ที่มา ไทยรัฐ
ใครจะไปเที่ยวฉลองตรุษจีนก็เชิญตามสบายแต่สำหรับ ส.ส. และส.ว. ต้องอยู่ฉลองตรุษจีนที่สภาฯ ห้ามป่วยห้ามลาห้ามเบี้ยว!
เพราะขณะนี้กำลังมีการประชุมสภามาราธอนติดต่อกัน 4 วันรวด
2 วันแรก (2627 ม.ค.) เป็นการประชุมร่วม 2 สภาฯ เพื่อลงมติให้ ความเห็นชอบกรอบข้อตกลงอาเซียน เพื่อรองรับการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน 10 ประเทศ ที่หัวหิน ปลายเดือนหน้า
ถ้าหากกรอบข้อตกลงอาเซียนคลอดออกจากมดลูกสภาฯไม่ได้ รัฐบาล นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในฐานะประธานอาเซียน มีหวังหน้าแหกเป็นริ้วปลาแห้ง
“แม่ลูกจันทร์” มองโลกในแง่ดี เชื่อว่าการประชุมรัฐสภาจะไม่มีเหตุวุ่นวายขายปลาช่อน
ถึงแม้ฝ่ายค้านจะขอนับองค์ ประชุม ก็มั่นใจว่าสภาฯจะไม่ล่ม เนื่องจากมี ส.ว.เป็นตัวช่วย!
ล่าสุดตัวเลข ส.ส. และ ส.ว. 2 สภา รวมทั้งสิ้น 630 คน ถ้ามี ส.ส. และ ส.ว. อยู่ในห้องประชุมเกิน 315 คน ก็เป็นอันใช้ได้
แต่เพื่อความไม่ประมาท วิปรัฐบาลได้กำชับ ส.ส.รัฐบาลทั้ง 259 คน เมื่อเซ็นเข้าประชุมแล้วต้องเตรียมพร้อมอยู่ในที่ตั้ง
ห้ามหนีกลับบ้านจนกว่าสภาฯเลิก
สำหรับ 2 วันหลัง (28-29 ม.ค.) เป็นการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อลงมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มพิเศษกลางปี วงเงินหนึ่งแสนหนึ่งหมื่นล้านบาท ซึ่งรัฐบาลจะเอาไปอัดฉีดแจกฟรีกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น
“แม่ลูกจันทร์” มั่นใจว่า ร่าง พ.ร.บ. เพิ่มรายจ่ายกลางปีจะผ่านความเห็นชอบจากสภาฯสบายๆ
แต่ที่ไม่สบายคือ รัฐบาลต้องโดนฝ่ายค้านรุมถล่มจมกระเบื้อง!!
เพราะเงินหนึ่งแสนหนึ่งหมื่นล้านบาทที่รัฐบาลขออนุมัติเพิ่มไปใช้กระตุ้นเศรษฐกิจ 18 โครงการ ไม่แน่ใจว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า??
และไม่น่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจให้ กระเตื้อง??
เนื่องจากนโยบายประชานิยมเวอร์ชั่นประชาธิปัตย์จัดให้ เป็นอภิมหาประชานิยมสุดขั้วที่เน้นการแจกฟรี มากกว่าการสร้างงานเพื่อให้ประชาชนมีรายได้
รายละเอียด “แม่ลูกจันทร์” เคยกระชุ่นไปแล้วไม่ขอฉายซํ้าให้เปลืองเนื้อที่
ประเด็นที่นักวิชาการส่วนใหญ่ไม่ เห็นด้วยก็คือการที่รัฐบาลจะใช้เงินแสนกว่าล้านบาทไปหว่านโปรยแจกฟรีๆ รัฐบาลต้องมีเงินเหลือเฟือที่จะแจกได้
แต่ฐานะการเงินของรัฐบาลกำลังกรอบเป็นข้าวเกรียบปิ้ง
พูดชัดๆ คือรัฐบาลกระเป๋าแฟ่บ!!
การจัดเก็บภาษีซึ่งเป็นรายได้หลักของประเทศคาดว่าจะตํ่ากว่าเป้าถึงหนึ่งแสนสามหมื่นล้านบาท ซึ่งไม่ใช่เรื่องล้อเล่น
แถมงบประมาณรายจ่ายปีนี้ก็ขาดดุลติดลบตัวแดงอยู่แล้วบานแห้ว การเพิ่มรายจ่ายกลางปีอีกหนึ่งแสนล้านบาทก็เท่ากับรัฐบาลอภิสิทธิ์เพิ่มหนี้ก้อนโตให้คนไทยทั้งประเทศช่วยกันอุ้ม
ปัญหาใหญ่ที่มองข้ามไม่ได้คือหนี้สาธารณะที่พองขึ้นๆ เรื่อยๆ ถ้าปล่อยให้หนี้สาธารณะทะลุเพดาน 50 เปอร์เซ็นต์ ของจีดีพี อะไรจะเกิดขึ้น?
สรุปว่า ในภาวะวิกฤติเศรษฐกิจโลกส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย การจะใช้เงินในอนาคตทุกบาททุกสตางค์ต้องรอบคอบ
ปล.เงินคงคลังที่เหลือติดกระเป๋าหนึ่งแสนล้านบาท สวนทางกับรายจ่ายก้อนโต ก็น่าห่วงนะท่าน
แถมรัฐบาลยังประกาศจะอัดฉีดงบลงทุนโครงการเมกะโปรเจกต์อีกหนึ่งแสนห้าหมื่นล้านบาทเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพกว้าง
โอ้อุแม่เจ้า แล้วเศรษฐกิจไทยจะฟื้นมั้ยเนี่ย??
เอาน่า ผียังไม่ถึงป่าช้าก็ยังมีความหวังว่าจะฟื้นได้.
“แม่ลูกจันทร์”