ที่มา ไทยรัฐ
เกลียดชัง คั่งแค้น งมงาย
ในอารมณ์ความแตกแยกทางการเมืองในกลุ่มคนไทยที่เตลิดเปิดเปิงมาไกล ระแวงกันไม่เว้นแม้กระทั่งเรื่องของไสยศาสตร์ลี้ลับ
ล่าสุดกับข่าวเพี้ยนแต่จริง สำนักศิลปากรที่ 8 เชียงใหม่ ต้องยุติการขุดค้นหาหลักฐานทางประวัติศาสตร์บริเวณประตูช้างเผือก หลังถูกกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 หรือกลุ่มเสื้อแดงออกมาประท้วงขัดขวาง
เพราะมีความเชื่อว่า เจ้าหน้าที่จะขุดเอาของโบราณไปทำพิธีเพื่อไม่ให้ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เป็นชาวเชียงใหม่ กลับบ้าน
แต่ในภาวะที่บ้านเมืองชักจะเลยเถิดไปกันใหญ่ ก็ให้บังเอิญว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีของไทย จะได้โอกาส “แจ้งเกิด” ครั้งสำคัญ
ได้คิวขึ้นแสดงวิสัยทัศน์ โชว์ความเป็นผู้นำในเวทีโลก ในการประชุม World Economic Forum (WEF) ครั้งที่ 39 ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ระหว่างวันที่ 30 มกราคมถึง 1 กุมภาพันธ์
ฉายแวว “โอบามาร์ค” แห่งเอเชีย
โดยการจัดให้ของทีมงานกระทรวงการต่างประเทศของไทยที่วิ่งล็อบบี้กันขาขวิด
ตามคิวที่ทีมโปรโมตวางแผนกันไว้ นี่คือโอกาสทองที่จะฟื้นความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของไทยให้กลับคืนมา ท่ามกลางวิกฤติเศรษฐกิจโลก นายกฯอภิสิทธิ์ของไทย จะยึดเวทีชี้แจงฟื้นความเชื่อมั่นและภาพลักษณ์ของประเทศไทยที่ติดอันดับประเทศยอดแย่มานานหลายปีเพราะวิกฤติการเมืองในประเทศ
เนื่องจากเวทีดาวอสเป็นเวทีสำคัญทางเศรษฐกิจที่จะมีแต่ผู้นำประเทศทั่วโลกเข้าร่วมประชุม ตั้งแต่ยักษ์ใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี จีน ญี่ปุ่น รัสเซีย ฯลฯ รวมไปถึงบุคคลสำคัญระดับโลกร่วมรับฟังทั้งนายโคฟี อันนัน อดีตเลขาธิการองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) หรือนายบิล เกตส์ มหาเศรษฐีนักธุรกิจอันดับต้นๆของโลก
โดยช็อตเด็ดที่วาดฝันกันไว้ สปอตไลต์บนเวทีจะฉายส่องไปที่ตัวนายกฯอภิสิทธิ์ ที่จะหว่านวาทะเด็ดเพื่อประกาศกร้าวบนเวทีโลก ให้รู้ว่าไทยพร้อมเป็นผู้นำอาเซียนในการกอบกู้วิกฤติเศรษฐกิจโลก
ถ้า “อภิสิทธิ์” ทำผลงานเข้าตา โอกาสที่ชื่อชั้นติดโผผู้นำอินเตอร์ก็อยู่แค่เอื้อม
แน่นอน โดยดีกรีปริญญาตรีสาขาปรัชญา การเมือง และเศรษฐศาสตร์ (เกียรตินิยมอันดับ 1) และปริญญาโท เศรษฐศาสตรมหาบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด “ตักศิลาโลก” แห่งประเทศอังกฤษ ย่อมการันตีได้ในเรื่องของความเชี่ยวในการกล่าวสุนทรพจน์
“อภิสิทธิ์” สอบผ่านสบาย
ถ้าไม่บังเอิญว่า โดยปัจจัยของความสำเร็จบนเวทีดาวอส มันไม่ได้ อยู่ที่ “ความคม” วลีเด็ดๆในการกล่าวสุนทรพจน์อย่างเดียว
ล่าสุดกับพาดหัวข่าวต่างประเทศ “ซีอีโอมะกันอาย ไม่ร่วมดาวอส”
รายละเอียดระบุ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯซึ่งรวมไปถึงนายทิโมธี ไกธ์เนอร์ ว่าที่ขุนคลังของประธานาธิบดี บารัก โอบามา ได้ขอถอนตัว แหยงไม่กล้าร่วมงานประชุมเศรษฐกิจโลกที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ระหว่างวันที่ 28 มกราคม ถึงวันที่ 1 กุมภาพันธ์นี้
เหตุยืดอกไม่ขึ้นหลังเป็นต้นตอก่อวิกฤติการเงินโลก
โดยสปิริตของอเมริกันชน น่าจะทำให้ใครบางคน “เขิน” ไม่น้อย
ในฐานะที่เมืองไทยเองก็มีเหตุที่ทำให้ป่วนกันไปทั้งโลก กับรายการที่ม็อบพันธมิตรฯบุกยึดท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ และสนามบินดอนเมือง ทำให้นักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศต้องตกค้างหลายวัน ระบบการขนส่งทางอากาศต้องหยุดชะงัก เครื่องบินขึ้นลงไม่ได้
กระเทือนกันไปทั้งโลก
แล้ววันนี้ หนึ่งในบุคคลสำคัญบนเวทีม็อบพันธมิตรฯที่ประกาศว่าการยึดสนามบินเป็นเรื่องสุนทรีย์ ดนตรีไพเราะ อาหารอร่อย ก็ได้มานั่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในรัฐบาลของนายกฯอภิสิทธิ์ซะเอง
ท่ามกลางเสียงเรียกร้องของฝ่ายต่อต้าน ไล่บี้ให้จัดการกับม็อบยึดสนามบินที่เข้าข่ายพฤติกรรมก่อการร้าย
ไหนจะเสียงตะโกนฟ้องโลกดังๆของอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร “อดีตผู้นำพเนจร” ที่เดินสายใส่ไฟ กรอกหูชาวต่างชาติ ประจานรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ได้อำนาจจากเสียงส่วนใหญ่ ด้วยการสนับสนุนจากศาล กองทัพ และคณะองคมนตรี
โดยเงื่อนไขที่จุกลำคอ นอกจากวาทะเด็ดแล้ว
“อภิสิทธิ์” ต้องเตรียมเคลียร์คำถามย้อนศรของสื่อฝรั่งให้ดี.
ทีมข่าวการเมือง รายงาน
