บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันพุธที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2552

ยึดสนามบินสุนทรีย์ดนตรีเพราะฉิบหาย210,000ล้าน ผ่านไป2เดือนเงียบฉี่ เพื่อไทยรื้อคดีเอาโทษประหาร

ที่มา Thai E-News


เหมือนไม่เคย-กษิต ภิรมย์เข้าพบนายกฯฮุนเซ็นของกัมพูชา ลืมสิ้นที่เคยด่าเป็นกุ๊ย ชมเปาะเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ของอาเซียน พร้อมเตือนนักข่าวให้เลิกคุ้ยที่เคยด่าว่านายกฯเขมรเป็นกุ๊ย ขอให้ลืมๆแล้วก้าวไปข้างหน้าเพื่อความสัมพันธ์ฉันท์มิตรของ2ประเทศแทน

โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
27 มกราคม 2552

ส.ส.เพื่อไทยรื้อคดีปิดสนามบินหลังจากผ่านไป2เดือนโดนดอง ชี้รุนแรงกว่าก่อการร้ายสากลโทษหนักประหารชีวิต ไม่อยากให้เงียบเป็นคลื่นกระทบฝั่ง นปช.ยื่นหนังสือมาร์คจี้เอาผิด หากเฉยเจอม็อบไล่แน่ มั่นใจชุมนุมใหญ่สนามหลวง31ม.ค.ไม่น้อยกว่า3หมื่นคน มาร์คแผ่นเสียงตกร่อง"เป็นไปตามขั้นตอน"ตอนนี้คืบคลานไป70%แล้วชาตินี้จบแน่ใจเย็นๆ แบงก์ชาติสรุปยอดความฉิบหาย"ชุมนุมสุนทรีย์ ดนตรีเพราะ อาหารอร่อย"210,000ล้านบาท กษิตพลิกลิ้นชมฮุนเซ็นเป็นผู้ใหญ่ที่สุดในอาเซียน จากที่เคยขึ้นเวทีพันธมิตรด่าเป็นกุ๊ย อดีตรมต.ต่างประเทศ"เตช"มาแนวแปลก การันตีกษิตขึ้นเวทีพธม.ไม่ร้ายแรงอะไร


ส.ส.เพื่อไทยแจ้งจับพันธมิตรยึดสนามบินหลังถูกดองมา2เดือน

นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย และนายสุรชัย เบ้าจรรยา ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยทีมทนายความ ร่วมแถลงข่าวว่า ได้เตรียมเดินทางไปร้องทุกข์กล่าวโทษต่อเจ้าพนักงาน ที่สถานีตำรวจนครบาลดอนเมือง และสถานีตำรวจนครบาลราชาเทวะ ในวันนี้ เพื่อให้เอาผิดกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ปิดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและดอนเมือง ซึ่งถือว่าเข้าข่ายความผิดฐานกบฏ อั้งยี่ และก่อการร้าย เป็นความผิดในคดีอาญา และตาม พ.ร.บ.ความผิดทางเดินอากาศ ปี 2521 แก้ไขปี 2538 การกระทำดังกล่าวถือว่ารุนแรงกว่าการก่อการร้ายสากล มีโทษหนักถึงขั้นประหารชีวิต จึงขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี เข้ามาดูแลในเรื่องนี้ให้เป็นไปตามกระบวนการด้วย ไม่ปล่อยให้เรื่องเงียบเหมือนคดีที่มีการร้องทุกข์ก่อนหน้านี้

ด้านนายสุรชัยได้เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาปลดนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ออกจากตำแหน่ง และสรรหาบุคคลที่มีความเหมาะสม มาทำหน้าที่ตัวแทนประเทศในการร่วมลงนามกรอบข้อตกลงอาเซี่ยน เนื่องจากนายกษิตได้ร่วมในการปิดสนามบินกับกลุ่มพันธมิตรฯ จึงถือว่าไม่มีความสง่างามในการทำหน้าที่ตัวแทนประเทศ และหากเกิดความเสียหายในอนาคต รัฐบาลต้องรับผิดชอบ

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงคดียึดสนามบินล่าสุดในรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์เมื่อวันอาทิตย์ที่ 25 ที่ผ่านมาว่า คดียึดสนามบินดอนเมืองนั้นตำรวจดำเนินการคืบหน้าไป80% ส่วนคดียึดสนามบินสุวรรณภูมิที่ผ่านมา2เดือนก็คืบหน้าไปแล้ว70% ทางรัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจอย่างใด แต่ต้องเข้าใจว่าต้องเป็นไปตามขั้นตอน

นปช.บุกทำเนียบยื่นคำขาดถึงนายกฯให้จัดการพันธมารยึดสนามบิน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 27 ม.ค. แนวร่วมประชาธิปไตยแห่งชาติ หรือ นปช.ประมาณ 20 คน นำโดยนายจรัญ ดิษฐาอภิชัย แกนนำนปช. นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข นายไชยนิรันดร์ พะยอมแย้ม ได้เดินทางมายังทำเนียบรัฐบาลเพื่อยื่นข้อเรียกร้อง 3 ข้อให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีและรัฐบาล ซึ่งนายสุธรรม ลิ้มสุวรรณเกษม รองเลขาฯนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง เป็นคนมารับหนังสือ

โดยข้อเรียกร้อง 3 ข้อ คือ 1. เร่งรัดดำเนินคดีอย่างจริงจังนำตัวแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและผู้อยู่เบื้องหลังซึ่งเป็นผู้กระทำความผิดตามกฎหมาย และเป็นผู้ที่ก่ออาชญากรรมทางการเมือง ผู้ก่อความรุนแรงจากการปิดถนน การยึดทำเนียบรัฐบาล การยึดสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที การปิดล้อมสถานที่ราชการ การทำลายทรัพย์สินทางราชการ การปล้นทรัพย์ในทำเนียบรัฐบาล การใช้อาวุธปืน การจัดทำระเบิด จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บในโอกาสต่างๆ มาลงโทษตามกฎหมายให้สาสมกับความผิดโดยไม่แทรกแซงกระบวนการทางกฎหมาย ด้วยความรวดเร็ว อย่างโปร่งใสเปิดเผย

ประการที่2.ปลดรัฐมนตรีว่การกระทรวงการต่างประเทศ นายกษิต ภิรมย์ เพื่อเป็นการแสดงให้สังคมรับรู้ว่ารัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้สนับสนุนการยึดสนามบิน ยึดทำเนียบรัฐบาล การชุมนุมปิดถนนและการก่อความรุนแรงของกลุ่มพันธมิตรฯปลดนายกษิต ภิรมย์ยังเป็นการแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลตั้งใจที่จะสร้างสังคมนิติรัฐและสร้างความสัมพันธ์อันดีกับนานาชาติ และเป็นการสร้างความมั่นคงและความมั่นคงในกลุ่มประเทศอาเซียนอีกด้วย และประการที่ 3 แก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 2550 โดยการนำรัฐธรรมนูญ 2540 กลับมาใช้เป็นการแสดงจุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์และพรรคร่วมรัฐฐบาลที่ไม่เห็นด้วยกับการทำรัฐประหารและมีความจริงใจต่อประชาธิปไตย

โดยนายจรัญ กล่าวว่า ขอให้จับตาการเคลื่อนไหวของนปช.ในวันที่31 ม.ค.นี้ให้ดี เพราะจะเป็นการเคลื่อนไปยังจุดศูนย์กลางของรัฐบาล รวมถึงเป็นการยื่นคำขาดและประกาศจุดยืนของแนวร่วมต่อรัฐบาล ซึ่งคาดว่าการชุมนุมในวันที่31 ม.ค.นี้จะมีคนมาร่วมชุมนุมกว่า3หมื่นคนอย่างแน่นอน


แบงก์ชาติสรุปค่าเสียหาย210,000ล้าน ปรับลดยอดฉิบหายลงอีกแสนล้าน

ธนาคารแห่งประเทศไทยออกรายงานเมื่อวานนี้ว่า ผลกระทบจากการที่พันธมิตรปิดสนามบินคิดเป็นมูลค่าราว210,000 ล้านบาท หรือราว2%ของGDP โดยจำแนกเป็นผลเสียหายต่ออุตสาหกรรมการบริการ 90,000 ล้านบาท ,ภาคอุตสาหกรรมการขนส่ง68,000ล้านบาท,ภาคอุตสาหกรรม42,000ล้านบาท และอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวราว10,000ล้านบาท(ลิ้งค์ข่าว)

เป็นที่น่าสังเกตว่าการรายงานยอดผลกระทบจากการปิดสนามบินล่าสุดของแบงก์ชาติลดลงจากคราวก่อน ที่เคยแถลงไว้เมื่อวันที่ 7 มกราคมที่ผ่านมา โดยในครั้งนั้นธปท.ประเมินว่ามีผลเสียหายกระทบธุรกิจท่องเที่ยว และธุรกิจต่อเนื่องสูงถึง 2.9 แสนล้านบาท หรือ 3% ของจีดีพี (ลิ้งค์ข่าว)

กษิตเปี๊ยนไป๋จากเคยด่าฮุนเซ็นเป็นกุ๊ยตอนนี้ชมอาวุโสสุดในอาเซียน

วันที่ 26 ม.ค. ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ (โฟนอิน) จากประเทศกัมพูชาถึงผลการเยือนกัมพูชาอย่างเป็นทางการเพื่อแนะนำตัวในฐานะเข้ารับตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศคนใหม่ ว่าตนเข้าพบบุคคลสำคัญทั้งหมดของกัมพูชาซึ่งการเยือนเป็นไปด้วยบรรยากาศที่เป็นมิตร ฝ่ายกัมพูชากล่าวว่าถึงเวลาแล้วที่จะดำเนินความสัมพันธ์อย่างสร้างสรรค์และหาทางเจรจาข้อยุติโดยสัญญาว่าจะไม่มีการใช้กำลังใดๆ ทั้งสิ้น ขณะเดียวกัน ทั้งสองฝ่ายจะไม่หวั่นไหวต่อเสียงนกเสียงกาที่มาจากองค์กรที่ตั้งใจจะบิดเบือนหรือทำให้เกิดความเข้าใจผิด

เมื่อถามว่าสมเด็จฮุนเซนได้สอบถามถึงสิ่งที่นายกษิต เคยกล่าวปราศรัยโจมตีสมเด็จฮุน เซน บนเวทีพันธมิตรฯ อย่างรุนแรงหรือไม่ นายกษิตตอบว่า “ผมคิดว่าท่านฮุนเซน ท่านเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ครับ และท่านได้พูดกับผมประโยคแรกว่า เราเคยรู้จักกันเมื่อ 20 ปีที่แล้ว เพราะฉะนั้น ท่านเป็นผู้หลักผู้ใหญ่พอ แล้วก็เป็นสุภาพบุรุษ เป็นผู้อาวุโสสูงสุดในแวดวงการเมืองของอาเซียน คิดว่าท่าน (สมเด็จฮุนเซน) ก็คงจะมองไปข้างหน้าในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกัน ผมคิดว่าท่านไม่ใช่เป็นเด็กตอแย และผมคิดว่าพวกเรา (ผู้สื่อข่าว) ก็อย่าทำหน้าที่หรือพูดตอแยนะครับ เราควรจะรุดหน้าและช่วยกันสร้างสรรค์ ให้ความสัมพันธ์เดินไปข้างหน้าได้” นายกษิตกล่าว

เตชการันตีกษิตขึ้นเวทีพันธมิตรไม่ใช่เรื่องร้ายแรง

วันนี้(27 ม.ค.) นายเตช บุนนาค อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวแสดงความเชื่อมั่นว่า ในวันนี้ นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะสามารถชี้แจงต่อที่ประชุมรัฐสภาได้กระจ่าง หลังถูกฝ่ายค้านโจมตีอย่างหนักวานนี้ กรณีไม่ไว้ใจในการลงนามการประชุมอาเซียนซัมมิท โดยส่วนตัวมองว่า นายกษิต มีคุณสมบัติเหมาะสมในการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และไม่ใช่ตัวถ่วงของรัฐบาลชุดนี้ เพราะนายกษิต เป็นคนที่นายกรัฐมนตรีให้ความไว้วางใจ อีกทั้งยังเป็นที่รู้จักของทั่วโลกในฐานะนักการทูตอาชีพ

ดังนั้น การขึ้นเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จึงไม่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนานาประเทศ ซึ่งประเด็นนี้มองว่าไม่ใช่เรื่องร้ายแรงจนถึงขั้นกระทบต่อการประชุมอาเซียนซัมมิท จนต้องเปลี่ยนตัวรัฐมนตรี

ส่วนกรณีการโจมตีสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา บนเวทีพันธมิตรฯ นั้น นายเตช เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธิ์ระหว่างประเทศ เนื่องจากนายกษิต ได้เดินทางไปกัมพูชา ซึ่งเชื่อว่าน่าจะมีการทำความเข้าใจกันแล้ว

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker