ที่มา ไทยรัฐ
คงเป็นประเด็นใหญ่ของสังคมอีกเรื่องหนึ่งกับการที่นายกฯ และ รัฐมนตรีคลัง มีแนวคิดที่จะจัดเก็บภาษีที่ดิน สิ่งปลูกสร้างและ ภาษีมรดก ให้ถือเป็นนโยบายรัฐบาลที่จะต้องดำเนินการให้สำเร็จ ซึ่ง จริงๆแล้วมีการคิดและพยายามจะให้เกิดขึ้นมานานแล้ว
แต่ไม่ประสบผลสำเร็จเพราะเจอแรงต้านจนไปไม่รอด
แน่นอนว่าไอเดียนี้ไม่น่าจะเป็นว่า 2 ท่านนี้เพิ่งจะคิดเพราะเห็นว่ารัฐบาลไม่สามารถเก็บภาษีได้ตามเป้าเนื่องจากวิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจึงต้องหารายได้ด้วยการออกกฎหมายเพื่อจัดเก็บภาษีดังกล่าว ซึ่งมีการประเมินตัวเลขคร่าวๆ ตามสูตรที่คิดจะทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นปีละ 70,000 กว่าล้านบาทจากการเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
ยังไม่นับรวมภาษีมรดกแต่เนื่องยังเป็นเพียงแนวคิดวิธีการหรือรูปแบบยังไม่ได้กำหนดดังนั้นจากภาษีมรดกจึงยังไม่มีการคำนวณว่าจะเป็นเท่าใดแต่ก็น่าจะมากพอสมควร
การจัดเก็บภาษีที่ดินสิ่งปลูกสร้างนั้นนัยว่าก็เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม และลดช่องว่างระหว่างคนในสังคม เพราะคนมีเงินนั้นมี ที่ดินมากมีสิ่งปลูกสร้างหลายแห่ง บางแห่งก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์ หาก เก็บภาษีที่ดินก็จะทำให้รัฐมีรายได้
และทำให้เกิดความเป็นธรรมในสังคม เพราะคนจนจำนวนมาก ยังไม่มีที่ดินเป็นของตนเองหรือภาษีมรดกก็คงจะเช่นกันเพื่อลดช่องว่างระหว่างคนรวยคนจน ลดความเหลื่อมล้ำในสังคม
ที่ว่าจะเป็นประเด็นใหญ่ก็เพราะมันจะมีผลกระทบต่อคนจำนวนหนึ่งที่มีฐานะ เจ้าที่ดิน คนชั้นสูง เศรษฐีที่มีเงินจำนวนมาก นักการเมือง ข้าราชการที่เชื่อว่าทำมาหากินหรือได้มาอย่างถูกต้องด้วยหยาดเหงื่อแรงงาน รัฐบาลจึงไม่ควรจัดเก็บภาษีและไม่เป็นธรรม
ง่ายๆแค่คนในรัฐบาลชุดนี้ระดับรัฐมนตรีดูตัวเลขรายได้ การครอบครองที่ดินจำนวนมากหรือนักการเมืองส่วนใหญ่
คงไม่มีใครชอบกฎหมายดังกล่าวนี้
อย่างไรก็ดี แม้ว่านายกฯ จะบอกว่าเรื่องนี้คงจะอีกยาว และดูเหมือนว่ายังไม่มีการพูดคุยกันในพรรคให้ชัดเจนว่าจะเอาด้วยหรือไม่ เพราะแค่เริ่มต้นคนในพรรคอย่างนายพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล ก็เริ่มติติงในลักษณะไม่เห็นด้วยและยังเตือนด้วยว่าคงจะหารือภายใน ก่อนที่จะประกาศต่อสาธารณะ
นายพิเชษฐยกเหตุผลว่าเงินภาษีที่จะได้ไม่มากนักแต่ส่งผลกระทบต่อสังคม ภาษีมรดกดีจริงทำไมญี่ปุ่น อังกฤษเตรียมที่จะยกเลิก เดิมจากเจ้าของทรัพย์สินจะไม่เสียภาษีเมื่อตัวเองตายก็จะโอนให้ลูกหลาน แต่หลังจากมีกฎหมายนี้เจ้าของทรัพย์สินจะหลีกเลี่ยงโอนให้ ลูกหลานก่อนตายเพื่อไม่ต้องเสียภาษี
“ปัญหาที่ตามมาก็คือเมื่อได้มรดกไปแล้วก็หายหัวไปเลย หรือที่ได้น้อยอาจไม่พอใจกลับมาทำร้ายได้”
ขณะที่พรรคร่วมรัฐบาลก็คงจะตกใจเรื่องนี้เหมือนกันและน่าเชื่อว่าคนที่เห็นด้วยไม่น่าจะมีมากนักเพราะคงไม่มีใครอยากเสียภาษีลักษณะนี้
การที่นายกฯ ประกาศเป็นเดิมพันว่าหากกฎหมายไม่ผ่านก็พร้อมจะแสดงความรับผิดชอบนั่นย่อมแสดงว่านายกฯ คงจะเอาจริง เอาจัง อยู่ที่ว่าจะทำอย่างไรให้คนในรัฐบาลเห็นชอบร่วมกัน จะทำ อย่างไรให้สังคมยอมรับ
แต่คนส่วนใหญ่ที่ไม่ค่อยจะมีทรัพย์สิน ไม่มีที่ดินมากมายหรือไม่มีอะไรเลยน่าจะเห็นด้วยกับกฎหมายดังกล่าว
เรื่องนี้คงจะอีกนานกว่าที่จะได้เห็นผลเพราะต้องมีการศึกษาข้อดีข้อเสียและแนวทางการจัดเก็บแต่เชื่อได้เลยหากมีการนำเสนออย่างเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา การเมืองจะกระเพื่อมทันทีระหว่างฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย
ดีไม่ดีรัฐบาลแตกกันเละเสียก่อน.
“สายล่อฟ้า”