็คงเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่นายอภิสิทธิ์ ได้เป็นผู้นำประเทศในขณะที่บ้านเมืองกำลังมีปัญหา ดังนั้น ความคาดหวังจึงสูงและต้องการให้แก้ไขผ่านพ้นไปได้ และไม่ต้องการให้คืนกลับไปสู่วงจรเก่าไม่รู้จบ กันอีก

ข้อสำคัญก็คือหากนายกฯและรัฐบาลชุดนี้สามารถนำรัฐนาวาปริ่มน้ำ ผ่านพ้นไปได้ก็มีโอกาสที่จะอยู่ยาวได้

และนั่นจะทำให้พรรคเพื่อไทยหงอยแน่

หากบริหารประเทศไปได้ห้วงหนึ่งและเห็นว่าแก้ไขปัญหาได้ระดับหนึ่ง โอกาสที่จะ “ยุบสภา” เพื่อเลือกตั้งใหม่ก็เป็นไปได้ เพราะเชื่อว่าประชาชนพอใจ

นั่นหมายความว่าประชาธิปัตย์ต้องมั่นใจว่าเห็นชัยชนะรออยู่ข้างหน้า หากรูปการณ์ออกมาอย่างนั้น

แต่ที่แน่ๆหากเป็นไปเช่นนั้น พรรคเพื่อไทยก็คงจะลำบาก

อีกไม่นานก็ได้รู้ฝีมือกันแล้วว่าจะแน่สักแค่ไหน?

"ลิขิต จงสกุล"

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker